ห่างหายไปนานกับการรีวิว ... เนื่องจากสถานการณ์ COVID-19
พอได้วัคซีนเรียบร้อยแล้ว จึงได้วาง Plan ทริปใหม่ นั่นก็คือเกาะกูด เพราะเป็น Route ที่ผมยังไม่เคยเลย และอยากไป พอมีโอกาสเลยต้องจัดสักหน่อย

แต่ต้องออกตัวก่อนว่าทริปนี้ไม่ได้ตั้งใจจะทำรีวิวเลย กะว่าจะพักสบาย ๆ ชิว ๆ
แต่ก็อดมารีวิวไม่ได้เพราะอะไร อยากให้ติดตามกัน เหตุผลที่ต้องรีวิวอยู่วันที่ 1-2

Day 1 :
ทริปนี้เราออกเดินทางช่วงเที่ยง ๆ ของวันที่ 21 ตุลาคม 2564 และกะว่าจะพักกันในเมืองสัก 1 คืน เพื่อไม่ให้เหนื่อยมากเกินไปนัก และจะได้ขึ้นเรือรอบ 10.00 น. ด้วย พวกเราออกเดินทางจากกรุงเทพประมาณ 13.00 น. ใช้เวลาประมาณเกือบ ๆ 6 ชั่วโมง ไม่ได้ขับแบบรีบร้อน ชิว ๆ ดื่มด่ำกับบรรยากาศ ซึ่งระหว่างทางก็เจอฝนบ้างเป็นระยะ ๆ ก็ได้แต่ภาวนาว่า วันพรุ่งนี้หรือตลอดระยะเวลาที่อยู่บนเกาะฝนอย่าตกเลย ไม่งั้นหมดสนุกแน่ ๆ ... และแล้วพวกเราถึงตัวเมืองตราดประมาณ 6 โมงเย็นกว่า ๆ 
สำหรับที่พักในเมืองที่พวกเราเลือกกันคือ "ริมคลอง บูทีค โฮเตล" ห้องพักใหญ่กว้างขวาง เจ้าของพูดจาดี สุภาพ ให้ข้อมูลอย่างละเอียด แต่เสียดายที่ไปถึงค่ำแล้ว บวกกับความเหนื่อยเลยไม่ได้ถ่ายรูปกลับมาให้ดู แต่ถ้าให้แนะนำที่พักในเมืองดี ๆ สักที่ ผมขอแนะนำ "ริมคลอง" ให้เป็นตัวเลือกหนึ่งของการพักผ่อนเลยครับ

Day 2 :
เช้านี้ตื่นมาด้วยความสดชื่น ท้องฟ้าสว่าง ดูแล้วเป็นที่น่ายินดียิ่งว่าฝนจะไม่ตกแน่ ๆ แต่ต้องไปลุ้นอีกทีที่เกาะว่าจะเจอฝนมั้ย สำหรับมื้อเช้านี้เราเลือก "ข้าวเลือดหมูตราด เกาะตะเคียน" เค้าว่าดีว่าเด็ด เลยต้องไปจัดสักหน่อย ซึ่งก็เด็ดจริง ๆ รสชาติอร่อยเลย อากาศเย็น ๆ กับต้มเลือดหมูร้อน ๆ เข้ากันได้อย่างดี
พอทานอาหารเสร็จเรียบร้อยก็มุ่งหน้าสู่ "ท่าเรือคอรัล บีช รีสอร์ท" โดยใช้เวลาจากร้านอาหารไปยังท่าเรือประมาณครึ่งชั่วโมงครับ เมื่อมาถึงท่าเรือก็มีเจ้าหน้าที่คอยต้อนรับ และช่วยหอบสัมภาระต่าง ๆ ของเราลงเรือ ทริปนี้ค่อนข้างจะ Private เนื่องจากเราจองเป็น Package กันมาเลย ลืมบอกไปว่า Package ที่เราซื้อนั้นเป็นของ "มีดี รีสอร์ท เกาะกูด" โดยใน Package ประกอบด้วยค่าเรือ Speed Boat ไป - กลับ + อาหาร 5 มื้อ (มีบาร์บีคิวมื้อนึง) + One day trip + ที่พักแบบ Garden View + พายเรือคายัค ทั้งหมดนี้ตกคนละ 3,200 บาท ซึ่งที่กล่าวมาทั้งหมดสำหรับผมแล้ว ผมว่ามันคุ้มค่ามาก ๆ ครับ
ระหว่างทางที่เราไปเกาะนั้น ฟ้าใสแดดดีมาก ๆ ครับ ไม่มีฝน พี่คนขับเรือพาไปแวะเกาะแรด .... ภาพแรกที่เห็นคือน้ำใสมาก ๆ มองเห็นพวกหินด้านล่างเลย ทำให้อดคิดไม่ได้ว่าถ้าไปที่เกาะสวยขนาดไหน ขับมาได้มาประมาณ 50 นาที ก็มาถึงที่พักครับ จุดท่าเทียบเรือเป็นสะพานไม้ทอดยาวมาจากฝั่ง มันสวยจริง ๆ ครับ วิวนี้มัน Touch มาก ๆ ครับ มีเจ้าหน้าที่โรงแรมมาคอยต้อนรับยกสัมภาระขึ้นจากเรือไปไว้ที่ Lobby ให้ ตลอดทางที่เดินบนสะพานไม้ เราจะสัมผัสถึงลมเย็น ๆ ได้ยินเสียงคลื่นกระทบกับชายฝั่ง และท้องฟ้าที่ไร้เมฆฝนมันช่างดีจริง ๆ ครับ

ในขณะที่เรารอการ Check in เจ้าหน้าที่นำ Welcome drink มาเสริฟ์ครับ เป็นน้ำใบเตยหอม ๆ เย็น ๆ ได้ดื่มแล้วรู้สึกหายเหนื่อยเลยครับ เจ้าหน้าที่ทำการแนะนำที่พัก ที่เที่ยวว่ามีจุดที่น่าสนใจตรงไหนบ้าง ตลอดจนการเดินทางบนเกาะ ทำให้เราทราบว่าการเดินทางบนเกาะจะใช้รถสองแถว หรือไม่ก็สามารถเช่ามอเตอร์ไซค์ขับได้ โดยที่รถสองแถวค่าบริการจะคิดเป็นเที่ยว ๆ ว่าจะไปไหนบ้าง แล้วจะคำนวณมาให้เรา ส่วนรถมอเตอร์ไซค์จะอยู่ที่วันละ 300 ครับผม จบเรื่องที่เที่ยวบนเกาะกับการเดินทางไป ก็มาถึงอาหารการกิน นี่ก็เป็นเวลาใกล้เที่ยงพอดีพวกเราเลยขอเมนูอาหารมาดูราคาอาหารก็ไม่ได้แพงมากอยู่ที่ประมาณ 100 - 250 ครับ พวกเราสั่งอาหารไปประมาณ 5 อย่าง สั่งอาหารเสร็จสรรพก็ได้เวลาเข้าห้อง น้องพนักงานเลยบอกว่าให้เราเข้าห้องพักไปก่อน แล้วถ้าถึงเวลาอาหารเสร็จแล้วจะไปตามเรามาทานอาหารอีกทีนึง

สำหรับห้องพักที่พวกเราได้พักกันในวันนี้คือ Type : Garden View ห้อง 15 และ 16 ห้องพัก Ok เลยครับ Facilities ในห้องมีให้ครบตามภาพเลยครับผม ห้องน้ำใหญ่ใช้ได้มีการแยก Zone เปียก แห้งไว้ชัดเจน เตียงนุ่มมาก ๆ ครับผม ดู ๆ แล้วน่าจะเป็นเตียงดูดวิญญาณได้อย่างดี ระหว่างที่เราเก็บของกันไปได้สักพัก น้องพนักงานก็มาแจ้งว่าอาหารเสร็จเรียบร้อยแล้ว อาหารแต่ละจานที่ทางรีสอร์ทได้ทำมาเรียกได้ว่าคุ้มค่ามาก ๆ เมื่อเทียบกับราคาที่เสียไปครับทั้งปริมาณ และรสชาติจัดว่าเด็ดเลยครับ แต่น่าเสียดายที่มื้อนี้ไม้ได้ถ่ายรูปไวเลยครับ (สำหรับมื้อนี้ไม่ได้ถ่ายรูปอาหารไว้ครับ อย่างที่ได้กล่าวไปว่าไม่ได้ตั้งใจไปรีวิวเลยยยย)

หลังจากสำราญกับอาหารได้สักพักพวกเราก็ตกลงกันว่าจะไปคาเฟ่สักที่หากาแฟกินคนละแก้ว และที่ ๆ เราเลือกนั่นก็คือ "แมงโกรฟ" ซึ่งเป้นค่าเฟ่ที่มีชื่อเสียงของเกาะกูดเป็นเหมือนอีกหนึ่งจุด check in ของนักท่องเที่ยวเลยก็ว่าได้ครับ หลังจากที่พักทานกาแฟ ขนมถ่ายรูปที่แมงโกรฟแล้ว จุดหมายต่อไปของพวกเราก็คือ "น้ำตกคลองเจ้า"

ระยะทางจากปากทางไปตัวน้ำตกประมาณ 500 เมตร ใช้เวลาเดิน 15-20 นาทีโดยประมาณครับ วันนี้โชคไม่ค่อยดีคนเยอะมาก ๆ ครับ ไม่ได้เข้าถึงในสุดของตัวน้ำตก ฟ้าก็เริ่มครึ้มทำท่าเหมือนฝนจะตก พวกผมเลยต้องรีบเดินออกมา แล้วกลับไปถ่ายรูป เล่นน้ำทะเล พายเรือกัน รีสอร์ทต่อ ที่มีดี รีสอร์ทมีมุมให้ถ่ายรูปเยอะมาก ๆ ครับ แต่วิวที่ฮอตฮิตคงหนีไม่พ้นสะพานไม้ นักท่องเที่ยวเดินไปถ่ายรูปตลอดครับ สำหรับกิจกรรมทีเลือกทำในช่วงเย็นนี้ก็คือการพายเรือหน้าที่พัก รอดูพระอาทิตย์ตกครับ เสียดายวันนี้มีเมฆเยอะเลยไม่ได้เห็นพระอาทิตย์ตกอย่างที่ตั้งใจไว้ แต่ไม่เป็นไรครับพรุ่งนี้เอาใหม่ วันนี้เก็บภาพบรรยากาศสวย ๆ ของทะเล และที่พักไปก่อนครับ

วันนี้เรามีดินเนอร์มื้อแรกเวลาประมาณ 1 ทุ่มครับ เป็นมื้อที่รวมอยู่ใน package อาหารเยอะได้ใข้เลยครับ วางรายเรียงอยู่บนโต๊ะมีตั้งแต่ออเดิร์ฟของทอดมื้อนี้อิ่มและประทับใจสุด ๆ ไปเลยครับ  ...  สำหรับวันนี้พวกผมขอตัวไปดื่มก่อนครับ

Day 3 :
วันนี้ตื่นกันแต่เช้ามาทานอาหารเช้า เพื่อเตรียมตัวไปดำน้ำครับ จุดที่เรายะไปดำน้ำในวันนี้ก็คือเกาะแรด และหน้าโซเนวา ดูเหมือนฟ้าฝนจะเป็นใจ ตลอดทริปในวันนี้ไม่มีฝน และก็ไม่มีแดด ทำให้ไม่ร้อนมาก ดำน้ำเพลิน ๆ กันไปครับ สำคัญวันนี้ผมได้ลองขับเรือด้วยนะครับ ตื่นเต้น ๆ ว่าจะพาเรือล่มมั้ย 555+ กลับไปที่ดำน้ำเกาะแรดต่อครับ ที่จุดนี้เมื่อดำลงไปจะพบกับรูปปั้นช้าง หมู และสัตว์อื่น ๆ ที่วางตลอดแนวรอบเกาะ เพื่อให้ปะการังและดอกไม้ทะเลมาเกาะ และเป็นที่พักอาศัยของปลาน้อยใหญ่ครับ หลังจากที่เราดำน้ำที่เกาะแรดเสร็จจุดต่อไปก็คือการดำน้ำเพื่อดูหินซ้อนที่หน้าโซเนวาครับ น่าเสียดายที่วันนี้ไม่มีแดดเมื่อดำลงไปเลยมองอะไรไม่ค่อยเห็นเลยครับ --" พวกเราใช้เวลาไม่นานมากนักที่จุดนี้ ก็เดินทางไปยังจุดต่อไปเพื่อกินข้าวเที่ยงนั่นก็คือ"หาดระหาน"
หาดนี้น้ำทะเลใส ทรายขาวละเอียดดีครับ สำหรับมื้อนี้เป็น Boxset นะครับเข้าใจได้ว่าเป็นช่วงสถานการณ์ Covid-19 เลยทำแยกมาเลยของแต่ละคน มื้อพลางวันนี้พวกทานข้าวผัดต้มยำทะเล + ไข่ต้ม และมีผลไม้คือแตงโมครับ หลังจากทานกันเสร็จเรียบร้อยต่างก็แยกย้ายหาที่ถ่ายรูปกันครับ หลังจากชิว ๆ กันได้สักพักก็ถึงเวลากลับเข้าฝั่ง เพื่อรอดินเนอร์บาร์บีคิวมื้อเย็นนี้ครับ

และแล้วก็มนถึงดินเนอร์บาร์บีคิวที่เรารอคอยกันครับ มื้อนี้จะเป็นของย่างเริ่มตั้งแต่ไก่สะเต๊ะ ปลาหมึกย่าง กุ้งย่าง ปลาเผา มีบาร์บีคิวด้วยครับ รวม ๆ แล้วคือฟินเลยครับมื้อนี้ ถือว่าเป็นการสิ้นสุดของวันนี้ได้อย่างสวยงามครับ

Day 4 :
ตื่นกันมาแต่เช้าถึงแม้ว่าเมื่อคืนจะมีศึกหนักก็ตาม พวกเราตื่นมาเก็บบรรยากาศของท้องทะเลเกาะกูดในวันฟ้าใส ๆ การนั่งทานอาหารเช้าและได้มองทะเล ฟังเสียงคลื่นมันช่างมีความสุขยิ่งนัก พอทานอาหารเสร็จก็ขอแว๊บบบไปเล่นน้ำสักแปป ... 

เวลาแห่งความสุขมักจะผ่านไปเร็วเสมอ ... คำนี้ยังคงอยู่ในใจทุกครั้งเมื่อถึงวันที่เราต้องแยกย้ายกลับไปทำหน้าที่ของแต่ละคน ... และเช่นเดียวกันการจากกันในทุก ๆ ครั้ง มันเป็นเหมือนการรอการเริ่มต้นในครั้งใหม่นั่นเอง ...

ขอบคุณครับ ...
เจษ
11 พฤศจิกายน 2021

Chetsada Sangchuto

 วันอังคารที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564 เวลา 14.24 น.

ความคิดเห็น