เคยมีสถานที่ที่เราไปแล้วรู้สึกรัก รู้สึกหวงไม่อยากให้ใครไปไหม?

ความรู้สึกนี้เกิดขึ้นหลังกลับมาจากระนอง สถานที่ที่เราไป... ความเรียบง่าย ความสงบคือสิ่งที่ทำให้เราประทับใจจึงอดไม่ได้ที่จะนำมาแบ่งปัน เพราะฉะนั้นเราจึงอยากให้คนที่คิดจะไปได้อ่านรีวิวนี้ก่อน อย่าเพิ่งแค่ดูรูปแล้วตัดสินใจไป เหวังว่ารีวิวนี้น่าจะมีประโยชน์บ้างหากมีสิ่งใดผิดพลาดไปโปรดชี้แนะค่

ทริปนี้มีโจทย์ว่าเที่ยวทะเลฝั่งอันดามันแต่มีงบไม่มาก ขับรถไปกันเองซึ่งเป็นการขับรถลงใต้ครั้งแรกของเพื่อนจึงเลือกที่ใกล้ๆ จุดหมายปลายทางจึงมาตกที่เกาะพยาม จังหวัดระนอง พวกเราไปกัน 4 คน มีเวลาเที่ยว 2 คืน 3 วัน (ไม่รวมคืนเดินทางไปและคืนเดินทางกลับ) เราวางแผนเที่ยวไว้แค่คืนแรกคือพักและเที่ยวที่เกาะพยาม ส่วนอีกวันเราอยากไปเกาะช้างแต่ไม่สามารถติดต่อที่พักได้ ขอไปลุ้นเอาข้างหน้า

สามารถติดตามการเดินทางของเราทริปอื่นๆ ได้ที่ https://www.facebook.com/KeepGoingThailand/


การเดินทางไปเกาะพยาม

รถประจำทาง >>> รถทัวร์กรุงเทพฯ-ระนอง มีหลายบริษัท บขส โชคอนันต์ทัวร์ สมบัติทัวร์ เที่ยวละสี่ร้อยกว่าบาทไปลง บขส.ระนอง เดินออกมาต่อสองแถวไม้สีฟ้าไปสะพานปลา

รถส่วนตัว >>> ต้องบอกไว้ก่อนเราไม่บ่อยเลยที่เราเดินทางด้วยรถส่วนตัวจะอธิบายคร่าวๆ แล้วกันนะคะ เราใช้ Google Map ในการนำทางตั้งจุดหมายปลายทางว่า “ระนอง" ช่วงที่งงที่สุดคือออกจากกรุงเทพฯ ผ่านเส้นพระราม 2 คราวนี้ก็สบายขับยิงยาวผ่านสมุทรสาคร สมุทรสงคราม เพรชบุรี ช่วงนี้ก็เปิด Google Map เป็นช่วงๆ ป้ายบอกทางใช้ได้ดีช่วง ช่วงประจวบฯ ชุมพร ระนองทางบางจุดกำลังซ่อมแซมต้องขี่ด้วยความระมัดระวัง จอดแวะถามบ้างไม่กล้าคาดหวังกับเทคโนโลยี หนทางไม่ซับซ้อนค่ะอย่างที่บอกเพื่อนเราเพิ่งขับรถลงใต้ครั้งแรกยังมาได้สบายๆ ออกจากปทุมธานีสามทุ่มกว่า ถึงระนองตะวันขึ้นพอดี

ท่าเรือข้ามไปเกาะพยาม คือ ท่าเรือเทศบาลตำบลปากน้ำ

มีเรือให้เลือกหลายรูปแบบ

-Speed boat คนละ 350 บาท ใช้เวา 45 นาที

-Express boat คนละ 280 บาท เรือติดแอร์เพิ่งมาใหม่ใช้เวลาการเดินทางประมาณ 1.30 ชั่วโมง

-Ferry boat 200 บาท เรือช้ามีวันละ 2 เที่ยว 09.00 น. และ 13.00 น.ใช้เวลาการเดินทาง 2 ชั่วโมงค่ะ เราเลือกไปเรือช้าของไต๋แขกมีที่จอดรถฟรี บนเรือมีฟรี wifi กว่าจะถึงตั้งสองชั่วโมงกลัวผู้โดยสารจะหิวมีกล้วยหอมลูกโตให้กินฟรีด้วยค่ะ สามารถเดินไปหยิบได้เลย

สองชั่วโมงหน่อยๆ ก็มาถึงเกาะพยาม เราก็พยามมากๆ เช่นกันในการขนของกินมาจากฝั่ง เครื่องดื่มหนึ่งถาด น้ำอัดลมมะนาวโซดา มาม่า ขนม และอาหารสดเพื่อมาปิ้งย่าง อยากประหยัดด้วยส่วนหนึ่ง และอยากทำอาหารปิ้งย่างตั้งวงเบาๆ

ลงจากเรือเดินเข้ามาจะเจอร้านเช่ามอเตอร์ไซด์เลือกได้เลยชอบแบบไหน เราเลือกแบบออโต้มา 2 คัน คันละ 250 บาทพร้อมน้ำมัน จากนั้นก็เข้าที่พักเลยค่ะ ซึ่งที่พักของเราในคืนนี้คือ “กวางปีปรีสอร์ท" อยู่หาดกวางปีปและเป็นที่พักเดียวบนหาดแห่งนี้ จึงค่อนข้างเงียบสงบและมีความเป็นส่วนตัว ทางเข้ายากลำบากมากเป็นทางลูกรังเล็กๆ ที่ดินเป็นร่องพอดีกับล้อรถมอเตอร์ไซด์ขึ้นเนินลงเนินมีครบคนที่ขี่รถไม่แข็งเราไม่แนะนำเลยค่ะ

เป็นทางเล็กๆ ประมาณนี้สลับกับทางลูกรัง

การเข้า Check-in ที่พักไม่มีอะไรยาก เดินเข้าไปพี่เจ้าของเห็นหน้าเพื่อนก็จำได้ (เพื่อนเราเป็นคนติดต่อที่พักผ่านทาง Facebook) ยื่นกุญแจห้องให้เลย ถ้าใครสนใจที่พักหรือต้องการสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถสอบถามได้ที่ Facebook กวางปีบรีสอร์ท "รีสอร์ทในอ้อมกอด ของธรรมชาติ"


ที่พักเราติดทะเลและเป็นส่วนตัวมาก แยกมาเป็นบ้านหลังเดียวถ้าจะเดินไปร้านอาหารของที่พักต้องออกแรงนิดนึง ห้องน้ำกว้างขวางเป็นแบบเปิดไม่มีหลังคาไม่ค่อยมิดชิดแต่อย่างที่บอกว่าบ้านหลังนี้แยกมาเป็นส่วนตัวเลยอาบน้ำได้อย่างสบายใจ ปลั๊กมีที่เดียวไว้เสียบพัดลมในห้องซึ่งมีตัวเดียว ความจริงห้องนี้นอนได้แค่ 2 คน แต่ขอเสริมที่นอนอีกสองที่โดยใช้เก้าอี้หน้าบ้านเป็นเตียงเสริมพวกเรานอนง่ายๆ อยู่แล้ว เพิ่มเงินไปอีก 500 บาทเป็น 2000 บาท มีไฟฟ้าช่วงบ่ายจนถึงเช้า (ขนาดเราตื่นเจ็ดโมงยังไม่ทันไฟเลยค่ะ) ต้องบอกก่อนว่าที่พักและร้านค้าบนเกาะส่วนใหญ่มีเวลาในการให้ใช้ไฟฟ้า ส่วนน้ำมีให้ใช้ตลอด น้ำแข็งที่นี่แพงมากค่ะเป็นราคาที่เราเข้าใจได้

เอาเตามาปิ้งย่างกันที่หน้าห้องเลย แจ้งทางที่พักให้เตรียมไว้ให้ ใช้วิชาลูกเสือจุดเตาสู้กับลมทะเล

แต่ต้องเก็บให้เรียบร้อยและไม่ทิ้งเศษอาหารลงทะเลเด็ดขาด!

จากห้องพักมองเห็นพระอาทิตย์ตกได้แต่ข้อเสียคือแสงแดดสาดเข้ามาในห้องพัก อ่อ...แถวๆ ที่พักสามารถดำน้ำตื้นได้ด้วยนะคะ พี่เจ้าของบริการแบบเป็นกันเอง ช่วงที่ไปพี่เขาให้ลูกจ้างกลับบ้านอาจจะบริการไม่ทั่วถึง ของบางอย่างต้องเดินไปหยิบเองอันนี้เราไม่มีปัญหาเลยค่ะ ทำให้ได้คุยกับพี่เจ้าของด้วย อยากได้อะไรหยิบไปก่อนค่อยคิดเงินทีเดียวตอน Check out


พักผ่อนกันพอหายเหนื่อยจากการเดินทางแล้ว ตอนกลางคืนเราฝ่าหนทางอันยากลำบากออกไปที่ Hippy bar พี่เจ้าของที่พักบอกว่ามาเกาะพยามต้องมา Hippy Bar เป็นบาร์ที่ดีงามมากอารมณ์เหมือนหลุดเข้าไปในดินแดนโจรสลัดผีสิงดูลึกลับ ไฟสีแดงสีเขียวกับควันไฟที่จุดไล่ยุงมันให้ความรู้สึกแบบนั้น


ของทานเล่นไม่มีค่ะ ถ้าอยากกินพี่เขาบอกว่าเดี๋ยวจะไปปีนเก็บกาหยูมาคั่วให้รอได้ไหม ฮ่าๆ พี่ที่ร้านน่ารักและอารมณ์ดีมากๆ ให้พี่เขาแนะนำ Cocktail แบบเด็ดที่สุดให้ จัดมาสองแบบอย่างละสองแก้วจำชื่อไม่ได้แก้วละ 180 บาท แก้วใหญ่ดื่มแล้วเพลินเมาดีค่ะ จิบ Cocktail ฟังเพลงเรกเก้ คือดี...^^

บาร์ริมหาด...พื้นเป็นทรายมันดีตรงที่เวลาเราเดินเซเพราะเมา คนรอบข้างจะไม่รู้ 'ไม่ได้เมา พื้นแค่ไม่เท่ากัน'

ตื่นเช้ามาก็ได้ยินเสียงคลื่น เปิดประตูออกมาก็เจอทะเลอยากหยุดเวลาไว้ตรงนี้ แต่ไม่สามารถทำได้เพราะวันนี้เรามีจุดหมายที่ต้องไปต่อ

หลังจาก Check out ที่กวางปีปรีสอร์ทเรียบร้อยแล้วก็ขี่รถมอเตอร์ไซด์เที่ยวต่างจุดต่างๆ ของเกาะไม่ได้ไปทุกที่เพราะเวลามีไม่มาก

หินทะลุอ่าวเขาควาย ที่นี่มีหินรูปทรงแปลกตาอยู่มากมายเป็นอีกจุดที่เหมาะแก่การชมพระอาทิตย์ตกค่ะ

The Blue Sky Resort เรามาผิดเวลา...ตอนนี้น้ำลงก็เลยดูไม่ค่อยเป็นมัลดีฟส์เมืองไทย สามารถเข้าไปนั่งทานอาหาร ขนม เครื่องดื่มได้ค่ะ


วัดเกาะพยาม ทางเข้าจะมีจุดให้ทำบุญ หลวงพี่ท่านบอกว่าร่มสามารถหยิบไปได้เพราะกว่าจะเดินไปถึงตัวโบสถ์แดดร้อนมาก แต่ไหว้พระเสร็จแล้วต้องเอามาคืนนะคะ ใต้โบสถ์มีปลาเล็กปลาน้อยอาศัยอยู่มากมาย สามารถมองเห็นปลาได้แบบไม่ต้องดำน้ำ วันที่เราไปเจอปลาสลิดลายกับปลาสิงโต


จากนั้นคืนรถมอเตอร์ไซด์และรอเรือจากบ้านโจรสลัด Green banana เกาะช้างมารับคืนที่สองพวกเราจะไปนอนที่นั่น

-ที่พักมีเยอะราคาตั้งแต่หลักร้อยจนถึงหลักพัน ถ้าใครอยากลุยเดี่ยวเรื่องราคาที่พักไม่น่าจะเป็นปัญหาค่ะ

-ที่พักส่วนใหญ่มีเวลาในการใช้ไฟฟ้า อาจจะไม่ได้มีไฟฟ้าให้ใช้ทั้งวัน แต่ที่พักที่มีไฟฟ้าตลอด 24 ชั่วโมงก็มี

-หาดทรายที่นี่ไม่ขาว น้ำทะเลไม่ฟ้า แต่ใสและสะอาด

-ช่วงที่เหมาะแก่การมาท่องเที่ยวคือเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนเมษายน ถ้ามานอกเหนือช่วงเวลาดังกล่าวแนะนำว่าให้โทรตรวจสอบกับที่พักก่อน เพราะหน้ามรสุมที่พักและร้านค้าบางแห่งไม่เปิดค่ะ

-ไม่ต้องห่วงว่าจะไม่มีขนมกินร้านขายของชำมีอยู่ทั่วไปราคาแพงกว่าบนฝั่งไม่มาก แต่ไม่มีร้านค้าจำพวกร้านสะดวกซื้อ

-ถ้าใครต้องการหนีความวุ่นวายที่นี่ตอบโจทย์ชอบที่นี่อีกอย่างตรงที่คนขายตั๋วเรือ คนที่เกาะพยาม พี่ที่ Hippy bar พี่ที่เกาะช้าง ดูเหมือนจะรู้จักกันไปหมด ในความตั้งใจตอนแรกคือคืนที่สองเราจะไปค้างที่เกาะช้างบ้านโจรสลัด Green Banana แต่ไม่สามารถติดต่อได้เลย เราจะไม่มีโอกาสได้ไปที่นั่นได้เลยถ้าไม่พูดกับคนที่ขายตั๋วเรือของไต๋แขก เขาโทรติดต่อให้พร้อมกับให้เบอร์โทรติดต่อกับพี่เคเจ้าของบ้านโจรสลัด Green Banana เหมือนทุกอย่างเป็นใจให้พวกเราไป ที่พักมีว่างพอดีพร้อมเรือมารับเราที่เกาะพยามเพื่อไปเกาะช้าง ค่าเรือคนละ 200 บาทค่ะ


การเดินทางไปบ้านโจรสลัดกรีนบานาน่า

อันดับแรกต้องติดต่อที่พักให้ได้ก่อนเนื่องจากที่พักอยู่อ่าวเล็กไม่มีเรือเข้าไปถึง (มีเรือไปเกาะช้างนะแต่ไม่ไปอ่าวเล็ก) โทรจองที่พักและบอกว่ามาโดยเรืออะไร รอบเวลากี่โมง ถ้ามาเรือ Ferry ของไต๋แขกทางพี่เคจะเอาเรือมอแกน (คล้ายๆ เรือหางยาว แต่ในความรู้สึกเราคือเรือโจรสลัด มโนใหญ่มาก ฮ่าๆ) มาดักเรือของไต๋แขกเพื่อจับตัว ไม่ใช่ล่ะ มารับคนที่จะมาพักกันกลางทะเลเลย ถ้ามา speed boat ก็ต้องเเจ้งเพราะเรือไม่สามารถเข้ามาจอดที่หาดได้ต้องนำเรือเล็กออกไปรับอีกที

เมื่อถึงบ้านโจรสลัด ทักทายพี่เค คุณแม่พี่เค และทีมงานบ้านโจรสลัดคนอื่นๆ เรียบร้อยแล้ว พี่เคให้เดินเลือกห้องพักเองเข้าไปดูห้องที่ว่างอยากได้ห้องไหนค่อยบอก


-ห้องพักมีทั้งหมด 10 ห้อง ห้องน้ำในตัวคืนละ 300 บาท ห้องน้ำรวม 200 บาท ราคาถูกมาก ในห้องพักมีแค่มุ้ง ที่นอน หมอนและผ้าห่ม พัดลมไม่มีให้นะคะ อยู่แบบง่ายๆ สบายๆ ช่วงที่เราไปตอนกลางวันลมพัดเย็นหลับสบายเลย กลางคืนลมจะนิ่งๆ สำหรับเราการนอนห้องที่ไม่มีพัดลม แต่มีลมทะเลเบาๆ มันไม่เลวร้ายอะไรเลยค่ะชอบด้วยซ้ำ ส่วนใครที่เลือกพักแบบห้องน้ำรวม ห้องน้ำก็สะอาดดีเลยค่ะ

-ไฟฟ้าจะมีใช้ตั้งแต่หกโมงเย็นจนถึงประมาณห้าทุ่มเที่ยงคืน สามารถนำอุปกรณ์ไฟฟ้าไปชาร์ตตามซุ้มดีเจ ตามจุดที่มีปลั๊กด้านล่างได้ที่ห้องพักจะไม่มีปลั๊กไฟให้ค่ะ

-อาหารการกิน...มีอาหารตามสั่งโดยคุณแม่พี่เคค่ะ ดูเมนูแล้วสั่งได้เลยราคาไม่แพงอย่างที่คิดถ้าจำไม่ผิดน่าจะเริ่มที่ 60 บาทขึ้นไป รสชาติอร่อยวัตถุดิบสดใหม่ อาจจะช้าไปบ้างนะคะเพราะแม่ครัวหลักมีคุณแม่พี่เค ถ้าอยากได้ของทะเลมาปิ้งย่างบอกพี่ๆ ได้เลยพี่เขาจะพาไปซื้อกับชาวประมง

-มีน้ำอัดลม น้ำแข็ง เครื่องดื่มแอลฯ cocktail แต่พวกขนมกรุบกรอบไม่มีค่ะ

-สัญญาณโทรศัพท์ชัดเจน เล่น social อัพรูปได้สบายๆ

-เกาะช้าง จ.ระนอง ช่วงที่เหมาะแก่การท่องเที่ยวคือประมาณเดือนตุลาคม-เดือนพฤษภาคม กลางเดือนพฤษภาคมฝนเริ่มมาแล้วค่ะ หลังจากช่วงนี้ทะเลฝั่งอันดามันเข้าหน้ามรสุมแล้วถ้าไปต้องโทรสอบถามค่ะ ถ้าไม่มีมรสุมสามารถไปได้ เดือนเมษายนแขกส่วนใหญ่จะเป็นคนไทย ถ้าใครอยากเจอฝรั่งพี่เคบอกว่าให้มาช่วงปลายๆ ปี ^^

-เบอร์โทรติดต่อ พี่เค 0817285147

มาดูบรรยากาศรอบๆ ที่พักกันดีกว่า บ้านพัก ที่นั่งเล่น ที่นอนเล่น บาร์ ฯ ทำจากไม้ บางอันก็สร้างบนต้นไม้เลย กลมกลืนไปกับธรรมชาติมาก

ใครเบื่อห้อง ตอนกลางคืนอยากมานอนบนบ้านต้นไม้ก็ได้นะ

มีความอิจฉาน้องหมาที่นี่มาก วิ่งแหย่กัน เกลือกกลิ้งคลุกทรายทั้งวัน น่าจะเป็นน้องหมาที่มีความสุขที่สุดในโลก


เราไปเจอเพื่อนใหม่เพิ่มอีกห้าคน พวกเขาชวนพวกเราหารค่าปลาหมึกกับปูที่ไปซื้อกับชาวประมง แม่พี่เคจัดการทำปลาหมึกและน้ำจิ้มให้พร้อมติดเตาย่าง คิดค่าทำเล็กน้อยแต่พวกเราไม่ต้องทำอะไรเลย มีหน้าที่หั่นกับกินเท่านั้น


เราสามารถมองเห็นพระอาทิตย์ตกหน้าหาดของที่พักได้เลยค่ะ


เรือโจรสลัดจอดประจำการอยู่ที่หน้าหาด ตอนที่โทรติดต่อกับพี่เคเรื่องเรือที่จะมารับพวกเราเราได้ยินพี่เคเรียกเรือนี้ว่าเรือ ''มอแกน''


เรากินมื้อเย็นร่วมกัน ท่ามกลางบรรยากาศหลังพระอาทิตย์ตกดิน ท้องฟ้าค่อยๆ มืดลง แสงไฟสีส้ม สีแดง สีเขียวของบ้านโจรสลัดก็ค่อยๆ สว่างขึ้นพร้อมกับเสียงเพลงทำนองเร้กเก้ กินอาหารไปทำความรู้จักกันไปก็งงเหมือนกันนะเพิ่งรู้จักกันไม่ใช่หรอทำไมรู้สึกเหมือนรู้จักกันมานานแล้ว มิตรภาพใหม่ครั้งนี้เป็นมิตรภาพที่อร่อยมากค่ะ


จานที่กินเสร็จพี่ๆ ก็มาคอยเก็บคอยดูให้ตลอด อ่อ...เวลาเราสั่งอะไรมากินไว้จ่ายเงินทีเดียวตอนกลับ พี่เคจะจดลงบัญชีไว้แต่เราก็ต้องช่วยพี่เขาจำด้วย อย่างเราตกหล่นไปหลายรายการเลย พี่เคทำด้วยความซื่อสัตย์และมิตรภาพ เราก็ควรจะเป็นผู้มาเยือนที่ซื่อสัตย์และเป็นมิตรเช่นกัน

หลังจากทานมื้อเย็นเสร็จมีโชว์ควงกระบองไฟจากพี่ๆ ทีมงานบ้านโจรสลัด ดื่มกัน ฟังเพลงเรกเก้ พูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันเป็นค่ำคืนที่ประทับใจมากค่ะ

หน้าบาร์มีลูกกาหยูวางไว้ คนภาคกลางเรียกกาหยูว่ามะม่วงหิมพานต์ ตอนเด็กๆ แถวบ้านเรามีอยู่ต้นหนึ่งเวลาลูกมันสุกจะสีแดงกลิ่นมันเหม็นมาก เราจำว่ามันเหม็น มาระนองครั้งนี้เป็นช่วงที่มีกาหยูพอดีเราไปนั่งอยู่หน้าบาร์มีลูกกาหยูวางอยู่ บอกพี่เคเจ้าของว่าเวลามันสุกแล้วเหม็น พี่เขาบอกว่าไม่เหม็นนะกินได้บางคนเอาไปทำไวน์แล้ว ว่าแล้วพี่เคก็เอาลูกกาหยูมายัดใส่ปากเราบอกว่ามาแล้วต้องลอง มันไม่เหม็นจริงๆ ด้วย รสชาติคล้ายมะม่วงแค่ออกฝาด รสสัมผัสเหมือนกินขนุนที่ยังไม่สุกดีกัดแล้วดูดน้ำ มาระนองได้ลองอะไรใหม่ๆ เยอะเลย คราวหลังเจอกาหยูไม่เก็บเม็ดล่ะ เอาลูกเหลืองๆ มากินอร่อยกว่า


ถ้ามาเที่ยวแล้วเจอกับบรรยากาศแบบนี้ ช่วงเวลากลางคืนที่เป็นเหมือนช่วงเวลาที่เรามาทำความรู้จัก เราคนหนึ่งและที่สู้สุดจะอยู่ให้ถึงที่สุดจนกว่าทุกคนจะเข้านอน คืนนี้ก่อนนอนพี่เคพาพวกเราเดินไปที่ชายหาด ห่างออกไปจากรัศมีแสงสีจากที่พักเพื่อให้เราได้มองเห็นแพลงตอนเรืองแสง และก็ได้เห็นแบบนั้นจริงๆ เวลาคลื่นซัดเข้าฝั่งจะเกิดแสงสีเขียวจุดเล็กๆ มองขึ้นไปบนฟ้าก็มีดาวเต็มไปหมด...มีดวงดาวทั้งบนฟ้าและในทะเล


ก่อนแยกย้ายกันนอนพี่เคแจกไฟฉายให้เพราะหลังจากนี้ไม่มีไฟฟ้าใช้แล้ว กลางคืนลมนิ่งมากแต่ไม่ถึงกับร้อนจนเกินไป...มื้อเช้าวันนี้ง่ายๆ มาทะเลต้องกินกะเพราะสิไม่ใช่อะไรหรอก สั่งเมนูที่ทำง่ายคล้ายๆ กันจะได้สบายคนทำและเพื่อความรวดเร็ว เพราะเรามีนัดไปดำน้ำ


อุปกรณ์ดำน้ำมีไม่ครบคนพวกเราพลัดกันใส่ค่ะ มีปะการังให้เราเห็นบ้างวันนี้น้ำค่อนข้างขุ่น ค่าดำน้ำคนละ 200 บาท


มีหินทะลุด้วยนะ


หินที่นี่คมมากค่ะ ระวังกันด้วยได้แผลกลับมาคนละแผลสองแผล กินมื้อกลางวันก่อนกลับจัดหนักหน่อยเพราะต้องอยู่บนเรือสองชั่วโมง สั่งเป็นกับข้าวมามีไข่เจียวหอยนางรม ต้มยำรวมมิตร ปลาราดพริกและหอยนางรมสดตัวใหญ่โดนใจมากค่ะ


ขากลับเรากลับเรือ Ferry ของไต๋แขก ถ้าใครจะกลับสปีดโบ๊ทพี่เคจะติดต่อให้ ส่วนเรือ Ferry พี่เขาจะเอาเรือมอแกนพาพวกไปดักเรือ Ferry กลางทะเลเหมือนตอนเรามาตรงนี้ไม่คิดค่าใช้จ่ายค่ะ ไปจ่ายค่าเรือบนฝั่งคนละ 200 บาท

เราประทับใจที่นี่มาก...เงียบสงบ และเรียบง่าย เหมือนหลุดเข้าไปอีกโลกหนึ่ง ถ้าพวกพี่ๆ เป็นโจรสลัดตามชื่อบ้านพักก็คงเป็นโจรสลัดที่ใจดีมากๆ ดูภายนอกหน้าตาดุ แต่ที่จริงพวกพี่ๆ น่ารัก ตลก และดูเเลพวกเราเป็นอย่างดี

เราถามพี่เคว่า...ถ้าคนรู้จักที่นี่มากขึ้น บ้านพักสิบหลังคงไม่พอพี่จะทำเพิ่มไหม หรือถ้ามีพวกนายทุนเข้ามาพี่จะทำให้มันเป็นธุรกิจมากกว่านี้ไหม?

พี่เคบอกว่า ทำแค่พออยู่ได้เพราะจุดเริ่มต้นของที่นี่ก็ทำเพื่อให้เพื่อนๆ ได้มาพัก คนบนเกาะนี้รู้จักกันหมดอยู่กันแบบพี่น้อง มีพ่อหลวงเป็นแบบอย่างทุกอย่างเลยอยู่บนความพอดีความพอเพียง 16 ปีที่บ้านโจรสลัดเป็นมา เราหวังว่าจะเป็นแบบนี้ตลอดไป

ขอบคุณสำหรับคืนวันดีๆ ที่นี่บ้านโจรสลัด Green Banana เกาะช้าง จ.ระนอง

(ขอบคุณภาพถ่ายจากพี่ต้นฝนด้วยค่ะ)


ค่าใช้จ่ายเราวางเงินกันไปคนละ 3600 บาท (4 คน) ใช้เกลี้ยงแบบพอดิบพอดี ^^

แป้งเจอนี่เจอนั่น

 วันเสาร์ที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2559 เวลา 23.28 น.

ความคิดเห็น