Best moments happen when they are unplanned



ถ้าบอกใครเขาว่า เที่ยวครั้งนี้ ไปกันแบบไม่มีแพลน ตายเอาดาบหน้า ส่วนมากจะได้ยินว่า…



" เฮ้ย! เจ๋งอ่ะ "



" โหว น่าสนุกดีเนอะ "



คือ...ไม่ได้เจ๋ง ไม่ได้คูลอะไรทั้งสิ้น



ขอเล่าย้อนกลับไปว่า….ที่เลือกไป น่าน มีเหตุผลเดียว….."ไ ด้ ตั๋ ว ถู ก"



ก็โปรของหางแดงที่โปรยไว้ซะ ใครๆก้บินได้นั่นล่ะ คือจิ้มๆมา ราคา 192.80 บาท ไม่รุจะมี 80 บาทไว้ทำติ่งอัลไล นี่ถูกยิ่งกว่าค่าแท๊กซี่ไปสนามบินอีกนะ ให้ตายเถอะ!



เรียกว่าจองทิ้งจองขว้างกันเลยทีเดียว แพลนเที่ยว ที่พักก้ไม่แยแส



ตอนแรกว่าจะไปคนเดียว แต่เพื่อนจองตั๋วตามมาด้วย ในราคาที่แพงกว่าเรา แต่ก้ยังถูกกว่านั่งรถทัวร์อยู่ดี (ต้องกราบเลยทีเดียว ไปคนเดียวคงได้ทิ้งตั๋ว)



สุดท้ายไปกันสองคน ต่างคนต่างไม่มีเวลาแพลนใดๆ เรียกได้ว่า….



ไ ม่ มี แ พ ล น 99%



เผื่อ 1 % ไว้ให้การเปิดผ่านๆตา



กล่าวคือ ตอนขึ้นเครื่องจากดอนเมือง สมองยังไม่ประมวลผลว่าหลังจากแลนดิ้งสู่น่านนครแล้ว จะทำไรต่อ



ที่เที่ยวอ่านผ่านๆมาบ้าง ย้ำว่า ผ่า น จิมๆ



ที่พัก แน่นอนว่าไม่มี



รถ ไม่มีเช่นกัน



เอ้อ...กล้าเนอะ (กล้ากับบ้าใกล้เคียงกันมาก ณ ตอนนั้น)



ขอเชิญชวน มามั่ว เอ้ย! มาเที่ยวปัวและเมืองน่าน กับพวกเรากันเล้ยยยยยย !



ถ้าอ่านแล้วม่วนขนาดดด! มาเป็นกำลังใจ กดไลค์ให้เพจหน่อยนะคะ จะได้มีแรงฮึดเขียนต่อๆไป _/|\_


[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้www.facebook.com/NeverEndingJourneyByOn

01 มิ.ย. 2559 : Whatever will be , will be !



ออกจากบ้านกันแต่เช้าตรู่...ก้ดั๊นนน เลือกไฟล์ทเช้า เครื่องออก 7.35 น.



พล่ามอารัมภบทจากข้างบนมาเยอะแล้วกลัวจะเบื่อ

ขอตัดภาพมาที่หางแดงกำลังแลนดิ้งสู่ท่าอากาศยาน น่านนคร (ชื่อนี้ใครหนอช่างตั้ง ไพเราะเพราะพริ้งเพริศแพร้วพรรณราย)



สิ่งที่คิดคือ ภาพป้ายท่าอากาศยานเก๋ๆดูลานนาคัมมิน ตัดกับท้องฟ้าสีฟ้าสดใส มีเมฆหน่อยๆ พอกรุบกริบ



[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ปล.ภาพนี้ถ่ายวันสุดท้ายก่อนกลับค่ะ อากาศแจ่มใสเลอ



เสียงหวานตามสายในเครื่องบินดังขึ้น "ขณะนี้ เราพาท่านมาสู่ท่าอากาศยานน่านนครเป็นที่เรียบร้อยแล้ว อากาศด้านนอก มีฝนตก…...."



ข่ะ ไม่ได้หูแว่ว.......ฝนตก



เวนแล้วงัย บรรลัยล่ะทีนี้ !



พวกเราไปนั่งประคองสติกันที่ด้านล่าง และเริ่มจมอยู่กับมือถือของตน เรามีเวลาอยู่ที่น่าน 2 วันครึ่ง 2 คืน



เอาจริงๆ พวกเราก็ดูสถานที่ท่องเที่ยวในจ.น่านมาคร่าวๆ……….คร่าวๆมากๆจริงๆ

- ดอยเสมอดาว : อันนี้คืออยากไป แต่ไม่มั่นใจในการเดินทาง ฝนเทลงมาอีก ลาก่อยยย ซียูวเน็กซ์ไทม์

- อ.ปัว : ทุ่งนาเขียวขจี ใช้ชีวิตช้าๆอยู่กับธรรมชาติ แต่รีวิวที่อ่านคือไปช่วงปลายฝน แล้วตอนนี้ล่ะ?

- ดอยภูคา : อยู่ไกลกว่าปัวไปนิด ต้องต่อรถไปลงหน้าอุทยาน ก้ดูดีอยู่นะ แต่ติดต่อที่พักที่อุทยานไม่ได้เลยอ่ะ

- อ.บ่อเกลือ : ไปดูเค้าทำเกลือ?? ต้องนั่งต่อรถจากปัวไปอีก เลยกลัวว่าจะทำให้เวลาเที่ยวมันน้อยลง



สรุป ... วันแรกหวยออกที่ 'ปัว' ค่ะ ไปวัดดวงกันว่าจะเห็นทุ่งนาเขียวขจีนั้นมั้ย

และวันที่สองกลับมาเที่ยวในตัวเมือง เพื่อเตรียมตัวกลับในวันที่สาม เป๊ะ!



โอเค๊ เลทส์โกววววววววววว!



ว่าแต่



แล้วเราจะออกจากสนามบินยังไงดีล่ะ? จริงๆเหนว่ามีสองแถวแต่ต้องเดินไปหน่อย คงไม่เหมาะกับเวลาฝนตกอย่างนี้

แม้พวกเราจะงก แต่ก็ไม่ได้งกพร่ำเพรื่อนะคะ



เราเดินไปที่เคาท์เตอร์ Taxi ให้เค้าไปส่งที่ ขนส่ง เพื่อที่จะนั่งสองแถวต่อไปปัว เค้าคิดราคาคนละ 50 บาท



Deal!

ณ สถานีขนส่งที่น่านนคร



ฝนยังคงโปรยปรายลงมาไม่ขาดสาย หญิงต่างเมือง 2 คนลงจากรถยนต์ที่เสมือนอูเบอร์แต่จริงๆเป็น taxi

ท่าทางก้งกๆเงิ่นๆ สอดส่ายสายตาไปทั่ว ที่นี่มีทั้งรถตู้ รถเมล์หวานเย็น และรถสองแถว ทุกแบบไปปัวได้เหมือนกัน



พวกเราขอเลือกทางสายกลาง "สองแถว" นั่นเอง

คุณลุงพาเราขึ้นรถสองแถวที่เขียนข้างรถว่า "น่าน-ท่าวังผา-ปัว" ขึ้นปุ๊บ รถออกปั๊บ...รถเป็นของเราสองคน เย้


นั่งไปสักพักคนเริ่มทยอยขึ้นมา ของก็ทยอยเยอะขึ้น คือลุงแกรับจ๊อบส่งทั้งของ ทั้งคนน่ะ ไม่รวยให้มันรู้ไป



พวกเรานั่งหลับๆตื่นๆประมาณ 2 ชั่วโมง (ตอนแรกลุงแกบอก ชั่วโมงครึ่ง แต่เห็นลุงส่งของซะเยอะ เวลาเลยเกินมาหน่อย)

จุดหมายของเราตามที่พี่ taxi แนะนำ คือ



สุเกียววัสดุก่อสร้าง

ไม่ได้มาแวะซื้อไม้หรือเหล็กแต่อย่างใด พี่แท๊กเค้าบอกที่นี่ มีวินมอไซค์ค่ะ



เอ...แล้วยังไงต่อดีล่ะทีนี้ ที่พักก้ไม่มี ที่เที่ยวอีก



พวกเรายืนเคว้งๆ หน้าวินมอไซค์ สุดท้ายเดินไปถามพี่วิน ว่าแถวนี้มีรถสองแถวให้เหมาเที่ยวมั้ย แกชี้ไปฝั่งตรงข้าม บอกอยู่ใกล้สนามกีฬา



แต่ไม่วายที่จะเสนอตัวว่า พี่ก็เหมาเที่ยวได้นะ...เอิ่ม ของหนูเต็มตัวขนาดนี้ ถ้าเหมามอไซค์เที่ยวก้บ้าแล้วค่า



เอาไงดี?ตอนนี้เวลาก็เกือบเที่ยง น้ำย่อยเรียกหาอาหารแล้ว กองทัพต้องเดินด้วยท้องสิ



เราตัดสินใจหาร้านอาหารก่อน เรื่องเที่ยวกะที่พักไว้ทีหลัง 55



เพื่อนอ่าน pantip มา เค้าแนะนำร้าน Little Le Cuisine



โอ้โห มาปัว แม่มกะแดะกินอาหารอิตาเลี่ยน กลับไปแด๊กกทม.ไป๊ ....ในใจคิดอย่างนี้สินะคะ



...เราก็คิดค่ะ แต่อารมณ์นั้นคือหิวโฮกๆ อะไรก้ได้ ขี้เกียจเดินหาละ



พอเสริชกูเกิ้ลแมพ ก้เด้งขึ้นมาว่าอยู่ใกล้นิดเดียว เดินไปถึง



เอ้า ! เดินสิคะ รอไร



เราเดินตามกูเกิ้ลแมพอย่างว่าง่าย จนมาถึงที่นี่



L I t t l e L e C u I s I n e


ร้านดูดีมีสกุลรุนชาติมากๆ ไม่คิดว่าเมืองธรรมชาติแบบปัวจะมีร้านอาหารสไตล์คนเมืองแบบนี้


เห็นว่าเจ้าของร้านจบ กอร์ดองเบลอด้วย เริ่ดป่ะล่ะ (ในรูปนี้อาจจะไม่เกี่ยวข้อง ไม่ได้อ่านละเอียดง่ะ)


เราสั่งกันมา 2 อย่างเบาๆ



สเต๊คปลาแซลมอนย่างซอสไวน์ขาว 159 บาท



" แซลมอนเนื้อแน่นราดซอสไวน์ขาวละมุนลิ้น

เส้นสปาเกตตี้เหนียวนุ่มรสชาติเข้าปาก

เคียงด้วยมันฝรั่งสดกริลหอมๆ เคี้ยวเพลินๆ

ตัดเลี่ยนด้วยผักสดๆราดน้ำสลัดอมเปรี้ยวเข้ากันดี "



สปาเกตตี้หมูย่างซอสเขียวหวาน (ชื่อประมาณนี้ ไม่แน่ใจอ่ะ) 79 บาท



" สปาเกตตี้เลือกเส้นได้ตามใจชอบ ให้เยอะไม่หวงเส้น

ซอสไม่ไทยไป ไม่ฝรั่งไป เป็นลูกครึ่งที่ดีงาม

หมูย่างนุ่มๆ กินแล้วเข้ากันดี "



สุดติ่ง นี่มันรสชาติโรงแรม ราคาร้านอาหาร


บิลออกมา สบายใจ อิ่มแปร้ สบายกระเป๋า



ระหว่างกิน เราก็นั่งหาที่พัก ที่เที่ยวไปพลางๆ

เพื่อนอ่านเจอว่าเค้าแนะนำ 'โฮมสเตย์ตานงค์' ดูจากรูปคือดีงามตามธรรมชาติ เราเลยตัดสินใจไปค้างที่นี่ โดยโทรไปคอนเฟิร์มก่อนว่ามีห้องพักว่าง เด๋วเราจะ walk in เข้าไปนะ



โอเค๊ คืนนี้มีที่ซุกหัวนอนละ สบายใจ

ส่วนที่เที่ยว ก็ดูๆเอา ตามเว็บที่แนะนำนี่ละ เวลาเราเหลือแค่ครึ่งบ่าย ไม่อยากเข้าที่พักมืด เลยตกลงว่าไปแค่ 3 ที่นี้พอ

1. บ้านเห็ดหัวน้ำโฮมสเตย์

2. กาแฟบ้านไทลื้อ

3. วัดภูเก็ต



ก่อนออกจากร้าน พวกเราถามทางคิวสองแถวกะพนักงาน เค้าแนะนำอย่างดี

พอเห็นไม่มีแพลนเค้าก้แนะนำให้ไปบ่อเกลือด้วย แต่ต้องนั่งรถไปอีก เราเลยขอบาย



สี่เท้าก้าวออกจากร้าน

ใจพร้อม เป้พร้อม พุงพร้อม หน้าพร้อม ลุยยยยยยยย!ตอนนี้ฝนหยุดตกแล้ว เราเดินไปตามทางที่เค้าบอก ไม่ไกลเลย

เดินออกมาถนนใหญ่ ข้ามถนนไปอีกฟาก คิวสองแถวอยู่ข้างๆสนามกีฬาตรงตีนสะพานลอย

ตกลงกันราคา 500 บาท เหมาเที่ยวครึ่งวันกับคนสองคน เสร็จแล้วให้ไปส่งที่บ้านตานงค์ (อันนี้ดังจริง คือลุงสองแถว แนะนำอยู่ในโปรแกรมนำเที่ยวเลย)


จริงๆลุงแกแนะนำที่เที่ยวอีกนอกจาก 3 ที่ที่เราอยากไป แต่คงดูเวลาก่อนอีกที



โอเคร๊ โยนเป้ขึ้นสองแถว พร้อมลุย



ลุงบอกให้เที่ยวไล่จากไกลสุดขึ้นมาดีกว่า เราก็เออออตามลุง ไปไหนไปกันค่ะ ที่แรกเริ่มจากนี่เลย



ฟ า ร์ ม เ ห็ ด บ้ า น หั ว น้ำ โ ฮ ม ส เ ต ย์


ฟีลแรกสัมผัสได้คือความเป็นป่า คือ ต้นไม้เยอะมากกกกกกกกก


มีความเป็นป่าดิบชื้นข้างบน มองไปข้างล่างเห็นแต่สีน้ำตาล ทุ่งนาเขียวขจีช้านล่ะ T_T


พวกเราถ่ายรูปกันอย่างอ้อยอิ่ง ทั้งข้างบนข้างล่างจนลุงน่าจะหลับไปสามตลบ


ใกล้ชิดธรรมชาติ


เรื่อยๆ


ถ่ายเสร็จ... ก็ต้องกินใช่มั้ยคะ (คนละถ่ายว้อย!)



ที่นี่มีร้านอาหารที่มีเมนูเห็ดและไม่เห็ด โอเพ่นแอร์ สูดอากาศได้เต็มปอดไปพร้อมๆกับมองวิวที่ธรรมชาติสรรค์สร้างมาให้

เนื่องจากพวกเราเพิ่งทานอาหารกลางวันกันมาเมื่อไม่ถึงชั่วโมงที่ผ่านมา แต่อยากลิ้มลองของที่เค้าว่าเด็ด เลยต้องจัดมา



พิ ซ ซ่า เ ห็ ด ถาดนี้นี่เองงงงงง

ถาดนี้ 140 บาท ได้ 6 ชิ้น แป้งนุ่มได้สัมผัสรสชาติซอสพิซซ่าและเห็ดแท้ๆ โดยไม่จำเป็นต้องใส่อย่างอื่นเพิ่ม



คือดี ผ่าน!



เรากินกันไม่หมด (ถ้าไม่ได้กินไรมาก่อน คาดว่าสองถาด 55 ) เลยห่อกลับไปอีกด้วยความงก

เอามากินรุ่งเช้าอีกวัน แป้งก็ยังนุ่มอยู่เลยนะ คือแนะนำจริงๆเมนูนี้กินจนอิ่มแปล้ ก็ไปต่อกันที่



ล ำ ด ว น ผ้ า ท อ



ด้วยความที่ชอบเสื้อผ้าเมืองเหนืออยู่แล้ว เลยเดินได้เพลินๆเลย ได้เดรสเหนือมาตัวนึง ราคาไม่แพงค่ะ 200 บาท


อันที่จริงฝั่งตรงข้ามก็มีร้านเล็กๆร้านนึง เราข้ามไปดูเพื่อฆ่าเวลา เพราะออกมาไม่เจอลุง เลยสอยกางเกงป้ายผ้าเทียนเขียน ซึ่งเค้าเคลมว่าเป็นของชาวเขาแต๊ๆ ไม่ได้มาจากโรงงาน



กลับมาอยู่หน้าร้านลำดวนผ้าทอต่อ….



เอ...ลุงนี่หายไปไหนนะ หรือคิดว่าเราจะชอปเที่ยงวันยันเที่ยงคืนเหมือนมิดไนท์เซลล์



เรานั่งบื้อรอลุงสัก 15-20 นีได้ ก็สำเหนียกได้ว่า มันผิดปกติ!!



เดินสำรวจรอบๆ เจอลุงนอนแผ่อยู่ที่มุมพักผ่อน จนได้รุว่า...เฮ้ย นี่มันร้านกาแฟบ้านไทลื้อนี่ !

ลุงนี่ก้ไม่ได้บอกหนูเล้ยยยย คิดว่าพวกหนูอ่านพันทิพมาอย่างดีสินะ



คือเพิ่งรู้ว่า ลำดวนผ้าทอ กับ ร้านกาแฟบ้านไทลื้อ มันคือที่เดียวกันค่ะ ! (อยากตบหัวตัวเองให้กับเวลาที่เสียไป)

สิ่งแรกที่ตะลึงคือ วิวอลังการดาวล้านดวง


พวกเราเดินไปหาไรดื่มก่อน...กินอีกแล้วสินะ


ระหว่างรอเค้าชง ก็เดินดูรอบๆ


แต่งน่ารักดีค่ะ


ชาเขียวนม ราคา 40 บาท


แต่….ได้วิวราคาประเมินค่าไม่ได้



สุดจริง

ที่นี่มีที่นั่งให้เลือกเยอะค่ะ แต่ละซุ้มมีความเป็นส่วนตัว นอนกลิ้งเกลือกก้ยังได้


อ้าว บังเอิญมาก เจอเพื่อน


แม่-ลูก ^^


แพะก็มา


อ้าว นั่นคนนี่


ร้อยแอคเลือกหนึ่ง Wanna be on top มากๆค่ะ (ขรรมๆนะเพื่อน)


จ่าย 40 บาทที่นี่...ได้อะไร?



- ชาเขียวหวานมัน 1 แก้ว (หวานไปหน่อย)

- อากาศบริสุทธิ์หลายเฮือก สูดให้เต็มปอด

- วิวธรรมชาติพาโรนามา 360 องศา สีเขียวขจีที่ใฝ่หาอยู่ที่นี่เอง!

- รูปถ่ายร้อยแอคเลือกหนึ่ง แอคได้ทุกมุม ฉากสวยทุกฉาก

- หยอกล้อกับแพะ วิ่งเล่นเป็นนางเอกเอ็มวีได้ตามสบาย

- จะนอนหลับไปกับแคร่ก้ยังได้



เราใช้เวลาอยู่ที่นี่เปนชม. และถ้าไม่เกรงใจลุงก็คงจะอยู่ต่อ 55



ได้เวลาเดินกลับมาที่สองแถว ลุงบอกเด๋วไปวัดภูเก็ตเป็นที่สุดท้ายละกันนะ (ลุงน่าจะเนือย ที่อิพวกนี้มันอยู่แต่ละที่นานเหลือเกิน 55)



เราขอยกให้ที่นี่ เป็น The Best ที่ ปัว ค่าาาา

มาชมกาแฟ จิบธรรมชาติกัน ก า แ ฟ บ้ า น ไ ท ลื้ อ

วั ด ภู เ ก็ ต


แอบคิดในใจ วัดอยู่ น่าน ทำไมถึงชื่อ วัดภูเก็ต ?



แต่ก็ไม่ได้หาคำตอบแต่อย่างใด ทริปนี้ความรู้ไม่ต้อง เรามาสโลไลฟค่ะ ไม่ได้มาศึกษาประวัติศาสตร์!



เอาจริง ที่มาวัดนี้ เพราะเห็นคนรีวิวว่า เป็นจุดชมวิวที่สวยมากกกกกกกก ทุ่งนาเขียวขจีสุดลูกตา



สิ่งที่เราเจอ

ปัวเดือนมิถุนามันเปนยังงี้นี่เองงง (ที่เราอ่านเค้ามาเดือนกันยา)



อินโทรเพลงนี้ขึ้นมาเลย...'อดทนเวลาที่โฝนนนพรำ อย่างน้อยก้ทำให้เราได้เห็นถึงความแตกต่าง...You ganna get the ซั้นนนชายยย' T_T

เรามาถูกที่ แต่ผิดเวลาสินะ... ไม่ได้ค่ะ เราต้องโพสิทีฟติ้งกิ้งค่ะ



ถือว่าเรามาดูต้นกำเนิดของข้าวละกัน ยังไถนากันอยู่เลอออออ



ใครอยากเห็นปัว ฤดูที่ทุ่งนาเขียวขจี ตามนี้ค่ะ http://pantip.com/topic/34217727



เข้าโบสถ์ก้ดะ

เดินรอบๆหน่อยค่ะ


ทริปปัวจบละค่ะ ลุงสมบัติกำลังพาเราไปปล่อยที่นี่...โฮมสเตย์บ้านตานงค์

โ ฮ ม ส เ ต ย์ บ้ า น ต า น ง ค์



โฮมสเตย์บ้านตานงค์ ไกลกว่าที่คิด ไอคนแรกที่รู้จักนี่คงไม่ธรรมดา...เราคิดในใจ

เราเข้าซอย ผ่านทั้งทุ่งนา ไร่ข้าวโพด นาที่ยังเป็นผืนดินมากพอสมควร จนรถจอดที่บ้านหลังนึง….



ถึงล้าวววววววววววววววววววววว

ทำไมประตูปิดเล่า (ในรูปนี่มาถ่ายตอนหลังน่ะฮ่ะ)…แต่ลุงสมบัติ แกก็เปิดบ้านตานงค์อย่างง่ายดาย เฮ้ย! นี่มันบุกรุกที่ส่วนบุคคลรีป่าวเนี่ย



ลุงแกบอกว่า ปกติแกต้องคิดตังค์เพิ่มค่าไปส่งที่พักนะ แต่นี่ลุงไม่คิด ยังไงถ้ามีเพื่อนก้แนะนำลุงได้นะ เอาเบอร์ลุงไป



จัดให้ค่ะ ใช้บริการลุงหน่อยนะคะ กระจายรายได้ค่ะ



ใครไปปัว สนใจใช้บริการ ลุงสมบัติ ติดต่อได้ที่เบอร์นี้ 089-835-6884



เราเดินเข้าไปบ้านตานงค์อย่างงงๆ



อื้อหือออ ต้นไม้ครึ้มเชียว

มีที่รับแขกใต้ถุนบ้าน เราก้เข้าไปนั่งรออย่างเรียบร้อย


เราโทรไปตามเบอร์เดิม จนได้ความว่า ตากับยายไม่อยู่ เด๋วจะกลับมา



นั่งเคว้งไปสักพัก ยายก็เดินมา… ต่อจากนี้ขอเรียกป้าแทนค่ะ ป้ายังดูไม่แก่ขนาดที่เราจะเรียกแกว่ายาย 55



คืนนี้ แขกที่นี่มีแค่เรา 2 คนเท่านั้น! โอ้วววว นี่มันไม่ใช่หน้าที่คนปกติเค้าจะเท่วกันใช่มั้ยเนี่ย -_-'



ป้าเปิดห้องให้เลือกตามสบาย เราเลือกที่จะนอนชั้น 2 ค่ะ

อุ้ยๆ อะไรอยู่หน้าห้อง


น้องเหมียวตัวนี้เชื่องมาก แต่ป้าบอกไม่ได้ตั้งชื่อให้มัน เรียกแต่ หนูๆ (แมวนะคะ ไม่ใช่หนู!)



ขี้อ้อนนะเรา

เราขอให้ป้าจัดสำรับข้าวเย็นให้ด้วยค่ะ เพราะว่าออกไปไหนไม่ได้แหล่วววว



ระหว่างรอป้าทำกับข้าว เราก้นอนเกลือกกลิ้งอยู่ในห้อง ต้องบอกว่า ห้องนี่ดีเลยค่ะ แอร์เย็นสบาย แต่เสียอย่างเดียว...แมลงเยอะไปหน่อยค่ะ ไม่แน่ใจว่าเฉพาะฤดูนี้ป่าวนะ เราโดนแมลงกัดไปหลายแผลแบบไม่รุตัว

จุดชมวิวชั้นสอง


นั่งมองสีเขียว สบายตาดี


หลังจากรู้สึกได้ชาร์จพลังจากการนอนเกลือกกลิ้งไปแล้ว ก็รู้สึกอยากออกไปสูดอากาศที่แท้จริงบ้าง


เรากะว่าจะออกไปเดินเล่นด้านนอก ที่เราผ่านพวกทุ่งนา ไร่ข้าวโพดมา

พอลงมาจากห้อง ก็โดนป้าสกัดด้วยอาหารที่เรียงราย….กินก่อนก้ได้ อิอิ



อาหารเหมือนมีคุณแม่มาทำให้กินเอง คือเปนกันเองมากๆ ดิสอิสเรียลโฮมสเตย์

เราได้เจอตานงค์ละคะ ขอเรียกลุงละกัน เพราะตาแกยังไม่แก่ขนาดน้านนน (แกอาจจะตั้งชื่อเผื่อตอนแก่)



ลุงกับป้าใจดีทั้งคู่ค่ะ จนเราเกรงใจเลย รู้สึกว่าต้องทานอาหารให้หมด



สุดท้ายก้พ่ายแพ้ คือถ้ากินหมดนี่เมิงไปแข่งกินละ

ด้วยความเกรงใจเหมือนจะโดนแม่ตี เลยบอกให้ป้าเก็บอาหารไว้ เด๋วพรุ่งนี้หนูมากินต่อนะคะ



กินเสร็จ ฟ้ามืดพอดี ที่ว่าจะไปเดินเล่นนั้น เดินไปยังไม่ถึงห้าสิบก้าว ฟ้าก็มืดแล้ว เราเลยตัดสินใจกลับขึ้นห้อง

พรุ่งนี้จะตื่นมาดูพระอาทิตย์ขึ้นกัน !

2 มิถุนายน 2559 : บ๊ายบาย ปัว ไปมั่วต่อที่น่านนคร



กว่าจะขุดตัวเองขึ้นจากเตียงได้ ต้องต่อสู้กะใจน่าดู



ที่นี่ มีจักรยานให้หยิบยืมฟรีค่ะ

บางคนบอกว่า "พระอาทิตย์ขึ้นที่ไหนๆก็เหมือนกัน"



อันนี้ขอเถียงเส้นเอ็นขึ้น ว่า 'ไม่เหมือนกันค่ะ'



ตรูมาดูพระอาทิตย์ขึ้น ถึง ปัว ทามมายเปนเง้



ทางลูกรัง ปั่นกันจนตุ๊ดส์ระบบเลยค่ะ

จนอยากจะฮัมเพลง หมอกจางๆ และควัน...คล้ายกันจนบางทีไม่อาจรู้วววว


พระอาทิตย์ขี้อาย มองไม่เห็นไรเลยค่ะ มีแต่สีเขียวๆของต้นไม้ใบหญ้าทุ่งนาป่าเขาลำเนาไพร


เราขี่กลับมาบ้าน แน่นอนว่าต้อง นอนต่อ สิคะ


ตื่นอีกทีก็ลงมาทานข้าวเช้าค่ะ



มื้อเช้าเบาๆ กับข้าวต้มหมูสับ และกับข้าวที่เหลือจากมะวาน

เราลาคุณป้าตอน 10 โมง


วันนี้เราจะนั่งรถกลับเมืองค่ะ คุณลุงเลยไปส่งที่คิวรถสองแถวให้ ใจดีจุง ^^

ก่อนไป ขอลาน้องเหมียวด้วยท่าหลับสไตล์โยคะค่ะ หลับได้ทั้งวี่วันเลยจึจึ


บ๊าย บาย ปัวววว จนกว่าจะพบกันใหม่ลาก่อยธรรมชาติ สวัสดีเมืองน่าน เมืองเล็กๆน่าฮักขนาด



เมื่อคืนเราได้หาข้อมูล และจากเพื่อนที่รู้ว่าเรามาแบบยังไม่มีที่พัก ก้แนะนำที่พักให้ สรุปเราเลือกที่นี่ค่ะ



คุ้ ม เ มื อ ง มิ น ท ร์



สาเหตุที่เลือกที่นี่ เพราะว่ามีความสวยงามตามท้องเรื่อง อยู่ใกล้สถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ เช่น วัดภูมินทร์ พิพิธภัณฑ์ อะไรเทือกนี้ค่ะ


และที่สำคัญ "ฟรีจักรยาน"

ห้องนี้ 990 บาท ราคา Walk-in


โชคดีมาก เหลือห้องสุดท้ายพอดีเลย


เหน็ดเหนื่อยกะการนั่งรถสองแถวจากปัวร่วม 2 ชม. และต่อมอไซค์จากขนส่งมาที่โรงแรม เลยขอพักฟื้นสักหน่อย



แพลนในเมือง ก้เพิ่งด้นสดกันตอนนั่งพักในห้องนี่ละค่ะ



เราขอแผนที่มาจากที่โรงแรม เสริชหาข้อมูลของกินในเน็ตนี่ละ

(เด๋วจะอัพแผนที่ให้อีกที ขอตัวไปหาก่อน แหะๆ)

มาแล้วๆ

อันที่จริงที่น่าน เค้ามีบริการนั่งรถรอบเมืองสำหรับนักท่องเที่ยวนะคะ


แต่พอดีช่วงเราไปมัน low season แถมวันธรรมดา เลยมีแค่ 2 เที่ยว คือ 10.30 และ 15.30 น.

รอบนึงประมาณ ชม.นึง โดยจะมีจุดแวะพัก 2 จุดซึ่งจะเวียนกันไป พักจุดละ 10 นาที

ติดต่อได้ที่ ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวที่บริเวณหน้าวัดภูมินทร์ ค่ะ เบอร์ 054-751169



ซึ่งเราตกลงกันว่า ลองปั่นจักรยานดูก่อนละกัน ถ้าไม่รอดค่อยไปนั่งรถราง ดีล!



ชาร์จพลังแล้วออกไป "ปั่น" กัน

ออกตัวก่อนว่า ตอนอยู่กทม.นั้น ปั่นเล่นแค่ในซอยบ้าน ไม่เคยออกถนนใหญ่แม้แต่น้อย


พอมาน่านเท่านั้นละ เกิดอยากจะสโลวไลฟ ปั่นจักรยานชิคๆคูลๆ (จริงๆคือ งก)



ตามมาดูกัน ว่าพวกเรา "ปั่น" ไปไหนกันมาบ้าง

เ ฮื อ น ฮ อ ม



สถานีแรกที่จอด....หนีไม่พ้นร้านอาหาร 55

คือ เราตกลงกันว่า เราควรจะมาทานอาหารที่มันดูจะเป็นพื้นเมืองซักมื้อเถอะนะ ไหนๆก็มาต่างถิ่นเลยมาลงตัวที่ร้าน เฮือนฮอม


จัดไป


- 'ก๋วยเตี๋ยวลุยสวน' อาหารเฮลตี้ดีต่อสุขภาพ ที่นี่ห่อมาเป็นคำๆ กินได้ผักไม่หล่น ราดน้ำจิ้มรสจัดจ้าน ตามด้วยผักสด หร่อยจังฮู้


- 'ปลาทอดราดซอสมะขาม' อร่อยกลมกล่อมกรุบกรอบ ราดซอสมะขามหวานๆละมุนลิ้น


- ตัดเลี่ยนนิ๊ดด้วย 'ยำปลาทอดสมุนไพร' รสชาติไม่จัดมาก ปลาทอดกรอบอร่อยดี แต่พอกินปลาทอด2จานเลยเริ่มเลี่ยนละ


- ปิดท้าย 'ไข่เจียวกรอบ' กรอบจริงเลี่ยนจริง จานนี้ถ้ากินหลายๆคนคงจะดี เพราะมันจานใหญ่ม๊ากกกก แรกๆก็อร่อย แต่ด้วยความที่มีอาหารทอดหลายอย่าง น้ำมันเลยตีกันในท้อง ออกมาเลยเลี่ยนเกินพอดี กินไม่หมดจ้า


โดยรวม รสชาติดี ราคาไม่แพงค่ะ 4 จานนี้หมดไปแค่เฉียด 500 บาท อิ่มกันไป แถมห่อกลับอิ๊ก



กินกันจนพุงปลิ้นละ ไปปั่นย่อยอาหารกันค่ะ

พิ พิ ธ ภั ณ ฑ ส ถ า น แ ห่ ง ช า ติ น่ า น



เข้ามาก็เจ๊อะนี่เลยค่ะ ซุ้มลีลาวดี

เข้ามาด้านในกัน



แป่ว ปิดปรับปรุง -'-

รีวิวจากข้างนอกละกันค่ะ 55


ให้ฟีลสนามหลวง ฉากหลังเปนวัดพระแก้วเลอ


แต่ที่นี่ วิวข้างหลังนี่ วัดช้างค้ำ ค่ะ


ที่ฐานของเจดีย์ มีช้างค้ำอยู่ ไม่รุชื่อมาจากตรงนี้ป่าว (นี่มั่วเองนะคะ)


ถัดมาอีกหน่อย เป็น วัดหัวข่วงค่ะ


เดินเข้ามาไหว้พระ ในโบสถ์กันหน่อย ตามลักษณะพุทธศาสนิกชนที่ดี


ที่เที่ยวที่น่านจะอยู่ไม่ไกลกันมากค่ะ ยกเว้นที่ไกลๆจะมี พระธาตุแช่แห้ง และพระธาตุเขาน้อย ที่ไกลออกไปหน่อย


สาวบอบบางอย่างเราๆเลยไปกันไม่ไหวค่ะ (ความจริงคือกลัวไม่รอด โดนรถสอยไปกลางทางค่ะ)



มาทางนี้แล้ว อีกไม่ไกลจะเป็นคาเฟ่ห้องสมุดเกร๋ๆชื่อ ห้องสมุดบ้านๆน่านๆ ค่ะ



พอปั่นถึงเท่านั้นล่ะ..........



ปิดวันพุธ พฤหัส



และวันนี้คือวันพฤหัส



ฮ่วยยยย!ไม่ได้สมหวังดังใจ เราเลยไป "กิ น" กันซะเลย



ร้านนี้ไม่มาไม่ได้นะจ๊ะ เป็นร้านของหวานที่ดังที่สุดในน่านละข่ะ



ร้ า น ข อ ง ห ว า น ป้ า นิ่ ม


สังเกตง่ายๆ อยู่ตรงแยกวัดศรีพันต้น


ที่นี่มีขนมหวานหลากหลายมากค่ะ ทีเด็ดคือ 'บัวลอย' ซึ่งจะเริ่มขายตอน 6 โมงเย็นนะคะ ไปก่อนอดนะ ห้ามไปวันพุธด้วย


ไทยๆ


น้ำแข็งไสก็มี เรารู้สึกว่า ขนมปังในน้ำแข็งไสมันอร่อยกว่าที่อื่นค่ะ เหมือนมีนมๆเนยๆ ไม่รู้มโนเองรึป่าว -_-


ไอติมก็มา


ไอติมลูกหม่อนและผองเพื่อน ใส่กันมาเต็มแม๊ก อร่อยชื่นนนอ๊กชื่นใจ๋


น้ำแข็งไสรวมมิตร อร่อยยยยไปหมดทุกอย่างเลยค๊าป้านิ่ม


หลังจากนั้นเรารู้สึกว่าแดดมันร้อนแรงเกินกว่าจะรับมือไหว เลยขอตัวไปพักฟื้นที่โรงแรมอีกรอบ



พอฟ้าเริ่มมืดก็ออกมากันต่อค่ะ



ที่เดิม เวลาใหม่



ใช่ค่ะ เรามาอยู่กันที่ ขนมหวานป้านิ่มอีกแล้วค่ะ อ่านไม่ผิด !!!



บ้าไปแล้วค่ะ ป้านิ่มรู้คงดีใจมาก ครั้งนี้มาเก็บตกบัวลอย



แท่นแท๊นนน บัวลอยไข่หวาน และไอติมกะทิบัวลอย

คือบัวลอยไข่หวาน อร่อยค่ะ ไม่หวานมาก แต่ไอติมกะทิบัวลอยเนี่ย เป็นส่วนผสมที่ลงตัวจนน่าอเมซิ่งมากๆ ที่กรุงเทพน่าจะเอาไปเลียนแบบ



คือ มัน ดี กินไอติมกะทิ กับบัวลอย เข้ากันโคดๆ แต่เพิ่งเคยกินที่นี่ที่แรก



กราบบบบป้านิ่มค่ะ



ดึกแล้วที่วัดเปิดไฟด้วย

อ้อ ใครที่กังวลว่า ปั่นจักรยานตอนมืดมันไม่อันตรายหรอ?



เราก็คิดยังงั้นค่ะ เราถามพนักงานที่โรงแรม เค้าบอกไม่อันตรายหรอก พร้อมชี้ให้ดูที่จักรยานมันมีไฟกระพริบด้วยค่ะ



เอาเป็นว่า อย่างน้อย ก้มีคนมองเห็นเราในความมืดละนะ แต่อย่างอื่นไม่รุ้วจะปลอดภัยป่าว ฮี่ๆเรามาตามหาของฝากกันที่ ตลาดสดราชพัสดุค่ะ หรือตลาดเย็น อยู่ตรงข้ามโรงแรมเทวราชเลย

ที่นี่เราได้แคบหมูมาอย่างเดียว แต่หาน้ำพริกหนุ่มกะไส้อั่วไม่เจอ แม่ค้าบอกว่าให้ไปดูที่ตลาดเช้านะ



จบละหรอวันนี้ เร็วจุง ?



เรารู้สึกมันเร็วไปที่จะกลับเข้าห้อง แต่ที่นั่งชิลของน่านนั้น ไกลเกินกว่าที่จะปั่นไปได้ เก๊ากลัวง่ะ



ไปไหนดีล่ะ



สุดท้ายมาจบที่นี่....



เ ตี๋ ย ว ไ ร้ เ ที ย ม ท า น


เฮ้ย! นี่มากินหรือมาเที่ยว !


ส่งท้ายคืนนี้กับ ดูกยำรสเด็ด อร่อยค่ะ แทะกระดูกมันส์ดี ^^


อิ่มแล้ว นอนได้ บรรยยยยยยยยยย

3 มิถุนายน 2559 : ความทรงจำสุดท้ายที่น่าน



เราตื่นกันแต่เช้า เพื่อที่จะไปตะลุยหาของฝากที่ตลาดเช้ากัน แต่ขอทานอาหารเช้าที่โรงแรมก่อน

สั่งข้าวต้มปลาไปค่ะ


หน้าตาเป็นงี้ มีไข่ต้มด้วย ปลาอร่อยดีค่ะ


มีอย่างอื่นให้ทานด้วยค่ะ มันหวานอร่อยมั่กกก


มุมกาแฟ


เบาๆ


อิ่มแล้ว ปั่นไปตลาดเช้ากันนนนนน อยู่แถวๆที่เดิมเลยค่ะ ไปโรงแรมเทวราช แล้วถามๆคนแถวนั้นดู


ได้น้ำพริกหนุ่มและไส้อั่วจากร้านนี้



น้ำพริกหนุ่มที่นี่ เค้าไม่ใส่วัตถุกันเสียค่ะ ต้องทานเร็วหน่อยนะคะ ไม่งั้นจะเสียเอา

ไส้อั่วอร่อยดีค่ะ


หลังจากนั้น ก็กลับมานอนต่อ 55สุดท้ายกว่าจะ Check out ก้ปาไป11 โมงกว่า ฝากกระเป๋าไว้และขอปั่นต่อ เริ่มติดใจละ แต่ก้นนี่ระบมน่าดู



วั ด ภู มิ น ท ร์


ถ้าไม่มาที่นี่เหมือนไม่ได้มาน่านค่ะ


และจะต้องมีภาพนี้...ปู่ม่านย่าม่าน กระซิบรักบันลือโลก



" คำฮักน้อง กูปี้จักเอาไว้ในน้ำก็กลัวหนาว

จักเอาไว้พื้นอากาศกลางหาว ก็กลัวหมอกเหมยซอนดาวลงมาคะลุม

จักเอาไปใส่ในวังข่วงคุ้ม ก็กลัวเจ้าปะใส่แล้วลู่เอาไป

ก็เลยเอาไว้ในอกในใจตัวชายปี้นี้ จักหื้อมันไห้อะฮิอะฮี้

ยามปี้นอนสะดุ้งตื่นเววา…"



คำแปล



"ความรักของน้องนั้น พี่จะเอาฝากไว้ในน้ำก็กลัวเหน็บหนาว

จะฝากไว้กลางท้องฟ้าอากาศกลางหาว ก็กลัวเมฆหมอกมาปกคลุมรักของพี่ไปเสีย

หากเอาไว้ในวังในคุ้ม เจ้าเมืองมาเจอก็จะเอาความรักของพี่ไป

เลยขอฝากเอาไว้ในอกในใจของพี่ จะให้มันร้องไห้รำพี้รำพันถึงน้อง

ไม่ว่ายามพี่นอนหลับหรือสะดุ้งตื่น "



ฮิ้วววววว

ขอขอบคุณข้อมูลจาก วิกิ ค่ะ

ได้เวลาทานอาหารกลางวัน พร้อมกับหาที่หลบแดด



แดดน่านแรงไม่ได้ที่ใดในประเทศไทยเลยจีจีค่ะ



ก่อนมา เราได้ดู 'เทยเที่ยวไทย' ตอนที่พาเที่ยวน่าน จำอะไรไม่ค่อยได้ค่ะ จำได้แค่ช่วง พ่อค้าแซ่บ 555



เค้าพาไปร้าน OVO Salad เราเลยได้ทีตามรอยพ่อค้า...เอ้ย! รอยร้านไปค่ะ



ตอนนี้เราควรจะอยู่แถวร้านแล้ว ถ้าดูตามแผนที่ใน Google map แต่...ไหนล่ะร้าน?



เราจอดจักรยาน และหาเบอร์โทรเพื่อโทรไปสอบถามร้าน ...ได้ความว่า

ร้านปิดปรับปรุง จะเปิดปลายปี



สลัด



เฟล อเกนแอนด์อเกน ทริปแบบไม่ได้เตรียมการมันต้องมีเฟลเป็นธรรมดาค่ะ



สุดท้ายเปิด Wongnai หาร้านแถวที่ยืนเคว้งอยู่นั่นล่ะ ตามอากู๋แมพไปเช่นเคย



จนมาจอดที่นี่

โ ฮ ง ก๋ ว ย เ ตี๋ ย ว


มีหลายเมนู ทั้งก๋วยเตี๋ยวหมูตุ๋น เนื้อ ราดหน้าต่างๆ รวมไปถึงอาหารตามสั่ง


เราได้นี่มา

จำชื่อเมนูไม่ได้ เป็นราดหน้า เส้นใหญ่ทอดกะหมูหมัก

หมูอร่อยดีค่ะ เส้นกรอบ แต่เป็นคนที่กินของทอดไม่ได้เยอะ เลยรู้สึกเลี่ยนไปหน่อย

นี่ของเพื่อน หมูตุ๋นก้โอเคนะคะ


ปริมาณน้อย หรือเราอาจจะหิวมากไม่รู้ เลยสั่งเกาเหลากันมาอีกชาม ฮี่ๆ ลืมถ่ายรูปมาค่ะ



ตอนนี้เวลาเหลือไม่มากแล้ว เพราะเราให้โรงแรมนัดรถมารับไปส่งสนามบิน ตอน 14.30 น.

เราเลยรีบออกไป จุดหมายสุดท้ายของเราค่ะ

ห้ อ ง ส มุ ด บ้ า น ๆ น่ า น ๆ



วันนี้เปิดแล้วนะตะเอง

พื้นที่สีเขียว...จนแทบมองไม่เห็นบ้าน ชอบบบบ


บรรยากาศในร้าน หนังสือตรึม...มีทั้งขายและอ่านฟรี


เมนูหลากหลายทั้งเครื่องดื่มและของหวาน


ชอบคำนี้จัง 'บรรณาริสต้า' = บรรณารักษ์ + บาริสต้า เป็นการสมาสคำอย่างนึง อิอิ


หนังสือเพียบ


ตอนเราไปไม่ค่อยมีใครค่ะ อาจจะเป็นเพราะเป็นวันธรรมดาเวลางาน



มุมนั่งมีหลายมุม มุมนี้ คงได้กลิ่นอายสีเขียวเลยทีเดียว

อ้อ ที่นี่เป็น Open air นะคะ ใช้พัดลมเอา ถ้าหน้าหนาวคงบรรยากาศดี


จมกองหนังสือกันไปเลย


ที่นี่มีสองชั้นค่ะ เราเลือกที่จะนั่งชั้นบน ตามมาดูกัน



บรรยากาศบ้านจริงๆ

เหมือนนั่งอ่านหนังสือที่ระเบียงบ้าน


มีห้องสมุดด้วยนะเออ


มุมถ่ายรูป


หนังสือที่นี่มีหลากหลายประเภทมากเลยค่ะ หนอนหนังสือกรี๊ดอ่ะ


ตัวเราเวลาน้อย เลยยังอ่านไม่จบสักเล่ม -"-

เด๋วจะหาว่ามาอ่านหนังสือฟรี เครปเค้กอร่อยดีค่ะ ชาก็หวานมัน


เสียดายที่มีเวลาอยู่ที่นี่น้อยไปหน่อย อ่านหนังสือยังไม่จบเล่ม 55 ล้อเล่นค่ะ


จริงๆที่นี่ เหมาะแก่การสโลวไลฟมากๆ แนะนำเลยค่ะ



ขอยกให้ที่นี่ เป็น The Best ของที่น่านค่ะ ปรบมือรัวๆ

(สรุป the best ของที่ปัวและน่าน เป็นร้านกาแฟ แหะๆ)



หาเวลามาหย่อนใจ พักสายตาจากจอ มามองหน้ากระดาษ ละเลียดกาแฟ เล็มขนม สุขไหนจะดีเท่า



เรากลับมาถึงโรงแรมตามเวลา รถมารออยู่แล้ว แต่ขากลับคิดคนละ 60 บาทแฮะ



ได้เวลาไปนั่งรอที่สนามบินน่านนครแล้ว



ขอชมว่า สนามบินที่นี่ใหม่และสะอาดมากค่ะ ดีงาม

จนกว่าจะพบกันใหม่นะ


Saranya Manaphanthanont

 วันศุกร์ที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2559 เวลา 12.35 น.

ความคิดเห็น