เห็นว่าโปรราคาประมาณนี้ยังมีออกมาอยู่เรื่อยๆ ทุกอย่างยังไม่เปลี่ยนแปลง
เลยขุดรีวิวเก่ามาให้ดูกันครับ

ตั๋วไปกลับ 2 คน
ขาไป ถือกระเป๋าขึ้นเครื่อง (น้ำหนักไม่เกิน 10 กก.)

ขากลับ ซื้อน้ำหนักกระเป๋าไว้ 15 กก. รวมกับถือขึ้นเครื่องอีก 10 กก.

รวมทั้งหมด ได้ราคา มาตามนี้ครับ

รวมแล้ว ไป-กลับ กรุงเทพ - ฟุกุโอกะ คนละ 71xx บาท



เข้าแถวเช็คอินที่สุวรรณภูมิคนไม่ค่อยเยอะมากครับ

แต่ต้องมีการ ชั่งน้ำหนักรวม ของกระเป๋าที่ถือขึ้นเครื่อง ให้ไม่เกิน 10 กก. และ ติดสติกเกอร์ carry on bag ครับ



ของผมชั่งได้ 9.8 กก. ของน้องชั่งได้ 7 กก. กว่าๆ ผ่านฉลุย


ได้ตั๋วมาแล้วครับ

ผ่านด่าน ตรวจคนเข้าเมือง

ก็เจอ สัญลักษณ์ของสนามบินสุวรรณภูมิหละครับ ใครๆก็ต้องมาถ่ายรูปที่นี่



มีร้านค้าเพียบเลย

แต่ก็ไม่รู้จะซื้ออะไรเหมือนกัน นาฬิกาเรือนละล้านกว่าบาท

ไอ้ตั๋ว ไปกลับ 7000 อย่างเรา มิอาจเอื้อม แฮ่ๆ

ได้น้ำเปล่ามา 1 ขวด อ่ะครับ เอาไว้ดื่มบนเครื่อง



ได้น้ำขวดแล้ว ก็ไปนอนรอที่ gate ดีกว่าอ่ะครับ

อีกตั้งเป็นชั่วโมง เครื่องออกตีสองกว่าๆ gate number F6



เดินไปถึง Gate ยังไม่เปิดอ่ะครับ

นั่งเล่น รอเค้าเปิด Gate

พอเข้าไปถึงเกต ก็เจอน้อง Airbus A320 จอดรออยู่แล้ว



อีกมุมนึง



ได้เวลา ตีหนึ่งครึ่งกว่าๆ เค้าก็เรียกไปขึ้นเครื่องหละครับ

ผมจองที่นั่งท้ายๆเครื่องไว้ เค้าเลยเรียกให้ไปขึ้นเครื่องเป็นกลุ่มแรกๆ

ที่นั่งในเครื่อง เป็นข้างละ 3 แถวครับ



ระยะระหว่างแถว ก็ชิดๆกัน ประมาณเดียวกับ air asia นี่หละครับ



ผมสูง 176 cm

นั่งไป ก็พอดีๆ ยังดี ที่เข่าไม่ชน แฮ่ๆ



ราคาเครื่องดื่ม และอาหาร บนเครื่องครับ



ราคาเป็น Singapore Dollar ผมซื้อน้ำเปล่ามาจากใน terminal ครับ



ก็ไม่ได้หิวอะไรแล้วหละครับเพราะกว่าจะขึ้นเครื่องก็จะตีสองแล้ว ไม่มีอารมณ์จะทำอะไรแล้ว

มีน้ำไว้จิบกันคอแห้งเท่านั้นเอง

ขึ้นไปถึง ก็นอนหลับเลย

หลับไปอย่างสบายๆครับ ไม่อึดอัดมาก เพราะที่นั่งแถวหลังสุด ไม่ค่อยมีคนนั่ง แอร์บนเครื่อง เย็นมากๆ

แต่เค้ามีผ้าห่มกับหมอนเป่าลมให้เช่าครับ

ถ้าใครไม่อยากเช่า ก็เตรียมเสื้อหนาวเอาไว้ใส่บนเครื่องด้วยครับ

หลับไปอย่างง่วงๆ สบายๆ ตื่นมา ก็อยู่กลางทะเล ใกล้จะถึงญี่ปุ่นแล้วครับ



อารายว้า ตอนแรกฟ้าใสๆ บินๆไป เมฆมาตรึมเลย

แบบนี้ ไปลงที่สนามบิน ทำท่าว่าจะเจอฝนหละครับ



แล้วเครื่องก็ลดระดับ ลงสนามบิน ตามเวลา ไม่มีดีเลย์ ทั้งตอนขึ้น และตอนลง



ถึงแล้วฟูกุโอกะ


เดินลงบันไดมาขึ้นรถบัส


หันกลับไปถ่ายเครื่องไว้ เป็นที่ระลึกครับ ขอบคุณ JETSTAR ที่ทำให้คนงบน้อยอย่างพวกผม ได้เที่ยวบ่อยๆ



เดินเข้าไป ที่ตรวจคนเข้าเมือง



ผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองมา ก็เป็นที่เรียบร้อย


สนามบินฟุกุโอกะ ขนาดไม่ได้ใหญ่มากมาย

ออกมาหน้าสนามบิน ก็มีป้ายรถเมล์

ให้เลือก ว่าจะนั่งไปลงรถไฟใต้ดิน ที่อาคารผู้โดยสารในประเทศ

หรือว่า จะนั่งรถเมล์ตรงเข้าเมืองเลยครับ



ถึงฟุกุโอกะแล้ว ก็แยกย้ายกันที่สนามบินอ่ะครับ ใครอยากไปใหน ขึ้นเหนือ ลงใต้ ก็ไปตามทางของตัวเอง



โดยรวม ถือว่าโอเคเลยครับ เป็นทางเลือกที่ประหยัดสำหรับคนงบน้อย
การเดินทาง ก็ไม่ได้ลำบาก แออัดเป็นปลากระป๋องอะไรมากมาย

หลับๆตื่นๆ แปบเดียวก็ถึง



แต่ขากลับเป็นไฟลท์กลางวัน จะนอนหลับยากกว่าตอนกลางคืน

ทางที่ดี นอนให้ดึกๆ ไปช๊อปที่ดองกีโฮเต้ก็ได้ เค้าเปิดทั้งคืน

นอนน้อยๆ เอาให้ สลึมสลือให้เต็มที่ ขึ้นเครื่องมา จะได้หลับยาว ไปตื่นที่กรุงเทพเลย 555


ใครนอนไม่หลับ ก็ควรพกหนังสือไว้อ่านบนเครื่องอ่ะครับ เพราะ 5 ชั่วโมง นั่งเฉยๆ ไม่มีอะไรทำ มันเบื่ออ่ะครับ


ส่วนเรื่องน้ำหนัก ขากลับ น้ำหนักผมไม่ถึง 15 กิโลอยู่ดีอ่ะครับ

เพราะผู้ชายไปกันสองคนเลยไม่ได้ช๊อปอะไรมาก เน้นไปถ่ายรูปมากกว่า

เลยซื้อของมานิดเดียว



น่าจะแชร์น้ำหนักกันได้ครับ ถ้าจองมาเป็น booking เดียวกัน



ขาออกที่ญี่ปุ่น ก็จะมีเจ้าหน้าที่มาเล็งๆดู ว่าใครถือกระเป๋าขึ้นเครื่องมั่ง เค้าก็จะติดสติกเกอร์ให้

ถ้าใครท่าทางกระเป๋าหนัก เค้าก็ขอเอามาชั่งดูเหมือนกันครับ


ต้องขอขอบคุณ jetstar ครับ ที่ได้เปิดเส้นทางนี้มาเป็นทางเลือก ให้คนงบน้อย ได้เที่ยวต่างประเทศกันมั่ง



ขอจบกระทู้รีวิวไว้เพียงเท่านี้ครับ

tamrong

 วันศุกร์ที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2559 เวลา 14.15 น.

ความคิดเห็น