วันนี้จะพาไปเดินออกกำลังกายที่อุทยานแห่งชาติดอยปุยกันครับ

สถานที่ท่องเที่ยวนี้ ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติ ดอยสุเทพ-ปุย

ตำบลช้างเผือก อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่

สูงจากระดับน้ำทะเล ราวๆ 1500 - 1600 เมตร อากาศเย็นตลอดทั้งปี


เริ่มต้นเมื่อเช้าวันนี้ (6 มิถุนา) หลังจากส่งลูกไปโรงเรียนเสร็จ

พอดี วันนี้ไม่ได้ทำงานกะเช้า เลยพาแฟนไปหาที่ขับรถเล่นสะหน่อย

เห็นเมฆคลุมดอยสุเทพกำลังครึ้มๆ เลยเกิดอารมณ์อยากถ่ายรูปแนวๆหมอกๆฉ่ำๆเย็นๆ เมฆคลุมดอย อะไรประมาณนี้

เอาหละ ขึ้นดอยสุเทพกันดีกว่า


ดอยสุเทพ กับ ดอยปุย นี่ก็เหมือนพาหุรัด กับ สำเพ็งนี่หละครับ

อยู่ติดๆกัน ถัดๆกันไป ขับรถขึ้นจากหน้า มช สัก 30-40 นาที ผ่านดอยสุเทพไปหน่อยนึง ก็ถึงดอยปุยแล้ว

แต่ก่อนอื่น แวะเติมอาหารเช้าก่อน ก๋วยเตี๋ยวเนื้อสับ ร้านโบ๊ต หน้า มช. ร้านเก่าแก่ตั้งแต่เป็นเด็กๆก็กินร้านนี้แล้ว

อาหารก็หน้าตาเหมือนเดิม รสชาติที่คุ้นเคย


อิ่มหนำสำราญกันแล้ว ก็ขับรถขึ้นดอยได้เลย

เห็นกำแพงเมฆ กำลังปกคลุมเมืองเชียงใหม่อยู่เป็นแนว ตรงเป๊ะ เหมือนมีเทวดาเอาไม้บรรทัดมาขีดเอาไว้

ก็เลยอดไม่ได้ ต้องจอดแวะถ่ายรูปไว้สักหน่อยครับ




พอขึ้นมาแถวๆพระตำหนักภูพิงค์

โอ้ว วันนี้ เมฆหมอกหนาท่วมถนน อย่างที่ใจคิดเอาไว้เลยครับ

แบบนี้แหละ ที่อยากเจอ


เพิ่มเติม วันที่ 13 มิถุนา ไปมาอีกรอบ เลยเอารูปมาเพิ่มให้ครับ
รูปไหนถ่ายวันไหน ดูใต้รูปได้เลยครับ

ก็เจอหมอกอีกแล้วครับ ช่วงนี้เจอตลอด ฟินกับหมอกมากๆ





พอเลยพระตำหนักไป ก็จะเจอสามแยก เลี้ยวซ้ายบ้านม้งดอยปุย เลี้ยวขวา บ้านม้งขุนช่างเคี่ยน

ก็เลี้ยวขวาไป ทางบ้านม้งขุนช่างเคี่ยน ที่เค้าไปดูดอกซากุระพญาเสือโคร่งกันนั่นแหละครับ

แต่ฤดูนี้ ฤดูฝน ดอกยังไม่ออก อีกหกเดือน เราถึงจะได้เจอกัน


ถนนจะแคบลงเหลือเลนเดียว ปุๆปะๆหน่อย แต่ก็ยังพอไปกันได้

ขยันบีบแตรหน่อย รถฝั่งตรงข้าม จะได้รู้ว่ามีรถเราสวนมา


รูปนี้ ผมจอดรถถ่ายนะครับ ไม่ได้ขับไปถ่ายไป แฮ่ๆ


ถึงลานกางเตนท์ดอยปุย ระดับความสูง 1500 เมตร จากระดับน้ำทะเล

ตอนราวๆ 9 โมงเช้า ต้นฤดูฝน อุณหภูมิอยู่ที่ 21 องศา เย็นกว่าห้องแอร์



วันนี้จะเดินออกกำลังกาย เส้นทางจุดชมวิวยอดดอยปุยครับ

ระยะทาง ไปกลับ ขาละ 2.35 กิโลเมตร รวมเป็น 4.7 กิโลเมตร

ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง เดินเล่นไป แวะถ่ายรูปไป

สโลว์ไลฟ์ ช้าๆชิลๆ อากาศก็เย็นๆจนเกือบจะหนาว


ฝนไม่ค่อยตก เพราะเราอยู่สูงกว่าเมฆฝน นานๆจะตกที

ส่วนมากจะเป็นไอเมฆลอยมาปะทะหน้าซะมากกว่า


หนทางที่จะเดิน ก็จะเป็นถนนลาดยาง ที่ไม่ได้ใช้งานแล้ว

ธรรมชาติเค้าเลยเอาใบไม้มาปูทับให้อีกทีครับ เรียบ เดินง่ายระดับ beginner

ความชัน ก็เท่าถนนที่เดินขึ้นดอยปกติทั่วๆไป


ชมธรรมชาติไป ดูเมฆ ดูหมอก แวะถ่ายรูปต้นไม้ใบหญ้าข้างทางเป็นระยะๆ










ถนนที่ปูด้วยมอส เขียวปึดยังกับสนามหญ้าเทียม แต่ที่จริงเป็นมอสธรรมชาติ

หลังจากเดินขึ้นเขามาราวๆ 2 กม.

ถ้าเดินจ้ำๆหน่อย ก็ราวๆ 30 นาที ถ้าเดินกินลมชมวิวไปเรื่อยๆ ก็ประมาณเกือบชั่วโมง


ในที่สุดก็จะมาถึงจุดนี้ครับ ทางเดินเลาะไปตามสันเขา เพื่อไปยังจุดชมวิว

ทางเดินเส้นนี้ อยู่บนสันเขา เลยโดนเมฆลอยมาปะทะเป็นประจำ

มองลงไปด้านซ้าย ข้างล่างก็เป็นเมฆ

มองลงไปด้านขวา ข้างล่างก็เป็นเมฆ


เหมือนเดินอยู่บนท้องฟ้าเลยฮะ ผมเลยตั้งชื่อว่า heaven corridor หรือทางเดินบนสวรรค์

จะไม่สวรรค์ได้ไง อากาศก็เย็นกว่าในห้องแอร์ วิวก็สวย มองลงไปทางซ้ายก็เมฆ ทางขวาก็เมฆ

เขียวขจีตลอดทั้งปี เมฆลอยมาปะทะหน้าโครมๆ


สุดทางเดิน ก็เป็นลานสนเล็กๆครับ มีม้านั่ง ให้ชมวิว ชมธรรมชาติ พักเหนื่อย

ใครไปแล้วเจอแต่เมฆกลัวไม่เห็นวิว ก็ไม่ต้องกลัว เดี๋ยวเมฆมันก็ลอยไป

ใครไปแล้วไม่เจอเมฆก็ไม่ต้องกลัวเช่นกัน เดี๋ยวเมฆก็ลอยมา

อากาศบนนี้ เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา เดี๋ยวแดด เดี๋ยวร่ม เดี๋ยวหนาว





ขามา ก็ปีนบันไดลงมา

ขากลับก็ปีนขึ้นบันไดกลับครับ เบิร์นไปได้หลายร้อยแคลอรี่ กลับลงไปค่อยกินไอติมชดเชย





ก็เป็นอันจบการพาทัวร์ไว้เพียงเท่านี้ครับ กลับลงไปทันกินข้าวเที่ยงที่เมย่าต่อได้

ขอบคุณ ทุกท่านที่แวะเข้ามาอ่าน

tamrong

 วันจันทร์ที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2559 เวลา 16.38 น.

ความคิดเห็น