สวัสดีครับครั้งนี้ก็มาแชร์ประสบการณ์การเดินทางของผม รอบนี้เป็นครั้ง 2 ที่ผมไปเมืองลาว ผมจะเขียนย้อนหลังครั้งที่ 1 โอกาสหน้า :]ครั้งแรกนั้นผมได้ไปลาวเมื่อปี 2013 และได้นำประสบการณ์ที่ไปมาบิ้วเพื่อนจนเกิดความอยาก 555+

รอบนี้มีสมาชิกไป 5 คน แต่มีสามคนที่ขอตามไปทีหลัง ซึ่งเป้าหมายที่ไปก็แตกต่างกัน ทีมแรก คือ ผมและตวง เพื่อนร่วมทาง แต่ขัดแย้งเรื่องอุดมการณ์ ... แต่เรามีปลายทางเหมือนกัน...ฟังแล้วงงๆป่ะ

ไปวังเวียงครั้งนี้นั้น ผมบอกกับเพื่อนนิดนึงว่าไปกับผมชิลๆนะไม่รีบ 555+ ส่วนอีกสามคนคือ ทีม B จะไปวังเวียง หลวงพระบาง เวียงจันทร์

รอบนี้ผมเลือกการเดินทางทั้งหมด 5 วัน และไปลงหนองคายด้วยรถไฟฟรี เที่ยว 20.45 น. วันที่ 30/04/2015 รอบนี้ผมเตรียมอาหารซองไปด้วย ( พวกโจ๊กคัพ มาม่าคัพ และแกงเขียวหวาน กระเพรา ประมาณนี้ ) แล้วไปซื่อข้าวเหนียวจากที่โน่นมากินด้วยเอา


เช้ามาก็เรื่อยจนรถไฟมาจอดอุดรธานี ซึ่งจะจอดนานหน่อยเราพอลงไปเก็บภาพได้


ผมไม่ค่อยมีภาพเลยเพราะเพื่อนผมดั๊น เป็นสายกล้องฟิลม์ บรรยากาศในรถไฟเช้าๆครับ

ถึงสถานีแปดโมงปลายๆ เราก็จัดการอาบน้ำ แล้วเดินดิ่งไปยังด่าน ตม ที่สะพานไม่ไกลนะครับสำหรับผม จะมี 7-11 ก็แวะเติมเสบียง และไปทำเรื่องแปปเดียวครับ เสียค่ารถ 15 บาท ข้ามฝั่งไปยัง ตม ลาว คนเยอะมาก สำหรับวันนี้ และจะเจอคนไปวังเวียงมากมาย จะมีรถตู้สำหรับใครที่สะดวกจะไปเลย แต่ผมเลือกนั่งไปท่ารถที่ตลาดเช้า จะเป็นรถเมล์เขียวๆ ตอนแรกคิดว่าคนไม่เยอะ แต่รถนี่ก็ตัวจริงรอซะคนเต็มเหมือนกัน 5555+ ถึงตลาดเช้าผมก็ต่อรถเมล์เขียวไป สถานีขนส่งสายเหนือ ตรงนี้นั้นนั้นหากได้ไปกันเจอการเสนอรถไปวังเวียงจากตลาดเช้า ผมแนะนำให้ขึ้นรถเมล์มาที่สถานีขนส่งสายเหนือจะดีกว่าครับ

มาถึงสถานีขนส่งสายเหนือ


ผมได้ถามหาเพื่อนชาวลาวผมจากคนขับรถแถวที่สถานีขนส่ง จากครั้งที่แล้วนั้นผมได้รู้จักกับเพื่อนชาวลาวซึ่งขับรถอยู่ และได้ไปสัมผัสวิถียังบ้านเขา " บัวเงิน " ครอบครัวเขาน่ารักมากและลูกสาวบัวเงินก็เป็นไกด์พาเล่นน้ำที่บ้านด่านคำ ซึ่งตรงข้ามกับ อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย ภาค 1 จะลงรายละเอียด :] ครับ

ภาพที่เคยไปบ้านบัวเงิน


ครับมาต่อกันดีกว่า ผมเลือกรถบัสโดยสารแบบนี้ ราคา 160 บาท ซึงถ้าไปรถตู้ก็ 200 บาท แต่ก็เลือกไปแบบนี้ด้วยความงงๆ ของเพื่อนผม แล้วเป็นไงละครับ หน้า ผม นี่หยาบเลย 555+ เตรียมหน้ากากไปด้วยจะดีมาก แต่ก็แลกมากับลม และวิวข้างทางสวยๆ


มาถึงวังเวียงแล้ว เกินคาดครับ เล่นซะมืดเลย ก็เดินจากท่ารถวึ่งไม่ไกลมาก ไปหาห้องพัก เต็มหมดครับทุกที่ เดินไปมาก็เจอห้องหนึ่งซึ่งคนที่องไว้ไม่มา ราคาที่ 600 บาท ก็นอนกันไปเป็นห้องพัด แบบหอพักเลยครับ แต่ก็ได้เพื่อนร่วมทางอีกคนเป็นชาวเกาหลี อาบน้ำอาบท่า เดินเล่นหาไรกินแล้วเราพักผ่อนพรุ่งนี้ค่อยว่ากัน :]วันที่สอง ผมเลือกตื่นแต่เช้าลากเพื่อนผมเดิน มาดูวิถีของชาววังเวียงก่อนเลย ผมเดินไปตามตรอกซอกซอยและมายังวัด ผมได้เข้าไปทำบุญฟังพระช่วยยกของเล็กๆน้อยๆ และได้ทราบข่าวว่ามีงานบุญบั้งไฟใหญ่ของที่นี่ ผมเลยว่าจะเข้าไปชมงาบุญบั้งไฟ และจะลุยแลนด์มาร์คในวันพรุ่งนี้ ส่วนเพื่อนผมขอแยกไปลุยแลนด์มาร์คก่อนเลย


รวมบรรยากาศในช่วงเช้าครับ

หลังจากนั้นผมจึงเข้าไปเก็บกระเป๋าเพื่อหาที่พักใหม่ เพราะผมอยากได้ที่ที่มันธรรมชาติกว่านี้


ก็เดินข้ามสะพานนี้มา เสียตังค์ด้วยนะเออ ครั้งต่อไปไม่ได้แอ้มผมละหละ ระหว่างเดินหาที่พักใหม่ก็ได้วิวงามๆแบบนี้ :]

แวะไปชมงานบุญบั้งไฟแปป พอไปถึงก็จะมีทีมงานที่จะติดริบบิ้นที่เป็นดอกไม้ทำบุญ ผมได้พุดคุยสอบถาม อยู่พักใหญ่ และก้ได้ขอถ่ายรูปมาดังที่เห็น :] แต่ทางงานยังไม่มีอะไรจึงกลับไปหาที่พักก่อน


และแล้วผมก็ได้ที่พักใหม่ ทั้งหลังเลยครับ 600 บาท สองคืน พี่เขาบอกว่าถ้ามาช่วงไม่ใช่เทศกาลจะถูกกว่านี้ ก็เป็นห้องพัดลมมีห้องน้ำในตัว มีลานหญ้า และติดแม่น้ำซองเลย คือถูกจริตผมเลยครับ


แล้วก็มารอดูงานบั้งไฟอย่างที่เห็น ก็มีการประกวด ฉลอง อย่างสนุกสนานเลยทีเดียว


ใกล้มืดเดินกลับมา ห้องลงอาบน้ำดังภาพ สดชื่นนนนนน


เช้าวันที่ 3 นี้ก็ตื่นมาถ่ายบอลลูนดังภาพ เดี๋ยวสายๆ จะไปบลูลากูกัน ...



ไปแบบไหนดีอย่าเราน่ะหรอชอบท้าทายอยู่ละ เลือกสายเช่าจักรยานแม่บ้าน 60 บาท กับระยะทาง 7 กม. ไปกลับรวม 14 กม.

พอดี๊เจอคู่รักชาวไทยที่พักที่เดียวกับผม บอกว่าลองเลย แล้วจะระบบเหนือนผม ... อ่าวมาท้าก็เอาดี วัดใจสักครั้ง 555+



กลัวไร๊ เรามาเต็มยศซะอย่าง

ก่อนไปสุทรีย์ ขอเก็บภาพอีกนิด


เส้นทางที่ไปก็เป็นหินกรวดตลอดทาง และด้วยความแห้งแล้งต้องบอกว่าฝุ่นเยอะ


หากถามว่าร้อนไหมมมม...ต้องตอบเลยว่าไหม้ ม มม ม ม ......



แต่พอปั่นมาได้สักระยะก้ได้เห็นเด็กๆ ชาวลาวเล่นชิงช้ากัน เลยจอดจักรยานและลงไปถ่ายรูป ...

อาจจะด้วยเราเป็นนักท่องเที่ยว น้องๆก็มีการขอตังค์บ้าง เอาไงละเราก็มาแบบโลว์คอสยิ่งกว่าสายการบินใดๆ



อ้ายบ่มีตังค์เด้อ แต่ไปๆ เลี้ยงหนม !!!!

โหววิ่งไปร้านยังกับวิ่ง 100 เมตร รถก็รถเถอะครับฝุ่นคลุ้งงงง !!!

สิ่งที่ผมให้มันเล็กน้อยมาก เมื่อเที่ยบกับแววตา....คู่นี้.


กลับเข้ามาเล่นชิงช้ากับน้องๆ แปปนึง บ๊าย บายกัน ...


.ขณะกำลังจะขี่จักรยานไปบลูลากูนต่อ ก็มีน้องอีกสามคนกำลังกลับบ้านซ้อนถึงสามคน กับทางที่ขรุขระมีแต่หิน (ต้องมาสัมผัสเอง)


ผมปั่นไปเทียบแล้วบอกบ้านอยู่ไกลกันไหมถ้าไกลมาไปกับพี่ได้

" ให้คนนี้ไปด้วยได้บ่ ?"

"ได้สิ ^^~"

" เฮือนอยู่อีกไกลบ่ "

" บ่ไกล ๆ"

" ฮอดเมื่อไรบอกอ้ายเด้อ "



..." ฮอดละอ้าย ขอบใจ "

" แล้วเจอกันอีกเด้อ !!! "



ผมอิ่มใจกับสิ่งเล็กๆน้อยๆทุกครั้ง

และผมเข้าใจแล้วว่าทำไม่พี่ๆที่เจอที่สังขละถึงหอบของเล่นเสื้อผ้ากับไปให้น้องๆทุกๆปี ...

ในที่สุดก็ถึงซักที บลูลากูนอันโด่งดัง ดูๆ แล้วก็ขึ้นไปบนถ้าสักหน่อย


......แปป มาดูให้รู้แล้วผมก็กลับเลย เพราะมาจักรยาน หนทางยังอีกไกล


.

.

เหมือนขากลับมันไกลๆ ไปนะ 555+ ....ไหลแต่ไหนคือใกล้แบบนี้เองเน๊อะ ...

แวะเติมหวาน และก็ถึงจนได้ อย่าถามเลยครับ ว่าเป็นไง เหนื่อยมากกกกก !!!! 555+


และได้รับการติดต่อว่าทางทีม B มาถึงแล้วเลยแวะมาพูดคุย ดินเนอร์กันนิดหน่อย ... เฮ้ยยย สหายตวงยังอยู่ แต่พรุ่งนี้เขาจะกลับไปเที่ยวเวียงจันก่อน ส่วนผมและทีม B จะอยู่เที่ยวด้วยกัน


หลังจากกินเสร็จแล้ววว


ผมขอพักผ่อนก่อนเน๊อะ ... zzzz...
เช้าวันที่ 4 ...

... วันนี้เป็นวันเปิดเรียนในวันจันทร์ ก็น้องๆกลุ่มนี้ ตอนแรกที่ยกกล้องเล็งที่ริมรั้วน้องๆก็ยิ้มอายๆ .. ผมเลยบอกไปดังๆ


" บ่ต้องอาย นับ 1 2 3 !!! " ประมาณสามช๊อตจึงได้ฟิลลิ่งนี้มา ... แลกยิ้มกันไป .

โอโหวววววววว


ก็มาเช่ามอไซต์ไปถ้ำจังกัน สักเที่ยงๆก็กลับที่พัก เพราะผมจะกลับไทยแล้ว ส่วนเพื่อนๆ จะไปหลวงพระบสงในวันพรุ่งนี้


..เฝอ หมูกรอบทีเด้ดเลยนะจะบอกให้ :]

ผมนั่งรถตู้มาสถานีขนส่งสายเหนือที่เวียงจัน ไปตลาดเช้า และนั่งรถไฟสะพานมิตรภาพ โชคดีมากได้ขึ่นรถคันสุดท้ายพอดี ...


ทำเรื่องที่ ตม ออกมา รีบวิ่งมายังสถานีรถไฟ แวะซื้อน้ำ เหนี่ยวไก่ กะกดให้หนำเลยบนรถไฟ ....

"....รถไฟออกไปแล้วครับ..."


"....รถไฟออกไปแล้วครับ..."

"....รถไฟออกไปแล้วครับ..."

"....รถไฟออกไปแล้วครับ..."

"....รถไฟออกไปแล้วครับ..."

เสียงของพนักงานสถานีที่ก้องอยู่ในหัว ...



ทันใดนั้น ...

"...แต่ขบวนสุดท้าย ไม่เคยมี ชานชลาแห่งนี้ไม่มีวันสาย

หากคืนนี้ไม่มีรถไฟ ขอให้รอขบวนใหม่มา ถึงเวลารุ่งเช้า..."



ใครเปิดเพลงพี่ป้างงงงงงง....



เข้าใจฟิลลิ่งพี่ป้างละ !!!

คงต้องถึงเวลารุ่งเช้า ...



(ทำภาพให้เป็นสีพาสเทลเพื่อให้ซอฟลง)

อีกเที่ยวนั้นเช้าตรู่.... ไปนั่งกินไก่แบบเซ็งๆ หมดอย่างไวด้วยความหิว และเจ็บใจ ...555+



ห้องน้ำปิด แต่จะมีห้องน้ำห้องสมุดที่มืดมาก พอถ้ายเบาได้

และต้องขอขอบคุณพี่ๆสถานีให้นอนได้ ที่ห้องประแจสับราง....

....นอนได้แล้ว...


วันที่ 5 .... การเดินทางในการเดินทาง :]



ผมจัดการตื่นแต่เช้า อาบน้ำ ซื้อตั๋ว และขึ้นรถไฟทันที เที่ยว 06.00 น.

ก็ดีไปอีกแบบเพราะเส้นทางอีสานน่าจะสวย และที่สำคัญผ่านเขื่อนป่าสักด้วยสิ ....

เรามาดูบรรยากาศการเดินทางขากลับกันดีกว่า


...เมื่อรถไฟมาจอดที่สถานีลำนารายณ์ ก็มีทางทีมแม่ค้ามาขายน้ำหวานต่างๆ ถุงละเพียง 10 บาท แต่ด้วยอากาศที่ร้อนมาก


แปปเดียวหมด ... น้องที่เป็นแม่ค้าคนนี้เลยรีบวิ่งกลับไปเอาน้ามาเพิ่ม ผมจึงได้ภาพนี้มา

ทีเด็ดจริงๆๆๆๆ คลายร้อนจริงๆ คือเอามาลูบหน้าลูบคอได้อีก ..


... ภาพขบวนรถไฟที่ทอดยาวผ่ากลางแนวเขื่อนป่าสัก มันเป็นภาพที่งดงามสมดังตั้งใจ ...


การเดินทางน่ะหรอ ...


สเน่ห์ มันอยู่ตรงนี้แหละ

มาเรื่อยๆๆๆ ก้ถึง กทม แล้วววว .. เกือบ ห้าโมงเย็น :]


...สำหรับค่าใช้จ่ายไปวังวียง ทริปนี้ ตั้งแต่เย็น 30.04.2015 - 5.05.2015 รวม 2668.50 บาท


จะเห็นว่าเป็นค่าเดินทางถึง 40% และถ้าไปวันธรรมดาค่าที่พักจะลงไปอีกครึ่ง ...หากออกแบบการเดินทางดีๆ ศึกษา เตรียมสิ่งที่ต้องใช้ให้พร้อมและหากมีเพื่อนไปช่วยหารค่าห้อง ค่าใช่จ่ายจะลดลงไปกว่านี้อีกแน่นอน ... แต่ตริงนี้ก็ต้องย้อนไปอย่างที่ผมได้บอกตอนแรก ผมได้นำอาหารซองไปเลยทุ่นไปได้เยอะอยู่ :]

แด่..เพื่อนร่วมทาง...


เมื่อครั้งไปวังเวียงนั้นผมได้เพื่อนร่วมทาง แต่ขัดแย้งเรื่องอุดมการณ์มาคนหนึ่ง ... แต่เรามีปลายทางเหมือนกัน...

ผมเริ่มพาคู่หูการเดินทางครั้งนี้ จากหัวลำโพง รถไฟฟรี ไปหนองคาย > เดินไปสะพาน > นังรถบัสข้ามสะพาน > นั่งรถบัสไป ตลาดเช้า และไปขนส่งสายเหนือ > ไปวังเวียงโดยรถหวานเย็นทั้งๆที่เพื่อนอยากไปรถตู้ .. เราถึงวังเวียงมืด .. ใช้เวลาจากหนองคาย มาวังเวียงมากกว่า 12 ชั่วโมง ไม่มีที่พัก แต่โชคดีที่มีที่หนึ่งหลุดจอง...



ผมสังเกตุอาการเพื่อนตลอดนะว่าจะบ่นไหม 5555+ แต่ไม่เว้ยยย เราเอนจอยกันดี



เราแยกกันเที่ยวตามอุดมการณ์ ... ขากลับแยกกันกลับ อันนี้ฮาา กลับมาทำงานเพื่อนผมก็ได้งานใหม่ไป



...พักหลังเราก็โทรคุยกันบ้าง ไลน์คุยกันบ้าง ...

" มันอาจจะทรหด ลำบากแบบบ้าง แต่เชื่อเถอะมันคือประสบการณ์ที่ล้ำมากๆ สำหรับคุณ " ผมได้บอกกับเพื่อน



.........หลายเดือนต่อมา .....

"..มีทริปไหนอีกบ้าง ....อยากไปด้วยกันอีก ...!!! ...." ตวงกล่าว

แด่สหายตวง ผู้ที่กำลังเสพติดความทรมาน 5555++

เดี๋ยวมาเพิ่มรูปและคุยกันหลังทริปครับ :]


Facebook : https://www.facebook.com/NitVigator/

Facebook page : https://www.facebook.com/Theeranit.Photography

instagram : Theeranit.w

n i t v i g a t o r

 วันอาทิตย์ที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2559 เวลา 05.24 น.

ความคิดเห็น