นั่งรถไฟเที่ยว อยุธยา One Day Trip (เที่ยวไม่มีรถส่วนตัว) EP.1

Nuiiz the writer จะพาทุกท่านไป เที่ยวทิพย์ ในช่วง โควิด-19 โดยชวน นั่งรถไฟเที่ยว วัดสวยใกล้กรุงเทพ สำหรับใครที่อยาก เที่ยวแบบประหยัด เที่ยวไม่มีรถส่วนตัว ขอแนะนำทริปนี้เลยค่ะ...

การซื้อตั๋ว รถไฟไปอยุธยา สามารถซื้อได้ที่สถานีรถไฟโดยไม่ต้องจองล่วงหน้าอย่าง รถไฟนำเที่ยว ทั้งนี้ แนะนำว่าควรมาก่อนเวลารถไฟออกประมาณครึ่งชั่วโมงนะคะ

"เอาล่ะ...ไปเที่ยวกันเลย!!!"

หลังจากที่เราออกจากบ้านตั้งแต่ตีห้าครึ่งถึงสถานีรถไฟสามเสนประมาณหกโมงนิด ๆ รีบจัดการซื้อตั๋วรถไฟ ซึ่งราคาตั๋วเพียง 20 บาท ถูกมาก ๆ จากนั้นเราก็เดินเตร็ดเตร่รอเวลารถไฟออก เวลา 06.55 น. รถไฟก็มาถึง ต่างคนต่างรีบขึ้นประจำที่ของตัวเอง

หมายเหตุ : เที่ยวรถไฟไปอยุธยา สามารถนั่งตรงไหนก็ได้ ไม่จำเป็นต้องนั่งตรงตามตั๋วที่ระบุหมายเลขที่นั่งไว้ได้ค่ะ เพราะไม่เคร่งครัดเท่ารถไฟนำเที่ยว

รับชมคลิปการเดินทาง >>> วันนี้เที่ยวไหนดี? EP. 24 : นั่งรถไฟ เที่ยว อยุธยา | 1 Day Trip by train

รถไฟใช้เวลาเดินทางเกือบสองชั่วโมงกว่าจะถึง สถานีรถไฟอยุธยา สำหรับบรรยากาศภายในรถไฟ เรานั่งในยามเช้า อากาศสดชื่น ลมพัดเย็นสบายดีค่ะ พอเวลา 08.25 น. รถไฟก็ถึง อยุธยา

เมื่อลงรถไฟเรียบร้อยแล้ว ให้เดินข้ามถนนและเดินตรงมาเรื่อย ๆ เพื่อนั่งเรือข้ามฟากไปเช่ารถจักรยานยนต์แบบเหมาคัน วันละ 200 บาท รับรถเช้าๆ แบบนี้ ขี่เที่ยวได้ทั้งวัน และคืนรถพร้อมเติมน้ำมันให้เต็มถัง เวลาห้าหกโมง

หมายเหตุ : แนะนำว่าอย่าเช่าจักรยานนะคะ ถ้าอยากเที่ยวหลายที่ เพราะระยะทางแต่ละที่มันไกลมาก แดดร้อนด้วย จะเหนื่อยเปล่า ๆ ค่ะ

หลังจากเราเช่ารถเรียบร้อย วัดแรกที่เราจะไปตั้งอยู่นอกตัวเมืองอยุธยาค่ะ นั่นคือ วัดใหญ่ชัยมงคล จุดเด่นของวัดนี้ที่สวยจนผู้เขียนต้องมาเช็กอินและถ่ายรูปให้ได้ คือ "พระเจดีย์ชัยมงคล" มุมตามรูป สวยงามมาก ๆ ค่ะ ประวัติของพระเจดีย์ชัยมงคลมีบันทึกไว้ว่าสร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งชัยชนะอันยิ่งใหญ่ของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช และจุดต่อไปที่สวยงามไม่แพ้กัน คือ พระพุทธไสยาสน์ หรือ พระนอน ที่มีลักษณะเป็นสีขาว ห่มคลุมด้วยจีวรตลอดทั้งร่าง โดยประดิษฐานอยู่บนพื้นที่เดิมของพระวิหารเก่าในอดีต

สำหรับวัดนี้ในวันที่เราเดินทางไป มีนักท่องเที่ยวคับคั่ง ทางวัดเปิดให้เราขึ้นบันไดไปเที่ยวชมองค์พระเจดีย์ชัยมงคลได้อย่างใกล้ชิด จากภาพประกอบจะเห็นถึงความสวยงามและมีมนต์ขลังมาก ๆ เลยค่ะ

ที่อยู่ : 40/3 หมู่ที่ 3 ตำบลคลองสวนพลู อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
พิกัด : https://goo.gl/maps/isqkPEhTsCXvH7tu6
เปิดให้เข้าชม : 08.00-17.00 น.
โทร : 0-3524-2640
เว็บไซต์ : https://www.facebook.com/watyai

ต่อมาเราเดินทางไปยัง วัดพนัญเชิงวรวิหาร ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากวัดใหญ่ชัยมงคลมากนัก จุดเด่นของวัดนี้ที่สวยจน ผู้เขียนต้องมาเช็กอินและถ่ายรูปให้ได้ คือ พระพุทธรูปทองคำในพระอุโบสถ หรือที่เรียกกันว่า หลวงพ่อโต หรือพระพุทธไตรรัตนนายก หรือหลวงพ่อซำปอกง ที่มีขนาดใหญ่ และงดงามมาก ภายในอาคารมีการตกแต่งด้วยไม้สักทอง และเมื่อเดินออกจากพระอุโบสถแล้ว จะมีโถงทางเดินเชื่อมถึงกันกับ ศาลเจ้าแม่สร้อยดอกหมาก หรือชาวจีนเรียกกันว่า จู๊แซเนี้ย ให้เราได้แวะสักการะขอพรอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีเรื่องน่าอัศจรรย์เกี่ยวกับหลวงพ่อโต เมื่อครั้งจะเสียกรุงใน พ.ศ.2310 เล่ากันว่า หลวงพ่อโตมีน้ำตาไหลออกมาเป็นสาย และขอพรสิ่งใดมักสำเร็จสมปรารถนา ความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อโตจึงยิ่งเป็นที่เคารพศรัทธาแก่คนไทยและคนจีนเป็นอย่างมาก

สำหรับทริปนี้ ศาลเจ้าแม่สร้อยดอกหมาก เป็นหนึ่งในความตั้งใจเดินทางมาของผู้เขียนเองและเพื่อน ที่จะนำสร้อยไข่มุกมาถวายเจ้าแม่สร้อยดอกหมาก เพราะครั้งก่อนเพื่อนขอพรแล้วสัมฤทธิ์ผลค่ะ

ที่อยู่ : หมู่ 2 ตำบลคลองสวนพลู อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
พิกัด : https://goo.gl/maps/BArmRHdvmvzToTb87
เปิดให้เข้าชม : 08.00-17.00 น.
โทร : -
เว็บไซต์ : https://www.facebook.com/วัดพนัญเชิงวรวิหาร

ภายในอาคารมีการตกแต่งด้วยไม้สักทอง

โถงทางเดินเชื่อมถึงกันกับ ศาลเจ้าแม่สร้อยดอกหมาก หรือชาวจีนเรียกกันว่า จู๊แซเนี้ย

หลังจากนั้นเราเดินทางกลับเข้าตัวเมืองอยุธยากันค่ะ ไปกันที่ วัดมหาธาตุ ซึ่งจุดเด่นของวัดนี้ที่สวยจนผู้เขียนต้องมาเช็กอินและถ่ายรูปให้ได้ คือ เศียรพระในต้นไม้ ซึ่งสวยงามแปลกตา โด่งดังเป็นที่รู้จักทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ เรียกได้ว่า Unseen Thailand และภายในบริเวณวัดมหาธาตุยังมีพระปรางค์ วิหาร ตำหนักพระสังฆราช และ เจดีย์แปดเหลี่ยม ซึ่งเป็นเจดีย์ที่แปลกตาและพบได้ที่นี่แห่งเดียวในอยุธยาเลยค่ะ

โปรดติดตามตอนต่อไป

หมายเหตุ : ภาพปกและภาพถ่ายประกอบบทความ ภาพที่ 1 - 8 ถ่ายโดยผู้เขียนเอง

บทความแนะนำ