จำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าจับกล้องฟิล์มครั้งล่าสุดเมื่อไหร่ ถ้าให้ย้อนความจำคงราวๆสัก 9-10 ขวบ มันเป็นกล้องของพ่อและผมจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเคยกดถ่ายรูปจริงๆ หรือป่าว แต่ถ้าเอามากดเล่นแล้วทำเสียงแช๊ะๆ บ่อยมาก

กล้อง(Kodak M35)ตัวนี้มีความหมายสำหรับผมมากเพราะมันเป็นของขวัญวันเกิดของส้ม (ให้ล่วงหน้า10 กว่าวันแหนะ) นอกจากนั้นมันยังเป็นตัวแทนความทรงจำต่างๆของเราอีกด้วย 


ตอนแรกตั้งใจว่าเราจะสลับกันถ่ายคนละรูป พอถึงเวลาๆจริงๆ เราจำไม่ได้เลยว่าใครถ่ายอะไรกันบ้าง ไม่ต่างจากตอนได้เขามา ในวันสุดท้ายก่อนเดินทาง 30 นาที


จนเวลาพัดผ่านเลยไป ในเวลาเช้าตรู่ของวันอาทิตย์ 27 มิถุนา ท้องฟ้าเต็มไปด้วยเมฆขาวเป็นก้อน ก้อนใครก้อนมัน บ้างก็รวมกลุ่มกันลอยเป็นแก๊งค์ ในวันที่โควิดยังคงอยู่และไม่รู้ว่าจะจบลงแบบไหน เช่นเดียวกับเมฆที่ไม่รู้จะลอยไปสิ้นสุดที่ใด


ช่วงโควิดมีทั้งแย่และดี ผมได้แฟนที่ดีและน่ารักมากๆ มาหนึ่งคน​ มีงานที่ไม่มีผลกระทบ และในมือถือความทรงจำหมายถึงกล้องน่ะ ..เสน่ห์ของกล้องฟิล์มอยู่ตรงที่ 38 รูปมันคงมีความหมายมากในการจะกดชัคเตอร์แต่ละครั้ง มันต้องเป็นสิ่งที่ผมจะจดจำมันได้ แม้ม้วนฟิล์มจะหายไป


เราเปิด GPS ไปวังน้ำเขียว และผ่านสถานที่แรกที่เราแวะคือ ไทย-เดนมาร์ก ที่ไม่มีนักท่องเที่ยวเลย ดับร้อนด้วยไอศครีมที่ร้านขายของที่ระลึกและดิน 2 ถุง น่าจะเป็นดินผสมนมหรืออะไรสักอย่างนี่แหละ...(เพราะผมอยากให้ต้นไม้ผมสูงๆ)


ฝ่าความร้อนไปไหว้พระขอพรกันที่พุทธอุทยานวังน้ำเขียว(ตั้งอยู่ในอำเภอวังน้ำเขียว) เป็นสถานที่ที่ผมตั้งใจมามาก เพราะผมเกิดปีมะโรงการมาไหว้พญานาคจึงเป็นสิ่งที่ตั้งใจไว้และตั้งใจจริง ที่นี่มีพื้นที่จุดสักการะบูชา หลายจุด ทั้งองค์ปู่อนันตนาคราช องค์ปู่ศรีสุทโธ แม่ย่าศรีปทุม พญาอนันตนาคราชองค์ใหญ่สีรุ้ง และนอกจากนั้นสิ่งที่ผมทำมาตลอดคือการมาติดสินบน (บนบานสานกล่าว) และส่วนใหญ่ผมจะได้กลับมาแก้บนทุกครั้ง ** นี่เป็นความเชื่อส่วนบุคคลเน้อ..


ใครมาแล้วก็อย่าลืมเข้าไปในถ้ำนครบาดาลนะ คุณจะรับรู้ถึงความความศักดิ์สิทธิ์และความเงียบแบบขนลุกบางอย่างเลยละ ระหว่างเดินกลับจะมีเห็ดทอดขายซึ่งเป็นทางเดียวกับทางเข้านั่นแหละ อร่อยมาก ส่วนนักนานๆ ทีเสี่ยงโชคอย่างเรามีหรือจะพลาดล็อตเตอรี่ ที่มีขายแทบจะทุกที่ที่มีวัด(ดัง)ราวกับหน้าเซเว่นจะต้องมีร้านค้าแผงลอย(หลังจากหวยออกเราก็พบว่าเฉียด..อีกแล้วหรอ)

ด้วยสถานที่หลายแห่งปิดให้บริการ กิจกรรมง่ายๆ ที่เราพอจะนึกออกคือแวะซื้ออาหารหมาและขับรถเข้าไปในวัดไทยสามัคคีเพื่อให้อาหารเหล่าแก๊งค์สี่ขา มองดูเขาทานอย่างมีความสุข และสุขที่สุดคงจะเป็นคนรักน้องหมาอย่างส้ม พอเห็นเขามีความสุขความสุขผมก็เกิดขึ้นอย่างอัตโนมัติ



ขับตามป้ายเรื่อยๆ ไปผาเก็บตะวัน และพบว่าป้ายสุดท้ายเขียนว่าปิด ระหว่างทางขากลับเราสองคนทำได้เพียงชื่นชมแสงตะวันที่ลูบไล้เล้าโลมต้นไม้ใบหญ้าเป็นรางวัลปลอบใจยามบ่ายคล้อย เราสองกำลังเป็นเศรษฐีที่ไม่ได้ร่ำรวยเงินทองแต่กองไปด้วยความสุข



การเดินทางที่ไร้แผนตั้งแต่ต้นทำให้สนุกและมีเสน่ห์ ป้ายสวนลุงไกรที่เจอะโดยบังเอิญดึงดูดเราเข้าไปหา ผมได้เครื่องดื่ม Butter beer ที่ไม่มีแอลกอฮอล์ กินแล้วไม่เมาแต่สดชื่น คุณแฟนได้น้ำพริกเห็ด และสุดท้ายผมได้รูปน่ารักๆ ให้เธอ


บรรยากาศตอนบ่ายสี่โมงไม่เลวร้าย และได้ภูเขาหลายลูกที่ปกป้องเราไว้จากความวุ่นวาย การโอบล้อมของภูเขาทำให้ตระหนักถึงความสงบ ..ลุงไกรนั่งอยู่ไม่ไกลใส่หมวกแดงๆ เราเองก็อีกไม่ไกล ไม่ไกลจากตลาดสถานที่ต่อไปที่เราเจอโดยบังเอิญ


ที่ตลาดเราได้ปลาดุกมาสามตัวเพราะระหว่างทางมาเราเจอเขื่อนลำพระเพลิงแล้วส้มก็อยากปล่อยปลา ปลาที่ต้องว่ายในน้ำกว้างๆ ไม่ใช่กะละมัง ผมยอมรับว่าปลาดุกย่างกับส้มตำนั้นอร่อยมาก แต่บางครั้งเขาก็น่าสงสารเกินกว่าจะอยู่ในกะละมังในวันที่อากาศร้อนแบบนี้


ที่ที่ผมปล่อยปลาอยู่ไม่ห่างจากคนตกปลา ที่นี่คนมาตกปลาเยอะ ด้วยความอุดมสมบูรณ์ของแหล่งน้ำ รวมถึงกิจกรรมอื่นๆ อยากเช่นพาครอบครัวมาพักผ่อนหย่อนเบ็ดและรับลมเย็นๆ..บ้างก็เปิดท้ายรถทำอาหารทานกัน ที่เหลือก็แล้วแต่เวรแต่กรรมของเจ้าแล้วนะดุกน้อย



เราขับรถไปอีกนิดตรงที่มีคนจอดรถกันเยอะๆ เพื่อดูพระอาทิตย์​ตก เจอคุณลุงผู้น่ารักที่ดูแลบริเวณนี้ และขอให้คุณลุงถ่ายรูปให้เรา 1 ภาพ แต่ด้วยความน่ารักของคุณลุง

“ กดยังไงๆลุงกดไม่เป็น-เอาตาส่องในรูนี้หรอ ”

หลังจากลุงถ่ายเป็น...

“ มาๆ อีกรูปๆ มุมนี้นะ กันพลาด ”

หลังจากล้างรูปมาก็พบว่าคุณลุงถ่ายดีกว่าผมอีก..เป็นเกียรติมากครับที่ลั่นชัคเตอร์ด้วยนิ้วชี้ที่หยาบกร้านผ่านกาลเวลาของชีวิต แต่ทรงพลัง ไว้เจอกันอีกนะครับลุง


ก่อนเข้าที่พักเรานั่งชื่นชมกับความงามตรงหน้านานจนพอใจ บรรยากาศที่ดีและคนข้างๆที่น่ารัก คุ้มแล้วชีวิตคุ้มแล้ว..และทันทีที่ขึ้นรถความงามตรงหน้าติดปีกบินหนีรวดเร็ว เหลือไว้เพียงความสุขกับคนข้างๆ..



เข้าที่พัก จันทารา วัลเล่ย์ รีสอร์ท ดื่มเบาๆ รับเอาบรรยากาศดีๆ ที่พักวันนี้ไม่ได้เนืองแน่นไปด้วยผู้คนแต่เนืองแน่นไปด้วยธรรมชาติล้อมรอบ และแขกไม่ได้รับเชิญอย่างตุ๊กแกผู้เฝ้ามองดูเราอยู่ไม่ไกล

“ ลมแผ่วเบา จนแทบไม่ได้ยิน แต่เย็น

ความสุขก็ไม่ได้ยิน แต่รู้สึก ”


(28 มิ.ย.64) เช้านี้ถูกปลุกด้วยเสียงนกไม่ทราบชนิด ราวแปดโมงกว่า แผนของวันนี้คือไม่มีแผนอีกเช่นเคย ผมนั่งบันทึกความทรงจำผ่านสายตา พร้อมกล้องในมือที่ถ่ายภาพวิวในมุมที่ผมชอบมองที่สุดในเช้านี้


ออกจากที่พักและพบว่าที่ๆ คิดว่าจะไปปิดหมด เปิดรีวิวดูแบบรวดเร็วและใกล้ที่สุด​ เจอสถานที่ให้อาหารสัตว์บวกคาเฟ่ในตัว a​ cup​ of​ love จึงเป็นสถานีต่อไปเพราะผมคิดว่าถ้ามีสัตว์ส้มจะชอบ เอาใจแหละว่าง่ายๆ และเธอก็ชอบจริงๆ เป็ดแต่ละตัวขาวจั๊วะน่ากอดทั้งนั้น แค่เดินมาเขาก็เหมือนรู้ พุ่งตรงมาหาคนทันทีพลางทำเสียงอะไรสักอย่างน่าจะแปลได้ว่า “ขอขนมฉันบ้างสิเพื่อน” หมูแคระนี่ก็ใช่ย่อยแย่งกันดูดนมจู๊ดๆ จนจุกนมหลุด ส่วนแกะก็ไม่น้อยหน้าร้องกันระงมคงหิวแหละดูออก



แวะเติมคาเฟอีนกันที่ mom's cottage



ก่อนพาคุณแฟนไปเอาใจต่อที่ Sibie Cafe & I am siberian resort ตอนแรกนะอยากเล่นกับหมาพันธ์นี้มาก พอไปเจอตัวจริงผมนี่ให้แต่ส้มเป็นคนให้อาหารเพราะน้องตัวใหญ่ม๊าก ยืนดูดีฟ่า



จบวันด้วยการเข้าที่พักที่ montana farm ต้องชมคนหาที่พักเลยเก่งจริงๆ แต่เรื่องจำห้องนี่ไม่เก่งเลย รูปที่สองคือคุณแฟนไขเข้าห้องผิด ไขอยู่นานมาก จนพี่รปภ.เดินมาบอกว่าอีกห้องนึงครับ เล่นเอาเขินเลย



แต่บ้านเราก็น่ารักใช่ย่อยแถมกว้างกว่านิดหน่อย ผมชอบชั้นลอยภายในห้องมาก มองลอดหน้าต่างออกไปเห็นภูเขา ท้องฟ้า ต้นไม้ และริ้วของท้องฟ้ายามเย็น ริ้วของเมฆครึ้มๆ ที่บอกว่าฝนกำลังจะมาและพระอาทิตย์หลบไปอีกทางซีกโลกเร็วกว่าปกติ ผมลงมาหาคุณแฟนที่สวยกว่าวิวที่เห็น และเห็นทีว่าหลายคนกำลังจะอ้วก


ที่ชอบที่สุดคงเป็นความเงียบสงบ เหมือนที่นี่เป็นดินแดนแห่งความเงียบงันอันลึกล้ำ เสมือนว่าแม้แต่ต้นไม้ ภูเขา และท้องฟ้า ล้วนไร้วาจา เสมือนความเงียบดูดกลืนทุกสิ่งทุกอย่างเข้าไปหมดแล้ว เหลือเพียงเสียงลมหายใจของเราสองคน


..และเราก็ถูกปลุกด้วยเสียงของนกอีกเช่นเคยแต่วันนี้ดังกว่าเมื่อวานเพราะรังของนกชนิดหนึ่งอยู่ใกล้กับที่พักเรามาก ผมเดินเข้าไปดูใกล้ๆ นกก็ยิ่งร้องดังขึ้นเหมือนว่าเขากำลังเตือนภัยให้กับลูกๆ ของเขา ผมเดินถอยออกมาเพื่อเป็นการไม่รบกวนกันและกัน..

อาหารเช้านี้เป็นข้าวต้มแสนอร่อยกับสลัด ที่ผักสดๆ ถูกเก็บมาจากฟาร์มหน้าที่พักเราเลย อากาศเช้านี้ดีเหมือนเมื่อวาน แดดเลียเบาๆ และเริ่มเลียแรงขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป กิจกรรมต่อไปอยู่ห่างไป 15 ก้าวจากที่พักของเราและเป็นกิจกรรมที่ดูเหมือนจะทำทุกวันตลอดทริปนี้เลยก็ว่าได้นั่นคือให้อาหารสัตว์ แต่ครั้งนี้เป็นสัตว์ Exotic Pet หรือสัตว์แปลก แต่ผมก็เห็นบ่อยทั้งทางทีวีหรือในเฟสบุ๊คจนรู้สึกว่ามันไม่ค่อยแปลกแล้ว แต่ผมก็ตื่นเต้นที่ได้เห็นเขาตัวเป็นๆ ทั้งคาปิบาร่า ,อัลปาก้า,เต่าซูคาต้า ,ม้าแคระ และลา ทั้งลาเป็นและ ลาจาก

ปล.ค่าเข้าที่นี่ 50 บาทผมว่าไม่แพงเลย ส่วนอาหารก็ถุง 20 บาทเอง



กิจกรรมต่อไปก็ยังไม่พ้นสัตว์ ทริปหน้าผมพาคุณแฟนไปสวนสัตว์เลยน่าจะดีกว่า..ขับรถกันดุ๊กดุ๊ยจนมาถึงศูนย์อนุรักษ์ช้างเขาใหญ่ [ แต่ปิด ] ขับดุ๊กดุ๊ยกันไปอีกนิดฝั่งตรงข้ามเพื่อเติมคาเฟอีน แล้วกดชัคเตอร์เอารูปอีกซักซีน..



" ที่สุดท้ายของวันนี้ที่ที่ควรไปถึงเย็นๆ แต่ดันไปถึงบ่ายแก่ๆ ทำเอาคุณแฟนมึนแดดกันเลย พาเขาไปกินน้ำผลไม้สักแก้วแหละจะได้ชื่นใจ แต่ผมอะชื่นใจที่สุดที่ได้มาเที่ยวกับเขา "



อ่านเรื่องราวอีกมุมที่เธอเขียนได้ที่นี่เลย >>  https://pantip.com/topic/40824...























 



ROAD MOVIE

 วันอังคารที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2564 เวลา 16.38 น.

ความคิดเห็น