ทริปนี้ อย่างที่ได้จั่วหัวไว้แล้วว่า เป็นทริปสั้นๆ ระยะเวลาแค่ 2 วัน 1 คืน
อารมณ์เหมือนย้ายที่นอนไปนอกกรุงเพื่อหาสีเขียวๆ ได้ยินเสียงน้ำไหลให้ชื่นใจแต่ใช้เวลาไม่นาน

ขับรถออกจากกรุงเทพ ด้วยเส้นทางธรรมดาในวันปกติ (เลยไม่ได้ขึ้น tollways) ออกจากแหล่งที่อยู่มาทางเส้นวิภาวดีรังสิตมาเรื่อยๆ จนถึงจุดตัด "ถนนรังสิต-นครนายก" ขับไปเรื่อยๆ บนถนนเส้นนี้ ยาวๆไปตามทางเลย ระยะทางราว 100 km นิดๆ ใช้เวลาไม่กี่อึดใจก็ถึงแล้ว

ก่อนไปที่เขื่อน แวะเติมพลังมื่อเช้าปนกับเที่ยงรวมกัน ที่ร้าน "ณ ริมสวน" ที่ตั้งอยู่ ชลพฤกษ์ รีสอร์ท 
ด้วยความไปวันธรรมดา เวลาที่ไปคือร้านเพิ่งเปิด ก็เลยมีแค่เราโต๊ะเดียว
ไปสองคน อาหารสามอย่างก็พอ กำลังดี (จริงๆก็อิ่มๆแน่นๆเลยแหละ) 
มีเนื้อผัดเห็ดสามอย่าง ต้มยำทะเลน้ำข้น และ ปูนิ่มทอดกระเทียม กินหมดทุกอย่างแบบอย่าให้เหลือ
อาหารรสชาตินวลๆ ไม่จัดจ้านมาก เด็กกินได้ผู้ใหญ่กินอร่อยแน่ๆ บรรยากาศดี กว้างขวาง มีที่จอดรถ
เติมพลังมื้อแรกผ่านไป (กาแฟไม่นับนะ) ก็ไปเช็คอินเข้าที่พักกันซะหน่อย อิ่มแล้วพร้อมทิ้งตัว

ในส่วนของที่พักสำหรับทริปสั้นๆนี้ แค่อยากได้ที่พักที่เป็นส่วนตัว บรรยากาศดี สวย โปร่งๆ ขอเงียบๆ ไม่ต้องการให้มีความบันเทิงรอบห้องมากมายนักเพราะต้องการพักผ่อน ต้นไม้เขียวๆเยอะๆได้ก็จะดีมากมาย ถ้ามีอาหารเช้าให้ก็จะดียิ่งขึ้นไปอีก สรุปว่าพักที่ "Royal hills" 

ที่นี่ก็คือสนามกอล์ฟและมีรีสอร์ท ร้านอาหารข้างใน แต่เราเลือกเพราะบรรยากาศเลยล่ะ 
จากปากทางถนนหลักหลัก หากมุ่งหน้าไปยังเขื่อน ทางเข้า royal hills อยู่ทางซ้ายมือ ขับเข้าไปราว 4 km ตามทางเรื่อยๆ จะพบกับส่วนที่เป็นรีสอร์ทและสนามกอล์ฟ จัดการจอดรถและเช็คอินให้เรียบร้อย 
กดลิฟท์ขึ้นไป และพุ่งตัวไปนอนตีพุงบนเตียงได้แล้ววววว (พักในส่วนที่เป็นตึกของโรงแรม แต่ถ้าพักเป็นบ้านก็สามารถนำรถไปจอดที่หน้าบ้านได้เลย) 

นั่งๆนอนๆ ตีพุงให้อาหารย่อย ถ่ายรูปเพลินๆ แป๊ปๆก็เย็นแล้ว
หามื้อเย็นทานกันดีกว่า .. ว่าแต่ "กินอะไรดีล่ะ?"
คำถามคลาสสิคที่หาคำตอบได้ไม่ง่าย ยิ่งมาต่างที่ต่างถิ่น ยิ่งยากไปใหญ่ 
ก็ใช้เทคโนโลยีในมือช่วยแล้วกัน โดยการกดหาอาหารที่อยากทาน และร้านอาหารใกล้เคียง

กดไป ไถมา เจอร้านอาหารอยู่ริมธารน้ำ "วังตะไคร้" จำนวนหนึ่ง 
จิ้มไปจิ้มมา เอ๊ะ ร้านนั้นน่ากิน ร้านนี้น่าสนใจ
ไม่พูดอะไรมาก.. งั้นคว้ากุญแจรถและของจำเป็นไปอามื้อเย็นอร่อยๆทานกันดีกว่า 

ด้วยความช่วงที่ไป อากาศก็เริ่มเย็นๆ บรรยากาศของฤดูหนาวกำลังมา
ถ้าได้อะไรปิ้งๆย่างๆ น่าจะดี
จะอะไรกันล่ะ ถ้าไม่ใช่ "หมูกระทะ" .. ก็เลือกร้านที่สามารถนั่งชิล ฟังเสียงน้ำไหลในลำธารได้ละกัน ไหนๆก็เลือกที่จะกินอะไรแบบนี้แล้ว ขอบรรยากาศอีกนิดนึง
หมูกระทะมื้อเย็นเลยลงเอยที่ "หมูกระทะริมธารวังตะไคร้&ครัวป้าพร ริมคลองวังตะไคร้"
บรรยากาศชิวๆ ริมธารน้ำ ในร้านมีทั้งหมูกระทะ อาหารอื่นๆ เช่น ส้มตำ ยำ เมนูตามสั่งจานด่วนอื่นๆ เยอะแยะหลากหลาย นั่งปิ้งหมูดูธารไปละกันเนอะ จบไปอีกมื้อแบบง่ายๆ 

อิ่มแล้วคืนนี้ นอนได้ ขับรถกลับเข้าที่พักด้วยความเร็วเต่าวิ่ง
เนื่องจากจากปากทางถึงอาคารที่พักตรงสนามกอล์ฟ ไฟมืดมากกกกกก มากจริงๆ
แต่ก็ไม่ได้ชันหรือขับยากอะไร ค่อยๆเข้าไปละกัน จนถึงที่พัก ก็เข้าห้อง นอนตีพุงอย่างสบายใจ

เช้าวันถัดมา..
อาบน้ำ แต่งตัว เก็บของลงมาข้างล่าง ละไปทานมื้อเช้าที่โรงแรมก่อน
มื้อเช้าของโรงแรม จะอยู่อีกอาคารนึง (คนละอาคารกับส่วนพักผ่อน) ซึ่งมีวิวสนามกอล์ฟให้ชมยามเช้า 
ในส่วนของอาหาร ก็ทั่วๆไป มีข้าว ข้าวต้ม ไข่ดาว แฮม ไส้กรอก ขนมปังปิ้ง ชา กาแฟ และอื่นๆ ตามมาตรฐาน ไลน์อาหารเช้าเติมเรื่อยๆ ไม่ต้องกลัวหมด

จบมื้อเช้า ก็ออกเดินทางไปเขื่อนกัน
วันนี้เรามีทริปล่องเรือในเขื่อน

พอมาถึงเขื่อน เนื่องจากสถานการณ์โควิด ยังไม่สามารถขึ้นสันเขื่อนได้ทันที
นักท่องเที่ยวทั้งหลายต้องขับรถวนวงเวียนไปทางขวาเพื่อไปลานจอดรถหน้าเขื่อน เพื่อวัดอุณหภูมิ เช็คอิน แปะสติกเกอร์ และวนออกมาเพื่อขึ้นไปสันเขื่อนอีกที

จัดการจอดรถให้เข้าที่เข้าทาง และถือกระเป๋าไปถามเรื่อง "นั่งเรือ" ไปเขาช่องลม
ค่าเรือคนละ 200 บาท รอให้ครบ 8 คน เรือจึงออก หรือจะเหมาลำไปเลยก็ได้ ราคา 1,500 บาท 
(ค่าเรือ จ่ายกับคนขับเรือเมื่อจบทริป ก่อนกลับขึ้นฝั่ง)
และแน่นอนว่าเราเลือกช้อยส์แรก ...บังเอิญว่าไปถึงเป็นคนที่ 7 และ 8 จึงไม่ต้องรอ
"เดินไปขึ้นเรือที่สันเขื่อน" ได้เลย จะมีทางลงไปขึ้นเรือ

เรือก็เป็นเรือหางยาว ติดเครื่องยนต์นี่แหละ
ค่อยๆขึ้นจากหัวเรือไปยังท้าย ด้วยการทรงตัวที่ค่อนข้างดี ลงไปนั่งและสวมชูชีพ 
เมื่อทุกคนพร้อม คนเรือจึงออกเรือพาเราไปทัวร์ในเขื่อน

จุดแวะในเขื่อน ประกอบด้วย "น้ำตกผางามงอน น้ำตกคลองคราม และน้ำตกช่องลม"
....แต่!!!
เป็นคนปุ๊บปั๊บ มาเที่ยวก็ไม่หาข้อมูลเยอะแยะ นึกได้ก็มา

มาช่วงปลายฝน ผลที่ได้คือ เรือพาไปยังน้ำตกได้เลย แบบไม่ต้องเดิน เพราะน้ำท่วมทางหมดแล้ว!
โอเค เราจะได้เดินแค่ตรงหินที่น้ำตกผางามงอน และที่เหลือคือการนั่งสวยๆบนเรือ
อะ ไม่เป็นไร ไม่ว่ากัน ไหนๆมาแล้ว..

01- น้ำตกผ่างามงอน

จากจุดเริ่มต้นที่สันเขื่อน นั่งเรือชิลๆมาราวๆ 10-15 นาที ก็ถึงจุดแวะแรก "น้ำตกผางามงอน"
หากใครเคยมาช่วงน้ำลด จะต้องเดินเพื่อขึ้นไปยังจุดที่มีน้ำตก
แต่เรานั้น มาช่วงน้ำขึ้น เรือจอดให้ก็แทบจะถึงโขดหินแล้ว ปีนน้ำตกอีกไม่กี่ร้อยเมตรได้เลย
แหม ล่นระยะทางอย่างงี้ 
แต่ความสบายนั้นไม่ได้มีเสมอไป เพราะฝนตก อากาศชื้น มอส เฟิร์น และหินก็ลื่นกว่าเดิม น้ำไหลมากกว่าเดิม ก็จำเป็นต้องใช้สติและความแข็งแรงในการเดินทุกย่างก้าว ใช้เวลาตรงนี้ราวๆ 40-60 นาที (จำเวลาที่แน่นอนไม่ได้) ปีนขึ้น ปีนลง ถ่ายภาพนั่นนี่ อ๊ะ หมดแล้ว หมดเวลาก็ปีนหินกลับไปลงเรือ ไปยังจุดต่อไป

02- น้ำตกคลองคราม

เรือก็พาเราล่องเข้าไปใกล้น้ำตกมากๆเลย เนื่องจากน้ำขึ้นสูง เลยไม่ต้องเดิน
แต่ก็ลงจากเรือไม่ได้เช่นกัน
ผลที่ได้คือ การนั่งบนเรือ ถ่ายรูปน้ำตกและวิวข้างๆ น้ำตกก็ไหลมาอย่างไม่หยุดยั้ง ซู่ ซู่ กันตลอด
ส่วนเราก็ลงไม่ได้ ได้แต่นั่งถ่ายภาพและดูวิวรอบๆ.. และเรือก็ออก

03- น้ำตกช่องลม 

เป็นจุดสุดท้ายที่แวะ.. ในเวลาที่น้ำไม่ท่วม เราๆคงเคยเห็นภาพทุ่งหญ้าสีเขียวสลับหิน มีธารน้ำ สามารถเดินได้ชิลๆ
ตัดภาพมาที่เรามาตอนน้ำขึ้น เรือพาเราล่องข้ามทุ่งหญ้าที่โดนน้ำท่วม มาถึงน้ำตกได้เลย.. 
ภาพที่เห็นคือ น้ำตก และน้ำ รอบๆคือต้นไม้ที่น้ำท่วม..
..
จบ
ก็มันมีเท่านี้นี่นาาาา
จึงหันไปถามคนเรือ เผื่อครั้งหน้าเราไม่พลาด จึงได้ความว่า
"หากมาเที่ยวเขาช่องลม ให้มาช่วง พ.ค.- ก.ค. เนื่องจากหญ้าจะเริ่มขึ้น และน้ำยังไม่ขึ้นสูง หากมาหลังจากนั้นน้ำจะท่วมทางเข้า"
แล้วท่วมสูงแค่ไหนคะ? และระยะที่มาต้องเดินไกลขนาดไหนคะ?
"ระยะทางเดินก็ราวๆ 2-3 ก.ม. (ตั้งแต่ปากทางที่เรือเลี้ยวเข้ามา) และเดินมาเรื่อยๆ จนเจอน้ำตก ช่วงนี้น้ำก็สูงขึ้น ราวๆ 10 เมตร" 
โอเค.. ทำอะไรไม่ได้ นอกจากล่องเรือมาถึงละถ่ายรูปเช่นเคย ลงจากเรือก็ไม่ได้เช่นกัน ยิ้มหวานและถ่ายรูปรัวๆไป ไม่กี่อึดใจ เรือก็พาเราๆทั้งหมดกลับไปยังฝั่ง 
ก่อนลงเรือ อย่าลืมจ่ายค่าล่องเรือ และถอดชูชีพคืนนะจ๊ะ

ขึ้นจากเรือ ก็เดินถ่ายรูป ชมวิวริมเขื่อนกันหน่อย
ท้องฟ้าหน้าหนาวมันสวยนะ สีฟ้าตัดกับเมฆสีขาว เหมือนภาพวาดการ์ตูนสมัยเด็กๆ
ลมพัดเย็นๆอยู่เป็นระยะ อากาศไม่อบอ้าว ได้ฟีลไปอีกแบบ

และจากนั้น เราก็กลับมาที่รถ และเตรียมเดินทางกลับ
ขากลับแวะถ่ายรูปเล่นที่น้ำตกนางรองซักหน่อย
ออกจากเขื่อนขุนด่าน ขับมาตามทางจนมาถึงสามแยก ถ้ากลับกรุงเทพหรือนครนายกเลี้ยวซ้าย
แต่.. เราเลี้ยวขวามายัง "น้ำตกนางรอง"
มาถึงก็เปลี่ยนใส่รองเท้าแตะสบายๆ เพราะจุดจอดรถกับน้ำตกใกล้กันมาก แทบไม่ต้องเดินอะไรมากมาย
นั่งเอาเท้าจุ่มน้ำ ฟังเสียงน้ำไหลให้สบายใจ ก่อนกลับไปสู่ความเป็นจริง :) 

เป็นอีกทริปใกล้กรุงฯ ง่ายๆ ใช้เวลาน้อยยยยย
ถือว่าเป็นจังหวัดที่เที่ยวได้เกือบทุกฤดู หรือจะต่อยอดไปเขาใหญ่ก็ได้ 
ใช้เวลาเดินทางน้อย (ถ้ารถไม่ติด) และสิ่งอำนวยความสะดวกครบ มาและไม่ลำบากมากมาย
แต่ถ้าชอบกางเต้นท์ แนวลุยๆ แคมป์ปิ้ง ก็มีสถานที่หลายแห่งรองรับ
ลองไปดูนะ :)

  • information:

แข็งแรง ปลอดภัย จะได้อยู่เที่ยวกันไปยาว ๆ
ด้วยความปารถนาดีจาก JNMJNY

JOURNEYMEJOURNEYYOU on Facebook
JOURNEYMEJOURNEYYOU on Instagram

    Journeyme Journeyyou

     วันอาทิตย์ที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2564 เวลา 12.47 น.

    ความคิดเห็น