💁🏻‍♀️ หมูยุ้ยมาแล้วจร้าาาา...และวันนี้จะพาทุกคนไปเที่ยวชุมชนริมเลใกล้กรุงเทพฯ
บอกเลยว่าขับรถแค่ 3-4 ชั่วโมงเท่านั้น ก็จะได้มาพบกับชุมชนที่มีชื่อว่า
"🏡 ชุมชนบ้านล่าง ต.บางสระเก้า อ.แหลมสิงห์ จ.จันทบุรี"

ที่นี่เป็นชุมชนเกษตรกรรมขนาดเล็ก มีพื้นที่เชื่อมระหว่างปากแม่น้ำและทะเลป่าชายเลน
มีความอุดมสมบูรณ์หลายด้าน จนได้ชื่อว่า “3 น้ำ 9 นา” (3 น้ำ คือ น้ำจืด น้ำเค็ม และน้ำกร่อย
และ 9 นา คือ นาข้าว นากก นาปอ นาบัว นาถั่ว นาข้าวโพด นามะพร้าว นามะนาว และนากุ้ง)
ชาวบ้านส่วนใหญ่มีวิถีชีวิตแบบเรียบง่าย มีอาชีพหลัก คือ ทอเสื่อกก ทำนา ทำสวนผลไม้
ทำประมง และมีกิจกรรมท่องเที่ยวชุมชนไว้เป็นรายได้เสริม โดยการนำวัฒนธรรมและธรรมชาติ
ที่มีอยู่ในท้องถิ่นมาเพิ่มมูลค่า ควบคู่ไปกับกิจกรรมจิตอาสา เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิต
โม้มาซะเยอะเลย ถ้าพร้อมแล้วก็มาเที่ยวไปด้วยกันเลยจร้า...

เริ่มต้นออกเดินทางจากกรุงเทพฯด้วยรถยนต์ส่วนตัว มุ่งหน้าสู่จังหวัดจันทบุรี
ใช้เวลาเดินทางไม่นานมาก แต่ก็สามารถพักสายตาได้หน่อย
พอตื่นขึ้นมาอีกทีก็ถึงชุมชนแล้วจร้าาาา เราถึงประมาณเที่ยงเลยค่ะซิส
ซึ่งทางชุมชนก็ได้จัดเตรียมมื้อเที่ยงแสนอร่อย ไว้รอต้อนรับเราแบบเต็มโต๊ะ
บอกเลยว่าเมนูเด็ดๆทั้งนั้น ยืนยันด้วยภาพเลยจร้า...ไม่ได้โม้ 555

มื้อนี้มีจานเด็ดมาเสิร์ฟให้ทานถึง 6 เมนูด้วยกัน มีอะไรบ้างน่ะหราาา
1.น้ำพริกไข่ปูเสิร์ฟมาพร้อมสารพัดผัก

เมนูนี้เด็ดสุด เอาไปเลย 10 ดาวจร้าา อร่อยแซ่บปากเจ่อ
2.แกงส้มบอนหวานใส่หอยพอก

เมนูท้องถิ่นที่ไม่ได้หากินได้ง่ายๆ เพราะหอยพอกถือเป็นสัตว์เศรษฐกิจคู่ชุมชม
แถมแม่ครัวบอกว่า ถือเป็นเมนูปราบเซียนเลยนะคุณ เพราะรสชาติต้องกลมกล่อม
ไม่หวานหรือเปรี้ยวโดดจนเกินไป
3.ต้มข่าไก่โบราณ
(ไม่มีกะทิ และไม่เคยกินที่ไหนมาก่อน 555)
อีกหนึ่งเมนูพื้นบ้าน น้ำใสไม่เลี่ยนกะทิ บอกได้เลยว่า "ซดคล่องคอ" จริงๆ
4.ห่อหมกทะเลรวมมิตร 5.ปลากระพงแดดเดียว 6.ไข่เจียว
ได้โปรดอย่าถามว่าอิ่มไหม เติมข้าว-เติมกับ จนจุกไปเลยจร้า+++
หลังจากกินอิ่มแล้ว ก็คงต้องนอนสักตื่น โน้..โน..โนจร้าาา
โดยชาวบ้านพาเราไปเยี่ยมชมวิถีชาวบ้านตามฐานการเรียนรู้ต่างๆ เริ่มจาก...

ศูนย์การเรียนรู้ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บ้านปลา-ธนาคารปู)
โดยเราจะเริ่มจากฐานธนาคารปูก่อนเลย หลายคนสงสัยธนาคารปูอิหยังวะ???
ก็เหมือนธนาคารเรานั่นแหละ แค่เปลี่ยนจากฝากเงินเป็นฝากแม่ปูไข่แทน
เพื่อเป็นการช่วยอนุรักษ์-เพาะพันธุ์ปู แถมยังสร้างอาชีพให้ชาวบ้านด้วยนะเออ

ซึ่งวันนี้เราโชคดีมาก เพราะชาวบ้านจับแม่ปูไข่เต็มท้องมาได้ 1 ตัว และนำมาฝากที่ธนาคาร
โดยชาวบ้านบอกว่า แม่ปูตัวนี้น่าจะให้ไข่มากกว่า 100,000 ฟองเลยทีเดียว
โดยธนาคารปู จะมีวิธีเพาะขยายพันธุ์ปูด้วยกัน 2 วิธี คือ
1. ปล่อยให้แม่ปูสลัดไข่เองตามธรรมชาติ

โดยไข่ปูระยะแรกมีสีเหลืองส้ม และจะใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 15 วัน
จากนั้นไข่ปูจะเปลี่ยนเป็นสีเทา และใช้เวลาไม่เกิน 7 วัน
แล้วไข่ปูจะกลายเป็นสีดำ ใช้เวลาไม่เกิน 1-2 วัน แม่ปูก็จะทำการสลัดไข่ด้วยตัวเอง
2. แปรงไข่ปูด้วยมือมนุษย์

วิธีนี้ไม่เป็นอันตรายกับแม่ปูและไข่อย่างแน่นอน แต่ถ้าเราจับปูผิดวิธี
อาจจะเป็นอันตรายกับมือและนิ้วของเราแทน...ผ่ามๆๆๆ
ซึ่งเราจะต้องใช้แปรงขนอ่อน มาทำการแปรงไข่ปูด้วยน้ำหนักที่พอดี
นำปูและแปรงจุ่มน้ำเรื่อยๆ หมูยุ้ยแปรงไปซักพัก เริ่มรู้สึกว่าปูเคลิ้มแฮะ
ดูท่านางน่าจะชอบ คงเหมือนเวลาเราไปนวดอ่ะเนอะ 555

เมื่อจบฐานธนาคารปูแล้ว เดินย้อนกลับมานิดเดียว ก็จะเจอกับฐานบ้านปลา
ที่ชาวบ้านกำลังเตรียมอุปกรณ์สาธิตการสร้างบ้านปลาด้วยยางรถยนต์ให้เราได้ดูกัน
โดยบ้านปลาถูกสร้างขึ้นมา เพื่อป้องกันแนวฝั่ง ไม่ให้เรือที่ไม่ประสงค์ดีลุกล้ำพื้นที่
และตามร่องยางยังกลายเป็นที่อยู่อาศัยของเหล่าปลาเล็กใหญ่อีกด้วย
ซึ่งชาวบ้านมีการพัฒนาบ้านปลามาหลากหลายรูปแบบ สุดท้ายพบว่ายางรถยนต์ดีสุด
หน้าตาบ้านปลา ก็ตามรูปที่เห็นด้านบนเลยจร้า คือ
ฐานทำด้วยยางใส่คอนกรีต เพื่อให้มีน้ำหนักและถ่วงไม่ให้เคลื่อนที่ตามคลื่นลม
ส่วนด้านบนก็จนนำยางมาวาง 3 อัน แล้วผูกด้วยเชือกไนล่อนตึงๆ
รับประกันความคงทนกว่า 10 ปีแน่นอนจร้า

ฟ้าครึ้มมาเชียว...งั้นเรามาต่อกันที่ฐานการเลี้ยงผึ้งชันโรง (ชัน-นะ-โรง)
ฟังชื่อฐานดูเหมือนจะไม่น่าสนใจสักเท่าไหร่ แต่พอได้เข้ามาเท่านั้นแหละ
อู้หูวววว....มีอะไรให้เด็กเทพอย่างเราได้เรียนรู้เยอะแยะเชียว
เพราะนอกจากฐานนี้จะสอนเกี่ยวกับวิธีการเลี้ยงผึ้งชันโรงแล้ว

ชาวบ้านยังมีการนำเอาผลผลิตที่ได้ มาคิดค้นและพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ๆอีกเพียบ
ไม่ว่าจะเป็นน้ำผึ้งชันโรง ที่มีรสชาติหวานอมเปรี้ยว อร่อยไม่เหมือนน้ำผึ้งทั่วไป
โดยรสชาติของน้ำผึ้งที่ได้ ขึ้นอยู่กับอาหารที่ผึ้งไปกินมา เฉพาะตัวสุดๆ
สบู่น้ำผึ้งชันโรง+พรอพอรีส , ลิปบาล์ม และโลชั่นน้ำผึ้ง

ระหว่างเดินชมบ้านน้องผึ้งอยู่ในสวน จากฟ้าที่ครึ้มก็เปลี่ยนเป็นสายฝนโปรยปรายลงมา
ชาวบ้านประจำฐานก็เลยพาพวกเราทำสบู่น้ำผึ้งชันโรง และมอบให้เราเป็นของที่ระลึก
กลับบ้านคนละ 1 ก้อน (สรรพคุณก็น่าสนใจ ลดผื่น ลดสิว ผิวหน้าเนียนนุ่มนิ่ม)
ใครสนใจอยากจะลองซื้อมาใช้ แนะนำให้ทักเพจตามลิงค์ด้านล่างดูนะคะ

ระหว่างนั่งรอให้สบู่เย็นตัวลง หมูยุ้ยก็ได้แต่ภาวนาให้ฝนหยุดตก
เพราะตามแผนของช่วงเย็นวันนี้ เราจะได้ไปล่องแพชมเหยี่ยมแดงกัน 
แต่ฝนก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุดตกสักที สุดท้ายทริปล่องแพช่วงเย็นก็เลยล่มไม่เป็นท่า
แต่ผู้ใหญ่บ้านและชาวบ้านที่นี่แก้สถานการณ์ได้ดีมากๆ โดยการส่งรถตู้มารับพวกเรา
กลับไปยังศูนย์รับรอง พร้อมเตรียมของว่างยามบ่ายแสนอร่อยอย่าง...

...เมี่ยงคำแม่บุญเรือน..

...มะพร้าวน้ำหอมน้ำกร่อย...

หลังจากทานเบรคบ่ายเรียบร้อยแล้ว ฝนก็ยังไม่หยุดตกอยู่ดี
ผู้ใหญ่บ้านก็เลยต้องปรับแผนจากล่องแพ มาเป็นนั่งทำขนมจาก
ซึ่งพวกเราได้หัดห่อเอง ย่างเอง บางห่อใส่เยอะย่างไปย่างมาจนไส้แตกก็มี
ถือเป็นการทำขนมจากครั้งแรกที่สนุกมากๆ แถมอร่อยด้วยนะเออออ+++

นอกจากได้ฝึกทำขนมจากแล้ว
สำหรับใครที่ชื่อชอบงานประดิษฐ์ก็สามารถฝึกทำพวงกุญแจหมวกจิ๋วรักษ์โลก
ซึ่งมีวัตถุดิบหลักมาจากฝาขวดน้ำอัดลมและเศษกกที่คัดออกมาจากการทอเสื่อได้นะเออ!!!
หมูยุ้ยใช้เวลาไปประมาณ 2-3 ชม....ก็ได้หมวกจิ๋วรักษ์โลกกลับมาเป็นของที่ระลึก 555

หลังทำกิจกรรมเสร็จแล้ว เราก็มาเก็บของเข้าที่พักสไตล์ลอฟท์กัน

ซึ่งทางเข้าด้านหน้าที่พัก มีชิงช้าเป็นจุดถ่ายรูปเช็คอินน่ารักๆให้แชะด้วยนะ

และแล้วก็ถึงเวลาอาหารเย็น...มื้อนี้ทะเลต้องร้องขอชีวิตแน่ๆ
เพราะชาวบ้านจัดเต็มให้กับพวกเรามากๆ อารมณ์ว่าขาดทุนไม่ว่า เสียหน้าไม่ได้
มาครบทั้งกุ้ง , หอย , ปลา และปูทะเลสดๆ ที่เสิร์ฟมาพร้อมกับน้ำจิ้มซีฟู้ดแซ่บๆ
โดยเฉพาะเมนูต้มจืดกระดูกอ่อนหมูใส่เห็ดหอม คือ ที่สุดค่ะซิสสสส
หมูยุ้ยยกมือขอเติมไป 3 ถ้วยเต็มๆคร่าาาา

อาหารที่ว่าเซอร์ไพส์แล้ว...
ระหว่างที่เรานั่งทานอาหาร ชาวบ้านก็มีการแสดงพื้นบ้านมาโชว์ให้เราได้ดูด้วยจร้าาา
เริ่มกันที่การเต้นบาสโลบ จังหวะสนุกๆ ที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มของบรรดาแม่ๆทุกคน
และปิดท้ายด้วยระบำเสื่อ ที่หาชมได้ยากในปัจจุบัน แต่แม่ๆก็ระบำกันได้คล่องเชียว
ขนาดบอกว่า ไม่ได้ทำการแสดงมานาน ไม่ได้ซ้อมด้วย เพราะติดเรื่องโควิดก็ตาม
แต่การแสดงในครั้งนี้นอกจากจะสร้างรอยยิ้มให้พวกเราแล้ว
ยังสร้างความสุขให้บรรดาแม่ๆที่ได้ออกมาสนุกกันด้วย

จบไปอีกหนึ่งวัน ทุกคนต่างแยกย้ายเข้าที่พัก และพักผ่อนตามอัธยาศัย
เพื่อเตรียมร่างกายให้พร้อมกับการล่องแพชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นในเช้าวันใหม

มอร์นิ่งงงง....ตื่นเช้ามาทำบุญใส่บาตรกันตั้งแต่ 6 โมงเช้า
หลังจากนั้นก็รองท้องมื้อเช้าด้วยกาแฟ-โอวัลติน และขนมมัดใต้ไส้เค็ม

หลังจากนั้นเราก็ออกไปล่องแพชมวิวพระอาทิตย์ขึ้น ชมวิวธรรมชาติสวยๆยามเช้า

ก่อนกลับเข้าท่า...ชาวบ้านจอดแพให้เราได้โดดเล่นน้ำด้วยค่ะคุณ...สนุกมากกกก

หลังจากล่องแพเสร็จแล้ว ก็แยกย้ายกันไปอาบน้ำ-เก็บของออกจากที่พัก
โดยมื้อเช้าวันนี้ คือ ข้าวต้มหมูสับ เรามีเวลาทานแค่ 15 นาทีเท่านั้น
เพราะทานเสร็จชาวบ้านก็จะพานั่งรถซาเล้ง เพื่อไปเรียนรู้ฐานต่างๆในชุมชนกันต่อ
โดยเริ่มจากการเข้า "ชมแปลงต้นกก-สาธิตการทอเสื่อกกจันทบูร"

ฐานนี้เราได้ความรู้เกี่ยวกับวิธีการปลูกกกของบางสระเก้า ที่ต้องใช้เวลาปลูก 3-4 เดือน
รวมไปถึงจุดเด่นของกกที่นี่ คือ เป็นกก 3 น้ำ (น้ำกร่อย) ยิ่งใช้ไปนานๆยิ่งนุ่ม
ที่สำคัญกกที่นี่...ไม่มีการพ่นยาฆ่าแมลงแน่นอนจร้า

หลังกลับจากเยี่ยมชมแปลงกก ผู้ใหญ่บ้านก็พาเรามาชมกรรมวิธีการทอเสื่อกกกันต่อ
ซึ่งที่นี่เริ่มตั้งแต่การกรีดกกเป็นเส้นตามขนาดที่เหมาะสม ย้อมสีกก ปั่นกกเป็นเส้น
จนกระทั่งนำกกมาทอเป็นเสื่อกกจันทบูร และสินค้าอื่นๆอีกเพียบ

ด้านล่างเป็นตัวอย่างกระเป๋ารูปทรงต่างๆ สวยๆทุกใบ
สายช็อปอย่างพวกเราก็ไม่พลาดที่จะช็อปปิ้ง ถือเป็นของติดไม้ติดมือกลับบ้านคนละชิ้น

หลังจากชื่นชมผลิตภัณฑ์จากกกเรียบร้อยแล้ว เราก็มีโอกาสไปกราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์
คู่ชุมชนอย่าง "วัดบางสระเก้า" ที่เป็นวัดเก่าแก่ ที่มีสระน้ำในตำนาน (สระที่ 9)
 และมีเกจิอาจารย์ชื่อดังอย่างหลวงพ่อเต่า , ท่านเจ้าคุณใหญ่ และหลวงพ่อแสง
ให้ชาวบ้านได้กราบไหว้ และยึดเหนี่ยวจิตใจ 

หลังจากไหว้พระขอพรสิ่งศักดิ์สิทธ์เสร็จเรียบร้อย..ก็มาช็อปปิ้งกันต่อที่
"ตลาดสี่มุมเมรุ"
 คู่แข่งตลาดสี่มุมเมืองย่านรังสิต ที่นี่ถือเป็นแหล่งรวมร้านค้า
ที่มีจำหน่ายตั้งแต่ผักสด อาหารทะเลเป็นๆ อาหารสำเร็จรูป ขนมต่างๆ
รวมไปถึงของทะเลแห้ง ที่สามารถซื้อเป็นของฝากได้ด้วยค่ะซิส

ก่อนกลับกรุงเทพฯ ชาวบ้านยังมีมื้อเที่ยงเลี้ยงส่งพวกเราอีกหนึ่งมื้อ
หนึ่งในนั้นมีเมนูพื้นบ้านหาทานยากอย่าง "แกงเป็ดกะลามะพร้าว"
หมูยุ้ยขอยืนยันอีกเสียงว่าไม่เคยทานที่ไหนมาก่อนแน่นอน ที่สำคัญรสชาติอร่อยด้วยนะเออ
เมนูเมี่ยงปลาของที่นี่ก็ไม่เป็นสองรองใคร โดยเฉพาะน้ำจิ้มถั่ว จานนี้พวกเราตักกันไม่แผ่วเลย
หมูชะมวงที่นี่ก็จัดจ้าน...บอกเลยว่ามื้อนี้อิ่มอร่อยแบบจุกๆก่อนกลับบ้าน

ถ้าใครมีโอกาสมาเที่ยวจันทบุรี หมูยุ้ยขอแนะนำให้มาที่นี่เลยค่ะ
"ชุมชนบ้านล่าง ต.บางสระเก้า อ.แหลมสิงห์ จ.จันทบุรี"
เพราะชุมชนนี้มีดีกว่าที่เราคิด สมกับสโลแกนที่ว่า "เสน่ห์ไม่จาง ที่บางสระเก้า"

**************************************************************************************************************************

สะดวกติดตามหมูยุ้ยช่องทางไหน..ก็จัดไปเลยจร้า!!!
🚩 ดูรูปสวย รายละเอียดจัดเต็ม แอดมินเป็นมิตรได้ที่ FB : https://m.facebook.com/mooyuit...
🚩 ดูภาพความทรงจำดีๆ ได้ที่ IG : https://www.instagram.com/mooy...
🚩 เพลินเพลินกับคลิป VDO สนุกๆ ได้ที่ Tiktok : https://vt.tiktok.com/6MXEg6/
🚩 สำหรับนักอ่านตัวยง มาอ่านได้ที่ Readme : https://th.readme.me/id/mooyui...

หมูยุ้ยพาเที่ยว : MooyuiTravel

 วันจันทร์ที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2565 เวลา 16.46 น.

ความคิดเห็น