Miledayกินเที่ยว365วัน เมื่อถึงคราเมษามาเยือน ช่วงเวลาแห่งการเฉลิมฉลองเทศกาลปีใหม่ไทย ชวนกันมาสัมผัสวัฒนธรรมการทานอาหารตามฤดูกาล เพียงปีละครั้ง ไปกับเมนูเสริมสิริมงคล คลายร้อน อย่างออกรสทั้งคาวหวาน ‘ข้าวแช่’ ตำรับเรือนนพเก้า ความพิถีพิถันเลือกสรรวัตถุดิบพื้นบ้านชั้นดีดีกรีท็อปเท็นจากแต่ละภูมิภาค ผสานกระบวนการทําในแบบไทยโบราณต้นตํารับ 100% อันสลับซับซ้อน เพื่อคงรสชาติความเป็นเอกลักษณ์ โดยไม่ทิ้งลายความประณีตสวยงาม ตั้งแต่การเลือกถ้วยโถโอชามเบญจรงค์มาสวมใส่ เมนูที่ชวนอิ่มเอมใจไปกับเรื่องราวจากเรื่องเล่า รังสรรค์โดยเชฟหนุ่มผู้มีหัวใจโบราณอยู่ทุกอณูการทานโดยแท้จริง

เรือนนพเก้า ( Ruen Noppagao ) ตั้งอยู่ที่ สาทร ซอย 6 ออกเดินทางตามหาเมนูมงคลได้ 2 ช่องทาง โดยรถไฟฟ้าBTS ลงสถานีช่องนนทรี แล้วเดินเข้าซอยประมาณ 300 เมตร หรือเข้าซอยพิพัฒน์ (สีลมซอย3) สามารถทะลุถึงกันได้ สำหรับคนที่ขับรถส่วนตัว ไม่ต้องห่วงเรื่องที่จอดรถ มีให้อย่างกว้างขวางด้านหน้า

บรรยากาศบริเวณชั้นล่าง

ร้านอาหารไทยต้นตํารับ เรือนนพเก้า ( Ruen Noppagao ) อวดรูปโฉมร้านลูกผสมความเป็นโมเดิร์นกับกลิ่นอายสุโขทัยประยุกต์เข้าไว้ด้วยกัน สะดุดตาด้วยผนังอิฐมอญแดงไล่เรียงสลับลวดลายไปมา ในบรรยากาศร้านที่โปร่ง โล่ง ด้วยผนังอีกด้านเป็นกระจกทรงสูงจรดเพดาน ที่ถูกล้อมรอบไปด้วยความเขียวของต้นไม้ดูสบายตา เพิ่มลูกเล่นไทยๆ น่ารักจากโคมไฟสุ่มสานไล่ระดับ มีบริการถึง 2 ชั้น

บรรยากาศบริเวณชั้นบน

ความกลมกล่อมของเรือนนพเก้า เริ่มต้นจาก 3 หัวใจหลัก คือ ‘วัตถุดิบ’ ที่ดีที่สุด โดยการคัดสรรวัตถุดิบหลักจากพื้นเพดั้งเดิม อย่างการนำผักพื้นบ้านมารังสรรค์ในทุกเมนู ซึ่งมีแปลงผักเป็นของตัวเองถึง 4 แปลง 4 จังหวัด 4 ภูมิภาค ในส่วนเนื้อสัตว์นั้นถูกส่งตรงจากฟาร์มเกษตรอินทรีย์ โดยเน้นวิถีเลี้ยงปล่อยแบบธรรมชาติ จากหลายแหล่งทั่วทุกภาคของไทยเช่นกัน ถือเป็นแรงสนับสนุนส่งเสริมเกษตรกรโดยตรงอีกทางหนึ่งด้วย

หัวใจดวงที่ 2 ต้องยกให้ ‘เชฟปิ๊ก คณิน สินพันธ์’ ผู้มีฉายาเชฟรุ่นใหม่หัวใจโบราณ การันตีฝีไม้ลายมือเหรียญทองการทําอาหารไทยยุคโบราณ 2 ปีซ้อนจากงานประกวด Thailand’s International Culinary Cup และอีกหลากหลายเวที

“เชฟผู้หลงรักการทำอาหารไทย ใส่ใจคัดสรรวัตถุดิบจากต้นน้ำทั่วทุกภาคของไทย และคงไว้ซึ่งกระบวนการทําอาหารไทยต้นตํารับ เฉกเช่นเดียวกับรุ่นปู่ย่าตายายได้ทําไว้ เพื่อให้ได้รสชาติที่ดีที่สุดจากวิถีดั้งเดิม”

หัวใจดวงที่ 3 ขอมอบให้กับทุกคนที่มีหัวใจรักการทานอาหารไทย หากได้มาเยือนถึงเรือนนพเก้าแล้ว คุณจะได้พบกับ 9 สิ่งมหัศจรรย์ที่ซ่อนตัวอยู่ ผ่าน 9 Signature Dishes ที่รอการพิสูจน์ด้วยตัวเองจากทุกคนอยู่ แต่ทริปนี้เราขอล่วงหน้าประเดิมด้วยเมนูแรก ไว้คลายร้อน ต้อนรับเมษา กับเมนูเรียลไทยสุดคลาสสิค ที่หนึ่งปีมีเพียงครั้งจะได้ลิ้มลอง อย่างเมนู ‘ข้าวแช่’ ตำรับเรือนนพเก้า

เพียงแรกพบก็อยากสบตา ข้าวแช่ถูกเสิร์ฟมาบนชุดเบญจรงค์ อย่างวิจิตรงดงาม อลังการยิ่งนัก ประหนึ่งได้ลองเป็นชาววังดูสักมื้อ ซึ่งก็คือความพิเศษของปีนี้นั่นเอง ชุดเบญจรงค์บรรจงวาดลวดลายดอกราชพฤกษ์ 3 สี โดยคุณยาย วัย 85 ปี ฝีมือช่างศิลป์มือรางวัลจากศูนย์ศิลปาชีพบางไทร อัตลักษณ์เฉพาะเรือนนพเก้า ร่วมสัมผัสอรรถรสสุดพิเศษนี้ได้ เพียง 9 ชุดต่อวันเท่านั้น 

‘ข้าวแช่’ ตำรับเรือนนพเก้า

ในหนึ่งเซ็ต มีทั้งหมด 3 คอร์ส แต่ละคอร์สเป็นเมนูไทยโบราณคลายร้อน เย็น หอม สดชื่น ประกอบไปด้วย แตงโมหน้าปลาแห้ง ข้าวแช่และเครื่องเคียง 7 อย่างตามตำรับไทย

เริ่มต้นที่เมนูออเดิร์ฟ ‘แตงโมหน้าปลาแห้ง’ บางคนอาจจะคุ้นชินกับข้าวเหนียวหน้าปลาแห้ง คอร์สนี้ต้องทานคู่กับแตงโมที่จะเข้ากัน ถูกคัดสรรตรงจากไร่เกษตรอินทรีย์ จ. สุพรรณบุรี คู่ปลาแห้งฉบับโฮมเมด ทำจากปลาช่อนสิงห์บุรี เริ่มที่นำปลามาปิ้งไฟจนสุก หอมกรุ่น แกะเฉพาะเนื้อมาโขลกให้ขึ้นฟู นำไปผัดจนแห้ง แล้วมาคลุกเคล้ากับเกลือ น้ำตาลทราย และหอมเจียว เพื่อให้ได้ความสดใหม่ เสิร์ฟทานคู่กับแตงโม ในหนึ่งคำจะได้รสสัมผัสทั้งของหวานผสมของคาว มีทั้งความฉ่ำ สดชื่น หวานนิดๆ เค็มหน่อย หอมๆ

‘ข้าวแช่’ พร้อมเครื่องเคียง 7 อย่าง ประกอบด้วย ลูกกะปิ หอมแดงสอดไส้ปลาแห้ง ไข่เค็มชุบแป้งทอด พริกหยวกสอดไส้ หมูฝอย ปลาช่อนแดดเดียวผัดหวาน หัวไชโป๊วหอมผัดน้ำมันหมู และแนมด้วยผักสด อย่าง มะม่วง แตงกวา กระชาย ต้นหอม พริกชี้ฟ้า

เคล็ดลับความอร่อย ‘ข้าวแช่’ ตำรับเรือนนพเก้า นอกจากการทานข้าวแช่ให้อร่อยแล้ว การได้เห็นถึงความพิถีพิถันเลือกสรรวัตถุดิบ ยิ่งทำให้ข้าวแช่มื้อนี้พิเศษจัดเต็มมาก เริ่มกันตั้งแต่น้ำที่ใช้แช่ข้าว ส่งตรงมาจากตาน้ำแร่ ที่มีความสูงจากระดับน้ำทะเล 1,500 ฟุต ของหมู่บ้านดอยงาม อำเภอแม่สรวย จังหวัดเชียงราย นำมาต้มจนเดือด 15 นาที พักไว้เย็น 1 คืน แล้วย้ายไปพักต่อในตุ่มดินเผาอีก 2 คืน ก่อนจะนำน้ำแช่ข้าวมาร่ำด้วยดอกไม้ไทย 4 ชนิด อย่าง ดอกมะลิออร์แกนิค จากสุพรรณบุรี ดอกชมนาดและกระดังงา จากราชบุรี ดอกกุหลาบมอญสายพันธุ์จุฬาลงกรณ์ จากเชียงราย อบต่ออีกหนึ่งคืนเป็นขั้นตอนสุดท้ายก่อนออกเสิร์ฟ แค่ได้ฟังกระบวนการ เวลาทานจะสัมผัสได้เลยว่าน้ำมีความเย็น หอม สดชื่นด้วยตัวเอง โดยไม่ต้องเพิ่งความเย็นแบบสมัยใหม่เลย

ต่อด้วย‘ข้าวแช่’ ที่ร้านเลือกใช้ข้าวเสาไห้เก่ากลางปี จากสุรินทร์ นำมาขัดสารส้มจนใส ก่อนนำไปต้มให้สุกประมาณ 70% เพื่อคงความสุกนิ่มกำลังดี ล้างเมือกข้าวต่อด้วยน้ำเย็น พักจนสะเด็ดน้ำ แล้วห่อด้วยผ้าขาวบาง พรหมน้ำลอยข้าวแช่ก่อนนำไปนึ่ง ทำขั้นตอนนี้ซ้ำไปมาสามรอบ พักให้เย็น แล้วร่ำด้วยดอกไม้หอมทั้ง 4 ชนิด อบเทียนหอมต่ออีกหนึ่งคืนเป็นอันเสร็จพิธีการ เนื้อข้าวที่ได้จะนิ่มกำลังดี เวลาทานจะหอมติดปลายลิ้น ยิ่งได้ทานคู่เครื่องเคียงทั้งเจ็ดยิ่งเข้ากัน และยิ่งเข้าใจได้เลยว่าทำไมถึงเป็นเมนูมงคลจากในรั้วในวัง เพราะใส่ใจกันถูกขั้นตอนจริงๆ

วิธีการทานข้าวแช่

เนื่องจากเมนูข้าวแช่เป็นอาหารมงคล มีความเชื่อว่าก่อนการทานให้ใช้ช้อนที่อยู่ทางขวามือ คนเวียนขวาตามเข็มนาฬิกา 3 รอบ ในถ้วยข้าว เพื่อความเป็นสิริมงคล กุศโลบายของคนโบราณเพื่อให้เราได้สัมผัสอรรถรสของความหอมของข้าวและน้ำ โดยไม่ถูกกลบกลิ่นไปจากกับ เวลาทานกับให้สลับเค็ม-หวาน แล้วตามด้วยข้าวและน้ำ แนมด้วยผักจนจบสำรับ

  • ลูกกะปิ ทานคู่กับดอกจำปี และกระชาย
  • หอมแดงยัดไส้ ทานคู่กับแตงกวา และต้นหอม
  • พริกหยวกสอดไส้ ทานคู่กับแตงกวา และมะม่วง
  • หมูฝอย ทานคู่กับแตงกวา
  • ไข่เค็มชุบแป้งทอด ทานคู่กับต้นหอม
  • ปลาช่อนแดดเดียวผัดหวาน ทานคู่กับแตงกวาและพริกชี้ฟ้า
  • หัวไชโป๊วผัดน้ำมันหมู ทานคู่กับแตงกวา และต้นหอม

สามารถปรับเปลี่ยนผักแนมได้ตามความต้องการ หากทานแล้วรู้สึกเลี่ยน ให้เปลี่ยนมาทานคู่กับกับมะม่วงเปรี้ยว ถ้าทานแล้วอยากเพิ่มรสเผ็ด ให้ทานกับพริกชี้ฟ้าและต้นหอม ถ้าทานแล้วอยากได้ความสดชื่น ให้ทานกับแตงกวา แต่ **ทุกครั้งที่ทานกับลูกกะปิ ให้แนมกับจำปีและกระชายถึงจะเข้ากันที่สุด** 

สำหรับเมนูหวานเย็นคลายร้อน เป็นเมนูยอดนิยมมาแต่ครั้นโบราณ ที่มิเคยลืมเลือน ‘ส้มฉุนมะยงชิด’ ในรูปแบบเชอร์เบทส้มฉุนจี๊ดจ๊าด จับคู่กับมะยงชิด ผสานความหวานอมเปรี้ยว แล้วตัดด้วยความซ่า เผ็ดนิดๆ ในแบบไทยของขิงซอยออนท็อป ชวนปลุกความสดชื่นยามบ่าย หวาน หอม เย็นชื่นใจประจำฤดูร้อนเช่นนี้ได้อย่างดี 

ความพิเศษของเรือนนพเก้าอีกอย่างที่ชวนพิศมัยโดยเฉพาะสาวๆ คือการได้จิบชาที่มีนามอันชวนหลงใหลอย่าง ‘ชาถวายตัว’ มีตำนานเล่าขานมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 ก่อนที่นางในจะถวายตัวให้กับเจ้าขุนมูลนายจะนิยมดื่มชานี้ เพราะเชื่อว่าจะมีกลิ่นกายหอมเหมือนดอกไม้อบอวลไปทั่วร่าง เนื่องจากชานั้นทำมาจากดอกไม้หลายชนิด ทั้ง จำปี จำปา ลีลาวดี กระดังงา ที่คัดสรรมาจากแหล่งปลูกชั้นดีทั่วไทย นำมาปรุงเเต่งเติมเสน่ห์สาวไทยให้กลับมาอีกครั้ง โดย เชฟปิ๊ก แห่งเรือนนพเก้า…เจ้าค่ะ

MILEDAY365 บอกโปร

พร้อมเสิร์ฟแล้ววันนี้!! ตั้งแต่วันที่ 22 มีนาคม ถึง 31 พฤษภาคม 2564

มื้อกลางวัน ตั้งแต่เวลา 11:30 น. ถึง 15:30 น.

  • สำหรับทานที่ร้าน ราคาชุดละ 699++ บาท ต่อหนึ่งท่าน (เฉพาะทานที่ร้านเท่านั้น) ซึ่งจะมีเสิร์ฟเอ็กซ์คลูซีฟเพียง 9 ชุดต่อวันเท่านั้น
  • สำหรับชุดกลับบ้าน ข้าวแช่และเครื่องเคียงจัดใส่ไว้ในตะกร้าสาน พร้อมขนมทองนพเก้า 1 กล่อง ในราคาเพียง 1,299 บาทถ้วน ต่อ 2 ท่าน
  • สำหรับลูกค้าที่สำรองล่วงหน้า 100 ท่านแรก จะได้รับยาดม หมู่มวลบุปผาสวรรค์ ปรุงโดยเชฟปิ๊ก ฟรี 1 อัน
  • มีชุดสำหรับคุณลูกค้ามุสลิมด้วย สามารถสั่งจองล่วงหน้าได้เช่นกัน

“เมื่อฤกษ์งามยามดีออกมาท้าลมร้อนรับเมษา แวะมาเยือนถึงเรือนนพเก้า ทันเพลา 1 ใน 9 ชุดต่อวัน ร่วมสัมผัสเสน่ห์เมนูชาววังคลายร้อน ‘ข้าวแช่’ ตำรับเรือนนพเก้า ไปพร้อมเรื่องราวกว่าจะมาเป็น ‘ข้าวแช่’ จากปากเชฟปิ๊กผู้มีหัวใจโบราณเป็นที่ตั้ง จนต้องยอมใจเลยว่าเมนูนี้ดูเหมือนจะง่าย แต่ไม่ง่ายอย่างที่คิด ต้องใช้ทั้งความละเมียดละไมเลือกสรรวัตถุดิบ ความปราณีตในการทำ และที่สำคัญความจริงใจในการเลือกแหล่งวัตถุดิบ ก่อนมาจบลงตรงการครีเอทแมทช์ลงบนชุดเบญจรงค์จากยอดฝีมือ เมื่อรวมตัวกันแล้วกลายเป็นผลงานมาสเตอร์พีซชิ้นโบแดงประจำฤดูร้อนเลยทีเดียว” Mileday365


ร้านอาหารเรือนนพเก้า ( Ruen Noppagao )

ซ. สาทร 6 แขวงสีลม เขตบางรัก กรุงเทพมหานคร 10500

การเดินทาง :: ได้ 2 ช่องทาง คือ สาทร ซอย 6 (ใกล้ BTS ช่องนนทรี) หรือ ซอยพิพัฒน์ (สีลมซอย 3) มีจอดรถกว้างขวาง

Open Daily
11:30 น. – 23:00 น.

Tel:: 02 116 3317
Web:: http://ruennoppagaorestaurant.com/
E-mail:: [email protected]
FB :: Ruen Noppagao

Mileday365

 วันอังคารที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2564 เวลา 18.25 น.

ความคิดเห็น