ขอเริ่มต้นรีวิวที่ 2 กับการเดินทางมาเยือนจังหวัดสุพรรณบุรีเป็นครั้งแรกในชีวิต ทริปนี้เริ่มต้นจากอาการเบื่อหน่ายกับกิจกรรมในกรุงอย่างการไปดูหนังหรือเดินห้าง เราเลยหาเรื่องเที่ยวต่างจังหวัดแบบ One day trip กัน และก็มาลงเอยที่จังหวัดสุพรรณบุรี ซึ่งอยู่ไม่ไกลจาก กทม. ใช้เวลาเดินทางไม่ถึง 2 ชั่วโมง (หาทำได้ถูกช่วงเวลามาก น้ำมันกำลังพุ่งแรงอย่างกับบั้งไฟพญานาคเลย >.<)
ด้วยวันที่เราเดินทางเป็นช่วงต้นเดือน พ.ค. ที่อากาศอยู่ดีๆก็เย็นสบายแบบงงๆ แดดก็ไม่ร้อน เราก็เลยตกลงกันว่าจะแวะหาคาเฟ่นั่งชิวสักที่ๆคนไม่พลุกพล่าน ซึ่งพอเราหาข้อมูลในอินเทอร์เน็ตก็ไม่เจอที่ไหนตรงใจสักแห่ง จนกระทั่งมาเจอคาเฟ่ที่มีชื่อว่า “ใต้ถุนบาร์เพื่อนชนก” คาเฟ่ local สุดคิ้วท์ในจังหวัดสุพรรณบุรี ซึ่งเป็นอีกหนึ่งคาเฟ่ที่พอเราไปแล้วชอบมากๆ เพราะมีสไตล์การตกแต่งที่ไม่เหมือนคาเฟ่อื่นๆ ให้ฟีล homie บ้านต่างจังหวัด ตัวคาเฟ่จะเป็นบ้านไม้ใต้ถุนยกสูง ด้านหน้าเป็นสนามกว้างประมาณนึง มีต้นไม้รายล้อมร่มรื่นย์ แถมยังมีบ่อน้ำด้านหน้าใกล้ชิดธรรมชาติสุดๆ
พอสั่งกาแฟเสร็จ เข้ามาถึงด้านในก็ไม่พูดพร่ำทำเพลง ขอหยิบกล้องขึ้นมาเก็บภาพกับเก้าอี้ camping สักหน่อย
ถ่ายมุมไกลแล้ว ก็ซูมขยับเข้ามาอีกนิด ใกล้ชิดเข้ามาอีกหน่อย ก็ดูสวยไปอีกแบบ
ต่อมาเป็นอีกมุมที่สามารถถ่ายให้เห็นฉากหลังซึ่งเป็นบ้านยกสูงพร้อมกับชื่อร้านที่เป็นป้ายไฟนีออนแบบเกร๋ๆ
มุมนั่ง Slow life มองผักตบชวาก็ดูชิลไปดี หรือ ใครเบื่อมองผักตบแล้ว หันไปมองคนข้างๆที่มาด้วยกันบ้างก็ดีนะเออ ปล. เห็นว่าแต่ก่อนในหนองน้ำด้านหน้าแทบไม่มีผักตบชวาให้เห็น เสียดายจริงๆ ถ้าเป็นน้ำใสๆคงจะดีกว่านี้
ในส่วนของใต้ถุนก็จะเป็นเคาน์เตอร์ทำกาแฟ สามารถเดินมาดูพี่บาริสต้าทำกาแฟได้เพลินๆ
ราคาก็ไม่แรงจนเกินไป เราสั่ง 2 แก้ว ราคารวมกันประมาณ 170 บาท
สำหรับเครื่องดื่มที่เราสั่งก็จะเป็นกาแฟและชาเขียว กาแฟถือว่าดีงาม ส่วนชาเขียวก็อร่อย แต่อาจจะหวานไปนิสสส ส่วนใครที่เป็นสายหวานอยากทานขนม ที่นี่เค้ามีขนมเค้กหน้าตาน่าทานให้เลือกนะ แต่ทางเราขอพักก่อน เนื่องจากก่อนหน้านี้เพิ่งแวะทานข้าวกลางวันมายังไม่ทันย่อย อิ่มไม่ไหวแล้วพุงจาแตกกกก
หลังจากที่เรานั่งเล่นเรื่อยเปื่อยได้สักพัก ก็มีเจ้าถิ่นเดินมาหาเรา พร้อมทำสายตาเว้าวอนเพื่อดึงดูดให้มะนุดดดดอย่างเราเข้าไปเล่นด้วย สุดท้ายเราก็โดนตกเป็นทาสคอยลูบหัวลูบคางน้องจนพอใจ จากนั้นน้องก็สะบัดก้นเดินจากทาสอย่างเราไปโดยไม่สนใจใยดี
น้องชื่อ"สายไหม" เป็นเด็กเชียร์แขกของร้าน ตอนนี้กำลังท้องอยู่ ใครเป็นทาสแมวก็ไปทักทายน้องได้ น้องน่าร๊ากกกก
ก่อนกลับก็ขอเก็บภาพบรรยากาศต่ออีกสักหน่อย
Tip: วันที่เรามาอากาศไม่ร้อน แถมมีลมเย็นเบาๆ แต่ถ้ามาในวันที่อากาศกลับมาร้อนเมท่อไหร่ อาจจะต้องเตรียมตัวเตรียมใจเผื่อจุกกุแร้เปียกสักหน่อยเพราะที่ร้านไม่มีโซน In door แบบติดแอร์ ปล. แต่ที่ร้านก็ยังมีพัดลมสนามตั้งบริการไว้ให้นะ น่าจะช่วยได้ไม่มากก็น้อย
โดยรวมเป็นคาเฟ่ที่น่ารัก แตกต่างจากคาเฟ่อื่นๆ มีมุมให้ถ่ายรูปได้หลายมุม ทั้งตรงบริเวณสนามหน้าบ้าน และตัวชั้น 2 ของบ้าน อีกทั้งการบริการเป็นเลิศ พี่เจ้าของร้านน่ารัก บริการดี ประทับใจ ให้ 5 ดาวเล้ยยยย
ก่อนกลับน้องสายไหมก็แวะมาส่งทาสของเขากลับบ้าน พร้อมกับคิดในใจว่า “ไว้แวะมาเกาคางให้เราอีกนะเจ้ามะนุดดดดดดด”
จริงๆก่อนไปคาเฟ่ เราก็แวะไปทานอาหารร้านเด็ดของที่นี่มาด้วยนะ ในกลุ่มรีวิวร้านอาหารทุกกลุ่มชี้เป้าตรงกันว่า ถ้าไปสุพรรณต้องไม่พลาดที่จะแวะมาร้าน “กุ่ยหมง” บางปลาม้า ร้านดังในตำนาน เพราะถ้าคุณไม่มา คุณจะคุยกับเขาไม่รู้เรื่อง (เสียงอาต๋อยเซมเบ้ เอ้ย! อาต๋อย ไตรภพ)
เราสั่งไปทั้งหมด 3 เมนู ซึ่งเป็นเมนู Signature ของร้าน ประกอบไปด้วย "เนื้อปลากรายผัดกระเพากระเทียมโทน" "ต้มยำปลาคัง"ที่มีรสชาติแซ่บกลางๆสไตล์จีน และที่พลาดไม่ได้ก็คือ "กุ้งทอดเกลือ" โดยเราสั่งมา 1 ตัว น้ำหนัก 3 ขีด ราคา 1000 บาท ซึ่งรสชาติโดยรวมถือว่าอร่อยเลยทีเดียว โดยเฉพาะกุ้งที่เนื้อแน่นมากและมันส่วนหัวก็เยิ้มสุด ยิ่งพอกินกับน้ำจิ้มซีฟู๊ด ขอบอกเลยว่าฟินเวอร์เบอร์ 5 (สรุปรวมราคาทั้ง 3 เมนูก็ตกอยู่ที่ 1470 บาท)
ก็จบไปแล้วกับการรีวิวคาเฟ่ลับในจังหวัดสุพรรณบุรี แถมด้วยรีวิวสั้นๆของร้านอาหารชื่อดัง ซึ่งจริงๆแล้วเรามีที่ๆอยากไปอีกหลายที่ เช่น อ่างเก็บน้ำหุบเขาวง และ พระพุทธปุศยคีรีสุวรรณภูมิ แต่ด้วยเวลาที่มีจำกัดเพราะทั้ง 2 สถานที่อยู่ห่างจากคาเฟ่ที่เราไปพอสมควร สุดท้ายก็เลยต้องพอแค่นี้ ไว้คราวหน้ามีโอกาสมาอีกก็จะมาเขียนรีวิวให้เพื่อนๆได้อ่านกัน หรือใครมีคาเฟ่ / ร้านอาหาร / สถานที่ unseen อื่นๆแนะนำ ก็คอมเม้นกันมาได้นะ สำหรับวันนี้ก็เช่นเคย ม้าที่ว่าเร็วก็ต้องแพ้ลา เพราะลาไปก่อน สวัสดีครัช
ภาพถ่ายทั้งหมดโดย (By My Side: ผลัดกันถ่าย)
ติดตามทริปอื่นๆของพวกเราได้ที่:
By My Side: ผลัดกันถ่าย
วันอาทิตย์ที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2565 เวลา 19.39 น.