เที่ยวเชียงคานเมืองสโลไลฟ์คนเดียว 3 วัน 2 คืน ใช้เงิน 4,300.-
เชียงคานเมืองที่เค้าว่ามีความน่ารักของผู้คนและสถานที่นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ด้มาเยือนเชียงคาน จังหวัดเลย แผนของทริปนี้ คือการไม่มีแผนใดๆ อยากใช้ชีวิตเอื่อยๆอยู่ในเชียงคานตลอดทริป
เริ่มต้นการเดินทาง จาก กทม ช่วงเช้าประมาณ 9.00 น. ด้วย “ข้าวหอม” รถยนต์ส่วนตัวของเราระหว่างทาง “พี่เต้ย” เจ้าของที่พักคืนนี้ โทรมาบอกว่า เวลามาเชียงคานจาก กทม ให้ปักหมุดมาที่ จังหวัดเลยก่อน เพราะเส้นทาง จะขับง่ายกว่า
มาถึงเชียงคาน ก็ปาไปทุ่มกว่าแล้ว เพราะมัวแต่จอดทำงาน จุดนี้เราจอดรถที่วัด ศรีคุนเมือง ตรงนี้จอดรถฟรี นะ แต่เราก็ทำบุญ ให้วัดไปแหละ
ที่พักของเราในทริปนี้คือ บ้านชานเคียง ที่ เชียงคาน
เป็นโฮมสเตย์ไม้ทั้งหลัง ราคาที่พัก 500-550.- ได้ฟิลความสโลไลฟ์แท้จริง
ตอนที่ไปถึงและกว่าจะเดินออกมาที่ถนนคนเดิน ตลาดก็วายแล้ว จึงได้กินของกินเล่นพอเป็นพิธีไม่ให้หิวจนเกินไป ตอนนั้นจัดกุ้งเเม่น้ำเสียบไม้ ซึ่งเป็นของเด็ด ประจำเชียงคาน น้ำจิ้มซีฟู้ด ช่วยเพิ่มความอร่อยได้แบบทวีคูณเลย
อาจเป็นโชคดีด้วยที่เลื่อนการเดินทางมาเป็นช่วงนี้ ดันตรงกับวันมาฆบูชาพอดี ในเช้าวันที่ 16 กพ เวลา 05.30น. ถือโอกาสตักบาตรข้าวเหนียว ประเพณีที่น่าสนใจของชาวเชียงคาน ใส่บาตร 1 ชุดจะเริ่มต้นที่ 100.- นะ ถ้าเอาแกงด้วยก็จะ +50.-
ใส่บาตรเสร็จก็ปั่นจักรยาน ที่มีให้ยืมฟรีจากบ้านชานเคียง ไปกินโจ๊ก ที่ร้านซอยซาว ข้าวเปียกเส้น สั่งโจ๊กใส่ไข่ ราคาแค่ 40.- เองอิ่ม
แล้วก็ไปปั่นจักรยานเลาะริมโขง ชมความงามฝั่งเพื่อนบ้าน และโชคดีมากเทอที่ตอนนั้น ไม่มีแดด ครึ้มฟ้าครึ้มฝน ก็ได้บรรยากาศความชื้นๆ เย็นๆ ตลอดการปั่นจักรยาน
ก่อนจะกลับห้อง นั่งพัก พร้อมกับชมวิวฟินๆ ที่ระเบียงห้อง
ตกดึกวันนั้นก็แวะไปที่ถนนคนเดินอีกครั้ง ครั้งนี้คึกคักมากครับ ร้านค้าส่วนใหญ่เปิดกันแล้ว ที่นี่เค้าเปิดทุกวัน ตั้งแต่ 17.00 เป็นต้นไป ของกินที่เรายังคงสั่งกินอีกก็คือ กุ้งย่าง เพราะอร่อย ก่อนจะต่อด้วยข้าวจี่ที่คุณแม่เจ้าของร้าน เคลมว่า นุ่มจริง อร่อยจริง ซึ่งก็จริงอย่างแม่ว่าเลย ไม้ละ 10.- เอง
ร้านที่เชียงคานส่วนใหญ่ก็จะเป็นร้านเสื้อ ร้านของฝากและร้านของกิน ตามสไตล์ถนนคนเดินของทุกๆที่
เดินไปเจอกับน้องผีตาโขน ที่มาเปิดหมวกอยู่ ก็อดไม่ไหว ช่วยน้องไปอีก
ถึงวันกลับแล้ว เริ่มออกเดินทางแต่เช้าตรู่เป้าหมายคือการขึ้นภูทอก ที่อยู่ไม่ไกลจากเชียงคาน จุดนี้จะต้องเสียค่าจอดรถ 20.- และค่ารถขึ้นภูทอกอีก 25.-
แม้ภูทอกที่ขึ้นไปถึงจะไม่มีทะเลหมอกให้เราเห็น อาจจะเพราะมาสาย หรือ เพราะความเป็นคนบาป แต่ก็นั่นแหละ ข้างหน้าก็ยังคงสวยเช่นเคย
ลงจากภูทอก เเวะร้านกาแฟเพื่อเติมคาเฟอีนให้ร่างกาย และจัดเส้นเปียก ไปอีกหนึ่งจาน
ก่อนจะเดินทางกลับกทม
ทริปนี้เราขับรถไปทั้งหมดรวมระยะทางของทริปนึ้ 1,348.7 กิโลเมตร
รวมค่าน้ำมันของทริปนี้ 2,410.-
ข้อมูลนี้คงเป็น ประโยชน์สำหรับคนอยากขับรถเที่ยวไม่มากก็น้อยนะ
ค่าใช้จ่ายรวมของทริปรวมค่าน้ำมันด้วย 4,275.-
ขอบคุณที่อ่านมาถึงจุดนี้ไว้ทริปหน้าผมจะพาไปเที่ยวใหม่
ฝากกดติดตามเพจด้วยนะครับ กดที่ลิ้งค์นี้ได้เลย https://www.facebook.com/TaLob...
ตะล๊อปก๊อปแก๊ป
วันอังคารที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565 เวลา 20.36 น.