รีวิวตอนนี้เป็นการไปรีวิวสถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดตรังและสตูล โดยแม่ประนอมได้รับการชวนจากทางการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ไปร่วมสัมนาการท่องเที่ยวจังหวัดสตูล และพาไปชมสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ เพื่อจะได้มาเผยแพร่ให้เพื่อนๆได้ไปเที่ยวกัน



ในตอนนี้ก็จะมีเรื่องของตำนาน "เขาเล่าว่า" 2 เรื่องของจังหวัดสตูล คือเรื่อง มหัศจรรย์หาดทรายใต้ทะเล สันหลังมังกร และ "อุโมงค์แสงมรกต" ถ้ำภูผาเพชร จ.สตูล พาไปล่องแก่งซึ่งถูกและสนุกมาก และจะพาไปทานร้านอาหารอร่อยๆด้วยครับ



ขอเชิญตามไปรีบชมกันครับ

แม่ประนอม ครับผมโปรแกรมทั้งหมดในรีวิวก็ตามนี้ครับ


ทั้งหมดก็แยกกันสำรวจด้วยกัน 4 เส้นทางครับ


ของแม่ประนอมเลือกไปเส้นทางตำนานเขาเล่าว่า ก็จะเป็นโปรแกรมนี้ครับ

วันเดินทางก็ได้ใช้บริการของไทยแอร์เอเซีย ซึ่งสนับสนุนการเดินทางของเราครับ


อาหารบนเครื่องกับกระเพราะไก่หม่อมน้อย อร่อยใช้ได้เลยนะ


แป๊ปเดียวก็มาถึงตรังแล้วครับ


มื้อแรกที่มาถึงตรัง ททท.ก็พาคณะมาทานติ๊มซำร้านนี้กันครับ อร่อยดีและไม่แพง คนแน่นร้านเลยครับ


ติ๋มซำที่นี่เข่งละ 20 บาทเองครับ


เอาเมนูมาให้ดูครับ


อิ่มแล้ว ก็ไปสถานที่ประชุมกันครับ คือที่โรงแรมเรือรัษฎากันครับ และเราจะเข้าพักที่นี่คืนนี่ก่อนที่จะแยกย้ายไปสำรวจสถานที่ท่องเที่ยวในวันรุ่งขึ้น


โรงแรมใหญ่โตทีเดียวครับ


สระว่ายน้ำใหญ่ๆหลังโรงแรม แต่ไม่มีตนใช้บริการนะ ส่วนมากออกไปเที่ยวกันหมด


งานจัดขึ้นที่นี่ครับ


เอาของไปเก็บห้องก่อนครับ


แล้วก็ลงมาสัมนากันครับ


ได้ฟังแหล่งท่องเที่ยวต่างๆในจังหวัด ตรัง-สตูล แล้วตื่นเต้นมากครับ มีหลายๆที่ๆเราไม่รู้จักเลย แต่น่าสนใจมากครับ


สัมนาจบแล้ว เราก็ไปเที่ยวกันครับ


เราไปเดินเล่นหาของอร่อยๆกินกันที่ถนนคนเดินกันครับ

ตั้งอยู่หน้าสถานีรถไฟตรังเลยครับ จะมีกันทุกคืนวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ครับ

ขนมแปลกๆอร่อยๆมากมายเลยทีเดียวครับ ต้องลองมาเดินชิมกันครับ


อันนี้เค้าบอกว่าเป็นโรตีเจ้าดังครับ คนนั่งรอกันตรึมเลยครับ


หอยชักตีนก็น่าซื้อนะครับ


อันนี้ก็แปลกดีครับ


แล้วเราก็ไปต่อกันที่ร้าน มันตรา ร้านอาหารที่พูดได้ว่าใหญ่ที่สุดในจังหวัดตรัง ด้วยพื้นที่ร้านทั้งหมด 2 ไร่


อาหารอร่อยและไม่แพงครับ

เอาเมนูมาให้ดูราคาครับ


มาดูหน้าตาอาหารกันครับ อร่อยเลยครับ


ตื่นเช้ามาวันรุ่งขึ้น หลังทานอาหารเช้าเสร็จเราก็เช็คเอาท์เก็บของขึ้นรถเพื่อเดินทางไปจังหวัดสตูล


แต่เราจะแวะเที่ยวน้ำตกวังสายทองและล่องแก่งกันก่อน ซึ่งอยู่กลางทางก่อนถึงจังหวัดสตูล


น้ำตกวังสายทองตั้งอยู่ในหมู่ที่ 10 ตำบลน้ำผุด อำเภอเมืองละงู ห่างจากเขตเทศบาลตำบลกำแพง 28 กิโลเมตร

ต้นน้ำของน้ำตกวังสายทองเกิดจากคลองวังน้อยสายน้ำเกิดจากการทะลักของน้ำในถ้ำใต้ภูเขา ไหลออกมาตามช่องเขาลงสู่แอ่งน้ำต่างๆ ที่รองรับด้านล่างลักษณะเป็นชั้นๆ จุดเด่นของน้ำตกคือมีพื้นดินเป็นหินปนทราย บริเวณก้อนหินจะไม่เกิดตะไคร่น้ำจับ สามารถเดินข้ามไปมาได้สะดวก ไม่เกิดอุบัติเหตุ

ความงามของน้ำตกวังสายทองจึงอยู่ที่แอ่งน้ำแต่ละชั้นลดหลั่นกันลงมาจากชั้นบนสุดถึงต่ำสุดคล้ายดอกบัวคือส่วนบนจะแคบ ส่วนข้างล่างจะกว้างออก แต่ละชั้นเดินข้ามไปมาได้ง่าย มีต้นมาขึ้นแซมสลับใช้จับเกาะได้ รอบๆน้ำตกมีตกไม้ใหญ่น้อย ช่วยให้บรรยากาศร่มรื่น เหมาะที่จะไปเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจเป็นอย่างดี



ผู้ที่ไปเที่ยวน้ำตกวังสายทอง ปะเหมาะโชคดีอาจได้พบกับคนพื้นเมืองคือ “เงาะป่า" หรือพวกนิกริโต ซึ่งย้ายถิ่นไปมา อาจจะออกมาพบปะผู้คนในท้องที่ ได้พบเห็นชาวเงาะป่า ซึ่งวีถีชีวิตแตกต่างจากคนทั่วไป ยังดำรงชีวิตแบบย้อนยุค เป็นคนป่าคนดง ยังมีให้พบเห็นได้แถบป่าเขาตอนเหนือของอำเภอละงู



ไปดูน้ำตกกันครับ


ช่วงที่มาน้ำน้อยไปหน่อย ถ้าหน้าน้ำจะสวยกว่านี้เยอะครับ

เราจะมาล่องแก่งกันที่นี่ครับ ราคา 250 บาทแทบทุกเจ้าราคาเดียวกันหมด


ก่อนอื่นต้องขึ้นรถไปเหนือน้ำกันก่อยครับ แล้วค่อยๆล่องลงมาระยะทางทั้งหมด 9 ก.ม.ราคา 250 บาท ใช้เวลาล่องประมาณ 2ชั่วโมงครึ่งครับ ล่องกันแบบยาวนานเลย สนุกและคุ้มค่ากับเงิน 250 บาทจริงๆ


สนุกมากๆครับขอบอก น้ำตื้นๆไม่ต้องกลัวจมน้ำครับ


ขึ้นจากน้ำ เราก็มาทานข้าวเที่ยงกันที่ร้านนี้ครับ


จุดต่อไปเราก็จะไปตามรอยตำนาน "เขาเล่าว่า" กันครับ ก็คือถ้ำภูผาเพชร


"อุโมงค์แสงมรกต" ถ้ำภูผาเพชร จ.สตูล

เขาเล่าว่า ภายในถ้ำแห่งนี้จะมีพลังแห่งแสงมรกตซ่อนอยู่ทีสุดปลายถ้ำ ถ้าได้สัมผัสก็จะได้รับพลังชีวิต

ถ้ำภูผาเพชร ถ้ำที่มีขนาดใหญ่ติดอันดับ 4 ของเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ สถานที่ท่องเที่ยวจังหวัดสตูล ซึ่งหลายคนอาจไม่เคยรู้มาก่อน

ชม วีดีโอของ ททท.กันก่อนนะครับ



ถ้าก็อยู่ไม่ไกลจากน้ำตกวังสายทองเท่าไหร่ครับ

รายละเอียดสถานที่ท่องเที่ยว จากเวป ททท. ครับ


ถ้ำภูผาเพชร เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ตั้งอยู่ในต.ปาล์มพัฒนา อ.มะนัง จ.สตูล เนื้อที่ภายในถ้ำกว่า 50 ไร่ กว้างใหญ่มโหฬาร ธรรมชาติได้รังสรรค์ความสวยงามไว้อย่างอัศจรรย์ ซึ่งเกิดจากหยดน้ำภายในถ้ำ ทำให้เกิดหินงอกหินย้อย มีมานานมากกว่าร้อยล้านปี ตั้งแต่ยุคเพอร์เมียน Permian Period เมื่อปี พ.ศ. 2541 นักโบราณคดีของสำนักงานโบราณคดีและพิพิธภัณฑ์แห่งชาติที่ 10 จังหวัดสงขลา ได้เข้าสำรวจบริเวณถ้ำ ตามคำเล่าของพระธุดงด์นามว่า "หลวงตาแผลง" ที่ได้ค้นพบถ้ำแห่งนี้ หลักฐานนักโบราณคดีได้ทำการสำรวจและได้สันนิษบานว่า ถ้ำภูผาเพชรแห่งนี้น่าจะเป็นที่อยู่อาศัยของมนุษย์ยุคก่อนประวัติศาสตร์ประมาณ 3000 ปี มาแล้ว ซึ่งได้พบหลักฐานทางโบราณคดี กระดูกมนุษย์ยุคโบราณส่วนกระโหลกศรีษะ พบเศษภาชนะดินเผาเคลือบลายเชือกทาบ ที่ก้นภาชนะมีเปลือกหอยยึดเกาะ หลังจากน้นก็ได้พัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ชื่อเสียงตลอดมา



ถ้ำภูผาเพชร เป็นถ้ำที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และใหญ่ติดอันดับ 4 ของเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ เนื้อที่กว้างขวางมโหฬารตระการตามาก เพดานถ้ำสูงโปร่ง ความงามของหินงอกหินย้อยที่มีหยดน้ำเกาะอยู่ เมื่อกระทบกับแสงไฟจะมีประกายวาวเหมือนเพชร ภายในถ้ำจัดสรรแบ่งเป็นห้องต่างๆ 20 ห้อง มีไฟส่องสว่างตามทางเดิน มีการตั้งชื่อแต่ละห้องตามลักษณะของธรณีสัณฐานที่พบเห็น เช่น ห้องม่านเพชร มีลักษณะคล้านผ้าม่านแขวนเป็นหลืบซ้อนกัน ห้องพญานาค มีหินงอกต่อตัวกันคล้ายงูใหญ่หรือพญานาค ห้องปะการัง มีหินงอกหินย้อย คล้ายประการังในทะเล ถ้าสังเกตุจากประเภทของหินงอก (Stalagmite) ก็จะมีชื่อต่างๆ ตามรูปทรงที่พบเห็นมีมากถึง 31 แห่ง ได้แก่ ดอกเห็ด ซุ้มประตู หัวแหวนเพชร สายน้ำเพชร หัวพญานาค พญานาคปรก เศียรพระ ดอกบัวคว่ำ ประเภทหินย้อย (Stalactite) ก็มีทั้งหมด 4 แห่ง มีรูปร่างคล้ายโดม แบบแมงกระพรุน และแบบม่าน ประเภทเสาหิน (Column in Cavern) ซึ่งเป็นส่วนของหินงอกและหินย้อยมาบรรจบกันกลายเป็นรูปเสาค้ำถ่อเพดานถ้ำ มีมาก14 แห่ง ประเภทเสาหินมีลักษณะต่างๆ กัน และมีชื่อเรียกว่า เสาเพชรหรือเสาหินย้อย หรือเสาค้ำสุริยัน ส่วนบ่อขั้นบันได มีลักษณะเหมือนชายน้ำตกหินปูนที่เป็นชั้นๆ เหมือนขั้นบันได



ภายในถ้ำภูผาเพชร มี 5 แห่ง รูปทรงต่างกัน แบบขั้นบันได แบบอ่าง แบบเวทีคอนเสิร์ต ถ้าเดินลึกเข้าไปด้านในสุด จะพบโพรง 1 แห่ง เพดานถ้ำบริเวณนั้นเป็นช่องปล่อง มีแสงธรรมชาติสาดส่องกระทบกับหินงอกหินย้อยที่มีสีเขียว ทำให้ลานกลางห้องเป็นสีมรกตสวยงามแปลกตา จึงตั้งชื่อกันว่า ห้องแสงมรกต บริเวณที่เป็นไฮไลท์ที่สุดสวยงามสุด คือ ห้องภูผาเพชร หินงอกหินย้อย มีประกายเหมือนเกล็ดเพชรระยิบแวววาว เมื่อกระทบกับแสงไฟสวยงามวิจิตรตระการตาเกินคำบรรยาย คุณจะหลงใหลในความงามมหัศจรรย์ของธรรมชาติถ้ำภูผาเพชร



การเดินทางสู่ภูผาเพชร : สามารถไปได้ 2 เส้นทาง คือ จากจังหวัดสตูลเข้าทางแยกควนกาหลง เข้าสู่อำเภอมะนัง หากเริ่มต้นจากจังหวัดตรังเมื่อเข้าสู่เขตสตูลให้เลี้ยวซ้ายเข้าสู่มะนังเช่นกัน ทั้งนี้จะมีป้ายบอกเป็นระยะๆ และต้องเดินขึ้นบันไดประมาณ 300 ขั้น (เท่านั้นเอง) ส่วนภายในถ้ำมีบันไดไม้เดินได้สะดวก



เตรียมตัวเดินทาง : นักท่องเที่ยวควรนำไฟฉายติดตัวไปเพื่อส่องดูความงามภายในถ้ำ หรือสามารถเช่าจากชาวบ้านบริเวณทางเข้าถ้ำ และควรสวมใส่รองเท้าที่เดินสบาย



ถ้ำภูผาเพชร เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 08.30 - 15.30 น. วันหยุดเทศกาลปิด 16.00 น.



ค่าธรรมเนียมการเข้าชม ท่านละ 30 บาท นักเรียนนักศึกษา 10 - 20 บาท



สอบถามเพิ่มเติม ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว โทร. 074-720 314 ต่อ 11



เวลาดีที่าุดที่มาถ้าให้มาช่วงประมาณบ่าย 2 ครับ


ในวันที่มีแสงอาทิตย์ จะได้เห็นลำแสงมรกตที่สวยงามากครับ

ก่อนเข้าถ้ามีไฟให้เช่าดวงละ 20 บาทครับ

แล้วก็ไปเข้าถ้ากันครับ


ถึงปากทางเข้าแล้วครับ น่าตื่นเต้นมากครับ


แต่ทางเข้าเล็กนิดเดียว ต้องคลานมุดเข้าไปครับ


เข้าไปดูความสวยงามและความยิ่งใหญ่ของถ้ากันครับ


ข้างในกว้างใหญ่สวยงามมากครับ


แล้วก็มาถึงแล้วครับ มารับพลังแสงมรกตกันครับ


ถ้ามาได้จังหวะดีๆที่แสงแดดทำมุมส่องเข้ามาพอดี จะสวยงามกว่านี้มากครับ


พี่ๆเค้ารับพลังงานกันเต็มที่เลยครับ


ออกจากถ้ำก็มาจังหวัดสตูลกันครับ มาถึงค่ำกันพอดี ก็แวะร้านชาชักเจ้าดังของสตูลกันครับ


ชื่อร้าน กัมปงชาชัก ร้านคนเยอะเลยทีเดียว อร่อยและไม่แพงครับ

มาดูเมนูราคากันครับ


ทานกันได้แล้วครับ ชาชักอร่อยจริงๆครับ รับประกันครับ


แล้วเราก็เข้าที่พักกันครับที่โรงแรม The Gleam Resort สตูล


โรงแรมนี้เป็นโรงแรมเก๋ๆขนาดเล็กตั้งอยู่กลางเมืองสตูล ค่าห้องประมาณคืนละ 1000 บาท มีด้วยกัน 10 หลังครับ

ตื่นเช้า มาดูรอบๆรีสอร์ตกันครับ


หลังที่เราพักครับ


ห้องพักมาพร้อมอาหารเช้าคนละ 1 ชุดครับ มีให้เลือก 3 อย่าง คือข้างเหนียวไก่ทอด ข้าวยำ และมะตะบะ ซึ่งเป็นของร้านอร่อยๆที่ทางรีสอร์ตไปซื้อมาให้ทาน โดยที่เราจะเลือกไว้ก่อนล่วงหน้าครับ


เรารีบทานข้าวเช้าเพื่อไปชมสันหลังมังกร 1 ในตำนานเขาเล่าว่าของจังหวัดสตูล



“สันหลังมังกร" หาดสันหลังมังกร จ.สตูล

เขาเล่าว่า … ที่เมืองพระสมุทรเทวาอันศักดิ์สิทธิ์ เมื่อน้ำลดเราจะได้เห็นแนวสันทรายคล้ายมังกรโผล่พ้นน้ำทะเล ราวกับมังกรกำลังพลิ้วกายแหวกว่ายอยู่กลางทะเล เมื่อได้เห็น…ให้ไปยืนอยู่บนสันทรายเกล็ดมังกรนี้ แล้วรับพลังบริสุทธิ์จากฮวงจุ้ยแห่งท้องทะเล จะช่วยเติมเต็มพลังกายพลังใจให้กับทุกร่างกายและจิตใจ ที่อ่อนล้าให้กลับมาเข้มแข็งพร้อมสู้ต่อไป



สำหรับการเดินทางไป หาดสันหลังมังกร


เริ่มจากตัวเมืองสตูล ถนนสตูลธานี สู่ทางหลวงหมายเลข 4138 ถนนศุลกานุกูล เลี้ยวขวาเข้าทางหลวงหมายเลข 4051 ถนนวิเศษมยุรา จากนั้นเลี้ยวซ้ายเข้าสู่ท่าเรือบ้านบากันเคย ต.ตันหยงโป อ.เมืองสตูล ชาวบ้านชุมชนบากันเคยจะมีเรือหางยาวคอยให้บริการทุกวัน ซึ่งจะใช้เวลาเดินทางเพียง 20 นาที และสามารถเที่ยวได้ตลอดทั้งปี

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม : โทร. 075-215-867 ททท. สำนักงานตรัง ดูแล จังหวัดสตูล

“เขาเล่าว่า" มหัศจรรย์หาดทรายใต้ทะเล สันหลังมังกร


ทะเลแหวกความยาว 4.5 ก.ม. เชื่อมจากเกาะหัวมังกร(เกาะหัวมัน) ถึงหางมังกร(เกาะสาม)

ที่มีซากหอยนับล้าน ๆ ทับซ้อนกันเป็นสันดอน ยามน้ำลดจะเห็นเหมือนมังกรกำลังแหวกว่าย

กลางทะเล หากใครได้ไปเหยียบย่ำบนสันหลังมังกรแห่งนี้ ว่ากันว่าเป็นมงคลแก่ชีวิต

มาถึงแล้วครับ หัวหน้ากรุ๊ปเรานายแบบรูปหล่อแห่ง ททท. พามาเองเลยครับ


ช่วงเวลาที่มาชมจะเป็นช่วงที่น้ำลด ซึ่งจะมีวันละ 2 ช่วงคือช่วง เช้าและเย็น

ที่นรี่น้ำขึ้นเต็มที่จะสูงท่วมสันประมาณ 5 เมตรเลยครับ

ไกด์เราครับ อดใจไม่ไหว ได้พลังจากท้องทะเล เลยโดดเต็มที่เลยครับ


ที่นี่สวยงามมากครับ ถ้ามีโอกาสอยากให้มาซักครั้งครับ ของจริงสวยกว่านี้มากครับ


ซักพักน้ำก็ขึ้นแล้วครับ เรามากันสายไปหน่อย ต้องมาแต่เช้าๆครับ


แล้วก็กลับมาถึงท่าเรือ เราก็ทานอาหารเที่ยงกันที่ร้าน ตันหยงบุรีซีฟู๊ด ซึ่งเป็นร้านที่ตั้งอยู่ใกล้ๆท่าเรือนี่แหละ


ร้านวิวดีอาหารอร่อยและที่สำคัญราคาถูกซะด้วยครับ


มาดูอาหารกันครับ


ปูม้าเป็นๆนี้โลละ 350 บาทนี่ถูกม๊ากๆๆๆๆเลยครับ

ขากลับแวะหาร้านโรตีดังๆซะร้านนึงในสตูลกันครับ


เมนูราคาครับ


บังมาแนะนำเมนูเด็ดให้ลองครับ


อันนี้เชิญตักได้ฟรีเลยครับ


อันนี้โปรลดค่าครองชีพครับ ชามละ 20 บาท อร่อยด้วยนะ


คู่นี้ 30 บาทอิ่มและชื่นใจด้วยนะ


แก้วนี้ใช้ได้เลยครับ


แกงก็อร่อยครับ


โรตีก็โอครับ


แล้วเราก็มาขึ้นเครื่องกลับบ้านกันที่หาดใหญ่ครับ เพราะใกล้กับสตูลมากกว่าตรังครับ


บนเครื่องกับ ข้างแกงเขียงหวานไก่กันครับ อร่อยนะจ๊ะ


แล้วก็จบแล้วครับ กํบตำนานเขาเล่าว่า 2 แห่งของจังหวัดสตูล อยากให้มาดูกันให้ได้ครับ เพราะสวยงามอลังกาลจริงๆครับ


และหวังว่ารีวิวคงถูกใจเพื่อนๆนะครับ

ขอบคุณที่ติดตามกันครับ


แม่ประนอม ครับผม

แม่ประนอม

 วันจันทร์ที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2559 เวลา 00.17 น.

ความคิดเห็น