hokkaido shinkansen หรือรถไฟความเร็วสูงที่เชื่อมไปยังเกาะฮอกไกโดนี่

เป็นโครงการที่ยาวนานมากๆของญี่ปุ่นโครงการนึงครับ

เริ่มมีการวางแผนมาตั้งแต่ 1971 แต่ว่ามีความไม่พร้อมหลายๆด้าน ทำให้ต้องชลอโครงการมาเรื่อยๆ

จนในที่สุด หลังจากเวลาผ่านไปสามสิบกว่าปี

ก็มีการเปิดใช้ Hokkaido shinkansen โดยเริ่มเปิดใช้ในวันที่ 26 มีนาคม 2016


การเดินทางและจองตั๋ว ผมนั่ง vietnam airline มาลงเครื่องที่สนามบิน Narita วันที่ 9 พ.ค. โดยซื้อ JR East -South Hokkaido rail pass มาจากตัวแทนในไทย (26000 เยน)

และก็แลก JR EAST - south hokkaido rail pass ที่ซื้อมาจากเมืองไทยที่ JR East travel center


คิวรอแลก pass ก็ยาวนานอักโขอยู่ครับ แต่ก็เลี่ยงไม่ได้ เพราะว่าทุกคนจำเป็นต้องนั่งรถไฟ NARITA EXPRESS ออกจากสนามบิน

ระยะเวลาในการรอ ก็ร่วมชั่วโมง ถ้าใครวางแผนอะไรไว้ ให้เผื่อเวลาในการแลก pass เข้าไปด้วยนะครับ

แลก pass เสร็จก็รวดจองตั๋ว hokkaido shinkansen เที่ยวเย็นเลยครับ


ต้องเข้าโตเกียวซื้อของก่อน เพราะว่า flight delay หนักมาก จนกระเป๋าเดินทางผมไม่ได้ตามมาด้วย

มาเที่ยวกันตัวเปล่าๆ เสื้อแขนสั้นแบบอยู่เมืองไทย


เลยแวะโตเกียว ซื้อเสื้อผ้าประทังหนาวไปบางส่วนก่อนครับ



Narita Express พาออกจากสนามบินไปลงที่ tokyo


หลังจากซื้อเสื้อผ้า กินข้าวอะไรเสร็จ ตัดกลับมาที่สถานี UENO เลยครับ


สถานี UENO นี่ก็คล้ายๆสถานีสามเสนบ้านเรา

รถไฟสายเหนือแทบทุกขบวน ก็จะมาแวะจอดรับผู้โดยสารที่สถานีนี้

ไม่ต้องย้อนกลับไปขึ้นที่โตเกียว



สถานี ueno เป็นสถานีเก่าแก่ สร้างขึ้นมาเป็นสถานีแรกๆของ tokyo เลยครับ

สร้างมาตั้งแต่ปี 1883 และก็ถูกแผ่นดินไหว Great Kanto earthquake ถล่ม ในปี 1923

หลังจากนั้น ก็บูรณะขึ้นมาใหม่เป็นอาคารปัจจุบัน



ตรงจากทางเข้าไปเรื่อยๆ ก็เจอ ticket gate และป้ายบอกเวลา และเที่ยวรถครับ



พอรู้เบอร์ชานชาลาของเราแล้ว ก็ตรงตามป้ายไปเรื่อยๆ ตามหา ชานชาลาหมายเลข 20



รถไฟผมมาละครับ เป็นรถไฟสองขบวน พ่วงมาด้วยกัน


Komachi 29 พ่วงมากับ Hayabusa 29

รถไฟสองขบวนนี้ จะวิ่งขึ้นเหนือไปพร้อมๆกัน จนถึงเมือง Morioka


เพื่อความประหยัด ช่วยกันลากกันไป แหวกอากาศไปพร้อมๆกัน และลดการจราจร ความหนาแน่นของตารางรถไฟ ประมาณนั้นมั้งครับ

พอถึงเมือง Morioka

ขบวนลำสีแดง Komachi ก็จะแยกขบวนเลี้ยวซ้ายไปจังหวัด Akita

ส่วนลำสีเงิน Hayabusa ก็ตรงขึ้นเหนือ มุ่งสู่เกาะ Hokkaido ฟิ้ววววว



รถไฟรุ่น H5 ของ Hokkaido shinkansen


จะมีปรับปรุงจากรุ่น E5 Tokoku shinkansen รุ่นเดิมเล็กๆน้อยๆ



hokkaido shinkansen จะคาดลายสีม่วง อันเป็นสีของดอก lavender ที่ปลูกกันมากใน hokkaido

ส่วนรถรุ่น E5 ของ tohoku shinkansen จะคาดแถบสีชมพูครับ

ข้างขบวนจะมีโลโก้ เหยี่ยว และ รูปเกาะ hokkaido


Hayabusa เป็นภาษาญี่ปุ่น แปลว่าเหยี่ยว

ที่นั่ง ordinary จัดเป็นแถว แถวละ 5 คน เป็นแบบ 3+2 ที่นั่ง


พื้นรถเป็นลายรูปเกล็ดหิมะ อันเป็นอีกสัญลักษณ์นึงของเกาะ hokkaido


ม่านหน้าต่าง เป็นลายใหม่ครับ ลายอะไรผมก็ดูไม่ออก


และตำแหน่งปลั๊กไฟ อยู่ด้านล่างของเบาะ


จอบอกข้อมูลของขบวนรถ คล้ายๆเดิม


ส่วนที่นั่งแบบ Green car หรือคล้ายๆ business class


ก็จะเบาะกว้างใหญ่หน่อย เป็นแบบ 2+2

และเป็นเบาะนั่งปรับไฟฟ้า



ส่วน GRAN-CLASS หรือ First Class ของเค้า ไม่ได้เข้าไปส่องครับ


เพราะเค้ามี พนักงาน hostess ประจำตู้คุมประตูอยู่ แฮ่ๆ

ที่นั่งเป็นแบบ 2+1



SPECIFICATION ก็ของ Shinkansen H5 ตามตารางนี้เลยครับ



https://en.wikipedia.org/wiki/H5_Series_Shinkansen



ความเร็วปฏิบัติการสูงสุด อยู่ที่ 320 KM/Hr

จะใช้ความเร็วนี้ ช่วงจากสถานี Sendai - Morioka



สถานีที่จอด ก็ตามตารางนี้เลยครับ



ก็นั่งๆ นอนๆ หลับๆ กินนั่นกินนี่ มาเรื่อยๆ



รถไฟความเร็วสูงนี่ ย่นระยะเวลาเดินทางได้มากมายเลยครับ


จากสถานี Tokyo มา Sendai

สมัยที่เป็นรถจักรไอน้ำ วิ่งที่ความเร็ว 95 กม / ชม ใช้เวลา 5 ชั่วโมง

พอมาเป็น shinkansen E5 ในปัจจุบัน เหลือระยะเวลาเดินทางแค่ ชั่วโมงครึ่ง



พอถึงสถานี morioka รถก็จอดนานนิดหน่อย เพื่อแยกขบวน สีแดงออกจากขบวนสีเงิน


อยากลงไปดูตอนแยกขบวนมากเลยครับ แต่กลับกลับมาขึ้นรถไม่ทัน



แล้วรถ Komachi ก็เลี้ยวซ้ายไป Akita


ส่วนสีเงิน Hayabusa ก็บินขึ้นเหนือ ไปเกาะ Hokkaido



จนมาถึงสถานีสุดท้ายบนเกาะ honshu คือสถานี

Okutsugaru-imabetsu แล้วรถก็จะมุดลงอุโมงค์

ลอดใต้ทะเล ข้ามช่องแคบ Tsugaru ไปโผล่ที่เกาะ hokkaido ละครับ



อุโมงค์ใต้ทะเลนี้ มีประวัติยาวนานมากพอสมควรเลยครับ


ในสมัยก่อน การจะมาเกาะ hokkaido นี่ ต้องใช้เรือ ferry บรรทุกรถไฟ แล้วแล่นข้ามทะเลไปขึ้นฝั่งที่เกาะ hokkaido

แล้วเปิดท้ายเรือ เอารถไฟแล่นออกมาต่อ



Ferry train ก็หน้าตาประมาณแบบเนี้ยครับ แต่ในรูปนี่เป็นของยุโรป

(Schnäggli , wikipedia)



ต่อมาในปี 1954 ก็เกิดเหตุการณ์ที่เรือ ferry train TOYA MARU ที่เป็นเรือขนรถไฟ ข้ามช่องแคบ

เกิดโดนพายุใต้ฝุ่นซัดจนเรือจม มีผุ้เสียชีวิตพันกว่าคน



ซึ่งเป็นแรงขับดันหลัก ให้ทางการญี่ปุ่น สร้างอุโมงค์ลอดใต้ทะเล เพื่อให้การเดินทางข้ามเกาะหลักสองเกาะ มีความปลอดภัยยิ่งๆขึ้น


โดยเริ่มสร้างในปี 1971 และแล้วเสร็จ เปิดใช้งานในปี 1988



หลังจากที่อุโมงค์เปิดใช้ในปี 1988 ระบบเรือ ferry ขนรถไฟข้ามทะเล ก็ล้มเลิกไป หันมาใช้อุโมงค์ seikan tunnel แทน



และต่อมาก็ได้มีการปรับปรุงระบบราง ทดสอบความเร็ว

ให้รถไฟ shinkansen สามารถแล่นลอดอุโมงค์ Seikan Tunnel ได้ในปลายปี 2015

และเปิดใช้งานในเดือน มีนาคม ปี 2016



อุโมงค์นี้ เป็นอุโมงค์ลอดช่องแคบที่มีความยาวที่สุดในโลกอุโมงค์หนึ่งครับ

ความยาวรวม 53.85 กิโลเมตร

เป็นช่วงที่อยู่ใต้ทะเล 23.3 กิโลเมตร

จุดลึกสุด อยู่ใต้ผิวน้ำลงไป 240 เมตร



CC BY-SA 3.0, https://commons.wikimedia.org/w/index.php?curid=1578820



ก็เป็นที่น่าภูมิใจนะครับ ที่รัฐบาลเค้าเล็งเห็นความปลอดภัยของประชาชน

จนต้องลงทุนเงินเป็นพันๆล้าน เพื่อสร้างเส้นทางคมนาคมที่ปลอดภัยให้ประชนชนของเค้า



ประวัติความเป็นมาในการสร้างอุโมงค์ Seikan Tunnel ดูได้จากสารคดีนี้เลยครับ




รถแล่นลอดอุโมงค์ใต้ทะเล ด้วยความเร็ว 140 km/hr ราวๆ 20 นาที

และสุดท้ายก็โผล่ขึ้นมาบนพื้นดิน ที่เกาะ Hokkaido ละครับ

ระหว่างทางก็มืดมากๆ เพราะแถวๆตอนใต้ของเกาะนี่ไม่ค่อยมีเมืองใหญ่ๆ จะเป็นฟาร์มเป็นอะไรซะมากกว่า



สถานีแรก ที่แวะจอดบนเกาะ hokkaido คือ kikonai



แล้วรถก็มุ่งตรงไปจอดที่สถานีปลายทาง SHIN-HAKODATE-HOKUTO ครับรถมาจอดที่สถานีปลายทาง



Shin-Hakodate-Hokuto



เหลือบไปเห็นนาฬิกาที่สถานีรถไฟนี่ ผมแทบกราบเลยครับ



คือพี่วิ่งมา 862.5 km ใช้เวลาไป 4 ชั่วโมง 28 นาที


แล้วพี่ก็มาถึงสถานีปลายทาง ตรงเวลาเป๊ะ ไม่พลาดสักนาทีเลยครับ

อะไรมันจะแม่นยำ ตรงเวลาได้ขนาดนั้นมีเวลาเปลี่ยนรถอยู่พอสมควร เลยเดินเที่ยวดูนั่นดูนี่ เก็บบรรยากาศสถานีเอาไว้



รถไฟเที่ยวดึกๆนี่ คนใช้บริการน้อยมากครับ

แต่ขากลับของผมเป็นรถไฟเที่ยวเช้านี่ คนแน่นเต็มรถเลยครับ



แล้วก็มาต่อรถไฟ Local


เชื่อมระหว่างสถานี shinkansen กับสถานี Hakodate ซึ่งเป็นตัวเมืองครับ

ชื่อว่ารถ Hakodate Liner วิ่งอยู่ราวๆ 4-5 สถานี ก็ถึงสถานี Hakodate ครับ



มาถึง hakodate ก็เจอป้าย welcome แผ่นเดิมครับ ยังตั้งต้อนรับผู้คนเดินทางอยู่เหมือนเดิม

เห็นมาหลายปีแล้ว ก็ยังสวยอยู่อดถ่ายรูปไม่ได้ทุกที



แถมท้ายด้วยภาพสถานีใหม่ล่าสุดของญี่ปุ่น


Shin-hakodate-Hokuto ครับ



ticket gate


ด้านนอกสถานี ยังโล่งๆ ไม่มีอะไรเลยครับ มีร้านเช่ารถใหญ่ๆอยู่ ลงรถไฟมาก็เช่ารถขับได้เลย


ก็เป็นอันจบการรีวิวไว้เพียงเท่านี้ครับ เพราะรถไฟมาถึงที่หมายแล้ว



คือนับถือในความพยายามมากครับ จากเดิม ที่เค้าต้องเอารถไฟใส่เรือ เอาเรือแล่นผ่านช่องแคบ

จนมาวันนึงเรือโดนพายุซัดจม คนเสียชีวิตเป็นพันคน

รัฐบาลเลยทุบโต๊ะ ประกาศว่าต้องถึงเวลาเปลี่ยนแล้ว

เสียเงินเป็นพันๆล้านก็ยอม วางแผนขุดอุโมงค์ ลอดใต้ทะเล

ขุดกันยี่สิบสามสิบปี เจออุปสรรคมากมาย

และในที่สุด จนปีนี้ รถไฟความเร็วสูง ก็ขยายไปถึงเกาะ hokkaido แล้ว

และอีกหลายๆปี ก็จะขยายไปถึง Sapporo



มันทั้งรวดเร็ว สะดวก จอดปุ๊บก็อยู่กลางเมืองปั๊บ และที่สำคัญ

พี่เค้าตรงเวลามากๆครับ ซิ่งบนระยะทางแปดร้อยกว่ากิโล ไม่พลาดเลยสักนาที



ก็ขอบคุณทุกท่านครับ ที่แวะเข้ามาอ่านกันครับ หวังว่ากระทู้นี้จะมีประโยชน์

เวลาใครไปนั่ง hokkaido shinkansen

จะได้เก็บรายละเอียดของการเดินทางได้มากขึ้นกว่าการนั่งไปเที่ยวเฉยๆ



และสุดท้าย เอาซากุระ ปลายฤดู ที่ดูไบ เอ้ย ที่ hakodate มาฝากด้วยครับ สวัสดีครับ



วันที่ 10 พค นี่ sakura ร่วงเหลือแค่ไม่กี่ต้นละครับ ตามหากันทั่วเมือง

ฝนก็ตกทั้งวัน



ความคิดเห็น