กระทู้นี้จะพาไปเที่ยว พิพิธภัณฑ์ม้าเหล็ก หรือ Railway museum ที่ จว Saitama ใกล้ๆกับ Tokyo นี่เองครับ



พอดีเหลือเวลาว่างครึ่งวันก่อนกลับจะเมืองไทย ไม่รู้จะไปไหนแล้ว

แต่ก็อยากใช้ Tokyo wide pass ให้มันคุ้มๆอีกสักหน่อย

ตามประสาคนชอบรถไฟ เลยอยากไปชมพิพิธภัณฑ์รถไฟมั่ง ละก็ใช้เวลาไปกลับไม่กีชั่วโมงเริ่มที่โรงแรมที่พักก่อนละกันครับ

โรงแรมนี้เป็นโรงแรมเปิดใหม่ อยู่ติดกับสวน Ueno ข้างหลังสถานี Keisei ueno station เลยครับ

วันที่ผมไปพักนี่ โรงแรมเค้าเพิ่งเปิดสดๆร้อนๆ ประมาณว่าสียังไม่แห้งเลย อิอิ


ยังมีดอกไม้แสดงความยินดีเต็มหน้าโรงแรมเลย

ห้อง Single room หรือที่แปลเป็นภาษาไทยว่าห้องคนโสด นอนคนเดียว ราคา 7000 เยน


แต่ตอนนี้รู้สึกว่าราคาขึ้นไปแล้วนะครับ หลังจากที่เข้าหน้าซากุระ

ห้องน้ำ อ่างน้ำ ไวไฟ กาต้มน้ำ เครื่องฟอกอากาศ มีครบครันตามมาตรฐานของโรงแรมญี่ปุ่นครับ


และห้องก็แคบๆตามมาตรฐานโรงแรมญี่ปุ่นเช่นกัน แฮ่ๆ

ด้วยความที่ห้องแคบ เค้าเลยชดเชยให้ ด้วยที่วีจอกว้างเกือบเท่าเตียงเลยครับ


มัวแต่ถ่ายรูปวิว เพิ่งมาสังเกตุเห็นทีวี ตอนเช้าแล้ว

และสิ่งที่ดีเด่น ดีงามที่สุดของโรงแรมนี้ คือวิวครับ ค่าห้องหลักพัน แต่วิวหลักแสน


จากห้องพัก จะมองเห็น shinobazu pond กับ bentendo อย่างเริ่ดเลยครับ



นั่งดูวิวกันได้ทั้งวันทั้งคืน คลิปนี้ตั้งกล้องถ่ายทิ้งไว้แล้วลงไปกินข้าวเย็นที่ ameyoko ครับ




อาหารเช้า ก็เป็นอะไรที่หาได้จาก supermarket แถวๆนั้นครับ

ขนมปังใส้กรอก ข้าวปั้น ให้พลังงาน

เค้กใส้ครีมสด ที่อร่อยกว่าเซเว่นเมืองไทย

และก็สตอร์เบอรี่ ไว้ล้างปาก แต่กาแฟจืดไปหน่อย



หลังจากนั้น ก็เช็คเอาท์ เอากระเป๋าเดินทางฝากไว้ที่โรงแรม ตอนเย็นไอจะกลับมาเอาเด้อ ขอไปเที่ยวก่อน



เดินออกมาหน้าสวน Ueno เจอซากุระ kawazu กำลังออกดอกบานเปล่งๆ ก็ถ่ายรูปเอากลับมาไว้ดูที่เมืองไทยครับ จะได้คิดถึงกัน



เข้าสถานี Ueno สะบัด PASS โชว์ แล้วก็เดินเข้า shinkansen Gate อย่างสง่าผ่าเผย อิอิ


พิพิธภัณฑ์รถไฟ นี่ อยู่ที่เมือง Omiya จังหวัด Saitama ครับ


เป็นสถานีที่ shinkansen สายเหนือ แทบทุกขบวน จะจอดที่สถานีนี้

เหมือนรถไฟจากหัวลำโพง ก็ต้องจอดที่สถานีสามเสน ยังไงยังงั้น



คือจะนั่ง Tohoku shinkansen ขบวนไหนไปก็ได้ เพราะเค้าจอดแทบทุกขบวนหละครับ

แต่ผมเลือกนั่ง Hakutaka ไป เพราะอยากนั่ง shinkansen series E7 ตัวใหม่สุด



ลงมาที่ชานชาลา เห็นพี่น้องแบก snow boarding มากันเพียบเลยครับ


ท่าทางจะไปเล่นสกีที่ Yuzawa แหงๆ



แต่ละขบวน เค้าก็จะมีป้ายบอกครับ ว่าบัตรแบบไม่ได้จองที่นั่ง non-reserve seat ต้องนั่งตู้ที่เท่าไหร่ reserve seat ตู้อะไรมั่ง ไปยืนรอให้ถูก


ผมไม่ได้จองที่นั่งไป ก็ต้องไปขึ้นที่ตู้ 1 -2 -3



ลำนี้ MAX TOKI 317 เวลา 10.50 ครับ เป็น Shinkansen series E4 จุดเด่นคือเป็นรถไฟ shinkansen ที่มีสองชั้น


วิ่งสาย Joetsu shinkansen พาคนไปเล่นหิมะที่ Yuzawa และไปสุดทางที่จังหวัด niigata

ขบวนต่อไป ก็ตาผมมั่งหละครับ มาแล้ว Hakutaka ขบวน 557


เป็นรถรุ่นใหม่เช้งเลย เพิ่งวิ่งให้บริการมาได้ราวๆปีเดียว



ไม่ต้องนั่งเลย เข้าไปยืนชมวิว ถ่ายรูปข้างทางแปบเดียว ตึกๆๆๆๆ

ก็ถึงป้ายที่จะลงละครับ สถานี OMIYA เมือง SAITAMA


ถึงละครับ สถานี Omiya


ออกจาก Gate ตามป้าย The new shuttle ไปเรื่อยๆจนสุดสถานีอีกด้านหนึ่ง


ก็จะเป็นสถานี The new Shuttle ครับ สถานีนี้ ใช้ Tokyo wide pass เข้าฟรี



พิพิธภัณฑ์รถไฟ ต้องนั่ง the new shuttle ไปอีกหนึ่งสถานี

ลงป้ายนี่แหละครับ TETSUDO HAKUBUTSUKAN


มีล้อรถจักรไอน้ำ มารอต้อนรับเลย


กระเบื้องที่พื้นเป็นตารางเวลารถไฟครับ แจ๋วอ่ะ


เอาตังค์หยอดตู้ 1000 เยน ซื้อตั๋ว


ทางเข้าครับ เป็น ticket gate เสียบตั๋ว แบบเข้าสถานีรถไฟ เกร๋ดีครับ


ผมขึ้นบันไดเลื่อนขึ้นไปชั้นสองก่อนเลย อยากเห็นภาพพิพิธภัณฑ์จากมุมสูง


ระหว่างขึ้นไปชั้นสอง ก็มีผนังโมเสก เล่าเรื่องราวการพัฒนาการระบบรถไฟของประเทศญี่ปุ่น

สีสวยจัง

มองจากด้านบนครับ มีหัวรถจักรจากยุคต่างๆจอดอยู่เต็มไปหมด



ส่วนจัดแสดงนิทรรศการ เป็น timeline การพัฒนาการรถไฟของญี่ปุ่น ตั้งแต่อดีต ถึงปัจจุบัน



มองลงมา ก็จะเห็น turntable จานหมุนหัวรถจักร ที่ยังใช้งานได้จริงครับ



มีแสดงโชว์ให้ดูด้วย เด็กๆชอบกันมากเลย

เค้าจะพาเด็กอนุบาลมาเที่ยวกันเยอะมากเลยครับ

ประเทศนี้เหมือนเค้าจะปลูกฝัง ให้เด็กๆรักในรถไฟ



ประมาณว่า ดูไว้ซะต่อไปนี้ ชีวิตของพวกหนูๆจะต้องใช้ชีวิตประจำวันอยู่กับเจ้าสิ่งนี้ไปชั่วชีวิต

มีความเป็น tetsu กันตั้งแต่เด็กๆเลย

เห็นเด็กๆจำเรียกชื่อรถไฟได้ถูกด้วย คันนี้ asuza คันนี้ Hikari



จากชั้นบน ลงบันไดมาชั้นล่าง เจอนี่เลยครับ Series 0 Shinkansen


ดูหน้าตาแล้วมันดูเหมือนก็ไม่เหมือนว่าจะเร็วมากเลยเนอะ

แต่นี่คือ สิ่งไม่มีชีวิตที่อาศัยอยู่บนราง ที่วิ่งเร็วที่สุดบนพื้นพิภพ เปิดใช้งานตั้งแต่สมัยปี 1964



มันน่าทึ่งมากหนะครับ สมัยปี 1064 เชียงใหม่บ้านผมมีแต่รถสามล้อ มอเตอร์ไซค์ รถจี๊บ รถเก๋งเก่าๆ

ถนนหลายสายยังเป็นถนนลูกรังดินแดง


แต่ญี่ปุ่น ประเทศที่แพ้สงครามโลกครั้งที่สอง โดนระเบิดนิวเคลียร์เข้าไป 2 ลูก

แต่มีรถไฟที่วิ่งเร็วที่สุดในโลก อะไรจะฟื้นตัวได้เร็วขนาดนั้น



ชื่อขบวนรถไฟคือชื่อ Hikari เป็นชื่อที่คนโหวตกันมากที่สุด แปลว่าแสง

แสงที่จะนำพาความโชติช่วงมาสู่ประเทศญี่ปุ่น



เห็นป้ายแล้ว เสียงประกาศก็ลอยมาในใจ This is Hikari Super Express service bounds for Shin-Osaka



ปี 1964 พ่อผมยังเรียนไม่จบเลยฮะ น้ำตาจะไหล



หลังจากยืนซาบซึ้งกับความเจริญของบ้านเมืองอื่นตั้งนานแล้ว


ก็เดินไปชมส่วนอื่นของพิพิธภัณฑ์กันมั่งครับส่วนนี้เป็นพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งครับ มีสนามเด็กเล่น และก็ limited express จอดอยู่สองสามขบวน



Asuza

มาดูรถที่เค้าจัดแสดงในอาคารมั่ง



AKEBONO รถจักรดีเซล class ED75

วิ่งระหว่าง ueno ไปยังสถานี Aomori ช่วงปี 75 ครับ

Class EF55 Electric Locomotive


วิ่งให้บริการบนสาย Tokoku line ในช่วงก่อนสงครามโลกครั้งที่สองครับ

ขบวนนี้ รถจักรไอน้ำรุ่น C57 จากยุค 1940 เป็นรถที่ผลิตออกมาใช้งานมากรุ่นนึง ที่ใช้สร้างชาติเลยก็ว่าได้


รถจักรรุ่นนี้ ยังมีวิ่งให้บริการเป็นขบวนพิเศษอยู่ในญี่ปุ่นอยู่ครับ เสียงหวูด เสียงไอน้ำซู่ซ่า ยังจำได้ติดหูจนบัดนี้

ชั้นสาม มีร้านอาหาร และก็ที่นั่งชมรถไฟครับ


เหมือนเป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีชีวิตเลยครับ

เพราะตัวอาคารตั้งอยู่ข้างๆราง Shinkansen เลย

มี shinkansen วิ่งผ่านตลอดเวลา



จะมีป้ายบอกว่า เวลาเท่าไหร่ จะมีรถขบวนไหนแล่นผ่าน

รอชมกันได้เลย เด็กๆยืนดูกันเต็มเลยครับ



และก็มีชั้นดาดฟ้าด้วยครับ



สามารถขึ้นไปชม ไปฟังเสียง shinkansen แล่นผ่านกันแบบไม่มีอะไรขวางกั้น

แต่ผมหาบันไดทางขึ้นไม่เจอ



มารู้ทีหลัง ว่าต้องใช้ลิฟท์ขึ้นไปบนชั้นดาดฟ้า น้ำตาจิไหล


หลังจากนั้น ผมก็นั่ง shinkansen เล่น ไปถึง utsanomiya แล้วก็กลับมา tokyo

กินข้าวเย็น หาซื้อของเล็กๆน้อยๆ แล้วก็ขึ้น monorail ไปเครื่องกลับไทยฮะ



บ้ายบายญี่ปุ่น เดือนหน้าเจอกันใหม่

หวังว่าจะได้นั่ง Hokkaido Shinkansen ไป Shin-hakodate hokuto หละนะฮะทีนี้




tamrong

 วันเสาร์ที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2559 เวลา 16.39 น.

ความคิดเห็น