ดูจากราคาแล้ว มันดูคุ้มค่ามาก เพราะเป็นไฟลท์ full service โดยแวะ transfer ที่เวียตนาม

มีบริการพร้อมครบทุกอย่าง เหล้า ยา ปลาปิ้ง หมอน ผ้าห่ม และได้น้ำหนักกระเป๋า มากถึง 30 กก.

แถมยังไม่พอ ยังได้นั่ง BOEING 787 DreamLiner ตัวใหม่ล่าสุดอีกต่างหาก


มันเลยยากที่จะห้ามใจไหวครับ

เล็งๆไว้นาน พอ ผบทบ. อนุมัติงบ ก็รีบกดจองทันที

รายละเอียดการเดินทางที่ผมจองไว้ ก็ตามนี้ครับ


ขาไป 8 พค. กทม. - โฮจิมินห์ - นาริตะ

ขากลับ 15 พ.ค. นาริตะ-ฮานอย- กทม.



รวมราคาโปรเบ็ดเสร็จที่จองมาได้ 8165 บาท
รวมน้ำหนักกระเป๋า 30 กก.



ผมนั่งเครื่องบินมาจากเชียงใหม่ มาต่อเครื่องที่ กทม สุวรรณภูมิ

ขนาดว่าเผื่อเวลาต่อเครื่องไว้แล้ว 4 ชั่วโมง

พอเจอสายการบินในประเทศดีเลย์เข้าไป 2 รอบติดๆ ทั้งดีเลย์ ทั้งเปลี่ยนไฟลท์ แล้วก็ดีเลย์ต่ออีกรอบ

กว่าจะฝ่าฟันมาถึงสุวรรณภูมิได้ ก็เฉียดๆตกเครื่องหละครับ หลังจากผ่านขั้นตอนการตรวจคนเข้าเมืองอย่างเร่งรีบ



ก็มาเริ่มที่ gate เลยครับ โชคดีที่เค้ายังไม่เรียกขึ้นเครื่อง

เครื่องบินมารอที่ GATE เรียบร้อยแล้ว

ช่วงที่บินจาก BKK-SGN จะเป็นเครื่อง Airbus A321



โอย โชคดีที่มาขึ้นเครื่องทัน นึกว่าตกเครื่องซะแล้ว


อันนี้เป็นที่นั่งของ Business Class ครับ จะกว้างขวางกว่าที่นั่งแบบธรรมดา แต่ราคาไม่ใช่ไปกลับ 8 พันกว่าแน่ๆ


และก็มาถึงที่นั่งชั้น Economy ที่เหมาะกับฐานะอย่างเราๆ


การจัดที่นั่ง ก็มีช่องว่างพอสมควร มีที่ว่างให้ยืดแข้งยืดขาได้สบายพอสมควรเลยครับ



บนเพดาน มีจอเป็นระยะๆ ฉายรายการตลกให้ชม


วิวนอกเครื่อง


ในกระเป๋าหน้าที่นั่ง ก็มีคู่มือความปลอดภัยที่ผ่านศึกมาพอสมควรนิตยสารสายการบิน และถุงสำหรับสภาวะฉุกเฉิน


พอแจกผ้าเย็น สาธิตขั้นตอนความปลอดภัยอะไรเสร็จ ก็เครื่องขึ้นละครับ



พอเครื่องขึ้นตั้งลำได้ ถึงระดับความสูง และความเร็วที่ต้องการ

ก็มีเสริฟอาหารเย็น เป็น Cold cut พอแก้หิวได้ เพราะเพิ่งวิ่งรอบสนามบินมาเหนื่อยๆ แต่ขนมปังออกแข็งๆหน่อยแบบฝรั่งเศสครับ

แต่ว่าเสริฟกาแฟไม่ทันครับ เพราะ flight สั้นมาๆ บินออกจาก กทม. ราวๆชั่วโมงเดียวก็ถึงโฮจิมินห์แล้ว



นั่งแป๊บเดียวก็ถึงแล้วครับ Ho chi minh city หรือ Saigon รู้สึกว่ามันใกล้กว่าเชียงใหม่ มากรุงเทพซะอีก



พอเข้ามาในตัวสนามบิน


ก็เดินตามป้าย Transfer มาเรื่อยๆ จนเจอประตู departures นี่หละครับ

ก็ผ่านด่าน ตรวจค้นตัวอีกรอบ


แล้วก็ออกมาเจอ departure hall ครับ

departure hall เค้าก็กว้างขวางดีพอใช้ได้ครับ มีศูนย์อาหารอยู่ชั้นบน


ราคาของที่ขายที่นี่ เป็น USD ครับ จ่ายเป็นเงินไทยก็ได้

ถ้าจ่ายเป็น USD ก็จะได้ทอนมาเป็น USD บางส่วน และเศษๆก็จะทอนมาเป็นธนบัตรของเวียตนาม



และก็ขึ้นมากินเฝอ ที่ศูนย์อาหารชั้นบนครับ อร่อย เนื้อเปื่อย ลูกชิ้นกรุบกรับ ซุปหวานดีมากๆ

โดนไป 7 USD มั้งครับ จำไม่ค่อยได้



กินเฝอเสร็จ ก็มานั่งๆนอนๆรอที่ gate

พอเที่ยงคืน เค้าก็เรียกขึ้นเครื่องหละครับ



ขึ้นรถบัสมา ก็กระหยิ่มยิ้มย่องอยู่ในใจ โบอิ้ง 787 เอ้ย

วันนี้ จะได้นั่งเป็นครั้งแรกในชีวิตละ เครื่องบินที่เค้าว่าสร้างด้วยเทคโนโลยีสุดไฮเทค

คาร์บอนไฟเบอร์ทั้งลำ ทันสมัยอันดับต้นๆของโลก

พอมาถึง รถบัสจอดปุ๊บ มองไปที่เครื่องยนต์ก่อนเป็นอันดับแรก


เฮ้ย ! นี่มัน airbus A330 นี่หว่า พี่มาส่งผมผิดลำรึเปล่า ทำไมมันไม่ใช่ 787

สรุปว่า 787 ไม่ว่างนะฮะ เค้าเลยเอา 330 มาบินแทน เซ็งเลย



ที่นั่งชั้น Business หรูหรา กว้างขวาง เอนนอนได้


ถูกหวยแล้วจะมานั่งนะฮะ



ต่อมาก็เป็นที่นั่งชั้นทัศนาจร หรือ economy class



8,165 บาท ไปถึงญี่ปุ่น

มีหมอน มีผ้าห่ม มีจอ มีจอยให้เล่นเกมส์ด้วย จะมาเรียกร้องอะไรอีก

เลิกบ่นเรื่อง 787 นอนๆไปซะ

ค่อยมาลุ้นกันตอนขากลับอีกทีเหอะ



อ่ะๆ มีเกมบอยด้วย



งัวเงียๆตื่นมาพร้อมอาหารเช้า เจ๊แกเอาถาด มาวางอยู่ตรงหน้าละฮะ เสริฟกันถึงเตียงนอนเลย


อาหารเช้า เป็นข้าวปลาย่างแบบญี่ปุ่น หรือ omlette แบบฝรั่ง ผมเลือก omlette มาครับ

กินผลไม้ล้างปากก่อน แล้วค่อยกินข้าว พออร่อยใช้ได้เหมือนกัน



พอทานเสร็จ เครื่องก็ใกล้จะถึง narita ละครับ



แล้วเจ้า A330 ก็พามาถึง Narita โดยสวัสดิภาพครับ



จบขามาหลังจากนั้น ผมก็เที่ยวๆๆๆไปทั่วครับ

ตัดมาที่วันกลับเลย 15 พ.ค. 2016



พอผ่านตรวจคนเข้าเมืองเข้ามาที่ departure hall แล้วน้ำตาจิไหล

เจอลำนี้จอดอยู่ที่ gate

BOEING 787 Dreamliner ลำใหม่เอี่ยม



เบาะนั่งชั้น economy มีจอ มีช่อง USB ไว้ชาร์จโทรศัพท์ด้วย



แผนที่การบินแบบ 3D รู้ว่าทางซ้ายกำลังบินผ่านเมืองไหน ทางขวาเป็นอะไร


แต่เกมบอยนี่ เลิกเหอะครับพี่ มัน retro ไปหน่อยนะ



กระจก ปรับความเข้มได้ โอ้ย มันทันสมัยจริงว้อย


เวลาเครื่อง take off landing ก็ไม่ต้องไปคอยประกาศให้ผู้โดยสารเปิดหน้าต่าง

เพราะแค่กัปตันกดปุ่ม กระจกทั้งลำ มันจะใสขึ้นมาเองพร้อมๆกัน คือเจ๋งง่ะ มันดีงามมาก



ตอนแรก ผมขอเค้านั่งติดกระจกด้านขวา เพราะจะได้ถ่ายรูป fuji-san



แต่เค้าบอกว่า ที่นั่งฝั่งขวาเต็มหมดแล้วจ๊ะ เอาฝั่งซ้ายละกันนะ



พอมาดูแผนที่การบินวันนี้แล้ว ร้องกรี๊ดเลยครับ วันนี้ที่นั่งฝั่งซ้ายจะเห็นฟูจิซัง



เตรียมกล้อง ตั้งค่าต่างๆ ให้พร้อม พอเห็นปุ๊บ ก็กดรัวๆเลยครับ



ข้อเสียของกระจก แบบปรับความเข้มได้ คือ



มันเปลี่ยนสีช้ามากๆครับ กว่าจะใสนี่ บินผ่านฟูจิมาตั้งไกลแล้ว



พอผ่านฟูจิไปได้สักพัก เค้าก็เริ่มเสริฟอาหารเที่ยงครับ



สงสัยโหลดมาจากครัวที่ญี่ปุ่น เพราะใช้ข้าวญี่ปุ่น และพวกอุปกรณ์ต่างๆ ก็ของญี่ปุ่นครับ



กินข้าวเสร็จก็ดุหนังจบไปเรื่องนึง หลับมั่ง ตื่นมั่ง และก็ถึง HANOI ครับลาก่อนนะจ๊ะน้อง 787


เดี๋ยวเก็บตังค์ได้ เราคงจะได้พบกันใหม่



ขากลับผมก็เลือกไป transfer ที่สนามบินฮานอยครับ จะได้ลองให้มันครบๆ


สนามบินฮานอย จะโล่งโปร่งตา กว้างขวาง สะอาดสะอ้านกว่า สนามบินโฮจิมินห์ซิตี้



และก็อดไม่ได้ ที่ต้องสั่งลาด้วยเฝออีกสักถ้วย



และเจ้า Airbus A321 ก็มารอรับกลับ กทม ครับ


เป็นอันจบการรีวิว ไว้เพียงเท่านี้ครับผม



สรุปแล้ว ถ้าจองตั๋วโปรได้ ราคา 8000 - 9000 บาทนี่

สำหรับคน กทม ผมว่าคุ้มมากครับ



เพราะได้นั่งสายการบิน full service พร้อมน้ำหนักกระเป๋า 30 กก

ระบบ entertainment บนเครื่องครบครัน รวมทั้งหมอน ผ้าห่ม

และยังมีอาหารอีก 4 มื้อ เสริฟ เบียร์ ไวน์ ไม่อั้น พร้อมกับแกล้ม



ทั้งหมดนี้ ในราคาหลักพัน ไม่ทะลุหมื่น

การต่อเครื่อง ก็ไม่ได้ลำบากยากเย็นอะไร ถ้าเลือกไฟล์ห่างๆก็แวะเข้าไปเที่ยวในเมือง

ถ้าขี้เกียจรอนาน ก็เลือกไฟลท์ชิดๆกัน แวะกินเฝออร่อยๆสักชาม แล้วก็รอขึ้นเครื่องลำต่อไป



แต่สำหรับคนที่บ้านอยู่เชียงใหม่แบบผม

การต่อเครื่องทีละ 3 รอบ นี่ มันเป็นอะไรที่หนักหนาอยู่พอสมควรครับ

ขึ้นๆลงๆ นั่งรอๆๆ จนเบื่อเลยเหมือนกัน แถมเจอดีเลย์ วิ่งรอบสนามบินจนเกือบมาขึ้นเครื่องไม่ทัน

คราวหน้าคงหาอะไร ที่ต่อเครื่องน้อยกว่านี้หน่อย



ก็เป็นอันจบการรีวิวไว้เท่านี้ครับ ขอบคุณ ทุกท่านที่แวะเข้ามารับชมครับ



tamrong

 วันพฤหัสที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2559 เวลา 11.33 น.

ความคิดเห็น