สวัสดีค่ะ^^
หลายคนคงเคยเห็นรีวิวการท่องเที่ยวของ ‘เมืองวังเวียง ประเทศลาว’ หนึ่งในสถานที่ที่นักท่องเที่ยวสาย adventure ต้องไปลุยซักครั้งให้ได้ เราเองก็หนึ่งในนั้น(ที่ดูแต่ภาพแต่ไม่ไม่อ่านรีวิว) ยิ่งดูยิ่งเฮ้ยยยย….สวยว่ะ ภูเขาหินปูนแบบโคด amazing ที่สำคัญก็ไม่ได้ไกลมากนักประเทศลาวเพิ่งเปิดประเทศไปเมื่อ 1 พค 2565 และยังมีรถไฟฟ้าลาว-จีนที่เปิดให้ใช้ละ ไม่รอช้า ไปเห็นอย่างที่ทุกคนเขาเห็นกันดีกว่าาาาาา
เราเริ่มการเดินทางบนพื้นราบไปยังด่านสะพานมิตรภาพหนองคาย โดยถ้าขับรถยนต์มาสามารถฝากรถได้ที่หน้าด่านฝากวันละ 100 บาท และนับจากวันนี้ไม่ต้องทำ Thailand Pass ละนะ
เดินเข้าแถวปั๊มพาสปอตกันเลย ผ่าน ตม. มีรสบัสข้ามสะพาน 35 บาท และ 40 บาท ให้กับ ตม ฝั่งลาว แต่เรา งง นะบางคนคือไม่เสีย คือยังไง iden. ที่ความเด๋อมั้ยนะ
ข้ามมาละ หารถเข้าเวียงจันทน์ที่แรกที่เราจะไปคือ ตลาดเช้า จริงๆ มีบัสวิ่งนะ แต่เพิ่งเปิดด่านรอบรถเลยน้อยและนาน เราไม่รอค่ะ ตกลงราคากับสองแถวให้เสร็จสรรพ ต่ออย่าให้เกิน 20000 LAK นะคะ อย่าแพ้คนเด๋ออย่างเรานะ สู้ค่ะหญิง !!!! 55555
ถีงตลาดเช้าแล้วว…..
เราไม่ได้หาข้อมูลอะไรไว้นักกระทั่งรอบรถไฟ เราเลยไปที่ห้างParkson ไม่ไกลจากคิวรถตลาดเช้า ตามคำแนะนำของคุณป้าบนสองแถว เราถามพี่ รปภ อีกว่ามันอยู่ตรงไหน แกก็ชี้มาที่ ห้างVientiane Center พร้อมกับบอกว่าให้ย่างไปซื่อๆ เจอแล้ว counter service แต่ !!!!เขาไม่ขายจ้าาา ตั๋วรถไฟจะต้องเป็นการซื้อล่วงหน้าเท่านั้น คุณพระ! แต่ช้าก่อนพนักงานคนงามบอกกับเราว่า ต้องไปที่สถานีก่อนบ่าย 2 อาจมีโอกาสซื้อได้นะ มีรถบัสไปสถานีกี่โมงไม่รู้ลองไปถามดู เราไปที่vientiane bus station อยู่ตลาดเช้าอีกครั้ง และเราก็โชคดีมีรอบรถไปสถานีรถไฟ 13.00 น
ใช้เวลา 30-40 นาทีก็ถึงละคะ “Vientiane Railway Station”
เรามาถึงก่อนบ่ายสองแบบแทบจะหวุดหวิด แต่…เขายังไม่เปิดบริการ สถานีรถไฟที่นี่จะเปิดเป็นรอบค่ะ เปิดอีกที 14.30 คนยืนรอซื้อตั๋วเพียบ แต่คือเขามาซื้อเพื่อเดินทางพรุ่งนี้ไง แอบกังวลนิส กลัวเขาไม่ขายเพราะถามใครก็บอกแต่ว่าต้องซื้อล่วงหน้า แต่ด้วยชะตาฟ้าสาบส่ง เราได้มาละค่าาา รอบ 16.40 น. Vientiane-Vang vieng ในราคา 103000 LAK (234bht ; อันนี้ 1000bht :440000LAK ควรแลกที่ลาวนะ)
ได้ตั๋วมาละ ก็เข้าไปรอในสถานี ก่อนเข้ามีพนักงานตรวจตั๋ว เอากระเป๋าผ่านเครื่องสแกน ผ่านช่องตรวจโลหะ และมานั่งรอในสถานี
บรรยากาศฝนพรำแบบนี้ ได้เบียร์ซักป๋องคงจะดีไม่น้อย ให้เวลาหนึ่งชั่วโมงของเรามีความหมาย มีบูทเบียร์นะแต่ตั้งไว้เฉยๆ เราเดินตรงดิ่งไปที่ตู้กดน้ำอัตโนมัติทำความเข้าใจซักพัก สอดเงินใบ 50000 กดเบียร์ 2 ป๋อง ในราคา 22000 LAK พอละเบาๆ จะกดเงินทอน คุณพระ!! เครื่องนี้ทอนตังค์ไม่ได้เว่ยย เครื่องไม่ผิดแต่ฉันเองอ่านไม่ครบทั้งๆ ที่มีแค่ 3 บรรทัด เลยได้เบียร์มา 4 ป๋องพร้อมทั้ง ดีน่างาดำ 1 กล่อง ซดกันบายใจไปเลยจ้าาา
ด้วยความห่วงใย 1.ควรไปก่อนเวลาซักครึ่งชมเพราะขั้นตอนเขาเยอะ ไม่ใช่เสียงรถด่วนขวนสุดท้ายแล้วจะขึ้นเลย 2.ห้องน้ำไม่มีที่ฉีดตูดและกระดาษชำระ 3.ตู้กดน้ำทอนตังค์ไม่ได้สอดไปเท่าที่จะซื้อจ่ะ 4.สเปร์แอลกอฮอลพกพาโดนริบนะจ๊ะ 5.มีบริการน้ำกดฟรีทั้งร้อน-เย็น ทั้งในสถานีและบนรถไฟ
ด้วยความที่สถานีรถไฟเพิ่งเปิดใช้บริการได้ประมาณ 5 เดือน ทุกอย่างจึงยังดูใหม่มากๆ การให้บริการน้องๆเครื่องบินเลยนะ มีพนักงานตรวจตั๋วตลอด ใส่ชุด PPE มีการขายเครื่องดื่มบนรถไฟ มีประกาศแจ้งเตือนโน่นนี่นั่นตลอดการเดินทางภาษาลาวจีนอังกฤษครบมาก ห้องน้ำสะอาด ที่นั่งสบายและใหญ่ทีเดียว
โดยรวมถือว่าดีมากนะในราคานี้และเวลาที่รวดเร็วเมื่อเทียบกับเมื่อก่อนที่นั่งรถแทบอ้วก เราแปะลิ้งตารางรถไฟให้ละนะ สำหรับใครที่ชอบการวางแผน https://laostravel.com/express...
รถไฟเดินทาง 1 ชั่วโมง เราก็ถึงกันแล้ววว “สถานีวังเวียง” ไม่ผิดคาดที่ผู้ต้อนรับคนแรกจะเป็นเม็ดฝนและคนที่ 2 ที่มาพร้อมคำทักทาย “ผู้สาวเข้าเมียงบ่?” แม้การต้อนรับไม่อาจจะอบอุ่นเท่าตลาดเช้าที่เวียงจันทน์ แต่เราก็ใจง่ายที่เดินตามพี่เขาอย่างเชื่องขึ้นรถสองแถวไปเพราะตรงนั้นมีเพียง 2 คันเท่านั้นที่จะเข้าเมือง ราคา 20000 LAK แต่ช้าก่อนค่ะ อย่าลืมซื้อตั๋วรถไฟขากลับไว้ก่อนนะคะ ไม่งั้นอาจหายนะได้ น้องเตือนแล้วนะ
เราพักกันที่โฮสเทลในเมืองวังเวียง วางกระเป๋าแล้วได้เวลาตากฝนเที่ยวชมน้ำเฉอะแฉะกันแล้ว
ช่วงที่เราไปเป็นช่วงที่ลาวเพิ่งเปิดจะเปิดประเทศให้ท่องเที่ยวแบบไม่ต้องกักตัว ร้านค้า คาเฟ่ต่างๆ มีเปิดบริการบ้าง หลังจากที่ปิดไปช่วงโควิดและทีท่าว่าจะไม่เปิดอีกเลยก็มี และ Sakura bar ในตำนานก็เช่นกัน ฉันพลาดละหนึ่ง เราจึงทานข้าวเปียกที่เปิดอยู่ และ “Sandwich street food หน้า Wat Kang คือเรียงกันอยู่พรึบแถมป้ายก็ยังคล้ายกันเหมือนปริ๊นมาจากไฟล์เดียวกัน อาจมีปรับแต่งนิดหน่อย สงสัยว่าวงการนี้แข่งขันกันที่อะไรกันนะ เราเดินไปสั่งร้านที่มีพื้นหลังของป้ายสีเหลือง ต่างจากร้านอื่นๆที่มีสีขาว คนอื่นจะเลือกเหมือนเรามั้ยนะ
ประเดิมร้านแรก “BAMBOO BAR” ที่ยังคงมีบรรยากาศเงียบเหงาและปิดชั้น 2
ที่ Success ที่สุดในค่ำคืนนี้ คงจะเป็นเบียร์ที่เป็น ความภูมิใจของคนลาว เบียร์ลาวร้านนี้ขวดละ 10000 LAK และบาร์ที่ 2 ใต้ที่พัก คืนนี้เราดื่มด่ำความภูมิใจของคนลาวแบบลึกซึ้งทีเดียว
จนโปรแกรมยามเช้าของเราเริ่มต้นซะเกือบเที่ยง แต่ด้วยความที่ฝนตก ทำให้รู้สึกผิดน้อยลงนิดนึง คิดซะว่าติดฝนละกัน ไม่รอช้าแวะ “naked cafe” เติมพลัง โหลด google map offline ไว้ มาร์คจุดที่จะไปตามที่คนเขาไปกัน แล้วออกไปซื้อเสื้อกันฝนสีชมพู เช่ามอไซแล้วออกเดินทางกันเลย
ที่นี่จะมีสะพานข้ามแม่น้ำซองที่เราจะต้องเสียค่าผ่าน 10000 LAK ขาไป-กลับ เมฆและฝนตกตลอดทั้งวัน ทำให้ป่าไม้มีความชื้นสูงหมอกและเมฆลอยต่ำ แทรกอยู่ทุกช่องว่างของเทือกภูเขาหินปูน เราเพลิดเพลินกับระหว่างทางมากที่ต้องตะโกนว่า “ส๊วยยยย(แบบMilli)” ในทุกร้อยเมตร
เราเริ่มที่แรก "Pha Ngern View Point" ตอนหาใน IG คือสวยไม่ไหว ฉันต้องได้ไปยืนบนยอดพร้อมกับวิว 360 องศา เราหวังไว้แบบนั้น
จากเส้นทาง เราต้องหันหลังกลับพร้อมรับกับความพ่ายแพ้ เมื่อมอไซค์ของเราลงไปส้มผัสกับพื้น เครแก..ไปที่ใหม่ก็ได้ที่นี่อาจจะยังไม่ใช่ที่ของเราในวันนี้
เรามุ่งหน้าไป blue lagoon1 สถานที่ที่ทำให้วังเวียงเป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวมากมาย ใครมาถึงวังเวียงก็ต้องมากระโดดน้ำสีฟ้าที่สวยราวกับสวรรค์ที่นี่ แต่เมื่อคนเด๋อมาถึงจากสวรรค์ก็กลายเป็น ……. น้ำสีฟ้ากลายเป็นสีน้ำตาลเข้มเนื่องจากน้ำป่าไหลหลากจากการที่ฝนตกต่อกันแบบทั้งวันท้ังคืนมาหลายวัน โอ้ววว มายยกอดดด
โอเคค่ะ เราเข้าใจ…..ธรรมชาติไม่ได้ตั้งใจหรอกเนาะ 555555 ถ้าเทอคิดว่าเราจะหันหลังกลับไปนั่งคาเฟ่เบาๆ ในเมือง โนวจ่ะ เรายังไม่ลดละ มุ่งหน้าไปยัง “Nam Xay Viewpoint”
ทางขึ้นปิดค่ะ ปิดแบบปิดเลย ไปต่อกันที่ “Blue lagoon 2” ระหว่างทางลัดเลาะไปตามทางหมู่บ้านที่ยังคงเป็นดินลูกรังตามสไตล์ถนนที่ไม่ใช่สายหลักของประเทศลาว แต่ธรรมชาติก็งามวิวสวยอย่างปฎิเสธไม่ได้
แล้วก็มาถึง “blue lagoon 2” ที่ดูเหมือนรูปในรีวิวสุดละ ที่ยังมีน้ำใสๆ ให้เห็นอยู่บ้าง แต่ก็ดูร้างเหลือเกิน ส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวจะเป็นคนลาว คนต่างชาติเริ่มมีประปรายบ้างค่ะ พอนั่งดื่มด่ำธรรมชาติซักพัก
เราขี่รถเลียบริมน้ำซองอีกฝั่งเมือง แม่น้ำซองเพิ่มระดับสูงและไหลแรงขึ้น จากเมื่อวานที่เห็นร้านยังมีแคร่นั่งทานข้าวริมน้ำ วันนี้ทุกร้านต้องขยับขึ้นมาริมถนน ให้พ้นกระแสน้ำ
เราขี่ขึ้นทางทิศเหนือไปเรื่อยๆ ด้านซ้ายมือจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวใหม่ ชื่อ inter park ค่ะ ถ้าใครมีโอกาสได้ไปก็ไปเผื่อด้วยนะคะ เลยไปอีกนิดจะเจอสะพานที่แข็งแรงกว่าและไม่ต้องเสียเงินค่าข้ามด้วยยย แถวทางไปถ้ำนางฟ้า ได้เวลาท้องหิวเรามุ่งตรงไปหาหมูทะ “Vanphaxay Restaurant” ที่ติดริมน้ำซองไม่ได้อยู่ติดถนนเส้นในเมือง คล้ายบ้านเราแต่เป็นความอร่อยที่แปลกดี ของสดวางใส่กล่องโฟมไว้ให้เราไปตักและชั่งน้ำหนัก คิดราคาตามน้ำหนักค่ะ
เช้าวันที่ 2 ของเรากับเจ้าเสื้อกันฝนสีชมพู พร้อมมอเตอไซค์เช่ามาก็ออกเดินทางไปยังตลาดเช้าวังเวียง พูดเหมือนไกลห่างจากที่พักไป 100 เมตร ฝนตกขนาดนี้ก็ไม่ได้ทำให้แม่ค้าท้อใจไปเลย กางร่มขายของกันคึกคัก ขอส่วนใหญ่จะเป็นปลา ของป่า อาหารสด และกับข้าว
เราแวะร้านข้าวเปียกเส้นที่คล้ายจั๊บบ้านเราเป็นเส้นใสๆ ขนาดใหญ่กว่าtextureเหนียวนุ่ม และ ข้าวเปียกข้าว
วันนี้เรามีแพลนไป "Tham nam(Water cave)" กันค่ะ ซึ่งถ้ำน้ำนี้จะเป็น สถานที่ล่องห่วงยางเข้าไปในถ้ำ และพายคายัค แต่อย่างที่เราก็รู้แหละ ว่าจะเข้าถ้ำได้ไงน้ำหลากและฝนตกขนาดนี้ แต่ด้วยความอยากขับรถไปในเส้นทางใหม่ๆ เราจึงออกเดินทาง
ถ้ำน้ำไปตามถนนเส้น 13 มุ่งหน้าไปทางหลวงพระบางขับออกไปประมาณ 20km ตามเส้นทาง google map offline ที่บอกทางได้แต่ไม่ค่อยจะอัพเดทตามตำแหน่ง ขับไปก็ งงๆ เราเลี้ยวไปตามป้ายหนึ่งที่เขียนไว้ด้วยภาษาลาวว่าถ้ำน้ำ เราก็เลี้ยวเลยค่ะ ขับไปพร้อมเซ็นส์ที่บอกว่า ทางนี้ไม่ใช่แน่ๆ เส้นทางมึนๆนี้ นำพาเรามาเจอสะพานข้ามแม่น้ำซองของหมู่บ้านหนึ่งและวิวที่โคดจะส๊วยย
หลุดจากความตะลึง เราตะหนักว่าทางเริ่มไม่ใช่ เราเลยถามชาวบ้านแถวนั้น คุณลุงแกว่าให้ตรงไปซื่อๆ ตามคลองนี้ไป จะเจอเองงง
เราก็ไปเรื่อยๆ หวังปาฏิหารย์อะไรกันหรือเหล่าคนเด๋อ วิวก็ตื่นตา ทางก็บีบหัวใจ ในใจคือ ฉันต้องรอด แต่คือเราไม่รอดอะ เราจึงตัดสินใจกลับ และดื่มด่ำกับวิวข้างทางที่ยังคงปลอมประโลมจากความผิดหวังมากมาย
เรากลับที่พักและสะพายกระเป๋าเช็คเอาท์ ก่อนเอารถไปคืนเราไปแวะร้าน “Jai Muk Coffee&Food” ร้านค่าเฟ่เล็กๆ แถวโรงแรม inthira ที่บรรยากาศเกินขนาดร้านไปมากที่เดียว
เดินไปอีกนิดจะเจอร้านอาหารตามสั่งที่รสชาตดีถึงดีมาก อยู่ตรงข้ามป้าย walking street
ถึงเวลาต้องกลับบ้านแล้วว เราควรเรียกสองแถวเพื่อไปส่งที่สถานีรถไฟโดยให้ที่พักเรียกให้ค่ะ แต่ด้วยความที่เราไม่รู้ก็สอบถามแม่ค้าแถวนั้นว่าไปยังไง แม่ค้าเลยเรียกรถให้ค่ะ
เมื่อถึงสถานีเวียงจันทน์ก็จะมีรถบัสครเก่าเจ้าเดิมรออยู่ค่ะ นั่งไปตลาดเช้าเพื่อขึ้นบัสต่อไปยังหน้าด่านมิตรภาพ แต่ด้วยรถไฟเที่ยวกลับของเราเลท จึงทำให้รถบัสที่จะไปด่านออกไปก่อน จึงเหมารถสองแถวไป ร่วมกับบผู้โดยสารที่มารอบเดียวกันนี้ และกลับถึงไทยโดยสวัสดิภาพ ค่าาาา
**ด้วยรักและห่วงใยอีกครั้ง ควรดูพยากรณ์อากาศบ้าง เพื่อให้การมาเที่ยววังเวียงได้ทำกิจกรรมอย่างที่คนเขาทำกัน และเสียเงินซื้อซิมเพื่อให้มือถือมีสัญญาณก็ดีนะ อีกอย่างอย่าดริ้งเยอะจนลืมที่เก็บเงินและเอาเงินกีบกลับไทยมา เพราะที่ไทยเขาไม่ซื้อเงินกีบนะ แงงงงง และถ้าเรามีโอกาสเราก็จะมาอีก ก็เรายังไม่ได้ tubing เลยยย นี่นา
- - - - - - - - - - - - - - - - - - -
ยังไงซะครั้งนี้ก็เป็นวังเวียงที่สวยที่สุดสำหรับเราแล้วกัน ^^
go_with_puay
วันจันทร์ที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2565 เวลา 15.30 น.