ทริปปิดเทอมของเราก็เริ่มขึ้น แม้ช่วงเวลาสั้นๆ สำหรับเทอม 1 ช่วงกลางเดือน พ.ย.ไปแล้ว ของปีนี้ เราตั้งต้นจะเดินทางสายเหนืออย่าง 2 ปีที่ จากดอยเสมอดาว – ตูบน้ำปัวแคมป์ปิ้ง - อุทยานแห่งชาติดอยภูคา - จุดชมวิว 1715 - อุทยานแห่งชาติขุนน่าน - สะปัน เส้นทางเดิมที่แล้วที่มีโอกาสไป และยังชอบความสวยงามของที่นั้น คือ #ดอยเสมอดาว จ.น่าน นั้นเอง ความสวยงามของดวงดาวบนท้องฟ้า ที่นับไม่ถ้วน พร้อมทางช้างเผือกที่ครั้งนี้มีให้เห็นเพียงเลือนราง หลังจากท้องฟ้าสลับมาเปิดให้เห็น ต่างจาก 2 ปีที่แล้วที่มองด้วยตาเปล่าชัดเจน

โดยครั้งนี้เราใช้เส้นทางลัดเลี่ยงเมืองอุตรดิตถ์ ไปยังถนนทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 1083 

เมื่อถึงทางเข้าอุทยานศรีน่าน ให้ขับเข้าไปอีก 1.70 กิโลเมตร บริเวณทางผ่านจะมีจุดชำระค่าเข้าอุทยานฯ ก่อนจะพบผาชู้ 

ที่ตั้งอยู่ภายในเขตอุทยานศรีน่าน ซึ่งเป็นจุดหมายแรกที่เราแวะเข้าไปเที่ยว ชมความสวยงาม อีกทั้งที่ผาชู้ นั้นยังเป็นที่ตั้งเสาธงบนหน้าผา และเป็นสายธงชาติที่ยาวที่สุดในประเทศไทย และยังมีเรื่องเล่าขานตำนานผาชู้ เกี่ยวกับตำนานรักสามเศร้าที่จบลงด้วยโศกนาฏกรรม 

จะมีลานกางเต็นท์ของทางอุทยาน จะมีร้านค้าสวัสดิการ ร้านอาหารทั่วไปตั้งอยู่ภายใน จากจุดนี้จะสามารถมองเห็นวิวทิวเขาสูงใหญ่ สลับไปมา ด้านล่างจะเป็น แม่น้ำน่าน

เมื่อออกจากอุทยานศรีน่านขับต่อไปอีก 1.50 กิโลเมตร ก็จะพบจุดชมวิว @ปลายฟ้า ของอุทยานแห่งชาติศรีน่าน ซึ่งเป็นจุดพักรถ ที่มีร้านอาหาร และห้องน้ำบริการ ก่อนถึงดอยเสมอดาว จุดนี้จะมองเห็นวิวเขาสวยงาม มองเห็นผาหัวสิงห์ ที่ดอยเสมอดาว และแม่น้ำน่านด้านล่างจากจุดชมวิว @ปลายฟ้า 

ขับต่อไปอีก 300 เมตร จะพบทางขึ้นดอยเสมอดาว บริเวณด้านล่างนี้จะมีร้านค้า ร้านอาหารต่างๆ มากมายหลายร้าน มีทั้งร้านหมูกระทะ ร้านอาหารตามสั่ง เมื่อเลี้ยวเข้าทางเข้าก็เข้าไปอีก 500 เมตร จะพบ ดอยเสมอดาว โดยจะมีจุดชำระค่าเข้าอุทยานจุดนี้ อีกครั้ง 

สำหรับดอยเสมอดาวนั้นเป็นจุดชมวิวที่สามารถชมได้ทั้งพระอาทิตย์ขึ้น และพระอาทิตย์ตก บนภูเขามีจุดชมวิวด้วยกันหลายจุด อีกจุดไฮไลท์ ก็คือ #ผาหัวสิงห์ 

บริเวณโดยรอบจากดอยเสมอดาวที่พ้นเขตอุทยานก็จะรายล้อมไปด้วยไร่ของเอกชน จำนวนมากมาย อย่างเช่น ไร่ภูสายหมอก , ลานภูพิงค์ , ไร่เคียงดอย , ไร่ภูชิดดาว , ไร่ภูผาหมอก , ไร่เคียงดอย , ไร่ภูผาม่านหมอก 

สำหรับอุทยานช่วงนี้ก็ยังมีการจำกัดการเข้าพักในแต่ละที่เช่นเคย ค่าผ่านเข้าอุทยานปัจจุบันบางสถานที่ก็ยังให้ใช้ได้ ภายใน 1 วัน สามารถเข้าอุทยานได้ทุกที่ และหากพักที่เดิมก็สามารถใช้ได้ถึง 5 วัน 

โดยส่วนใหญ่ที่จะเสีย-ค่าเข้ายานพาหนะ รถยนต์ 30 บาท รถมอเตอร์ไซด์ 20 บาท 

-ค่าเข้าอุทยาน ผู้ใหญ่ 20 บาท

-ค่าเข้าอุทยาน เด็ก 10 บาท

-ผู้สูงอายุเกิน 60 ปี ไม่เสีย

ส่วนค่ากางเต็นท์ จะเสียคนละ 30 บาท/วัน ทุกวัน เด็กไม่เสีย 

สภาพโดยทั่วไปของอุทยานเมื่อเราเข้าถึงบริเวณทางเข้าจากถนนใหญ่ จะเป็นถนนซอยย่อยขึ้นตามไปตามแนวสันเขา บริเวณด้านหน้าจะเป็นจุดจอดรถ 3 และห้องน้ำ เมื่อเข้าไปถึงบริเวณ ด่านชำระค่าผ่านทาง บริเวณนั้นจะมีเจ้าหน้าที่คอยเก็บค่าผ่านทาง ส่วนค่ากางเต็นท์ต้องเข้าไปเสียภายในอีกครั้ง พร้อมลงชื่อเข้าพักที่เจ้าหน้าที่อุทยาน จุดนี้จะเป็นลานจอดรถ 2 ถัดไปจะเป็นลานจอดรถ 1 ซึ่งทางอุทยานจะให้นักท่องเที่ยวนำอุปกรณ์กางเต็นท์ และสัมภาระลงที่ด้านบนก่อน แล้วนักท่องเที่ยวทุกคนต้องนำรถมาจอดที่ลานจอดรถ1-3 ตามจุดต่างๆ เท่านั้น ด้านบนจะให้จอดเฉพาะรถพยาบาล และรถมอเตอร์ไซด์เท่านั้น

เมื่อผ่านจากด่านชำระค่าผ่านทางแล้ว จะเป็นจุดชมวิวจุดแรก และมีทาง 3 แยกถ้าตรงไปจะเป็นทางขึ้นดอยเสมอดาว ส่วนแยกซ้ายถนนดินลูกรังจะเป็นทางแยกไปสู่ไร่เอกชนต่างๆ ที่มีการทำลานกางเต็นท์ ซึ่งจะมีจุดชมวิว ละจุดถ่ายรูปสวยๆ ต่างกัน (ทางอุทยานไม่อนุญาตให้นำเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เข้าไปรับประทานในเขตอุทยาน และห้ามส่งเสียงดัง จะมีการประกาศแจ้งเตือนบ่อยๆ หากนักท่องเที่ยวที่อยากดื่ม อาจต้องหาพักลานกางเต็นท์เอกชนแทน) บริเวณทางขึ้นจะมีห้องน้ำทางอุทยานแยก ชาย-หญิง บริเวณทางเข้าจุดที่ 1 และ บริเวณอาคารสำนักงานบริการนักท่องเที่ยวด้านบนอีก 1 จุด และมีอยู่ที่ลานจอดรถที่ 3 

เมื่อเราเดินทางถึงก็สามารถไปติดต่อจองเต็นท์ที่พักที่ทางอุทยาน และเราสามารถนำไปกางเองได้ หากจะพักเต็นท์ทางอุทยานแนะนำโทรจองล่วงหน้าก่อนจะดีกว่า เพราะช่วงนี้ค่อนข้างจะเต็ม แต่ก็พอมีว่าง ภายในก็จะมีร้านกาแฟสด และร้านค้าสวัสดิการจำหน่ายอาหาร เครื่องดื่ม และของใช้ต่างๆ หลายอย่าง มีจุดชาร์ตไฟบริเวณด้านหน้าให้ใช้บริการ 

สำหรับเต็นท์ทางอุทยานจะกางอยู่บนแนวเชิงเขาดอยเสมอดาวที่มีทำเลวิวค่อนข้างสวย จะมีการจัดเป็นโซนๆ ส่วนนักท่องเที่ยวที่นำเต็นท์ไปกางเองก็สามารถเลือกกางได้ตามจุดต่างๆ ที่ทางเจ้าหน้าที่กำหนดไว้แล้ว วิวก็ยังสวยไม่แพ้กัน แต่อยู่บริเวณสันเขาด้านล่าง 

สำหรับอาหารก็ยังมีมาส่งถึงด้านบน ในส่วนโซนของที่เค้าจัดไว้ให้ทาน มีทั้งอาหารตามสั่ง และหมูกระทะ ในยามเย็น โดยจะมีเสื่อให้เช่า 30 บาท/ผืน ค่าเตาหมูกระทะ 100 บาท ส่วนค่าหมูกระทะจะเป็นของอีกเจ้า ราคาชุดเล็ก 300 บาท ชุดใหญ่ 500 บาท

สำหรับเรายามเย็นได้ก็เลือกที่จะเดินไปร้านหมูกระทะด้านล่างแทนซึ่งไม่ไกลมากนัก ชุดเล็กมาครบชุด ก็ 300 บาท ชื่อร้าน ตะวันรอน บนแคร่ไม้นั่งสบายๆ ชมวิวพระอาทิตย์ตก อีกทั้งยังมีอาหารตามสั่ง และอาหารอีสานจำหน่ายหลายอย่าง

สำหรับบรรยากาศยามค่ำคืนนักท่องเที่ยวก็นิยมมานั่งเล่น นอนเล่นบนดอยเสมอดาว ชมวิวท้องฟ้ายามค่ำคืน สัมผัสบรรยากาศที่เย็นสบาย และดวงดาวที่สว่างสไวเต็มท้องฟ้า น้ำค้างยามดึกค่อนข้างลงหนา เย็นสบายทั้งคืน สำหรับครั้งนี้ทางช้างเผือกมองเห็นเพียงบางตา ต่างจากครั้งที่แล้วที่มองเห็นได้อย่างชัดเจนด้วยตาเปล่า ยังดีที่เมฆเคลื่อนตัว จากเดิมท้องฟ้าปิด ไม่เห็นดวงดาว ฝนทำท่าจะตกตั้งแต่เย็น

ตอนเช้าบริเวณนี้ก็จะมีอาหารเช้ามาจำหน่ายด้วยกันหลายอย่างเช่น ไข่กระทะ ข้าวต้ม โจ๊ก ขนมปัง เครื่องดื่มร้อนเย็น หรือจะเดินไปอีกโซนบริเวณเชื่อมต่อกับเขตเอกชนก็ยังมีร้านอาหารเช้าแบบชาวบ้านของไร่ต่างๆที่มาขายในโซนของไร่ตัวเอง พร้อมวิวสวยๆ มีแคร่ไม้ให้นั่งชมวิวสบายๆ โซนนั้นจะเป็นจุดชมวิวพระอาทิตย์ตก ส่วนด้านดอยเสมอดาวจะเป็นจุดชมวิวพระอาทิตย์ขึ้น

และเช้าก็ตื่นแต่เช้ามาดูทะเลหมอก และพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้าที่แนวภูเขา พร้อมถ่ายรูปเป็นที่ระลึกก่อนจะเตรียมตัวเก็บของ เตรียมย้ายไปนอนที่ตูบน้ำปัวแคมป์ปิ้ง จ.น่าน อีกครั้งหนึ่ง 

สามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมข้อมูลได้ที่ทางเพจ #เที่ยวไทยกับAn และช่องทางยูทูป ขอบคุณมากครับ

เที่ยวไทยกับAn

 วันจันทร์ที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563 เวลา 14.03 น.

ความคิดเห็น