…นี่เป็นการเขียนครั้งแรกของเรา ฝากด้วยนะคะ ^^

ลาว เป็นประเทศแรกๆที่เราเลือกจะไป ภาษาการสื่อสารที่น่าจะเข้าใจกันได้ไม่ยากสักเท่าไหร่ ดูรีวิวมาเยอะด้วยแหละเลยอยากไปสัมผัสความเขียวขจีดูสักครั้ง 😂

ทริปนี้ไม่มีการจองที่พักล่วงหน้า walk in เอาเลยจ้า 😆

เราออกเดินทางจากกรุงเทพฯ ไปหนองคายด้วยรถไฟชั้น 2 ค่าตั๋ว 349 บาท ออกจากหัวลำโพงตอน 20:45 กะไว้ว่าไปเช้าที่หนองคายพอดี

เบาะที่นั่งปรับเอนนอนได้เล็กน้อย แพลนไว้ว่าจะนอนไปชิลๆ สุดท้ายเกือบ 12 ชั่วโมงที่หลับๆตื่นๆตลอดทาง 😂 จนต้องบอกว่ารอบหน้าขอตู้นอนนะ

ตื่นอีกทีเพราะกลิ่นไก่ย่างหอมๆที่มีคนขึ้นมาขาย (เตรียมน้ำ/อาหารไปให้พร้อมเพราะช่วงกลางคืนแทบไม่มีของขายเลยค่ะ)

มาถึงหนองคาย ก็มีรถรับจ้างหน้าสถานีรถไฟจอดรอพาไปด่านเต็มไปหมด คนส่วนใหญ่ก็มาที่ด่านกันนี่แหละ

ผ่านจุดตรวจเอกสารพาสปอร์ต/ใบรับรองฉีดวัคซีน ตรวจเรียบร้อยก็ซื้อตั๋ว 35 บาท นั่งรถบัสข้ามแม่น้ำโขงไปฝั่งลาวกัน (ถ้าใครไม่มีก็ต้องทำบัตรผ่านแดนชั่วคราว ซึ่งอาจใช้เวลาสักหน่อย / ใบรับรองฉีดวัคซีนใช้เป็นรูปในมือถือได้นะ)

ใช้เวลาไม่ถึง 10 นาทีก็ถึงฝั่งลาวแล้วค่ะ

มีพี่คนนึงแอบแนะนำว่าให้มาแลกเงินที่ฝั่งลาวนะได้เยอะกว่า เราแลกไปหกพันบาทได้มาเกือบสามล้านกีบ (ที่นี่เงินไทยก็ใช้ได้นะ)

แล้วก็ยืนกันงงๆจะไปต่อยังไงกันดี… ก็มีพี่ใจดีคนเดิมที่แนะนำว่า เข้าเมืองไปตลาดเช้ากันก่อนดีกว่า แล้วเราก็เลยบอกพี่เขาว่า พวกเราขอตามพี่ไปด้วยนะ 😄 555

ถึงแล้วตลาดเช้า อันดับแรกเราซื้อซิมเน็ตเผื่อไว้ก่อนเลย เผื่อหลงทางจะได้มีไว้ดู GPS

ข้าวเปียก เมนูแรกของการเดินทางมาถึงลาว ผักแกล้มกินกับกะปิ ตอนแรกก็งงๆ พอได้ชิมถึงกับติดใจ เป็นกะปิที่เขาปรุงมาแล้ว แนะนำเลยร้านนี้อยู่ตรงตลาดเช้า

รถสกายแล็บ พาหนะคู่ใจของพวกเราที่เวียงจันทน์ เราทุกคนแพลนกันว่าจะเช่ามอเตอร์ไซค์เที่ยวเวียงจันทน์ก่อนแล้วช่วงเย็นจะนั่งรถไฟไปวังเวียงกัน สุดท้ายรถเช่าหมดเกลี้ยง 555+ เลยตัดสินใจกันว่าไปสถานีรถไฟซื้อตั๋วไปวังเวียงกันเลยดีกว่า

ระหว่างทางขอให้น้องคนขับแวะ “ประตูชัย” ให้หน่อย ถ่ายมาได้ 2-3 รูปแบบรีบๆ 😂

หิวๆอีกแล้ว หาอะรกินสักนิด ไส้กรอกลูกชิ้นทอดเหมือนบ้านเราก็มีนะ แต่เขามีใส่ตะไคร้ซอย ตอนแรกงงๆลองกินไปหอมๆอร่อยดีแฮะ 😄

ด้วยความที่ตั๋วรถไฟความเร็วสูงขายเป็นเวลาจำกัด เราต้องรออีกเกือบ 2 ชั่วโมง เราก็เลยเลือกเหมารถไปวังเวียงกัน โดยมีเพื่อนร่วมทางเพิ่มขึ้นอีก 2 คน จนมีกรุ๊ปไลน์กันขึ้นมา และเราก็เพิ่งรู้จักชื่อพี่ใจดีคนนี้ หลังจากที่เที่ยวกับเขามาเกือบครึ่งวัน 😂

ถึงแล้ว วังเวียง ลุงคนขับพาขึ้นทางด่วนมา ทางดี ถนนโล่ง เส้นทางขับผ่านเขามาเรื่อย ประมาณ 2 ชั่วโมงก็ถึงแล้ว วิวดีอีกตะหาก นั่งชิลๆเพลินๆ

มาถึงก็เดินหาร้านเช่ามอเตอร์ไซค์ (ต้องใช้พาสปอร์ตนะ) ได้รถมาน้ำมันก็จะหมด ปั๊มน้ำมันก็ปิด ขี่หาที่พักกันจู่ๆฝนก็ตก แต่วังเวียงตอนฝนตกบรรยากาศดี ชอบมากกกกก

ความที่เราอยากได้ห้องวิวที่วาดฝันไว้ เราเลยฝ่าฝนดูไปดูมาหลายที่ ก็มาลงตัวที่นี่ DOMON HOTEL

ได้แล้ววิวถูกใจในราคาย่อมเยา เอาของมาเก็บในห้องพักแล้วออกไปหาอะไรกินกันดีกว่า

ซิ้นดาด หรือ หมูกระทะ มื้อเย็นวันนี้ของเรา ตอนแรกเราตักชั่งได้ครึ่งกิโล พ่อค้าไม่ขายบอกว่าต้องซื้อให้ถึงกิโลนะ... ก็ตักเพิ่มสิคะ อิ่มกันไปเลยแบบจุกๆ เครื่องเคียงมีให้เหมือนที่บ้านเราเลย

น้ำจิ้มใส่ถั่วบดละเอียด แปลก ไม่เคยกินมาก่อน แต่อร่อย แนะนำให้ลอง 

เบียร์ลาว ที่ราคาพอกับน้ำเปล่า เราก็เลือกกินเบียร์ซะเลย อากาศเย็นๆ กับเบียร์เย็นๆ

วิวยามเช้าที่ระเบียงห้องพัก มองไปเห็นสีเขียวๆของภูเขาเห็นแล้วสดชื่นสบายตา อยากนอนที่นี่สักอาทิตย์นึง

เราตื่นเช้าเพื่อรีบมาเติมน้ำมันนี่แหละ 😆 เพราะเราจะต้องแว๊นไปซื้อตั๋วรถไฟกัน

ถามชาวบ้านว่าสถานีรถไฟอีกไกลไหม เขาบอกว่าไกล 2 หลัก ก็คือ 2 กิโล นั่นเอง เราฟังแล้วก็ห๊ะ..ทำไมเขาบอกว่าไกลนะ 😅

ที่นี่สับปะรดเยอะมากวางขายเต็มข้างทาง

บรรยากาศระหว่างไปสถานีรถไฟ อากาศช่วงเช้ากำลังเย็นสบาย

วังเวียงมีสถานีรถไฟที่วิวดีมาก ภูเขาล้อมรอบ แต่คนรอซื้อตั๋วก็ไม่เยอะเท่าไหร่ แต่ยังคงขายเป็นเวลาเหมือนเดิม เราไปก่อนเวลาเลยขี่รถกลับมากินข้าวแล้วกลับไปใหม่ หิวแหละ

ได้มาแล้ว ตั๋วรถไฟกลับเวียงจันทน์ ค่าตั๋ว 125,000 กีบ (ใช้พาสปอร์ตซื้อด้วยนะ)

ได้ตั๋วรถไฟแล้วสบายใจ ไปหาเที่ยวกันต่อ รีบเปิดแมพ หาบลูลากูนเลยจ้า

ที่เราไปคือ บลูลากูน 1 เรามีเวลาจำกัดก็เลยไม่ได้ลงเล่นน้ำกันเลย แต่น้ำที่นี่ใสจริง ธรรมชาติมาก

เราขี่รถกันมาเรื่อยๆ ก็เจอกับป้ายทางขึ้น จุดชมวิวผาหนามไซ Nam Xay Viewpoint แถมป้ายังบอกว่าไม่ไกลๆแค่ 350 เมตร เราก็เลย…ป่ะ! ก็ไม่ไกลนี่ ขึ้นไปดูวิวกัน

เดินผ่านซุ้มทางเข้าไปสักพัก ก็เจอบันไดพาดเนินเล็กๆ กับดินลื่นๆ มีราวไม้ไผ่ให้จับอยู่บ้าง …อ่ะๆๆ ทางข้างหน้าคงเป็นแบบนี้แหละ สบายๆ

แล้วเราเจอฝรั่งกำลังเดินลงเลยถามใกล้ถึงหรือยัง เขาบอกว่า 10 minutes เราเดินกันไปเรื่อยๆผ่านไป 20 นาที เจอฝรั่งคนที่สองก็บอกว่า 10 minutes 😂

จุดพีคสำหรับเราคือ ช่วงก่อนถึงจุดชุมวิว จะเป็นเหมือนผาหิน ที่มีแต่หินจริงๆ เราไต่ขึ้นเป็นลิงเลยจ้า (ในภาพนี่ถ่ายตอนขาลงนะ ตอนเดินขึ้นไม่มีแรงจะทำอะไรแล้ว 555)

ถึงแล้ว จุดชมวิวผาหนามไซ Nam Xay Viewpoint

บ่นไม่ไหวๆตลอดทาง สุดท้ายก็มาถึงนะ

วิวดีมากๆๆ วิวข้างหน้ามองเพลินมาก แต่ก็สงสัยอย่างนึง มอเตอร์ไซค์ขึ้นมาอยู่บนนี้ได้ยังไง 🤣

ลืมนึกถึงตอนลงซะนี่ ลงมาแล้วก็ยังคิดอยู่ว่า เราปีนขึ้นไปได้ยังไง??? 🧐 ไม่ต้องกลัวรองเท้าจะเลอะ เพราะเลอะแน่นอน แต่ด้านล่างมีก๊อกน้ำไว้ให้ล้างทำความสะอาด เราก็ล้างกันแบบรีบๆ เพราะต้องไปคืนรถ แล้วรีบไปสถานีรถไฟต่อ กลัวตกรถ 5555

ได้เวลาต้องขึ้นรถไฟกลับไปเวียงจันทน์กันแล้ว

ขึ้นรถไฟที่นี่ บอกลาสเปรย์ระงับกลิ่นกายได้เลยนะ พวกกระป๋องสเปรย์ไม่ให้นำขึ้นค่ะ เครื่องดื่มที่เราพกไปก็ต้องดื่มให้เขาดูด้วยนะ แค่จิบๆก็ได้ เจ้าหน้าที่บอกว่าเผื่อเป็นสารพิษ ...ดีนะเบียร์ไม่ต้องชิม

นั่งสบายมาก เสียงไม่ดัง ภายในยังใหม่เอี่ยม 

วิวข้างทางส่วนใหญ่จะเป็นภูเขา เส้นทางน่าจะเป็นอุโมงค์ที่ตัดผ่านภูเขาเลย ไวมาก แค่ชั่วโมงเดียวก็ถึงเวียงจันทน์แล้ว

มาถึงก็ขึ้นรถเมล์ไปตลาดเช้ากัน ก่อนขึ้นถามให้ดีก่อนนะ เพราะรถเมล์ที่ไปด่านก็มี จอดเรียงกันเลย

มาถึงเวียงจันทน์ก็เจอฝนตกต้อนรับค่ะ เหมือนอยู่เมืองไทยเลยค่ะ

บรรยากาศในเมืองก็จะเป็นอีกแบบ เราก็เช่ามอเตอร์ไซค์เหมือนเดิม เที่ยวสะดวกดี (ใช้พาสปอร์ต)

คืนนี้นอนที่นี่นะ SOKDEE CITY HOTEL ห้องดีสะอาด รวมอาหารเช้า อยู่กลางใจเมือง

ทำเนียบรัฐบาลยามค่ำคืน 

ที่พลาดไม่ได้คือ ประตูชัย แวะไปถ่ายรูปสักหน่อย คนจะเยอะเป็นช่วงๆ

เสี่ยงดวงกันสักนิดนึง ลงทุนหลักหมื่น ได้คืนหลักพัน

ตลาดริมโขง ถนนคนเดินที่มีของกินคือเป้าหมายเรา

ปลาหมึกย่างตัวโตๆ น้ำจิ้มไม่เผ็ดสะใจเท่าไหร่ ครั้งหน้าจะแอบพกน้ำจิ้มซีฟู้ดมาเอง

ต๊อกบกกี เกาหลีแท้ๆ เพราะคนขายเป็นชาวเกาหลี เรียกลูกค้าเก่งมาก รสชาติดีมาก ซื้อไป 2 รอบ คุยไปคุยมาเพิ่มเป็นเพื่อนกันใน whatsapp ซะงั้น

วันเดินทางกลับ เราตื่นกันแต่เช้าเพื่อมากินเบเกอรี่ที่ Joma Bakery cafe ร้านใหญ่มีที่นั่งเยอะหลายมุมเลย มีโซนสำหรับเด็กๆด้วย

เรากินมื้อเช้าที่โรงแรมมานิดหน่อย ก็เลยสั่งแค่กาแฟเย็น โกโก้เย็น โดนัทช็อกโกแลต พายสตรอเบอร์รี่ มาลองชิมดู นี่แค่ชิมนะ 555+ 

แวะ ก่อนกลับ เดี๋ยวจะเหมือนมาไม่ถึงเวียงจันทน์

ขากลับ เราขึ้นรถเมล์จากฝั่งลาวไปฝั่งไทย ภายนอกดูเป็นรถแอร์คิดไว้ว่าเย็นสบายแน่หลังจากนั่งรถสกายแลปตากแดดมาตั้งแต่ในเมือง แต่..!!ภายในร้อนระอุจนเหงื่อแตกพลั่กๆ จนป้าคนนึงเอ่ยปากบอกลุงคนขับว่าเปิดประตูให้ลมเข้าเถอะลุง 5555

จากสถานีหนองคายเราต้องไปขึ้นเครื่องบินที่สนามบินอุดรธานี เราจองรถสนามบินไว้ แบบเหมาราคา 900 บาท จะมาถึงกี่โมงก็นัดไว้ได้เลย แต่รถตู้รับจ้างก็มีบริการนะ

ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงก็ถึงสนามบินแล้ว จะกลับบ้านแล้ววววว ในช่วงที่เราไปเป็นวันหยุดคนเยอะมาก เผื่อเวลาเยอะๆจะดีกว่านะคะ

วังเวียงเป็นเมืองที่ไปแล้วคุณจะอยากกลับไปอีก ผู้คนที่ใจดี ยิ้มแย้ม มิตรภาพ ธรรมชาติ บรรยากาศรอบตัว ที่จะทำให้คุณหลงรักที่นี่…แล้วเจอกันใหม่นะ ^^
ปล. ครั้งหน้าต้องไปสะพานส้มให้ได้เลย แล้วจะเลยไปหลวงพระบางด้วยยยย


Tips and Tricks
-  ถ้าใส่กางเกงสีขาวไปขึ้นเขา กลับบ้านมาจะกลายเป็นกางเกงใส่อยู่ในบ้าน เพราะดินภูเขาทิ้งคราบสีอมแดงมาก ซักไม่ออก 🤣

-  ที่เวียงจันทน์ รถมอเตอร์ไซค์ต้องล็อคคอทุกครั้งทุกที่ที่จอด ไม่เว้นแม้แต่จอดที่โรงแรมที่เข้าพัก

-  เช่ารถขับที่ลาวเขาจะวิ่งฝั่งขวา ท่องไว้ๆ นี่ขี่กันเพลินๆจะชิดซ้ายอยู่เรื่อยเลย 🤣

-  น้ำมันหายากมาก ตื่นมาเติมน้ำมันแล้วกลับไปนอนต่อก็ได้  เพราะช่วงสายๆปั๊มน้ำมันก็ปิดแล้ว บางวันไม่มีขายเลย



📷 รูปภาพทั้งหมดถ่ายจากโทรศัพท์มือถือ

ME.arrival มีอะไรเว้า

 วันอังคารที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2565 เวลา 15.19 น.

ความคิดเห็น