เป็นครั้งแรกค่ะที่เราได้ย่างกรายเข้ามารีสอร์ที่น่าค้นหาแห่งนี้
Sugar Hut Resort & Restaurant
ครั้งแรกที่เรารู้จักชื่อรีสอร์ทนี้มาจากสื่อ และอินเตอร์เน็ตที่เราบังเอิญได้ผ่านมาเข้ามาเห็น และคลิกเข้ามาชม
เป็นครั้งแรกที่เราแปลกใจยิ่งนักว่า รีสอร์ทแห่งนี้มีอายุมากว่า 30 ปีแต่เราเพิ่งรู้จักทางสื่อ
เป็นครั้งแรกที่เรารู้สึกแปลก และอยากมาสัมผัส และค้นหา บ้านเรือนไทยที่ถูกบดบังไว้ด้วยต้นไม้ จนเราต้องเก็บกระเป๋าเข้ามาพักในเวลาต่อมา
เราพักรีสอร์ท สวย ๆ ตามสมัยมานักต่อนัก หลากหลายสไตล์มาก็มากแล้วนะคะ สวยทั้งสถานที่สวยทั้งการดีไซน์
แต่ที่นี่ Sugar Hut Resort & Restaurant ทำให้เรามีความรู้สึกแปลกใหม่เพิ่มขึ้นมาอีก นันคือ สงบ
และรักในความเป็นไทยมากยิ่งขึ้น
เป็นที่ๆ เราอยากให้คุณๆ ได้รู้จักที่นี่มากขึ้นเช่นกันค่ะ
Sugar Hut Resort & Restaurant ที่มีพื้นที่ของรีสอร์ทถึง 15 ไร่ ที่นี่โดดเด่นด้วยบรรยากาศแห่งความเป็นไทยสมัยอยุธยา
แม้ว่าจะผ่านการรีโนเวทมากี่ครั้งแล้วก็ตาม
และรู้มาว่า ช่างไม้ที่ดูแลชูการฮัทฯ ตั้งแต่รุ่นแรกๆ จากอยุธยา ก็ยังคงอยู่ด้วยกันมาจนถึงทุกวันนี้นะคะ
Sugar Hut Resort & Restaurant มีบ้านเรือนไทยทั้งหมด 23 หลัง แบ่งเป็นบ้านเรือนไทย 1 ห้องนอน 18 หลัง
และบ้านเรือนไทย 2 ห้องนอนอีก 5 หลัง และมีสระว่ายน้ำในพื่นที่รีสอร์ทถึง 3 สระ
เราทำรีวิวมาให้ชมกันบ่อยๆ หากเพื่อนๆ อยากติดตามผลงาน หรือพูดคุยกับเราเชิญได้อีกช่องทางหนึ่งนะคะ ที่นี่ๆ
https://www.facebook.com/RinsaYoyoliveTravelBlogger
การเดินทางมายัง Sugar Hut Resort & Restaurant แห่งนี้ด้วยรถยนต์ส่วนตัวจากตัวเมืองชลบุรี หรือบายพาสมุ่งหน้าผ่านพัทยาใต้ มาทางเส้นทางไปจอมเทียน เลยซอยทัพพระยา15 มาประมาณ 200 เมตร จะเจอไฟแดงรีสอร์ทจะอยู่ติดไฟแดงด้านซ้ายมือค่ะ
แค่เพียงแค่ขับรถเข้ามายังบริเวณรีสอร์ท ก็ได้สัมผัสถึงความร่นรื่นของเส้นทางที่เต็มไปด้วยต้นไม้เขียวขจีโดยรอบแล้ว
และนี่คือพื้นที่บางส่วนของ Sugar Hut Resort & Restaurant ที่เราบอกกับตัวเองว่า ที่นี่มีอายุมากว่า 30 ปีแล้วนะ ถ้านับ 2016-1984 จะได้ 32 ปี
คืออายุที่แท้จริงของรีสอร์ทแห่งนี้ค่ะ ถ้าหากเป็นคน ก็คงยังอยู่วัยแซ่บสิใช่ไหม
เพราะสาวๆ หนุ่มๆ ยุคนี้ไม่ยอมแก่กันง่ายๆนะเออ 555
เช่นเดียวกับ Sugar Hut Resort & Restaurant แห่งนี้เช่นกันค่ะ ถึงได้มีการรีโนเวทมาหลายๆ ครั้งก็ตาม
แต่ก็ยังรักษาความเป็นเอกลักษณ์บ้านทรงไทย และวิถีชีวิตความเป็นไทยแท้ๆ เอาไว้เป็นอย่างดี
เราให้ใครทายว่าภาพของสถานที่แห่งนี้ว่าคือที่ไหน หลายคนส่วนมากจะตอบว่าอยู่อัมพวานู้นแหละ
น้อยคนนัก ที่จะรู้วา รีสอร์ทแห่งนี้ตั้งอยู่ใจกลางพัทยานะคะ
ต้นไม่ทุกต้นใน Sugar Hut Resort & Restaurant จะปลูกเองค่ะหลายต้นปลูกพร้อมๆ กับที่สร้างรีสอร์ทแห่งนี้ขึ้นมา
สังเกตได้เลยว่า ณ ตอนนี้ต้นไม้เหล่านั้นได้โตอย่างเต็มที่มาก ยิ่งโตมากๆ สูงท่วมจะมิดหลังคาทรงสูงบ้านเรือนไทยไปแล้ว
นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเค้ายิ่งชอบนะเออ เพราะเมื่อมองฟ้าออกไปบางจุดก็ยังเห็นตึกสูงๆ ของพัทยาที่สร้างกันเป็นดอกเห็ดอยู่นะคะ
แต่ที่เราได้มาเห็นและเข้ามาพัก ณ ที่นี่บอกได้เลยค่ะว่า เงียบ สงบเป็นอย่างมาก เหมาะกับการพักผ่อน
อยู่กับตัวเองแบบนิ่งๆ จริงๆ
เปิดประตูเข้ามากันเลยค่า วันนี้มีความรู้สึกตื่นเต้นเป็นพิเศษที่จะได้พักบ้านเรือนไทยในครั้งแรก สไตล์นี้ ถามว่าเราเคยพักแบบนี้มาก่อนหรือไม่ ตอบได้เต็มปากค่ะว่า ไม่เคยเลยสักครั้ง เพียงแค่ประตูไม้เปิดเข้าไปก็ทำเป็นสไตล์ไทยๆ ที่เข้ากับตัวบ้านกันล่ะ
บ้านเรือนไทยยกใต้ถุนสูง เดินขึ้นบันไดมาแล้วจะเจอ ห้องนั่งเล่นและห้องนอน ห้องน้ำแยกออกจากกัน
เราชอบห้องนั่งเล่นที่แยกออกจากตัวบ้านนะคะ ถือเป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งที่ทำให้ความรู้สึกแบบว่าได้พักผ่อนในแต่ละโซนนั้นๆ
ภายในห้องนั่งเล่นมีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นทีวี LCD นี่ตามสมัยด้วยนะ แต่เราก็ชอบ จะมาให้เป็นทีวีขาวดำเหรอ เราก้ไม่เอาหรอก อิอิ ตู้เย็น เครืองดื่มมินิบาร์เพียบค่ะ มีตู้เก็บไวน์ให้ด้วย พร้อมรหัส Wi-Fi บ่งบอกว่า มาพักที่นี่ไม่ขาดการติดต่อข่าวสารจากโลกอย่างแน่นอน
อยากแชท แชท อยากโพสให้ชาวโลกรู้ว่าเรามาพักอยู่ที่ Sugar Hut Resort & Restaurant ก็ย่อมได้ แต่หากใครที่ต้องการพักผ่อนจริงๆ
แบบตัดขาดจากโลกออนไลน์ ก็ย่อมได้นะคะ แค่ไม่เข้าเน็ตก็จบล่ะ อิอิ
มาดูภายในตัวบ้านและตัวห้องนอนที่แยกออกจากห้องนั่งเล่นที่มีชานบ้านเป็นส่วนเชื่อม
เพื่อสร้างความรู้สึกผ่อนคลายไม่อึดอัดค่ะ
ภายในห้องนอนก็แบบไท้ย ไทย ชอบเตียงเขานะ เตียงแบบนี้ถูกสร้างแบบพิเศษให้ระนาบไปกับไม้กระดาน
คือเรามองก็แบบว่า อยู่ในหลุมแบบพอดีเป๊ะๆ ที่สำคัญบอกเลยว่า ที่นอนที่นี่น่ะ นุ่มมากกกกกก
มีมุ้งด้วยนะเออ เสริมสร้างบรรยากาศ นี่เราไม่ได้นอนแบบมุ้งนานแค่ไหนแล้วก็ตอบตัวเองไม่ได้เช่นกัน อิอิ
คล้ายๆว่าสร้างบรรยากาศและอารมณ์แบบว่า เราเป็นแม่หญิงอยู่ในเรือนคุณหลวงนะคะ
ส่วนให้เป็นนางทาสเราไม่เอานะ เพราะเราชอบบทนางเอกเท่านั้น ฮี่ๆ
พาเข้ามาห้องน้ำกันค่ะ ห้องน้ำที่นี่กว้างมาก จุดเป้าสายตาเราอยู่ที่โอ่งมังกรกะขันน้ำสีเงินที่ให้ตักอาบนี่สิคะชอบเลย
เข้ากั้น เข้ากันกับบ้านเรือนไทยหลังนี้ ใครที่ไม่ถนัดตักขันอาบก็ยังมีเรนชาวเวอร์ให้นะคะ
จุดเด่นอีกอย่างหนึ่งคือ
ที่นี่เค้าจะมีน้ำอบให้ด้วยหลังอาบน้ำก็พรมตัวให้หอมๆ หน่อย แต่เราไม่ได้ใช้นะคะ สบู่กับตัวเราก็เนื้อหอมอยู่ล่ะ 555
มีชุดหม้อฮ่อมให้ใส่แทนชุดคลุมด้วย เราเอามาใส่เล่นค่ะ ตัวใหญ่ดีชอบนะ ตู้เซฟก็มียาฉีดกันยุงก็มีอีก แต่บอกได้เลยว่า
ที่นี่ตอนเราไปพัก ยุงแทบไม่มากัดค่ะ หรือว่าเพราะเราตัวหอมก็เป็นได้อีกเช่นกัน แฮ่..
มาดูบ้านพักแบบ 2 ห้องนอนค่ะ บ้านแบบนี้จะแตกต่างจาก 1 ห้องนอนคือ มีห้องนั่งเล่นอยู่ตรงกลางบ้าน
และห้องนอนสองห้องเหมือนกันขนาบซ้ายขวาพร้อมห้องน้ำคนละฝั่ง
โดยมีชานเรือนไม้และโต๊ะนั่งเล่นไว้รับลมชิวๆ หน้าบ้าน
พูดถึงสีสันของเนื้อไม้นี่ได้รับการรักษาดูแลเป็นอย่างดีนะคะ แม้จะโดนแดดโดนฝนมาหลายปีแค่ไหนก็ตาม
หากสงสัยว่า นอนแบบนี้แล้วติดแอร์ให้หรือเปล่า ก็ตอบว่าติดค่า มีทั้งมุ้งลวด และมุ้งระย้าที่เตียง
ในภาพคือเปิดถ่ายภาพมาฝากกัน เวลาเปิดแอร์ก็เปิดประตูทุกบานนะคะ ประตูห้องนั่งเล่นจะเป็นกระจกใสๆ
สามารถเห็นชานบ้านได้เป็นอย่างดี
พร้อมเตียงนอนที่นุ่มมากๆ ด้วยเช่นกัน ปลื้มมมม
บ้านเรือนไทยหลายๆ หลังจะถูกสร้างหันหน้าไปทางสระว่าน้ำเกือบทั้งหมดนะคะ รวมทั้ง สระว่ายน้ำอีก 2 แห่งภายในรีสอร์ทด้วย หากต้องการความเป็นส่วนตัวสูงสุดเราแนะนำว่า เลือกโซนบ้านภายในสระที่ 2-3 จะดีสุดค่ะ ส่วนเราได้พักใกล้สระว่ายน้ำใหญ่ และใกล้ห้องอาหารด้วย
เราว่าห้องพักที่เราได้พักเนี่ยแหละ ทำเลสะดวกทีสุดแล้ว อิอิ
พาไปชมกันต่อ ขอบอกเลยว่า Sugar Hut Resort & Restaurant นี่คือปอดแห่งหนึ่งของพัทยา
ที่นี่มีต้นมะเดื่อยักษ์อายุพอ ๆกับรีสอร์ทปลูกไว้ด้วยแถวๆ เรือนห้องอาหารค่ะ แผ่กิ่งบ้านใบปกคลุมพื้นที่
ให้ความร่มเงาเป็นอย่างมากที่สุด
อีกหนึ่งพื้นที่ของการได้มาใช้ชีวิตพักผ่อนที่นี่
เมืองทะเล แต่ที่นี่ไม่ติดทะเล แต่กลับเป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์เราได้มากเช่นกันเรื่องความเงียบ สงบ
และความเป็นไทยพร้อมความเป็นธรรมชาติที่ยังคงรักษาเอาไว้อย่างดี
Relax Time
ฝั่งตรงข้ามทีบ้านเรือนไทยที่เราพักมา จะเป็นเรือนห้องอาหารของ Sugar Hut Resort & Restaurant
แค่ชื่อเพจ ก็บ่งบอกถึงร้านอาหารด้วยแสดงว่า ที่นี่ไม่ธรรมดากันเลยนะคะ ขอบอกๆ
รู้มาว่า อาหารที่นี่จะขึ้นชื่อเรื่องความอร่อยจากปลายจวักแม่ครัว ผู้ปรุงอาหารไทยและอาหารนานาชาติค่ะ
แม้ไม่ได้มาพักที่รีสอร์ทแห่งนี้แต่ลูกค้าส่วนมากที่เราเห็นจะนิยมเข้ามาทานอาหารที่นี่กันเยอะด้วยนะเออ
มาดูเมนูอาหารแนะนำของ Sugar Hut Resort & Restaurant กันได้เล้ย
ประเดิมด้วยอาหารว่างยอดนิยมของ Sugar Hut Resort & Restaurant กันก่อนนะคะ ที่เราได้ชิมมาจะมีอะไรกันบ้าง
ปอเปี๊ยะกุ้งสุด ผักสดๆ ด้วยเช่นกันที่มาพร้อมกับน้ำจิ้มเข้ากันเป็นอย่างดี
เมี่ยงคำ
หัวปลีชุลแป้งทอดของที่นี่แบบไม่อมน้ำมัน ทอดกรอบกำลังดีค่ะ
และอีกหนึ่งเมนูนำเสนอที่เราชอบมาก ทานคนเดียวเกือบหมดเลย นั่นคือ ข้าวตั้งหน้าตั้ง เมนูนี้อะไรก็ตั้งพร้อมกันสินะ แหมมม
แบบว่าหมัดเด็ดของเมนุนี้อยู่ที่น้ำจิ้มค่ะ เหมือนเอามะพร้าวข้นๆ มาเคี่ยวนานๆ จนเกือบตกตะกอน นั่นแหละ เราไม่ได้ทานมานานมาก ตั้งแต่สมัยเด็กๆ ก็ว่าได้ พอได้มาทานที่นี่บอกเลยว่า ไม่ปล่อยให้ใครมาแย่งนะ 555
ตามด้วยเมนูอาหารหลักของ Sugar Hut Resort & Restaurant ค่ะ บอกอีกว่า ณ เวลานี้เริ่มอิ่มกันแล้วจ้า
แต่ก็ยังมาเรือ่ยๆ ได้อีก ต้องชิมเสียหน่อย จะได้รู้รสชาติเนอะ ^^
เมนูแรกจะเป็นยำมะเขือยาว พร้อมเครื่องปรุงมาให้เราคลุกเคล้ากันเอง โดยจัดจานได้สวยน่าทานมาก จานนี้ถือว่าเป็นเมนูหลักๆ
ของอาหารไทยในรีสอร์ทแห่งนี้ก็ว่าได้นะคะ
ผัดยอดคะน้าหมูกรอบค่ะที่เลือกเอาเฉพาะยอดใบคะน้าต้นอ่อนๆ มาไม่มีก้านแข็งๆ มากวนใจแต่อย่างใด
ไก่ห่อใบเตย เมนูนี้ปรุงรสไก่มาก่อนแล้วนะคะ มาห่อกับใบเตยหอมๆ เวลาทานแกะใบเตยออกไปจิ้มกับน้ำจิ้มงาขาวดูสิ ^^
แกงเลียงกุ้งสด
และขอปิดท้ายรายการด้วยของหวานที่ไม่หวานมาก สำหรับสาวๆ เช่นเราปลื้มนักล่ะค่ะ
บัวลอยในลูกมะพร้าวอ่อน มีขูดเส้นมะพร้าวอ่อนใส่มาให้เยอะมากด้วยนะคะ ข้อดีเมนูนี้คือไม่หวานมาก
ฉะนั้น รายการปิดท้ายนี้แม้จะอิ่มแค่ไหน ก็หมดค่ะ อิอิ
ช้อดีของการทานอาหารในบ้านเรือนไทยหลังนี้คือ จะมีเด็กมาตีขิมและเล่นดนตรีให้ฟังด้วย
และจะได้ชมวิวสระว่ายน้ำสวยๆ ในตอนหัว่ค่ำไปด้วยนะคะ
ยิ่งสระว่ายน้ำตอนกลางคืน แสงเย็นจะสวยมาก เราเห็นมากับตาแล้ว แม้เวลาต่อมาฝนจะตกเสียก่อน ><
เก็บภาพบรรยากาศบริเวณรอบๆ ของห้องอาหารมาฝากกันค่า แบบว่า เวลานี้ฝนลงเม็ดและก็หนักขึ้นเรื่อยๆ
ก็สามารถเปลียนมุมไปทานอีกมุมอื่นๆ ได้ด้วยเช่นกัน พนักงานที่นี่ก็น่ารักค่ะ
ช่วยในการเก็บโต๊ะขนย้ายของ แม้แต่ตอนที่เราจะกลับก็ไม่มีร่ม พนักงานจะรีบเอาร่มมาให้ใช้ถึงที่เลย
และก็เห็นเดินถือร่มไปส่งลูกค้าคนที่ที่รถด้วยเช่นกันนะคะ ^^
คืนนั้น พัทยาฝนตกทั้งคืน เรานอนหลับไปพร้อมๆ กับเสียงสายฝน
พร้อมด้วยเสียงแมลงรอบๆ ที่พักที่ช่วยขับกล่อมให้หลับลงไปอย่างง่ายดาย
ทำให้วันรุ่งขึ้นเราตื่นเช้าเป็นพิเศษ เพราะได้นอนกันอย่างเต็มที่แล้ว
รวมั้งต้นไม้ดอกไม้ ยิ่งเป็นดอกลีลาวดี ที่ปลูกรอบๆ สระว่ายน้ำหล่นจะมีเสน่ห์กับเรามากเป็นพิเศษ
เพราะเราชอบดอกที่หล่นเองเป็นธรรมชาติได้จังหวะที่ลงตัว
และตอนเช้าๆ นั่นเอง เราได้เห็นนกยูงทั้งฝูงที่เห็นว่ามีถึง 10 ตัวของรีสอร์ทที่เลี้ยงไว้ภายในบริเวณ
มาเดินเล่นรอบๆ สระว่ายน้ำ ช่วยเพิ่มสีสัน และความอิ่มเอมใจเมื่อได้มอง เห็นเล่าว่าที่นี่จะมีทั้งไก่แจ้ ไก่ฟ้า และ กระรอก
แต่เราได้มีโอกาสเห็นแค่นกยูงแค่นี้ ก็พอใจแล้วล่ะ สำหรับเช้านี้
หากเราตื่นสายกว่านี้เราก็ไม่แน่ใจนะคะว่าจะได้มีโอกาสเห็นอีกหรือเปล่า
ท่ามกลางแสงสี และสีสันของเมืองพัทยา ท่ามกลางรีสอร์ทหลากหลายที่ผุดขึ้นมารองรับนักทอ่งเที่ยว
แต่ทว่ายังมีพื้นที่แห่งนี้แหละค่ะ พื้นที่สีเขียวที่อยู่ใจกลางเมืองพัทยา ที่เหลือสำหรับหลบหนีความวุ่นวาย
ไปรีแลกซ์ให้ผ่อนคลายตามแบบวิถีไทย เราว่าใช่เลย
ว่าแล้วก็เก็บภาพเป็นที่ระลึกกันหน่อยนะ อวดให้เพื่อนๆ ชาวออนไลน์ได้เห็นกัน อิอิ
บรรยากาศ ห้องอาหารยามเช้า หลังฝนตกที่มาพร้อมกับความสดชื่น อย่างเต็มเปี่ยม
อาหารเช้าในวันนั้นจะมีตัวเลือกให้เราเลือกทาน 2 แบบค่ะ ทั้งเมนูข้าวต้ม โจ๊ก หรือจะเป็นแบบ American Breakfast
พร้อมผลไม้ตามฤดูกาล ที่จะให้คุณอิ่มไปกับมื้อเช้า และบรรยากาศในสวนของบ้านเรือนไทยแห่งนี้
สิ่งที่เรารู้สึก เมื่อได้เข้าพักที่ Sugar Hut Resort & Restaurant คือการนอนพักผ่อนที่เต็มอิ่ม
พร้อมด้วยความอบอุ่นของพื่นที่บ้านเรือนไทยในสวนที่มีความเป็นส่วนตัวอย่างมาก
ความเงียบ ที่ทำให้เราได้อยู่กับตัวเอง ได้พักสมองแบบนิ่งๆ
มาพร้อมกับความรู้สึกดีดี ได้คิดไอเดียต่างๆ เพิ่มขึ้นมาได้อีก มิน่าล่ะใครๆ ก็เคยบอกกับเราว่า
ลองเปลี่ยนที่ เปลียนบรรยากาศที่ไม่ซ้ำจำเจกับที่เดิมที่เราเคยอยู่ดูสิ ไอเดียต่างๆ ของเราจะผุดขึ้นมาอีกมากมาย
และเราก็เชื่อเช่นนั้นค่ะ ณ ที่นี่ค่ะ
Sugar Hut Resort & Restaurant
Sugar Hut Resort & Restaurant
Tel. 038-251-686 / 038-364-186
http://www.sugar-hut.com
https://www.facebook.com/SugarHutResortAndRestaurant/
ขอบคุณที่ติดตามชมค่าาา
จัดเต็มทุกรีวิว จัดเต็มทุกพื้นที่ ไม่ว่าทริปนี้ หรือทริปไหนๆ
https://www.facebook.com/RinsaYoyoliveTravelBlogger/
RinSa YoyoLive
วันเสาร์ที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2559 เวลา 22.17 น.