ทริปตรุกีแผนเผินอะไรไม่มีทั้งนั้น ใช้เวลารวมทั้งสิ้น 13 วัน
โดยเริ่มจากที่แรกคือ Istanbul ซึ่งใน content นี้เราจะขอเล่าประสบการณ์ที่เราเจอในแต่ละที่ให้ทุกคนได้อ่านกัน อาจจะเหมือนหรือไม่เหมือนกับของคนอื่นที่ได้อ่านมา ก็ขอให้ทุกกับการเดินทางของเราในครั้งนี้และใครที่กำลังไปตุรกี ขอให้มีทริปที่สนุกสุดเหวี่ยงเลยนะคะ
![](/f/41247/62c7ed74ce86030b2bbe626d.jpg)
เราเดินทางช่วงโควิดเลยได้ตั๋วค่อยข้างถูกแต่ใช้เวลาในการเดินทางและ Lay over ค่อนข้างนาน รวมกันแล้วเกือน 17 ชั่วโมง เราเดินทางออกจากสุวรรณภูมิช่วงบ่ายและมาถึง Istanbul ช่วงสายของอีกวัน พอมาถึงก็ทุลักทุเล Skill การเดินทางก็ต้องเอามาปัดฝุ่นใหม่ กว่าจะสื่อสารกันรู้เรื่องขึ้นรถบัส Havist มาลงตัวเมือง กลับหาซื้อบัตร Metro ไม่ได้ แต่ก็โชคดีที่มีพี่สาวใจดีเอาบัตร Metro ของเค้าให้เราใช้แถมนั่งเลยสถานีไปอี๊ก ต้องเสียเวลานั่งกลับไปกลับมา สนุกเชียว
![](/f/41247/62c7ed3f29898b0b0b9f6143.jpg)
ปล. ภาพนี้ขอให้เลย focus เราไปแล้วมองข้างหลังเลย
พอถึงที่พักก็รีบแต่งตัวออกมาจากที่พัก (เดี๋ยวเที่ยวไม่คุ้ม) หลังจากเดินอยู่พักนึงก็เห็นป้ายว่ามีสวนสาธารณะอยู่ใกล้ ๆ เลยเปิด GPS แล้วเดินตามไปประมาณประมาณ 10 นาทีสวนสาธารณะ Yenikapi Sehir เป็นสวนสาธารณะ เลียบชายฝั่งทะเล Marmara ซึ่งเป็นทะเลที่เชื่อมระหว่างทะเลดำกับทะเลอีเจียน ซึ่งแยกตุรกีในทวีปเอเชียจากตุรกีในทวีปยุโรป คนส่วนมากจะมานั่งดูพระอาทิตย์ตกตอนเย็นสำหรับเรา รอพระอาทิตย์ตกไม่ไหว เพราะหนาวและลมแรงมากและหิวมากกกกด้วย
![](/f/41247/62c7edd211728e0b11aa57c2.jpg)
![](/f/41247/62c7ede3bcd7590b31b0caa5.jpg)
![](/f/41247/62c7edf8ce86030b2bbe626f.jpg)
หลังจากกลับมาจากสวนสาธารณะไม่ถึง 3 นาที ไฟก็ดับเลยจ้าาาาาาตอนแรกคิดว่าจะแปบเดียว แต่ 30 นาทีก็แล้ว 1 ชั่วโมงก็แล้ว ไฟก็ยังไม่มาเดินลงไป lobby ไปคุยกับเจ้าของก็แล้ว กับเพื่อนร่วมชะตากรรมก็แล้ว ไฟก็ยังไม่มา จนตัดสินมากลับมานอนท่ามกลางความมืด ร่วมเกือบ 5 ชั่วโมงกว่าไฟจะมาแถมเจ้าของพี่พักน่ารักมาก ไม่มีขอโทษ หรือ offer อะไรทั้งนั้น
หลังจากเมื่อคืนเราได้นอนอย่างเต็มอิ่ม (ก็แน่สิ ไฟดับไม่มีไรทำเลยนอนเร็ว)เราก็ใช้สองขาพาร่างตัวเองไปยังจุดหมายแรกของวัน นั่นก็คือ Blue Mosque หรือสุเหร่าสีน้ำเงินซึ่งเรียกได้ว่าถ้าไม่ได้มาก็ถือว่าไม่ถึงตุรกีกันเลยทีเดียวโดยสุเหร่าแห่งนี้มีชื่อเรียกอีกชื่อว่า สุเหร่าสุลต่านอาห์เมตที่ 1 (Sultan ahmet I) ซึ่งที่มาของการสร้างคือความต้องการที่จะเอาชนะ วิหารเซนต์โซเฟียในสมัยนั้น ซึ่งวิหารเซนต์โซเฟียได้รับการจัดอันดับเป็น 1 ใน 7 ของสิ่งมหัศจรรย์ของโลกในยุคกลางถึงแม้ว่าสุดท้ายแล้วจะไม่ได้เป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก แต่ก็เป็นสถาปัตยกรรมที่น่าอัศจรรย์อยู่ดี รวมทั้งก็เป็นหนึ่งใน bucket lists ของเราอีกด้วยวันนี้อากาศค่อนข้างเย็น เลยจับยัดใส่อะไรที่ช่วยประทังความหนาวได้ เลยออกมาเป็น style มั่ว ๆ แบบที่เห็น 5555ที่นี่ไม่มีค่าเข้า แต่ผู้หญิงต้องคลุมหัว และตอนเวลาละหมาดก็ห้ามเข้าไปด้านใน เพราะฉะนั้นใครมาที่นี่อย่าลืมเอาผ้ามาคลุมหัวกันด้วยนะ
![](/f/41247/62c7ef10ce86030b2bbe6270.jpg)
![](/f/41247/62c7ef2a11728e0b11aa57c3.jpg)
![](/f/41247/62c7ef89bcd7590b31b0caa6.jpg)
ถัดมาคือวิหารเซนต์โซเฟีย หรือที่เรียกในปัจจุบันว่าสุเหร่า Hagia Sophia และบางคนอาจจะรู้ว่ามันคือความเจ็บช้ำของชาวคริสจักรเพราะเมื่อไม่กี่ปีมานี้ทางตรุกีได้มีการเปลี่ยนสถานะของฮาเกีย โซเฟียจากพิพิธภัณฑ์ที่อยู่มานานกว่า 86 ปี และทำหน้าที่เป็นมหาวิหารมานานกว่า 916 ปี เป็นมัสยิด เนื่องจากตัดสินว่าเป็นทรัพย์สินของสุลต่านเมห์เหม็ด แห่งจักวรรดิออตโตมันมานานกว่า 482 ปี ดังนั้นเมื่อเข้าไปที่สุเหร่าแห่งนี้ก็ยังจะเห็นสถาปัตยกรรมของทางศาสนาจักรต่าง ๆ ที่ยังเหลืออยู่บ้าง ถึงยังไงสถานที่แห่งนี้ก็ยังคงแสดงถึงความอลังการและเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นได้เห็นอย่างดี
![](/f/41247/62c7effb11728e0b11aa57c6.jpg)
![](/f/41247/62c7f00a29898b0b0b9f6144.jpg)
![](/f/41247/62c7f01229898b0b0b9f6145.jpg)
อีกสถานที่นึงที่อยู่ใกล้กับ Blue Mosque คือ พระราชวังโทพคาปี และโบสถ์ฮาเกียไอรีนเรามาเริ่มกันที่พระราชวังโทพคาปีกันก่อน ก็เป็นพระราชวังที่ถูกสร้างขึ้นสมัยจักรวรรดิออตโตมัน โดยใช้เป็นสถานที่พำนัก ทำงาน ก่อนจะย้ายไปที่พระราชวัง Dolmabahce และถูกเปลี่ยนเป็นพิพิธภัณฑ์ในปี 1924 ให้เรามาเยี่ยมชมจนถึงปัจจุบันโดยแบ่งออกเป็น 5 ส่วนหลัก ได้แก่ Courtyard I, Courtyard# II, Courtyard III, Courtyard IV และส่วนของฮาเร็ม (Harem)ส่วน Hagia Irene หรือเซนต์ไอรีน (Saint Irene) เป็นโบสถ์กรีกออร์โธดอกซ์ตะวันออก ที่แรกในกรุงคอนสแตนติโนเปิล และยังเป็นโบสถ์ ที่ยังไม่ได้ถูกเปลี่ยนเป็นมัสยิดเราใช้เวลาที่นี่ค่อนข้างนาน เพราะอากาศดีเดินได้เรื่อย ๆ ไม่เบื่อเลย
![](/f/41247/62c7f13c11728e0b11aa57c9.jpg)
![](/f/41247/62c7f15511728e0b11aa57ca.jpg)
![](/f/41247/62c7f1fb11728e0b11aa57cc.jpg)
![](/f/41247/62c7f226bcd7590b31b0caa7.jpg)
![](/f/41247/62c7f26411728e0b11aa57cd.jpg)
![](/f/41247/62c7f29411728e0b11aa57cf.jpg)
หลังจากเราใช้เวลากับ ฺMosque ต่าง ๆ ไปแล้วเราก็นั่ง Metro มาที่ตัวเมือง เพื่อมาดูวิว Istanbul แบบ 360 องศา ที่ Galata Tower หรือหอชมเมืองนั่นเอง Galata tower ถือว่าเป็นหนึ่งในหอคอยที่เก่าแก่ที่สุดในโลก และเป็นอีกนึงสัญลักษณ์สำคัญของเมือง Istanbul ในสมัยก่อนหอคอยนี้ใช้เป็นหอคอยที่ใช้ในการเฝ้าสังเกตไฟไหม้ (Galata Fire Tower) แต่ในปัจจุบันเป็นพิพิธภัณฑ์และหอชมเมืองซึ่งในปี 2556 หอคอยนี้ ถูกรวมอยู่ในรายการชั่วคราวของมรดกโลกในตุรกีโดย UNESCOหอคอยมีทั้งหมด 9 ชั้น ด้านบนเป็นที่ชมวิว ส่วนชั้นอื่น ๆ เป็นงานจัดแสดงพิพิธภัณฑ์ต่าง ๆตอนขาขึ้นมีลิฟต์ให้ แต่ตอนลงต้องเดินลงกันเองนะเราไปตอนกลางวัน แต่มีคนแนะนำว่าวิวตอนกลางคืนคือว้าวมาก ที่สำคัญ ด้านบนส่วนระเบียงค่อนข้างแคบ เดินถือหรือยืนโทรศัพท์ไปถ่ายรูปก็ต้องระวังกันด้วยนะโดยรอบหอคอยก็มีร้านอาหาร ร้านขายของฝากส่วนราคาก็หลากหลายวาไรตี้กันไป ค่าเข้าชม : 100 TL เปิดให้ชมทุกวัน ไม่มีวันหยุด
![](/f/41247/62c7f2b2bcd7590b31b0caa8.jpg)
![](/f/41247/62c7f2e929898b0b0b9f6148.jpg)
![](/f/41247/62c7f41ace86030b2bbe6274.jpg)
![](/f/41247/62c7f32629898b0b0b9f6149.jpg)
![](/f/41247/62c7f425bcd7590b31b0caa9.jpg)
ขากลับเราตัดสินใจเดินกลับ ก็ใช้เวลาประมาณ 30 นาที ที่ตัดสินใจเดินเพราะอยากเห็นสะพานกาลาต้า แถมด้านล่างสะพานคนในพื้นที่บอกเราว่าอาหารทะเลอร่อยและไ่ม่แพง
![](/f/41247/62c7f4b7ce86030b2bbe6275.jpg)
![](/f/41247/62c7f4dace86030b2bbe6276.jpg)
![](/f/41247/62c7f505bcd7590b31b0caaa.jpg)
![](/f/41247/62c7f51311728e0b11aa57d0.jpg)
![](/f/41247/62c7f51e29898b0b0b9f614b.jpg)
![](/f/41247/62c7f53229898b0b0b9f614c.jpg)
บนสะพานกาลาต้ามีคนตกปลา แม้อากาศจะเย็นแค่ไหน แต่ดูแล้วทุกคนก็ยังชิว ๆ อยู่ เรามีแอบดูในกะละมังเค้าเหมือนกันว่ามีปลาไหม เพราะอากาศเย็นมาก สงสัยว่าปลามันจะมีแรงว่ายมากินเหยื่อหรอ สรุปคือเค้าก็ตกปลากันได้นะ มีอยู่เต็มถังเลย
หลังจากข้ามสะพานมาก็เป็นท่าเรือที่มีทัวร์ล่องชมช่องแคบบอสฟอรัส (Bosphorus Cruise) เรามีเวลาไม่พอที่จะนั่งเรือแถมขาก็ไม่ไหวแล้ว เลยตัดสินใจซื้ออะไรกินแล้วเดินกับไปโรงแรม
![](/f/41247/62c7f662bcd7590b31b0caac.jpg)
![](/f/41247/62c7f691bcd7590b31b0caae.jpg)
![](/f/41247/62c7f66dbcd7590b31b0caad.jpg)
วันที่ 3 ก็ยังอยู่กันที่ istanbul วันนี้ตื่นเช้ามาฝนก็ตกพร่ำ ๆ เลย แต่ก็ไม่มีอะไรมาหยุดเราได้วันนี้เราไปกันที่พระราชวังที่ได้ขึ้นชื่อว่าใช้เงินในประเทศมากมาย จนกระทั่งเป็นหนี้ นั่นก็คือพระราชวัง Dolmabahceเรื่องของเรื่องก็มีอยู่ว่า พระราชวัง Topkapi ที่อยู่เดิมของสุลต่าน Abdulmecid ไม่หรูหราไฮโซ จึงอยากสร้างพระราชวังใหม่ และให้ชื่อว่า โดมาบาเช่ (Dolmabahçe Palace)แต่ด้วยความหรูหราที่อยากได้ ต้องแลกมาด้วยเงินทองจำนวนมาก จนต้องเป็นหนี้สาธารณะ และเรียกกันว่า " The sick man of Europe" คือแทนที่จะได้แสดงถึงพลังอำนาจ ความใหญ่โต แต่กลับต้องแลกมาด้วยหนี้และภาษีของประชาชนแต่ถึงอย่างนั้นพระราชวังแห่งนี้ก็เป็นที่พำนัก ทำงานของสุลต่านมาถึง 6 รุ่น และสิ้นสุดเมื่อ Mustafa Kemal Ataturk บิดาแห่งชาวเติร์ก มาปลดปล่อยชาวเติร์กให้เป็นอิสระ ในปี 1924ด้านในไม่ให้ถ่ายรูป แต่ก็เห็นคนแอบถ่ายมากมายมหาศาล 5555 ส่วนเราก็ขอใช้ตาจำ ดีกว่ามาระแวงตอนยกกล้องวันนี้ฝนตก คนเลยไม่เยอะมาก Lucky สุด
![](/f/41247/62c7f71629898b0b0b9f614e.jpg)
![](/f/41247/62c7f71729898b0b0b9f614f.jpg)
![](/f/41247/62c7f71729898b0b0b9f6150.jpg)
Sa.isaround
วันศุกร์ที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2565 เวลา 16.27 น.