เส้นทางนี้ปิดในฤดูหนาว และเริ่มเปิดใช้งาน ต้นฤดูใบไม้ผลิครับ

โดยปี 2015 นี่ เค้ามีกำหนดเปิดวันที่ 16 เมษายน 2015



ก็เลยเขียนรีวิวเอาไว้ เผื่อใครแพลนไปเที่ยว จะได้เห็นภาพ ว่าเดินทางไปยังไง มายังไงครับ


tateyama kurobe alpine route นี่เขาว่ากันว่าเป็นเส้นทางข้ามภูเขา ที่สวยที่สุดเส้นนึงของญี่ปุ่น

เชื่อมระหว่างจังหวัด toyama กับ จังหวัด Nagano ซึ่งมีเทือกเขาสูงกั้นเอาไว้

แต่คนเรา ก็ยังสามารถทำทางมุด ทางลอด ข้ามภูเขาไปจนได้หละครับ



เส้นทางนี้ เริ่มเปิดใช้ตั้งแต่ปี 1971 เป็นต้นมา

ระยะทางของเส้นทางนี้ทั้งหมดทั้งสิ้นก็ 37 กม. ความสูงของเส้นทาง ก็ประมาณ 500 - 2450 เมตร

กว่าจะข้ามทะลุภูเขาไปได้ ต้องใช้พาหนะหลากหลายชนิดเลยครับ รวมทั้งเดินเท้าเปล่าด้วย



สามารถขึ้นได้จากทั้งทางฝั่ง toyama และ ฝั่ง nagano

ทริปนี้ ผมใช้เมือง matsumoto ที่อยู่ฝั่งจังหวัด nagano เป็นฐานในการเที่ยวละแวกนี้หนะครับ เพราะว่ารู้สึกว่าโรงแรมถูกดี

โดยขึ้นจากเมือง matsumoto ไปถึง snow wall ที่ murodo แล้วก็กลับลงมานอนที่ matsumoto เหมือนเดิมครับ



ดูแผนที่เส้นทาง alpine route กันเลย
วันที่ 29 เมษายน 2014

เริ่มต้นทริป ก็ตื่นแต่เช้า มาขึ้นรถไฟ ไปสถานี Shinano-omachi ครับ

6.06 สถานี matsumoto ยามเช้าตรู่ แทบไม่มีผู้คนเลยครับ

รถไฟที่จะไปสถานี shinano-omachi เที่ยวต่อไปคือ 6.27 ครับ ชานชาลาหมายเลข 3

รถไฟ มาแล้ว

ดูป้ายข้างขบวนรถให้แน่ใจ ว่าไป shinano-omachi แน่ๆใช่มั้ย

พี่เหงียน เพื่อนชาวเวียตของผม ลงทุนเป็นนายแบบ

รถไฟแล่นผ่านแม่น้ำอะไรสักอย่างอ่ะครับ


แต่เจอสถานี ชื่อ asuzabashi แปลว่าสะพาน asuza

ผมเลยเดาว่านี่หละครับ คงเป็นแม่น้ำ asuza

ที่เป็นชื่อของขบวนรถไฟด่วน limited express Asuza ที่วิ่งจาก shinjuku มาถึงเมือง matsumoto (เดาๆเอานะ)



วิวข้างทางตอนเช้าตรู่ สดชื่นสดใส เห็นท้องนา ต้นซากุระ และก็ภูเขาหิมะ


อ้าว ข้ามแม่น้ำอีกแล้ว เมื่อกี๊นี้ แม่น้ำ asuza แล้วอันนี้ แม่น้ำอะไรเนี้ย

นั่งเดาในใจไปเรื่อยเปื่อย กลับบ้านค่อยเปิดดูแผนที่

แล้วรถไฟ ก็มาจอดที่สถานี shinano-omachi ครับ


ไม่ต้องห่วงว่าจะหลง เดินออกมา ก็มีป้ายบอกหราเลย ว่าไปเที่ยว alpine route เลี้ยวซ้าย


ถ้าแบกกระเป๋ามาด้วย จะฝากส่งกระเป๋าข้ามภูเขา ก็เลี้ยวขวา

เดินเลยทางออกไปแล้ว บนพื้นก็ยังอุตส่าห์มีป้ายบอกไว้อีกครับ



เดินไป 30 เมตร ต่อแถวรอขึ้นรถเมล์ไป ogisawa ได้เลยครับ ห้องขายตั๋วอยู่ตรงป้ายรถเมล์นี่หละครับ


รถเมล์มาแล้ว


ตั๋วพร้อม


ในรถเมล์รอบเช้า คนเพียบเลยครับ แต่ยังมาไม่ถึง

รถบัสคันมีนักท่องเที่ยวหลงมาเที่ยวอยู่ 4 คนอ่ะครับ

นั่งไป ชมวิวไป แล้วลุงก็พาเรามุ่งหน้าไปสู่ ภูเขาหิมะ...

น้ำห้วยข้างทาง ใสแจ๋วเลยครับ เพราะเกิดจากการละลายของหิมะบนเขาไหลลงมา

นั่งรถชมวิว ภูเขา ลำห้วย มีลิงเดินมานั่งเล่นกลางถนนด้วย

นั่งไปได้สักพัก และแล้ว รถบัสของลุง ก็พาพวกเรามาถึง ogisawa เมืองต้นทางของเส้นทาง alpine route แล้วครับ

บนพื้น เริ่มมีหิมะบ้างแล้ว



รีบไปซื้อตั๋วโดยพลัน ผมกะว่าจะไปถึงแค่ murodo เพื่อดู snow wall เลยซื้อตั๋วขึ้นไปถึง murodo แล้วกลับลงมาครับ


โดนไปคนละเก้าพันกว่าเยน ตั๋วใบนี้ใบเดียว ใช้ทั้งเส้นทางครับ

เช้าๆ คนแทบไม่มีเลยครับ ดีใจสุดๆ เข้าไปต่อคิวรอเข้าประตูด้วยความย่ามใจ วันนี้คนน้อยแน่ๆ



รอคิวได้สักแปบเดียว ประมาณสิบกว่านาทีได้มั้งครับ

หันไปดูอีกที อั้ยย่ะ หางแถวไปถึงทางเข้าแล้ว ดีนะเนี่ย เรามาคิวแรกๆ

พอสัญญาณดัง ประตูเปิด มวลมหาชนก็กรูเข้าไป นั่งในรถบัสอย่างรวดเร็วอ่ะครับ

รถบัสนี่ เป็นระบบไฟฟ้าครับ ไม่ได้ใช้น้ำมัน

รถบัสไต่ไปตามไหล่เขาหิมะ พามุดอุโมงค์ แล้วก็มาจอดในอุโมงค์ครับ


เดิมมุดลงอุโมงค์ลึกลับได้สักครู่ เราก็มาโผล่ที่สันเขื่อน Kurobe ละครับ


ตำแหน่งปัจจุบัน ยังต้องฝ่าฝันไปอีกเยอะ 555


ใช้เวลาเดินข้ามสันเขื่อน ชมวิว ถ่ายรูป ราวๆสัก 15 นาทีครับ

ถ้าลมแรงๆนี่ หนาวเลยครับ เดินไปสุดปู้นครับ



น้ำแข็งลอยบนน้ำเป็นแผ่นๆเชียว


สุดท้าย พอเดินมาสุดสันเขื่อน เราก็จะเจอทางเข้าอุโมงค์อีกแห่ง


ต่อคิวอีกแล้วครับ 555 ต่อคิวจนเหนื่อยเลย วันนี้


แถวมีสองแถว แถวพวกที่มาเอง กับแถวของกรุ๊ปทัวร์


พอประตูเปิดก็เดินไปขึ้น cable car ต่อครับ เป็น cable car ที่มุดอยู่ในอุโมงค์ ไม่เห็นวิวอะไรครับ

ข้างในก็เป็นที่ยืนเกาะซะส่วนใหญ่ มีที่นั่งนิดๆหน่อยๆ เพราะใช้เวลาเดินทางแค่ 5 นาที


ทายสิครับ ลงรถแล้วทำยังไงต่อ



ก็ต่อคิวอีกอ่ะสิครับ 555



รอสัญญาณประตูเปิด



พอประตูเปิดปุ๊บ ทุกคนก็กรูกันเข้าไปจับจองที่ยืน ในกระเช้าลอยจนเต็มเลยครับ

ปลากระป๋องสุดๆ 55



ประทับใจมาก พอกระเช้าออก พนักงานยืนตัวตรงละครับ ผมมั่นใจละ ว่าพี่ท่านต้องโค้งแน่ๆ เตรียมกล้องไว้เลย


และก็เป็นแบบนั้นจริงๆครับ พี่ท่านโค้งซะ 90 องศาเลยครับ



แม้ว่าข้างในกระเช้า จะยืนเบียดกันเหมือนรถไฟ JR yamanote line ตอน 8 โมงเช้าวันจันทร์


แต่ทุกคน ก็ลืมว่าตัวเองเป็นปลาที่โดนอัดในกระป๋อง เพราะตื่นตาตื่นใจกับวิวที่เห็นจากบนกระเช้าครับ



ผมว่าคนที่เซ็งที่สุด คือคนที่ยืนอยู่กลางๆกระเช้าไม่ได้ยืนติดหน้าต่างอ่ะครับ



ยังไม่ถึงครับ เหลืออีกขยักนึง

โอย วันนี้ต่อคิวมากี่รอบละเนี่ย ชักจะเพลียๆ

ตำแหน่งปัจจุบัน อยู่ที่ daikanbo ครับ



ต้องต่อรถบัสไฟฟ้า ขับทะลุใต้ยอดเขาไปออกอีกฝั่งนึง



ขณะที่รถแล่นลอดอุโมงค์ ก็มีการบรรยาย ว่าเส้นทางนี้เปิดในปี 1971 ก่อสร้างด้วยความยากลำบาก


และพยายามจะมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุด

พาหนะในอุโมงค์นี้ ต้องใช้ระบบไฟฟ้าแทนน้ำมัน เพื่อลดการเผาไหม้ ไม่ให้เกิดแก๊สที่เป็นพิษขึ้นในอุโมงค์

เพราะอากาศระบายได้ไม่ดี ประมาณนั้น



รถบัสเข้าไปจอด เห็นแล้ว ป้ายบอกระดับความสูง 2450 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล

เดินเข้าไป โอว์มายก๊อด มวลมหาชน สารพัดชาติ สารพัดภาษา เต็มไปหมดเลยครับ


ส่วนใหญ่ เค้าจะขึ้นจากทางเมือง Toyama กัน แล้วลงทาง matsumoto

มีไม่กี่คน ที่ขึ้นจากฝั่ง matsumoto หนะครับ

เลยมาสวนกัน ตรงกลางทางนี่หละครับ



ผมไม่สนละครับ เห็นป้าย the great snow wall ไปทางนี้ ก็พุ่งตรงไปเลย

และพอออกมา ก็เจอลานจอดรถบัสครับ


เดินไปอีกนิด กำแพงหิมะก็สูงขึ้นๆๆๆๆ


แบ่งเป็นชั้นๆ ตามสภาพภูมิอากาศ ในเดือนที่หิมะตกนั้นๆ


ถึงแล้ว กำแพงหิมะ ดูไว้ซะ บ้านเราไม่มี 555


เกร็ดความรู้ วิธีเปิดผิวถนนที่มีหิมะคลุม ใช้ GPS ระบุพิกัดถนน แล้วใช้รถค่อยๆถากไปเรื่อยๆครับ



timeline ของหิมะ ในปีที่ผ่านมา เดือนใหนตกเบา เดือนใหนตกหนัก เดือนใหนฝนตก อากาศหนาว ดูได้จากชั้นหิมะครับ


สมัยนี้มีเส้นทาง shinkansen มาถึงเมือง toyama แล้ว


ถ้าใครแพลนแบบข้ามเส้นทางนี้ไปเลย



เช้าออกจาก matsumoto ส่งกระเป๋าข้ามเขา แล้วก็ไปตามเส้นทาง ตกเย็นลงที่ฝั่ง toyama แล้วก็ขึ้น shinkansen กลับโตเกียวได้สบายๆเลยครับ

ส่วนของผม เดินทางมาสุดทางแล้ว ขากลับ ก็ย้อนกลับลงไปนอน matsumoto ทางเดิมนี่หละครับ

ได้เก็บรายละเอียดตามเส้นทางอีกรอบ


ขาขึ้น ต่อคิวขึ้นพาหนะต่างๆ 7 รอบ ขาลง ต่อคิวต่างๆอีก 7 รอบ เหนื่อยพอดูครับ

ถ้าวันหยุดยาวๆที่คนเยอะๆ แน่นๆ คงหนักกว่านี้อีก



กลับมาที่สถานี shinano-omachi เห็นต้นซากุระอีกแล้ว



และก็ขึ่น asuza หมายเลข 26 กลับเมือง matsumoto ครับ


กลับไปถึง matsumoto บ่ายสามกว่าๆ หมดแรง นอนหลับเลยครับ



ขอบคุณทุกท่าน ที่อ่านกระทู้มาจนจบครับ ขออภัยที่รูปเยอะไปหน่อย สิบปากว่า ไม่เท่า 1 ตาเห็นครับ

tamrong

 วันอาทิตย์ที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2559 เวลา 07.50 น.

ความคิดเห็น