ทริปนี้ไปเที่ยวน่าน ด้วยรถมอเตอร์ไซค์ 4 คืน 5 วัน เป็นทริปใหญ่ปลายปี 2563
(เรียกว่าทริปใหญ่เพราะเดินทางหลายวัน และไปแบบเหนื่อยๆหน่อย 555 แต่สนุกแน่นอน)
เดินทางจากจังหวัดพิษณุโลก ประมาณ 6โมงเช้า ไปจังหวัดน่าน
ประมาณ 10.00 น. ถึงจุดหมายแรกคือ บ้านนาก๋างโต้ง ซึ่งอยู่อำเภอเมืองน่าน เป็นร้านอาหาร กาแฟ และที่พัก เปิดใหม่ และกำลังเป็นที่เช็คอินของนักเดินทางหลายคน
มุมถ่ายรูปสวยๆเพียบ
ร่มเย็น ทางร้านเปิดไอน้ำ เย็น อากาศดีมากๆ
บ้านแต่ละหลังน่านอนมาก แต่เราไม่ได้พักที่นี่ คราวหน้าไม่พลาดแน่นอน
ที่นี่แบ่งเป็นโซน ที่พัก อาหาร เครื่องดื่ม ชัดเจน ระบบค่อนข้างดี
ในโซนเครื่องดื่ม เติมคาเฟอีนซักหน่อย
ขนม เค้ก น่ากินเกือบทุกอย่างเลยอ่า
พักผ่อนกันตามอัธยาศัยกันพอสมควรแล้วได้เวลาเดินทางต่อ ไปยังอำเภอเชียงกลาง
ประมาณ 13.00 น.ถึง อ.เชียงกลาง ก่อนเข้าที่พักแวะสักการะหลวงพ่อที่วัดหนองแดง เป็นโบราณสถานไทลื้อ
วัดไทลื้อโบราณ สวยและดูขลังมากๆ
ไฮไลท์ของที่นี่ ที่เรามาก็เพิ่อการนี้ มาดูต้นเทียนพระพุทธเจ้า ที่เดียวในประเทศไทย อยู่ที่นี่เท่านั้น
ต้นเกล็ดพญานาค เหมือนเกล็ดพญานาคมากๆ (เราก็ไม่เคยเห็น ได้แต่ดูพญานาคในหนังสืออะเนอะ)
ที่วัดมีพื้นที่เพาะปลูกพืชด้วย
ภาพ3มิติ
ตีระฆังเอาฤกษ์เอาชัย
ผูกผ้าต้นโพธิ์ยักษ์ เคยได้รับรางวัลด้วยเพราะมีขนาดที่ใหญ่มาก ซึ่งตอนนี้ล้มไปแล้ว เค้าเลยเอากิ่งก้านมาปักให้คนมาผูกผ้า
แผ่นจารึกต้นโพธิ์ยักษ์
ปักตุงประจำปีเกิด
เข้ามาสักการะหลวงพ่อในโบสถ์
มีผ้าพาดบ่าเป็นผ้าของชาวไทลื้อ
พญานาค โอบพระพุทธไว้ ดูของจริง แอบขลังบอกไม่ถูก
จิตรกรรมฝาผนังบอกเล่าเรื่องราวในอดีตกาล
14.00น. ถึงที่พักในคืนนี้ แสงทองรีสอร์ท อ.เชียงกลาง จ.น่าน เป็นที่พักที่น่าจะอยู่ในลิสต์ของใครหลายๆคน
ห้องพักที่นี่มีหลายแบบ เราซื้อวอเชอร์มาเป็นห้องsuperior ไม่เห็นวิวทุ่งนา แต่เดินไปไม่กี่ก้าวก็เห็นวิวที่สวยไม่ต่างกัน
ที่นี่มีสระว่ายน้ำให้เล่น แต่ถ้าใครไม่ได้เตรียมชุดว่ายน้ำมา เค้าก็มีให้เช่าด้วยนะ
จักรยานเอาไปปั่นเล่นรอบรีสอร์ท ฟรี ! ปั่นไปดูแสงทองฟาร์ม ปั่นไปชมสะพานกลางทุ่งนา ปั่นไปรอบๆรีสอร์ท
ฤดูหนาวที่ทุ่งนากลายเป็นสีเหลืองทอง กับวิวภูเขา พร้อมกับบรรยากาศและอากาศดีๆ หูย ไม่ฟินยังไงไหว
เรามาวันที่ที่เค้ามีกรุ๊ปทัวร์ลง เค้ากำลังทำพิธีบายศรีสู่ขวัญกัน ทางที่พักแบ่งและจัดการให้เราค่อนข้างดี
มื้อเย็นเลือกที่จะกินหมูกะทะให้เข้ากับอากาศ
ส่วนอาหารมื้อเช้ามีให้เลือกเยอะ และหลากหลาย
ช่วงเช้าอากาศดีมาก วันที่ไป19องศา วันนี้พระมีกิจ เลยไม่ได้มาเดินบิณฑบาตรที่สะพานกลางทุ่งนา
เห็นอะไรก็น่ากิน พนักงานก็เติมเรื่อยๆ เราก็กินให้มั่วไปหมด555
มีร้านขายของที่ระทึก เอ้ย!! ที่ระลึกด้วย
ถ่ายรูปก่อนกลับ ถ้ามีโอกาสจะมาตอนทุ่งนาสีเขียวบ้าง คงจะสวยมาก
มาหน้าหนาวก็จะประมาณนี้ แต่ก็สวยไปอีกแบบเนอะ
เติมคาเฟอีน ก่อนออกเดินทาง เราง่วงง่าย เดี๋ยวร่วงจากรถ อัดกาแฟก่อนจ้า
และแล้วก็ได้เวลาออกเดินทางต่อในวันที่ 2 ของเรา ออกจากรีสอร์ทประมาณ 10.00น.
11.00น. ถึง Cocoa Valley Resort ตั้งอยู่ อ.ปัว จ.น่าน เป็นทั้งที่พักและร้านโกโก้ ที่มีผลิตภัณฑ์โกโก้ทุกอย่าง เพราะที่นี่เค้าปลูกต้นโกโก้เอง มีเวิร์คช็อปตั้งแต่การเก็บผลโกโก้มาทำเป็นโกโก้ให้เรากินเลย แต่เราไม่ได้จองคิวไว้ และมาไม่ทันรอบ และก็ไม่รอเพราะเราต้องเดินทางกันต่อ เอาไว้ครั้งหน้าถ้าได้มาไม่พลาดแน่นอน
เคาเตอร์สั่งอาหาร
โกโก้อร่อย เข้มข้น ของแท้ต้องที่นี่เลย
บอกเลยว่าอร่อยทุกอย่าง หวาน หอม ชื่นใจ ขาดน้ำตาลก็มาเติมกันได้นะจ๊ะ
12.00 น.ขึ้นเขามาที่ สกาด กม8 เป็นที่พัก ร้านอาหารและเครื่องดื่ม ที่มีวิวภูเขาที่สวยมากกกกก ก.ไก่ล้านตัว เราเลยพักที่นี่อยู่พักใหญ่ เพราะพ่อบ้านหน้ามืดจากการเข็นรถขึ้นจอดบนเนินด้วย อิอิ
วิวสวยมาก แบบอยากจะพักซะที่นี่เลย
โซนห้องพัก
ภาพถ่ายไม่สวยเท่าที่เห็นด้วยตา ต้องมาสัมผัสเอง ฟินแค่ไหน บรรยายไม่หมด
สั่งเครื่องดื่มแก้เวียน
นอนมองวิว ฟังเพลงที่ทางร้านเปิด ลมพัดเย็น หลับซิจ๊ะ555
อันนี้ไม่เคยกิน และก็ไม่ได้สั่งมาลอง อิอิ อ่า ...พักกันเยอะแล้ว ได้เวลาเดินทางต่อแล้วเนอะ
13.00 ถึงที่พักคืนที่ 2 ของเราให้ค่ำคืนนี้ บ้านจักษ์กะพัฒน์ ดอยสกาด อ.ปัว จ.น่าน เป็นโฮมสเตย์ ตั้งอยู่ทางเข้าหมู่บ้านดอยสกาด จะได้โมเมนต์มองเห็นวิวภูเขาและหมู่บ้าน
ที่พักที่นี่จะมีแค่ 3 ห้องนอน เราเลยเหมือนเหมาทั้งหลังเลยทีเดียว (ส่วนเราเป็นห้องใหญ่สุด)
ไฮไลท์ของห้องนี้คือ ห้องน้ำจ้า เพราะมองเห็นวิวที่สุดแสนจะพรรณนา ตอนเช้าๆ นี่เย็นก้นมากบอกเลย
ภายในห้องพัก
วิวที่ได้จะประมาณนี้ ที่สงบ ร่มรื่น นักท่องเที่ยวไม่เยอะ
ตากกาแฟ
วางของ เปลี่ยนชุด ล้างหน้าล้างตากันเรียบร้อย เราก็ออกมาเดินเล่น
ตรงนี้ทางเข้าซอยที่พัก เลี้ยวปุ๊บเป็นเนิน ต้องขี่รถขึ้นไป แอบเสียวนะจ๊ะ
ตรงนี้เป็นวิวร้านก๋วยเตี๋ยว ตรงข้ามทางเข้าที่พัก วิวสวยจริงๆ
เดินเล่น เพื่อจะไปร้านสกาดคอฟฟี่
สกาดคอฟฟี่เป็นทั้งที่พัก ร้านอาการ และกาแฟ และจุดชมวิวที่สวยมากๆๆๆ
ฟินเนอะ
มีสะพานขาสั่น ให้เดินด้วยนะจ๊ะ เก๋ปะละ
มีพิซซ่าด้วย อร่อยๆ
เดินกลับมาที่พักแล้ว
ภาพบ้านแบบชัดๆ
หมู่บ้านดอยสกาด ที่นี่เงียบสงบมากๆ
อาหารเย็นพร้อมแล้ว พร้อมกับอุณหภูมิที่เริ่มลดลง และบรรากาศดี อาหารมื้อนี้วิเศษสุดไปเลย
บรรยากาศในบ้านตอนค่ำ
ทานอาหารกันเสร็จ ได้เวลาย่อย ด้วยการนอนมองดาว
ปิดไฟ แล้วมองขึ้นไปบนท้องฟ้า ดาวเต็มฟ้าเลยจ้า นี่ขนาดเจ้าของบ้านว่าน้อยแล้วนะ เราว่ายังเยอะสำหรับเราเลย สวยมากๆ ทั้งทริปเราชอบที่นี่ที่สุด เพราะมีโมมนต์ดีๆแบบนี้แหละ (ภาพนี้ถ่ายด้วย iphone 11 pro max)
อุณหภูมิ ยิ่งใกล้เช้า ยิ่งลด ตอนหกโมงเช้า 14 องศาได้
ไม่อยากจะลุกออกจากที่นอน
ยืนแปรงฟันพร้อมมองวิวสวยๆ
แดดเริ่มออก แสงแดดตอนเช้า สวยมาก
อากาศเย็นๆ แสงแดดอุ่นๆ
อาหารเช้าพร้อมแล้ว
หนาวๆแบบนี้ ต้องข้าวต้มร้อนๆ
ที่นี่ลงหนังสือ a day ด้วยนะ
สองพี่น้องฝาแฝด ที่มาเปิดโฮมสเตย์พร้อมดิบกาแฟบนพื้นที่บ้านเกิด ทำเอาเราอิจฉาการใช้ชวิตของเจ้าของบ้านเลย
จะดีแค่ไหน ถ้าเราตื่นมาแล้วเจอแบบนี้ทุกวัน
และแล้วก็ได้เวลา สูบคาเฟอีน
กาแฟดิบที่นี่ คือดี ต้องมาลองเอง เราอธิบายไม่ถูก
มีเม็ดให้เลือกหลายแบบ และใส่ใจทุกแก้ว
ถ้าเป็นฤดูฝน วิวตรงนี้จะมีหมอกลอยมา เจ้าบ้านบอกว่าเมื่อไม่กี่วันเพิ่งมีจ้า ซึ่งเวลาเราไปไหนมักไม่เจอหมอก ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติ 555
อาบน้ำ เตรียมตัวออกจากที่พัก เจ้าบ้านที่นี่น่ารักมากให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น ถ้ามีโอกาส จะกลับมานอนมองดาวที่นี่อีกแน่นอน
9.45น. ได้เวลาออกเดินทางต่อแล้ว
12.00 น. แวะจุดชมวิว 1715 ซึ่งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติดอยภูคา ห่างจากที่ทำการอุทยาน 8 กิโลเมตร เส้นทางสายปัว - บ่อเกลือ
สวย เย็น ลมพัด บรรยากาศดี อากาศดี ฟินจริงๆ
มีห้องน้ำ มีของขาย มีไอติมกะทิให้กิน มีที่นั่งพัก และ และ และ มีมุมถ่ายรูปด้วย อิอิ
อ่า เดินทางต่อไม่รอแล้วนะ จ.น่าน ในทุกเส้นทาง สวยจริงๆ
12.30น. แวะทานข้าวมื้อกลางวัน ที่ร้านหัวสะพาน อยู่ในอ.บ่อเกลือ
อาหารอร่อย สั่งกันกระจุยกระจาย หิวแหละเนอะ
13.30น. เดินมาทางฝั่งตรงข้ามถนน เพื่อจะไปดูบ่อเกลือ
ปัจจุบันชาวบ้านยังคงต้มเกลือด้วยวิธีแบบดั้งเดิม
เป็นบ่อเกลือที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ ท่ามกลางหุบเขาแห่งเดียวในโลก มีอายุกว่า 800 ปี
อ่อ เกลือที่นี่ไม่มีไอโอดีนเหมือนเกลือทะเลนะ ต้องเติมไอโอดีนก่อนถึงมือผู้บริโภค
เดินเล่นสะพานไม่ไผ่
เดินทางต่อไปที่พักในวันนี้ที่ หมู่บ้านสะปัน
ถึงแล้วที่พักของเราวันนี้ อุ่นไอมาง ณ สะปัน อ.บ่อเกลือ จ.น่าน
บ้านที่เราจอง เป็นบ้านยกใต้ถุนสูงมี 3ห้องนอน มีห้องน้ำในตัว 1ห้อง อีก 2ห้องใช้ห้องน้ำรวม ห้องไม่เก็บเสียง กรนกันที สนั่นทั้งหลัง บ้านเราไม่ติดริมน้ำ แต่ก็สามารถมองเห็นและเดินไปได้ไม่ยาก
พักผ่อน เปลี่ยนชุด ออกมาปั่นจักรยาน(ของที่พัก)เล่นรอบหมู่บ้าน
เส้นทางขึ้นไปร้านกาแฟหยุดเวลา เป็นเนินเขา เราปั่นจักรยานขึ้นไม่ไหว ต้องฝากชาวบ้านไว้ข้างล่าง แล้วเดินต่อขึ้นมา
ระหว่างทางคือสวยมาก และเดินขึ้นเหนื่อยมาก555
ถึงซักที ร้านหยุดเวลาคาเฟ่
มีเครื่องดื่ม และขนมขาย
วิวร้านสวยมาก ทำเลดี แต่ฝุ่นก็เยอะมากเช่นกัน เพราะเป็นทางฝุ่น
เดินขึ้นมาเหนื่อย เติมน้ำหวานเข้ากระแสเลือดกันหน่อย
วิวบนร้านกาแฟสวยมาก
ตรงนี้วิวระหว่างทางขึ้น-ลงร้านกาแฟ
กลับมาทานอาหารเย็นที่อุ่นไอมาง อร่อยทุกอย่าง
ใกล้ค่ำที่พักเปิดไฟ สวยมาก ได้บรรยากาศเลย
โซนกลาง เคาเตอร์ ร้านอาหาร กาแฟ
ออกมาเดินเล่นสะพานก่อนกลับเข้าห้องพัก
อากาศเริ่มหนาวขึ้นเรื่อยๆ เรียกได้ว่าคืนนี้หนาวมาก
บรรยากาศยามเช้า รีบตื่นมาเดินเล่น ดูหมอก และน้ำค้าง
น้ำค้างเยอะมาก คล้ายกับฝนตก
อาหารเช้ามีให้เลือกเยอะพอสมควร ปลื้มไส้กรอก อร่อยมากๆ
ป้ายส่วนใหญ่มีแต่ชื่อรีสอร์ทเนอะ
บรรยากาศตอนเช้าดีมาก โอโซนดีจริงๆ เดินไม่เหนื่อยเลย
เช้าๆได้บรรยากาศที่เหมือนหมู่บ้านจริงๆ เพราะเช้าๆไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวมาเดิน
รีสอร์ทผุดขึ้นเป็นดอกเห็ดก็ว่าได้ กำลังสร้างอีกเยอะมากๆ
เดินตามลำน้ำมาง ไปเรื่อยๆ
ท้องฟ้าเต็มไปด้วยหมอก (ตอนนั้นไม่มีควันนะ อิอิ)
เดินเล่นเพลินๆมาจนถึงสะพานโบราณหมู่บ้าน
ถ่ายรูปเล่นกันจนหนำใจก็เดินกลับที่พัก
กลับมาที่พัก แดดเริ่มออก แต่อากาศยังเย็นอยู่ ถ่ายรูปเล่นก่อนเก็บของเช็คเอาท์
แหล่งโอโซนชั้นดีต้องที่สะปันไม่มีข้อกังขาใดใด เพราะมันเป็นเรื่องจริง
ให้ภาพเล่าเรื่อง no filter กันไปเลย จะได้เห็นภาพ สี แสง บรรยากาศ อากาศดูได้จากการแต่งตัวได้เลย
แพ็คของเข้ารถ เตรียมตัวออกจากหมู่บ้านสะปัน
บาย บาย หมู่บ้านสะปัน ถ้ามีโอกาส คงได้กลับมาที่นี่อีก
วันที่ 4 ของการเดินทาง
9.00 น. ออกเดินทางจากหมู่บ้านสะปัน เพื่อลงมาที่อ.เมือง จ.น่าน
แวะพักระหว่างทางที่ คือโค้งถนน เป็นตัวเลข 3 นะ ไม่ใช่อยู่บนถนนทางหลวงหมายเลข3เด้อ เป็นจุดชมวิว อยู่บนเส้น 1081 สันติสุข-บ่อเกลือ
ถนนเส้นนี้สวยมาก เป็นรูปเลข 3 ทั้งด้านบน ด้านล่าง จะจอดถ่ายจากฝั่งไหนก็เป็นเลข3 จริงๆ ไม่มีที่นั่ง ไม่มีห้องน้ำ ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ บางเครือข่ายมาเป็นพักๆ แล้วก็หายไปตอนเรามาถึงมีคนมาขายไอติมกะทิพอดี
คนแวะถ่ายรูปเยอะมากจริงๆจ้า ต้องระวังเวลารถผ่านด้วยน้า จังหวัดน่านมาก็ว่ายากแล้ว หามุมถ่ายรูปไม่ติดคนนั้นยากกว่า อิอิ
คนเยอะมากจริงๆ ยืนมองคนมาถ่ายรูปกันแฮปปี้เราก็ยิ้มตาม วิ่งหลบรถกันสนุกสนาน น่าร้ากก
13.00น. ถึงที่พักคืนที่ 4 ของเรา จองที่ภูมินทร์เพลสเอาไว้ ทำเลที่ตั้งดีมาก อยู่ใกล้กับวัดภูมินทร์ ถนนคนเดิน และอยู่ตรงข้ามกับร้านกาแฟอเมซอน ส่วนห้องพักสะอาด น่านอนจ้า
หิวแล้วเลยเดินไปกินข้าวซอยและน้ำเงี้ยวแถวที่พัก อร่อยดี ชื่อร้าน กิ๋นเส้น เมืองน่าน
มีแรงแล้ว เดินตะเวนไหว้พระในเมือง เมืองน่านวัดเยอะจริงๆ เรียกได้ว่ามีวัดทุกแยกเลย ไฮไลท์คงหนีไม่พ้น ภาพจิตรกรรมฝาผนังกระซิบรัก วัดภูมินทร์
วัดที่เข้าไปไหวมีวัด วัดภูมินทร์ / วัดพระธาตุช้างค้ำวรวิหาร / วัดหัวข่วง / วัดศรีพันต้น
เดินให้รอบ นอกจากวัดแล้ว เราก็เลี้ยวเข้าไปพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ ไฮไลท์อยู่ที่ ซุ้มอุโมงค์ต้นลีลาวดี และมีวัดน้อย วัดที่เล็กที่สุดด้วย
เดินมากก็หมดแรงอีกแล้ว ได้เวลากินอีกแล้ว วันที่มามี ถนนคนเดิน (กาดข่วงเมือง) เป็นสไตล์ล้านนา ซื้อของในถนนคนเดินกินมานั่งจับจองกินที่ขันโตก ฟังเพลง ได้บรรยากาศมาก
วันที่ 5 ของการเดินทาง (วันสุดท้ายของทริปนี้)
ตื่นสายหน่อย อาบน้ำลงมาทานอาหารเช้าของทางที่พักจัดให้ อร่อยทุกอย่าง
ขี่รถเล่นมาไหว้พระ วัดนี้สวยมากชื่อวัด ศรีพันต้น
เติมคาเฟอีนที่ร้าน น.น่าน คาเฟ่ เป็นสไตล์ร้านไม้ สวยมาก
ชอบร้านไม้ก็แบบนี้ มีแสงแดดลอดส่องเข้ามาในร้าน สวยมาก อ่อ กาแฟดี มีซิกเนเจอร์ของทางร้าน ไปลองกินกันดูน้า
เติมคาเฟอีนเรียบร้อยกลับไปที่พักเพื่อเช็คเอาท์ 9.30น. เดินทางกลับบ้านแล้วจ้า
11.15น. แวะทานข้าวกลางวันที่เมืองแพร่ ชื่อร้าน เนิบ
เป็นร้านอาหารและกาแฟ บรรยากาศร้านน่ารักมาก อิ่มอร่อยพักผ่อนกายาเรียบร้อยกลับบ้านแล้วจ้า
15.00น. ถึงบ้านจ.พิษณุโลก โดยสวัสดิภาพ ปิดทริปอย่างสวยงาม
จังหวัดน่านเป็นจังหวัดที่น่ารัก ทั้งผู้คน สถานที่ อากาศ บรรยากาศ เป็นจังหวัดที่ทุกคนคู่ควรแก่การเดินทางเพื่อมาพักผ่อน รับรองใครมาต้องติดใจและต้องกลับมาอีกหลายๆครั้งเหมือนกับเราแน่นอน เจอกันอีกนะ น่าน
เ ฉ พ า ะ เ ที่ ย ว
วันศุกร์ที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2564 เวลา 12.37 น.