สวัสดีคะ กลับมาอีกแล้วนะคะ จากกระทู้ก่อนหน้า ที่พาไปเที่ยว Helsinki Finland เป็นไงกันบ้างคะ ธรรมชาติของประเทศ Finland นี่สมบูรณ์เอามากๆเลยเนอะ เอาหล่ะค่ะสำหรับวันนี้เราจะพาไปประเทศที่ 2 กันนะคะ เราจะไป เมือง Tallinn ประเทศ Estonia ซึ่งเป็นประเทศที่อยู่ใกล้ๆกับ Finland นี่เองคะ

สามารถติดตามกระทู้ก่อนหน้า

EUROPE first time part 1 '' F I N L A N D - Helsinki '' ได้จาก http://pantip.com/topic/35253737



Tallinn Estonia เมืองดั่งเทพนิยาย


Tallinn เป็นเมืองหลวงและเมืองท่าค้าขายที่มีความเจริญสุดๆของหลักของอลติก ด้วยความที่มีประวัติศาสตร์ที่ยาวนานย้อนกลับไปได้ถึงศตวรรษที่ 12 แต่ด้วยความเจริญนี้ก็ทำให้กลายเป็นเหมือนดาบสองคมที่ทำให้เมืองที่งดงามแห่งนี้ต้องถูกเปลี่ยนมือไปสู่ความครอบครองของผู้อื่นมากหน้าหลายตา ไม่ว่าจะเป็นเดนมาร์ก สวีเดน และสหภาพโซเวียต แต่ในความหลากหลายในวัฒนะธรรมที่ผสมผสานปนเปจนเกิดเป็นส่วนผสมกลายเป็นลักษณะของ Tallinn โดยTallinn ห่างจาก Helsinki Finland เพียงแค่ 80 กิโลเมตรเอง ดังนั้นถ้าหากใครที่มาเที่ยว Helsinki แล้วก็มักจะแวะมาเที่ยวที่ Tallinn ด้วยเช่นกัน โดยเส้นทางที่นิยมมากก็จะนั่งข้ามเรือเฟอรี่มาเที่ยวที่ Tallinn

ดังนั้นวันนี้เราจะพานั่งเรือเฟอร์รี่ข้ามจากHelsinki Finland มายัง Tallinn ประเทศ estonia กันนะคะ เริ่มจาก


1. ตั๋วเรือเฟอร์รี่จขกท.ได้จองจากที่ไทยของบริษัท Tallink silja line จากเวป http://www.tallinksilja.com/en/web/int/book-a-cruise เราเลือกเดินทาง2วัน 1 คืน (นอนที่ Tallinn 1 คืน) เลยซื้อตั๋วแบบ roundtrip ด้วยเรือเฟอร์รี่แบบ superstar ช่วงเวลาในการเดินทางแต่ละเวลาราคาจะไม่เท่ากันคะ สามารถเลือกได้ นอกจากนั้งสำหรับใครที่ไม่อยากค้างคืน ตั๋วแบบ one day ticketก็มีขายนะคะ ราคาถูกกว่า แต่ระยะเวลาค่อนข้างน้อย ยังไงลองดูรายละเอียดในเวปที่ให้ไปได้เลยคะ พอจองเรียบร้อยก็printเก็บใบยืนยันไว้นะคะ จะต้องเอามายื่นเพื่อเปลี่ยนเป็น card ขึ้นเรือค่ะ หรือ สามารถซื้อตั๋วเรือได้จากหน้า counter ได้เหมือนกันคะ

2. ที่พัก ที่ Tallinn เราจองจาก expedia.com พักที่ Oldtown Munkenhof Guesthouse - Hostel, Tallinn คืนละ 38 euro ประมาณ 1695/คืน

ตั๋วเรือจองแล้ว ที่พักจองแล้ว passport เอาติดตัวไปด้วยนะคะ กระเป๋าพร้อมแล้ว ออกเดินทางได้ เริ่มออกเดินทางประมาณบ่ายโมง



- เริ่มจากเราฝากกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ไว้ที่ที่พักที่ Helsinki เค้าก็ใจดีนะคะรับฝากฟรี แล้วเดินทางไป tallinn ด้วยเป้ใบเดียว จากนั้นก็นั่ง tram หมายเลข9 จาก Kamppi ไปยัง ท่าเรือ Helsinki West Harbor นะคะ ตามlink http://www.tallinksilja.com/en/web/int/helsinki-west-harbour อย่าไปผิดท่านะ เพราะเค้ามีหลายท่ามากๆคะ

- พอไปถึงก็ต้องเอาใบยืนยันที่เรา print มาไปเปลี่ยนเป็น card เพื่อเข้าเรือที่ counter ก่อนพร้อมกับยื่น passport โดย cardกระดาษขาวๆในนั้นจะมีรายละเอียดเป็นชื่อเรา วันเวลาเดินทาง และรหัส wifi คะ จากนั้นก็รอเวลาเดินทาง

ตัวอย่าง card ที่จะใช้เข้าเรือ



จากนั้นก็ได้เวลาเปิดให้เข้า gate ได้คะ เดินไกลใช้ได้เลยคะ ฮาาา จากนั้นเราก็เข้าไปในเรือ เห็นเรือครั้งแรก โหหหห ทำไมมันใหญ่แบบนี้ ตื่นเต้นมากคะ เพราะไม่เคยขึ้นเรือใหญ่ขนาดนี้มาก่อน พอขึ้นเรือแล้วเราสามารถอยู่ส่วนไหนของเรือก็ได้คะ แล้วแต่เราพอใจ ไปชมบรรยากาศในเรือกันเลยนะคะ

แผนภาพของแต่ละชั้นของเรือว่าประกอบด้วยอะไรบ้าง


ทำการเดินสำรวจรอบๆเรือคะ ด้านขวามือจะเป็นร้าน duty free สามารถซื้อได้


เดินขึ้นไปชั้นบนหน่อยซิดูว่ามีอะไรบ้าง


อื้อ หือออ อ อ อ อมีหลายตู้มาก เราเลยไปลองเล่นนิดหน่อย 55


เดินออกไปท้ายเรือ ตรงนี้ก็สวย เป็นกระจก อาบแดดสบายยย 55


หรือใครอยากจะนั่งรับลมรับแดดข้างนอกก็ได้นะ


ชั้นนี้ celeb สุดๆ


ใครหิวก็มาสั่งอาหาร เครื่องดื่ม ที่บาร์ได้เลยจ้า


มุมนี้ใช้ได้เลย


ได้ยินคนข้างๆบอกว่า french fries อร่อย เลยสั่งมาลองชิม 1 จาน ก็โอเคนะ


งานกระทิงแดงก็มา 55



เดินนู้นนั่นนี่ สำรวจจนทั่วเรือ กินๆ นอนๆ สรุปคือได้นั่งอยู่กับที่แค่ประมาณ 45 นาที และแล้ว 2 ชั่วโมงผ่านไป


เรือก็เทียบท่าที่ Tallinn - Estonia เดินออกจากเรือ เรือเขียวนั่นแหละนี่เรานั่งมา

ล่างท้องเรือเค้าก็ใส่รถยนต์เพื่อข้ามมายัง Tallinn ได้เหมือนกัน ดูซิ วู้วว ว ว ์ เรืออ้าปากล้าว ว ว


เราก็เดินไปตามทางเลย เค้าจะมีป้ายบอกว่าเข้าเมือง


เหยียบพื้นดิน Tallinn แล้ว ว ว แต่ แต่ แต่ ฝนตกกกกกกกก ก ก ก เราเลยต้องรออยู่ใน terminal เพื่อ ให้ฝนซา

เห็นยอดสีเขียวๆนั่นไหมคะ นั่นแหละคะ old town ที่ที่เราจะไปกัน ไม่ไกลจากท่าเรือเลย


พอฝนหยุดเราก็เดินไปข้างหน้าตรงอย่างเดียวเลยเพื่อไปยัง old town ระหว่างทาง ก็จะมีร้านน่ารักๆอยู่ข้างทาง


เดินผ่านท่าจอดเรือเล็ก



เราก็เดินไปเรื่อยๆ ข้ามทาง tram เดินตรงไปเรื่อยๆ ทีนี้ เจอทางแยก เอาไงดีไม่รู้จะเลี้ยวซ้ายหรือขวา ไปต่อไม่เป็นละ ลืมหยืบแผนที่มา มีแต่แผนที่ของที่พัก ซึ่ง print มาจาก google มองก็ไม่ค่อยชัด internet ก็ไม่มี แฮ่ๆๆๆๆ ๆ ๆ ๆและแล้วก็ไปเจอพี่ผู้หญิงคนหนึ่งท่าทางดูเป็นมิตรเราก็เข้าไปถาม โชคดีอีกแล้ว.... ^^ เค้าบอก เดี่ยวไปด้วยกันเลยยย ย ย โอ้วว ว วพระเจ้าทรงโปรด เพราะตอนนั้นฝนกำลังจะตกอีกรอบ คุยไปคุยมา พี่เค้าเป็นพนักงานของเรือที่เรานั่งมานั่นเอง เธอน่ารักมาก love ด้วยอีกคน ใจดีจังเลย ..........



ตอนนี้เราเดินมาจนเข้าเขต Oldtown ละ

ถ้าเดินเข้ามาแล้วเจอถนนเป็น อิฐบล๊อครูปตัวหนอนแสดงว่าเราเข้ามา old town ถูกทางแล้วคะ


ยังคงเดินและเม้าส์มอยกับพี่เค้าไปเรื่อยๆ


พอเข้ามาข้างในเรื่อยๆเริ่มตื่นเต้นคะ ร้านสวยๆเต็มไปหมด


และแล้วก้ถึงที่พักกันสักที อยู่ใน old town เลยคะ ทีนี้ก็เที่ยวสะดวกละ


นี่แหละคะพี่เค้าใจดีม๊ากก มาก


Check in กันเลย



นี่เพิ่งเริ่มก็ประทับใจที่นี่ซะแล้ว คนก็ nice เมืองก็สวย ขอพักให้หายเหนื่อย สักช่วงใหญ่ๆก่อนแล้วค่อยออกเดิน survey รอบ oldtown กันต่อ ............. . . . .. . เดี่ยวมาดูกันว่าใน Oldtown มีอะไรน่าสนใจบ้าง ^^มาแล้วๆๆๆคะ มาต่อกันเลยนะคะ พอหายเหนื่อย เราก็เริ่มออกสำรวจพื้นที่กันคะ เริ่มหิวอีกแล้วซิทีนี้ เลยสอบถามเจ้าของที่พัก ที่ดูเป็นวัยรุ๊นน วัยรุ่น ฮาาา เขาก็หยิบแผนที่กางออกมาให้เรา เราถามเค้าว่าอยากชิมอาหารพื้นเมืองมีร้านไหนแนะนำไหม เค้าบอกมีๆ ร้านนนี้เลย recommend เอาจ้าาวงเลยจ้า อยู่ส่วนไหนของแผ่นที่ สบายใจละ ไปตามหาร้านกัน ล้า ลั้นล้า .......

แผนที่ของ Old town ทั้งหมด


ร้านที่ว่าที่เค้าแนะนำชื่อว่า III Draakon ครั้งแรกเห็นชื่อร้าน คิดในใจคงจะเริศน่าดู (ร้านนี้มีแขียน recommend อยู่ใน แผนที่ด้วย) ที่ตั้งของร้าน : ร้านตั้งอยู่ใต้ Town Hall Square ถามตามแผนที่ก็คือหมายเลข 1 เดินไปเรื่อยๆตามแผนที่ และแล้วเราก็มาอยู่ตรง Raekoja Plats (Town Hall Square) คือจัตุรัสกลางเมืองOld town บริเวณนี้จะเห็นร้านอาหารอยู่รอบๆจัตุรัสและมีพนักงานแต่งกายด้วยชุดพื้นเมืองเกือบทุกร้าน

บริเวณ รอบๆ Town Hall Square


ร้านนี้เป็นร้านขายยาที่เก่าแก่ที่สุดในยุโรปที่ยังเปิดทำการอยู่ เปิดขายยามาตั้งแต่ปีค.ศ. 1422 อยู่ด้านตรงข้ามกับ Tallinn Town hall



แล้วร้าน III dragan อยู่ตรงไหน???


หันไปอีกทีเจอ กับ Tallinn town hall เป็นหอคอยเดียวที่อยู่ในTown Hall Square เราเดินไปใกล้ เริ่มได้กลิ่นอาหารหอมมาเชียว

มองจากด้านนนอก ไม่กล้าเข้าเท่าไหร่ มันมืดมาก เอาน่าาาลองดู


เข้าร้านปุ๊ป คนขาย: "เอาซุปกี่ถ้วยยูวว์ "
เรา : "สองถ้วย และพายapple อีก2"
คนขาย : เปิดฝาหม้อออก หอมมากๆๆ กลิ่นเหมือนน้ำซุปกระดุกหมูที่เคี้ยวนานๆจนหอม ม ม ม (ในใจคิดแต่อยากชิมแล้วว)
เรา : " เป็นซุปอะไรหรอ (คือนี่ก็ไม่รู้ว่าคือซุปอะไรเหมือนกัน เค้าแนะนำมาก็ตามมาชิม ใจง่ายอีกละ 55)
คนขาย : ชี้นิ้วขึ้นไปด้านบน เราแหงนมอง เฮือกกก หัวกว้างแขวนอยู่ ..... เอาหน่ะ ชิมซิ ต้องลอง
รับถ้วยซุปมาแบบเบาๆ ไม่น่าถามเลยยย ย ย แต่กลิ่นหอมเหลือเกิน คิดซะว่าเป็นเนื้อหมูละกัน ...... คำแรกเท่านั้นแหละ มันเริศมากกก ก ก กจากนั้นก็ enjoy eating หมดถ้วยย ย ย กินกับแตงกวาดองก็โอเค


เจ้าของร้าน ฮิปปี้มากบอกเลยย


มีราคาบอกเรียบร้อย ถูกด้วย


พอเปิดฝาหม้ออกกบิ่นทะลุจอออเลย


ซุป elf แตงกวาดอง และ pie apple


เห็นโต๊ะข้างๆยกซด เราก็เอาบ้าง อากาศเย็นๆกับซุปอุ่นๆ เข้ากั๊นนเข้ากัน



นอกจากนี้แล้ว Tallinn Town Hall ยังเปิดให้ขึ้นไปด้านบนด้วยนะคะ ด้านในเป็นพิพิธภัณฑ์เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของ Estonia ต้องเสียเงินค่าขึ้น สามารถดูวันเวลาเปิด-ปิดได้ตามlink นี้เลยคะ https://www.visittallinn.ee/eng/visitor/see-do/sightseeing/pid-174683/tallinn-town-hall



จากนั้นเราก็เดินไปเรื่อยๆ จนมาเจอ Olde hansa เป็นร้านที่สะดุดมากเนื่องจากหน้าร้านพนักงานจะสวมเครื่องแต่งกายด้วยชุดพื้นเมืองของ estonia ผู้หญิงก็น่ารัก ผู้ชายก็หล่อ กำลังคั่ว almon กันอยู่ หอมมักๆ เราก็เข้าไปชิม ติดใจคะ อร่อยด้วย ก็เลยซื้อติดไม่ติดมือมาด้วย

หน้าร้าน Olde hansa


ซุ้มของร้าน Olde hansa ขาย almon คั่วคะ


อันนี้เป็น spicy sweet almon คะ เค้ามีหลายรสให้เลือกด้วยนะคะ หวานนำ เผ็ดนิดๆ ผสมกลิ่นอบเชย :9


ภายในร้าน Olde hansa ก็จะเป็นของพวก handmade ที่ทำขึ้นเองดูเข้ากับเมืองนี้เอามากๆ


เครื่องเทศจาก estonia


ทายซิอะไรเอ่ย ย ย ย >> มันคือสบู่ จ้า า า า วิธีใช้ก็แขวนแล้วเอามือลูบๆๆ ค้ลายสู่ก้อน เค้าบอกว่า moisturizer เข้มข้นน๊าาา ซื้อเป็นของฝากได้นาา า



เสร็จจากร้าน Olde hansa เราก็ถือ almon เดินไปด้วยทานไปด้วย เพลิน แปปเดียวก็หมด - -*


เท่าที่สังเกตุป้ายตามร้านต่างๆจะเป็นป้ายเหล็กแล้วฉลุ แขวนออกมาในลักษณะแบบนี้ เพื่อบอกว่าร้านนนั้นเป็นร้านอะไร เช่นร้านนี้คือร้านตัดผมก็จะเป็นรูป กรรไกรตัดผม Vintage มักๆ หลังๆเราก็เลยชอบเดินดู designของป้ายร้านต่างๆ


เก๋เนาะ เป็นร้านอาหาร


นี่ก็ใช่


ตุ๊กตาเอกลักษณ์ของ Tallinn


เดินลอดอุโมงค์ไปชมวิวด้านบนสักหน่อยซิ


ก็จะเห็นเป็นวิวที่มองจากด้านหลังแบบนี้ พวกวัยรุ่นชอบมานั่งกัน



แล้วไม่ทันไรฝนก็จะตกอีกแล้ววว ว วเราเลยต้องรีบกลับที่พัก >>>> วันพรุ่งนี้เราจะเริ่มเดินเที่ยวรอบๆ Tallinn โดยที่ Tallinn จะมี guide พาเที่ยวตามสถานที่ต่างๆใน Olde Town ซึ่ง guide ก็เป็นนักเรียนนักศึกษาที่นี่แหละคะเค้าพาเราเที่ยวฟรี งั้นเดี่ยวมาติดตามกันต่อนะคะว่าเราจะไปที่ไหนกันบ้างคะ ^^เช้าแล้ว ๆ ๆ ๆ เราก็อาบน้ำ แต่งตัว วันนี้เราจะไปเดินชมสถานที่ต่างๆรอบๆ Olde town กันคะ โดยที่ Tallinn จะมีบริการพา tour เป็นแนว free wall tourist โดยจะมี guide เป็นนักศึกษาบางคนเป็นปริญญาตรี บางคนเป็นปริญญาโท เค้าจะพาเราไปชมสถานที่สำคัญๆต่างๆและเล่าประวัติที่มาของแต่ละที่ให้เราด้วยคะ สามารถ check รอบ tour ได้โดยการติดต่อสอบถามที่ Tallinn Tourist Info Center ซึ่งจะอยู่ตรงบริเวณมุมระหว่างถนน Harju และ Niguliste street

แผนที่Tallinn Tourist Info Center เพื่อติดต่อ free walking tour


ด้านหน้าของ Tallinn Tourist Info Center และเป็นจุดนัดเพื่อพา tour


เมื่อเราทราบเวลาพา tour เรียบร้อยระหว่างรอนั้นเราก็เดินเที่ยวเองก่อนคะ เริ่มจาก ถนน Viru street (ถ้าดูตามแผนที่เป็นถนนเส้นที่เหนือหมายเลข 9 ) บริเวณด้านข้างของถนนเส้นนี้เต็มไปด้วยดอกไม้สวยๆตั้งเรียงขายอยู่ตามทาง มองดูแล้วดูสดชื่นเอามาก



ทางเข้าจากถนน Viru จะพบ ป้อมคู่กันอยู่แบบนี้คือ Viru gate เป็นป้อมปราการสองป้อมตรงทางเข้าOld town ก่อสร้างขึ้นมาในช่วงคริสศตวรรษที่ 14


ด้านในของถนนเส้นนี้เต็มไปด้วยร้านอาหาร และร้านขายของที่ระลึก


ระหว่างทางของถนน Viru มีถนนทางซ้ายมือชื่อ Müürivahe เป็นถนนเลียบกำแพงที่ถูกรักษาไว้บริเวณนี้มีเป็นร้านขายพวกเสื้อผ้า มีแต่สวยๆทั้งนั้นเลย เราเลยได้หมวกมาใบหนึ่ง


เราก็เดินผ่าน Niguliste kirik (St. Nicholas's Church) ปัจจุบันเปิดให้เป็นพิพิธภัณฑ์ สามารถเข้าชมได้


จากนั้นเราก็เดินขึ้นเนินเพื่อไปดูจุดชมวิว


โบสถ์ Alexander Nevsky Cathedral โบสถ์ใหญ่ที่มียอดโดมใหญ่ที่สุดในเมืองทาลลินน์ เป็นโบสถ์คริสต์ออร์โธด็อกซ์ที่สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1900 ในช่วงที่เอสโตเนียเป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิซาร์แห่งรัสเซีย สถาปนิก ผู้ออกแบบโบสถ์แห่งนี้ก็คือ Mikhail Preobrazhenski จากเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก สร้างขึ้นเพื่ออุทิศให้แก่เจ้าชายอเล็กซานเดอร์ ยาโรสลาวิทซ์ เนฟสกี้ ด้านบนของโบสถ์มีหอระฆังใหญ่ มีระฆัง 11 อัน รวมถึงอันที่ใหญ่ที่สุดในเมืองซึ่งมีน้ำหนักถึง 15 ตัน


เดินต่อตามถนน Toom-Kooli จะเห็นโบสถ์ Toomkirik (Cathedral of Saint Mary the Virgin) หรือที่เรียกกันว่า Dome Church เป็นโบสถ์ที่เก่าแก่ที่สุดของเอสโตเนีย ภายในมีสุสานหินอ่อนของชู้รักพระนางแคทเธอรีนที่ 2 ยังมีเป็นสวนเล็กๆที่อยู่ทางดานข้างของ Dome Church ถือเป็นจุดชมวิวที่สวยงาม


จุดชมวิวที่ 1 Piiskopi aed sinv Bishop's Garden


แผนที่จุดชมวิวที่ 2 Patkuli viewing platform


จุดชมวิวที่ 2 Patkuli สามารถมองเห็น Toompark และทิวทัศน์ของTallinn ได้อย่างทั่วถึง



จากที่เดินขึ้นไปชมวิวด้านบนแล้วเราก็เดินไปตามทางเรื่อยๆ


ป้ายร้านอาหาร สวยจัง


ขอแอบดูสักหน่อยซิ


Kiek in de Kök


ลานแสดงดนตรีกลางแจ้ง


Tallinn Town Wall เป็นร้านอาหาร และพิพิธภัณฑ์ สามารถขึ้นไปชมและทานอาหารได้


แล้ว guide ก็พาเราเดินลงเนินเพื่อมายัง อนุสาวรีย์ Vabaduse Väljak หรือ Freedom Square เป็นอนุสาวรีย์ที่แสดงให้เห็นถึงการได้รับอิสรภาพของ Estonia จากสหภาพโซเวียต ถือว่าเป็นการจบการบรยยายได้ประทับใจทีเดียวค่ะ



ถ้าจะให้พูดถึง Tallinn ขอให้คะแนน 10/10 อีกเช่นเดียวกันคะ ถ้ามีเวลามากพอก็อยากจะนั่งรถชมรอบเมือง Tallinn เหมือนกันคะ แต่เนื่องจากเวลามีจำกัด เราต้องกลับไปยังที่พักเพื่อนำกระเป๋าและขึ้นเรือ ferry กลับ Helsinki เพื่อไปขึ้นเรือสำราญ ไปยัง stockholm Swenden ต่อ

ถ้ายังไม่เบื่อกัน ฝากติดตาม Part 3 นะคะ เราจะนอนบนเรือสำราญ 1 คืน แล้วเดี่ยวจะมารีวิวเรื่องบนเรือแบบ exclusive กันในpart3 นะคะ ^^

ความคิดเห็น