ทับขวัญรีสอร์ท (Dhabkwan Resort) ตั้งอยู่ที่จังหวัดนนทบุรี สามารถนั่ง MRT ไปลงสถานีแยกนนทบุรี 1 แล้วนั่งแท็กซี่ต่อไปยังรีสอร์ทได้ แต่เราปักหมุด GPS และขับรถเลยจ้า เราไปเที่ยวเมื่อวันที่ 24-25 ธันวาคม 2564 2 วัน 1 คืน เพราะทางทับขวัญจัดโปรโมชั่น ที่พักพิเศษราคาคืนละ 2,800 รวมอาหารเช้า และอาหารเย็น แถมได้แต่งชุดไทยสำหรับ 2 ท่าน (เสียดายถ่ายวีดีโอใน Tiktok แล้วโพสลงบล็อคไม่ได้ติดลิขสิทธิ์ แงๆๆ) ทุกรูปใช้กล้องมือถือถ่ายเด้อจ้า
แถมจองโดยใช้สิทธิ์เราเที่ยวด้วยกันเหลือค่าใช้จ่ายแค่ 1,680 บาท และที่สำคัญคือ...ห้องพักที่เราจองนั้น...คือเรือนไทยทั้งหลังจ้า จะพลาดได้ยังไงละค่ะ ฉันจะได้ไปเดินกินลมชมวิว เล่นบทบาทย้อนยุคสไตล์ไทยโบราณ เช็คอินเสร็จเรียบร้อยพนักงานจะให้เราเลือกเซ็ทอาหารเย็นและอาหารเช้าไว้ก่อนเลย
เราพักเรือนไทยที่ชื่อ พุดจีบ (V.2) เป็นเรือนไทยหลังที่ 2 จริงๆ เราต้องได้พักเรือนไทยอีกหลัง พอพนักงานพาไปดู เราว่าเตียงมันสูงจากพื้นมาก กลัวตกเตียง เลยสอบถามว่ามีห้องว่างห้องอื่นอีกไหม ซึ่งพนักงานน่ารักมากพาไปดูเรือนไทยที่ว่างและให้เราเลือกได้ว่าอยากพักหลังไหน เพราะวันที่เราไปพักนั้น คนไม่เยอะ มีคนมาพักเรือนไทยแค่ 2 หลัง คือเรากับชาวต่างชาติญี่ปุ่น ผู้หญิง 1 คน (โอ๊ย..ชอบประหนึ่งว่าทั้งรีสอร์ทเป็นของเรา)
บรรยากาศใต้ถุนเรือนไทยหลังที่เราพักจ้า
ฝนไม่ได้ตกนะ แต่เจ้าหน้าที่เขามารดน้ำต้นไม้และล้างใต้ถุนเรือน
ใต้ถุนเรือนไทยหลังที่เราพักห้องน้ำด้านล่างมีอ่างให้นอนแช่น้ำด้วย
เรือนพุดจีบที่พักพิงของเรากับคุณพี่ ฮ่าๆๆ
เรือนไทยที่เราพักอีกฝั่งจะติดกับอพาร์ทเม้นท์ เสียงจากอพาร์ทเม้นท์ไม่ได้ดังนะ วิวก็ตามนั้น
ขึ้นมาดูบนเรือนกันบ้าง
บรรยากาศใต้ถุนเรือนไทยหลังที่เราพักจ้า
ฝนไม่ได้ตกนะ แต่เจ้าหน้าที่เขามารดน้ำต้นไม้และล้างใต้ถุนเรือน
ใต้ถุนเรือนไทยหลังที่เราพักห้องน้ำด้านล่างมีอ่างให้นอนแช่น้ำด้วย
มีชากาแฟพร้อม ในตู้เสื้อผ้ามีผ้าเช็ดตัว / เสื้อคลุมอาบน้ำ /ผ้าเช็ดผม / ไดร๋เป่าผม / สเปรย์กันยุง / และมีชุดนอนคอกระเช้าให้ด้วย
ที่ห้องมีทั้งเครื่องปรับอากาศและพัดลมพร้อม แอร์เย็นฉ่ำอยู่นะ ข้อเสียคืออาจมียุงและแมลงเล็ดลอดเข้ามาบ้าง พื้นห้องที่เราพักเวลาเดินจะมีเสียงเอี๊ยดอ๊าดของไม้ ตอนแรกๆ ก็ไม่ชินสักพักก็ เออ...ธรรมชาติดีเนอะ
ถึงกับต้องถ่ายสวิตซ์ไฟแบบนี้ ชอบ เห็นแล้วคิดถึงบ้านปู่ ที่บ้านปู่ก็มีสวิตซ์ไฟแบบนี้
เห็นห้องน้ำแบบนี้ไม่มีตุ๊กแกนะจ๊ะ มีแค่แมลงนิดหน่อย
วิวรอบๆ เรือนที่พัก เรือนไทยจะเป็นเรือนไม้แบบน็อคดาวน์เอามาประกอบกันแต่ละหลัง
ที่ห้องมีทั้งเครื่องปรับอากาศและพัดลมพร้อม แอร์เย็นฉ่ำอยู่นะ ข้อเสียคืออาจมียุงและแมลงเล็ดลอดเข้ามาบ้าง พื้นห้องที่เราพักเวลาเดินจะมีเสียงเอี๊ยดอ๊าดของไม้ ตอนแรกๆ ก็ไม่ชินสักพักก็ เออ...ธรรมชาติดีเนอะ
ห้องน้ำภายในอาคารล็อบบี้
เห็นห้องน้ำแบบนี้ไม่มีตุ๊กแกนะจ๊ะ มีแค่แมลงนิดหน่อย
ชั้นบนของอาคารล็อบบี้ก็เป็นเรือนไทย เอาไว้จัดงานแต่งงาน
สามารถเดินเล่นและเข้ามาถ่ายรูปได้ นี้คงเป็นห้องพิธีสงฆ์
เรือนไทยด้านหลังคุณพี่ชั้นล่างจะเป็นห้องทานอาหาร
นี่คืออาคารล็อบบี้ / ห้องสัมมนา /ห้องอาหารและห้องแต่งตัวชุดไทย
หากเราจะแต่งชุดไทยก็จะมีเจ้าหน้าที่ของรีสอร์ทมาช่วยแต่งตัวให้
แม่หญิงมาแล้วจ้า ฮ่าๆๆ
แต่งชุดไทยถ่ายรูปเล่นเสร็จแล้วก็ได้เวลามาทานอาหารเย็นกัน
นี่คือเซ็ทอาหารเย็นที่เราเลือก 1. หมูสะเต๊ะ 2.แกงมัสมั่นไก่ 3.น้ำพริกลงเรือ 4.เมี่ยงกลีบบัว (สั่งเพิ่มต่างหาก) อาหารที่นี่จะเป็นอาหารไทยโบราณสูตรชาววังแท้ๆ รสชาติออกหวานนำ
ห้องน้ำภายในอาคารล็อบบี้
ชั้นบนของอาคารล็อบบี้ก็เป็นเรือนไทย เอาไว้จัดงานแต่งงาน
ส่วนที่ต้องจ่ายเพิ่ม
ตื่นเช้ามาก็นั่งชมวิวเพลินๆ และรอเวลาอาหารเช้า เพราะเราแจ้งเขาว่าจะลงไปทานตอน 8.00 น. ซึ่งอาหารเช้าเราสามารถเลือกได้ว่าจะลงไปทานเองที่ห้องอาหาร หรือให้เขามาเสริฟบนเรือนที่เราพัก
เซ็ทอาหารเช้าที่เราเลือก มี ข้าวต้มกุ้งและข้าวผัดทะเล+ไข่ดาว
พอดีวันที่เราไปคนไม่ค่อยเยอะ เราเลยให้เขานำอาหารเช้ามาเสริฟ อีกเรือนที่มีศาลานั่งริมน้ำ
Emmy Journey
วันอังคารที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2565 เวลา 14.06 น.