โน๊ตตัวที่1 : คุณหนูเข้าป่า HINTOK RIVER CAMP @ HELLFIRE PASS อ. ไทรโยค จ. กาญจนบุรี

เต้นท์ก็อยากนอน แอร์ก็ขาดไม่ได้ ใครเป็นเหมือนกันบ้าง ตามมาเลย หินตก ริเวอร์แคมป์ ณ ช่องเขาขาด จ. กาญจนบุรี ที่นี่เป็นรีสอร์ทในเครือของ SERENATA Hotels & Resorts Group (เซเรนนาต้ากรุ๊ป)

ชื่อ SERENATA เค้ามีความหมายนะคะ เค้าต้องการจะสื่อถึง เพลงรักที่ชายชาวอิตาลี ขับร้องในที่โล่ง เพื่อแสดงความรู้สึกให้กับหญิงผู้เป็นที่รัก เปรียบเทียบกันรีสอร์ทในเครือที่แทนตัวโน๊ตแต่ละตัว เมื่อมาเรียงร้อยเข้าด้วยกันอย่างเหมาะสมจะเกิดเป็นเพลงที่ไพเราะ และน่าฟัง อยากรู้มั้ยว่าเค้ามีรีสอร์ทในเครืออยู่ที่ไหนบ้าง

ที่มีรีสอร์ทในเครืออยู่ทั่วประเทศ ทั้งกรุงเทพ เชียงใหม่ เชียงราย ประจวบฯ (หัวหิน) กาญจนบุรี พังงา(เกาะยาวน้อย) ลำปาง สุโขทัย สุราษฎร์ธานี (สมุย) หากสนใจเข้าไปดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บนี้เลยจร้าา https://www.serenatahotels.com แต่ถ้ารอได้ เราจะค่อยๆพาไปรู้จักทีละที่ แล้วเรามาตัดสินไปพร้อมๆกันดีกว่า ว่าเพลงรักเพลงนี้เพราะอย่างที่เค้าว่ากันจริงมั้ยนะ.

โน๊ตตัวที่1 HINTOK RIVER CAMP @ HELLFIRE PASS อ. ไทรโยค จ. กาญจนบุรี

การเดินทางมาที่หินตก ริเวอร์แคมป์

รถบัส

ขึ้นรถจากหมอชิต 2 จะมารถทัวร์ ก็ได้หรือรถตู้ก็มี มาลงที่ขนส่งเมืองกาญนะ

จากนั้นต่อรถบัสสีแดงหรือรถตู้ที่จะไปสังขละบุรี นั่งยาวๆไปเลยประมาณ 1ชม.++ พอเห็นน้ำตกไทรโยคน้อยก็บอกคนขับเลยว่าจะลงที่ทางเข้าพิพิธภัณฑ์ช่องเขาขาด ลงรถแล้วเดินไปรอที่พิพิธภัณฑ์ได้เลย แล้วก็โทรหาที่รีสอร์ทให้มารับที่พิพิธภัณฑ์ เพื่อเข้าไปที่รีสอร์ท ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมนะ ระหว่างรอก็เดินชมพิพิธภัณฑ์ช่องเขาขาดไปก่อนหรือจะโทรตั้งแต่อยู่ที่ขนส่งได้เลยนะจ๊ะ เค้าจะได้มีเวลาหารถมารับ เบอร์ติดต่อที่รีสอร์ท 081-7543898 แล้วขากลับค่อยมาเดินชมพิพิธภัณฑ์ก็ได้

รถไฟ

ขึ้นจากสถานีบางกอกน้อย มาลงที่สถานีน้ำตก แล้วก็เหมารถสองแถวมารีสอร์ทเลยก็ได้ หรือจะให้รถรีสอร์ทมารับก็ได้นะ ราคาประมาณ 800บาท(ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงเช็คกับทางรีสอร์ทกันอีกทีนะจ๊ะ) อันนี้ต้องจองและชำระเงินล่วงหน้าก่อนวันเดินทางนะ

รถยนต์

ตั้ง GPS เป็นพิพิธภัณฑ์ช่องเขาขาดไว้เลย ใช้ดูทางภาพรวม+ระยะเวลาคร่าวก็พอ จากนั้นให้มองป้ายข้างทางนะ วิธีนี่ดีที่สุดเวลาไปในที่ๆเราไม่เคยไป เพราะเราจะได้มองเส้นทางด้วย และถนนก็อาจมีการปรับปรุงด้วย เงยหน้าขึ้นมาจะได้ไม่งง

ทางเข้ามี2ทางนะ วันนี้ไปทางที่ 2 กันนะ เพราะใกล้ที่สุด แต่อธิบายทางที่1 ไว้ให้ด้วยก็ได้ เผื่อใครจอยากเอารถบัสมา

ทางที่1 หลัก กม. ที่ 144 เลยพิพิธภัณฑ์ช่องเขาขาดไป 5 กม. ทางนี้รถบัสเข้าได้ รถเล็กก็เข้าได้เช่นกัน ช่องทางนี้เปิดตั้งแต่ 06.00-18.00น.นะ เส้นทางนี้จะเป็นทางลงเขานิดหน่อย แล้วก็วิ่งตรงๆยาวๆ ประมาณ 9 กม. / ใช้เวลาประมาณ 10-20 นาที เส้นนี้ไม่ค่อยมีรถนะ แต่ไม่ต้องกลัวหลงนะ ขับรถเข้าป่าไปเรื่อยๆ ต้องมีสักแว๊บ ที่คิดว่าหลงทางป่าว เพราะถ้าหลงจริงก็กลับรถจร้าาา อย่าคิดมาก นึกซะว่าศึกษาเส้นทาง 555 วิ่งไปเรื่อยจนทาง3แยก มีป้ายให้เลี้ยวขวา เลี้ยวไปก็ไปเจอกับทางแยก รร. บ้านหาดงิ้วเหมือนกัน แล้วก็เลี้ยวขวาอีกที ขับตรงไปอีกประมาณ 2กม. ก็ถึงรีสอร์ท

ทางที่2 ทางนี้คือทางหลักเลย วิ่งจากตัวเมืองกาญ เลยน้ำตกไทรโยคน้อยไป18 กม. หลักกม. ที่ 139 เข้าทางกองการเกษตรและสหกรณ์ สำนักงานทหารพัฒนา หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา หรือศูนย์ประวัติศาสตร์ช่องเขาขาดได้เลยนะ ทางเดียวกัน (ทางนี้เข้าไปแค่ 4กม. เอง) แจ้งพี่ทหารได้เลยนะว่าจะเข้าไปพักที่หินตก ผ่านป้อมทหารรักษาความปลอดภัย ทางบังคับเลี้ยวซ้าย เลี้ยวขวา เจอ3แยก เลี้ยวซ้ายนิดนึง และเลี้ยวขวาลงเขา 1 กม. (ทางลาดชัน กรุณาใช้เกียต่ำนะจ๊ะ) ขับต่อทางลาดไปอีก 3 กม. เจอ โรงเรียนบ้านหาดงิ้ว มีป้ายบอกทางให้เลี้ยวขวา ขับผ่านหมู่บ้านไปตามทางก็ถึงรีสอร์ทแระ (มีป้ายบอกทางทุกทางแยกไปจนถึงรีสอร์ทเลยเช่นกันค่ะ)

จอดรถเสร็จจะนั่งไปกับรถขนกระเป๋าก็ได้นะ ดูรถซะก่อน เฟี้ยวฟ้าว มะพร้าวแก้ว 555.

จากที่จอดรถผ่านซุ้มประตูเข้าไปก็จะเจอพิพิธภัณฑ์หินตกทางที่พักคาดว่าในอดีตเคยเป็นครัวของนักโทษ จึงมีการรวบรวมสิ่งของบางส่วนที่ถูกขุดค้นพบในบริเวณใกล้เคียง มาจัดแสดงไว้ด้วยหล่ะ ดูภาพที่ลิ้งค์นี้ได้นะhttps://www.hintokrivercamp.co... วันนี้เข้าไปชมไม่ได้เค้าปิด เสียดายจัง เดินต่อมาจะเจอกับแผนกต้อนรับ/Clubhouse ตรวจวัดอุณหภูมิ ล้างมือ และเช็คอินเราชนะกันก่อนเลย

พอหันมาฝั่งตรงข้ามเท่านั้นแหระก็จะเจอกับ เต้นท์น้อยๆ ขนาด 29-32 ตารางเมตร สีน้ำตาล ครีม ที่เรียงรายอย่างสวยงาม เว้นระยะห่างระหว่างห้องพอสมควร ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้ที่กลมกลืนไปกับธรรมชาติ แทรกด้วยต้นไม้นานาพรรณที่คอยให้ร่มเงา คลายร้อน บรรยากาศเงียบสงบพร้อมมุมพักผ่อน ที่พร้อมให้ถ่ายภาพสวยๆได้มากมายทั่วทั้งบริเวณ ด้วยจำนวนเต้นท์ทั้งหมดเพียง 40หลัง จึงไม่ทำให้รู้สึกแออัดจนเกินไป แม้จะมีลูกค้าเต็มทุกห้อง

ห้องพัก มี 2ประเภท คือ Superior Tented room และ Deluxe Tented room ทุกห้องมีสิ่งอำนวยความสะดวก มีห้องน้ำส่วนตัวทุกห้อง หน้าห้องบางห้องจะมีรั่ว บางห้องก็ไม่มีนะ บางห้องจะมีโต๊ะ+เก้าอี้นั่งเล่น และเก้าอี้นอนเล่น บางห้องจะมีชิงช้านะ

มาดูโซน Superior Tented room กันก่อนเลย โซนนี้จะอยู่ข้างหลัง โซนDeluxe หากใครไม่ชอบคนเดินผ่านไปผ่านมาแนะนำโซนนี้เลยจร้าา

ต่อมาเป็นโซน Deluxe Tented room โซนนี้จะอยู่ติดลาดแค้มป์ไฟเลยนะ แต่ก็มีบ้างห้องที่อยู่ข้างหลังนะ ใครต้องการห้องDeluxe แต่ไม่ชอบแถวหน้าก็รีเควสเจ้าหน้าที่เค้าได้เลยนะ

ความแตกต่างระหว่างห้อง Superior Tented room และ Deluxe Tented room คือ

1. อย่างที่เล่าไปก่อนหน้านี้ ด้วยความที่การจัดวางตำแหน่งห้องพัก เค้าจัดเป็นเหมือนครึ่งวงกลม ห้อง Deluxe Tented room เกือบทั้งหมดจะอยู่แถวหน้า ติดลานแคมป์ไฟ แต่จะมีบางห้องที่ไม่ติดลานแคมป์ไฟนะ

2. ภายในห้องพัก ประตูห้องน้ำปกติจะเป็นซิปตามลักษณะของเต้นท์ แต่ห้อง Deluxe Tented room จะมีการเพิ่มประตูกระจกและมุ้งลวด ระหว่างตัวเต้นท์กับห้องน้ำด้วยจร้า เท่านี้เองที่ต่างกัน

ถ้ามาเป็นครอบครัวมีห้องแบบมีระเบียงเชื่อมกันด้วยนะ ทั้งรีสอร์ทมีแค่ 2คู่เองนะ

วันนี้เราได้ห้อง Deluxe หล่ะ

มาดูในห้องกันดีกว่าว่ามีอะไรบ้าง

เปิดประตูมาก็พบกับเตียงนอนดูดวิญญาณจร้า เด่นๆเลย เปิดแอร์เย็นๆ หลับทุกที

ห้องพักแบบ 2คน จะเป็นเตียงเดี่ยว 2เตียงทั้งหมดเลย หากใครต้องการเตียงใหญ่ เค้าจะชิดเตียงให้นะจ๊ะ

ส่วนห้องที่นอนได้ 3คน (ห้องที่เสริมเตียง) เตียงจะเป็นเตียงใหญ่ 1เตียง + เตียงเดี่ยวอีก 1เตียงจร้า

ภายในห้องจะมีแอร์ ตู้เย็น โคมไฟ ชั้นวางกระเป๋า ราวแขวนเสื้อผ้าพร้อมไม้แขวน รองเท้าแตะ ร่ม โต๊ะเขียนหนังสือ กระจก โคมไฟ พัดลมเล็ก ใช้งานได้จริงหมดเลยนะ และที่ขาดไม่ได้เลยปลั๊กไฟ มีอยู่หลายจุดเลยเพียงพอต่อการชาร์จอุปกรณ์ทุกอย่างเลยแหระ. (ปลั๊กพ่วงเอามา ไม่ได้ใช้เลย) น้ำดื่ม ชา กาแฟ กาต้มน้ำร้อน มินิบาร์ (มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม) ป้ายแจ้งรหัสWi-Fi และข้อมูลกิจกรรมต่างๆ ก็มีบอกไว้อย่างละเอียดเลย

ห้องน้ำมีมุ้งลวดป้องกันแมลงรอบเลยจร้าแต่แม้รั้วจะสูงแต่อาบน้ำไปก็ยังมองยอดต้นไม้มองดาวฟังเสียงจิ้งหรีดได้อยู่นะ

มีการทำรั่วปิดช่องว่างระหว่างเต้นท์กับห้องน้ำ แอบดูไม่ได้แน่ๆ สบายใจได้เลย

ระหว่างรอมื้อค่ำก็สามารถไปนวดที่ห้องนวดก่อนได้นะ

หรือจะมาเดินเลยชมนกชมไม้ก็ได้ วิวดีเชียว

หรือจะนั่งเล่น จิบเครื่องดื่มชิลล์ๆ ชมวิวแม่น้ำ ก็มาที่ Club House ได้เลยจร้าา

มาถึงเวลาหาหารค่ำ รอบกองไฟ เจ้าหน้าที่เตรียมสถานที่ จัดโต๊ะกันเรียบร้อย

พอคนเริ่มมาเยอะ เจ้าหน้าที่ก็จะมาจุดไฟ แต่เค้าจุดไม่ได้แรงมากนะ นั่งรอบๆจะได้ไม่ร้อนจนเกินไป พอถ่ายรูปสวยๆก็พอ พอไฟดับเค้าก็จะมาจุดให้ใหม่จร้า บาร์เครื่องดื่มพร้อม สั่งได้เลย (มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมนะจ๊ะ)

อาหารค่ำจะเป็นอาหารไทย เสิร์ฟพร้อมบาร์บีคิวหมู / ไก่ ใครกินมังสาวิรัติแจ้งเจ้าหน้าที่ได้เลยนะ

มาดูหน้าตาอาหารกันดีกว่า

วันนี้จัดเป็นบุฟเฟ่ต์หล่ะ มีซุ้มส้มตำ และผัดไทด้วยยย

รับประทานอาหารเสร็จก็เดินรับลม ถ่ายรูปกันสักหน่อยก่อนเข้าห้อง

เช้าวันต่อมา...

ใครลงบันไดไม่ไหวก็เลี้ยวซ้ายหน้าห้องนวด ไปนั่งชมวิวที่จุดชมวิวได้เลยน้าาา

ส่วนใครยังไหวอยู่ก็เชิญลงไปสระน้ำริมแม่น้ำเลยจร้าา

ลงบันไดเยอะหน่อยนะ

บ่อน้ำที่นี่เค้ามีความลับด้วยนะก่อน 9โมงเช้าน้ำจะอุ่นหลังจากนั้นน้ำจะเย็นลองไปแช่กันดูนะ ที่สำคัญน้ำแร่ธรรมชาติไหลมาลงบ่อแล้วก็ลงแม่น้ำไปเลยจร้า

ใครใคร่ถ่ายรูปก็ถ่าย ใครใคร่เล่นน้ำก็เล่นเลยจร้าา

หากใครชอบขี่จักรยาน ทางรีสอร์ทมีจักรยานให้ขี่เล่นได้ด้วยนะ

เส้นทางแนะนำ ประมาณ 2กม. ขี่ชมหมู่บ้าน ข้ามสะพานแขวนไปทำบุญไปวัดหาดงิ้ว

เสร็จแล้วก็มารับประทานอาหารเช้ากันต่อเลย

อาหารเช้า จัดเรียงสวยงาม พร้อมป้ายคำแนะนำให้ใส่maskตอนตักอาหารด้วยนะ

หากมีเวลาเหลือก็มาเลือกทำกิจกรรมกันต่อได้เลย กิจกรรมเค้าก็มีให้เลือกทำตั้งเยอะแยะเลยทั้ง Sup Board, ล่องแพเปียก, พายเรือแคนู, นั่งเรือไปชมหมู่บ้านมอญ, Tree Top Adventure, ล่องเรือไปน้ำตกไทรโยคใหญ่.