สวัสดีเพื่อนๆ ชาว README ทุกท่านฮะวันนี้มี โรงแรมหรู แต่ราคาถูกมากๆ มาแนะนำกันอีกที่นึงฮะ



ช่วงต้นเดือน ตี๋ใหญ่ได้รับเชิญไปพัก โรงแรม ที่ชื่อว่า PLAYHAUS ตั้งอยู่กลางซอยทองหล่อ เลยครับ

โรงแรมนี้ พึ่งเปิดให้บริการมาได้เพียง 2 เดือน โดยมีความพิเศษ และ น่าสนใจ ในหลายๆอย่าง

รวมทั้ง Behind the scene bar บาร์ ที่อยู่ชั้นล่างของโรงแรม ก็น่ามานั่งดิ่ม นั่งชิลล์ ปาร์ตี้ กันได้เป็นอย่างดี



รายละเอียดของโรงแรมนี้จะเป็นอย่างไร เชิญติดตามชมกันเลยฮะ



พูดถึงที่ตั้ง โรงแรม กันก่อนฮะ จริงๆพิกัดหาง่ายมากๆ


โรงแรมตั้งอยู่ในซอย โรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ ครับ คืออยู่ตรงข้ามกับตัวโรงพยาบาลสัตว์เลยแหล่ะ

เป็นซอยเล็กๆ ที่อยู่ตรงกลางระหว่างซอยทองหล่อ 9 และทองหล่อ 11

เลี้ยวเข้ามาจาก ถนนทองหล่อ หรือ สุขุมวิท55 นั่นเองฮะ หาไม่ยากๆ



หรือถ้าเดินทางโดย BTS ลงที่สถานที ทองหล่อ เดินเข้ามาอีก 800 เมตร เลยครับ

แผนที่ โดย Google Map ก็ตามนี้เลยฮะ http://goo.gl/rNBTbx



มาถึงที่หน้า โรงแรม กันแล้ว เรามากันค่อนข้างเย็นครับ กะว่าอีกเดี๋ยวก็นั่งเมาที่บาร์ต่อเลย เย้ยยยยย ... ทำงานก่อน ทำงานก่อน



ต้องถามเพื่อนๆที่ชมรีวิวก่อนว่า เห็นด้านหน้าโรงแรม แล้ว พอจะมองออกถึง Concept การตกแต่งของโรงแรมบ้างหรือยังน้า อิอิ



เข้ามาด้านใน ปุ๊บ ก็จะเจอ Lobby ที่มีฉากสวยงาม อย่างนี้เลยฮะ


เดากันไม่ผิด ที่นี่ตกแต่งให้เหมือนเป็นโรงละคร นั่นเอง ครับ มีม่าน มีฉากสวยๆ พรอพต่างๆ ฟรุ้งฟริ้ง มุ้งมิ้ง ไม่เบาเลยทีเดียว



มองเข้าไปด้านใน เป็นส่วนของ Behind The Scene Bar แขกที่มาพักจะได้รับ Welcome Drink ก็มารับได้ตรงนี้


หรือ ค่ำๆกลางคืน จะมานั่งดื่ม นั่งชิล ลูกค้าภายนอกก็มาใช้บริการกันเยอะเลยฮะ

เดี๋ยวตี๋ใหญ่ขอเอากระเป๋าไปเก็บ บนห้อง ก่อนเดี๋ยวพามาชม บาร์ อีกที



เก้าอี้นั่งอีกส่วน บริเวณ Lobby สวยงาม หรูหรา ในราคาที่ เพื่อนๆ จะต้องอ้าปากค้าง เดี๋ยวตี๋ใหญ่ จะเฉลย ราคาให้ฟัง ท้ายรีวิว นะครับ



ความน่ารัก ของห้องพักที่นี่ มีอย่างนี้ครับ โรงแรมมี 5ชั้น แต่ละชั้นจะแบ่งเป็น Theme และตกแต่งห้องพัก ตามวรรณกรรมที่มีชื่อเสียงของหลายเชื้อชาติ (ตอนฟังทีแรกก็...อั้ยยะ มีตงมีตีม อัลไลดัวย) ซึ่งแบ่งเป็นชั้นๆ ตามนี้เลยฮะ


ชั้น 2 Romeo & Juliet

ชั้น 3 Marry Poppins

ชั้น 4 Aladdin อะลาดินกับตะเกียงวิเศษ อะไรอย่างนั้น

ชั้น 5 4Reign หรือ 4แผ่นดิน นั่นเอง ครับ



ซึ่งตรงนี้ ลูกค้าสามารถ เลือกได้ตามใจ ว่าอยากจะพักห้อง ธีม ไหน แจ้งน้องพนักงานได้เลยครับ ก็แล้วแต่ห้องว่างไม่ว่างด้วยนะ อย่างที่วันที่ตี๋ใหญ่ไปทำรีวิว ห้องพักเต็มหมดเลยครับ เหลือแค่ 2 ห้อง คือ Romeo&Juliet และ Marry Poppins เลยถ่ายภาพมาให้ชมได้แค่ 2 ห้องเอง เศร้าแพร๊พ ... หากเพื่อนๆ อยากดูหน้าตาห้องอื่นๆ เข้าไปดูที่ Gallery ของเว็บโรงแรมได้เลย ครับ



เอาล่ะ พร้อมแล้ว น้องพนักงาน หิ้วกระเป๋ารอจนเมื่อยแย่ ขึ้นไปชมห้องพักกันเลยครับ



ทางเดินก็ยังมุ้งมิ้ง ไม่เบา



มีลิฟต์ให้บริการครับ ขนาดภายในลิฟต์ยังแต่งผนังด้วย หนังเกล็ดๆ ดูหรูหรา เลยทีเดียว



ห้องนี้เราไม่ได้พักฮะ แต่ขึ้นมาถ่ายรูปกันก่อน เป็น Theme Marry Poppins ตี๋ใหญ่เองก็จำเรื่องราวเต็มๆไม่ได้


อ่านตั้งแต่ยังเด็ก คุ้นๆเป็นเหมือน เรื่องราวของนางฟ้าใจดีที่ปลอมตัวลงมาช่วยเป็นพี่เลี้ยงเด็ก ด้วยเวทมนต์ต่างๆ

สร้างความสุขให้กับเด็กๆ น่าจะประมาณนี้ ครับ



ส่วนตัวห้องพัก ขนาดกลางๆ พื้นที่ 17 ตร.ม. ตกแต่งได้ดูกว้างขวาง สบายตาฮะ

มีเตียงทั้งแบบ Queen Size และ King Size Bed ราคาต่างกันนิดเดียวเท่านั้น นอกจากนี้ก็จะมี LCD TV โซฟาสำหรับพักผ่อน ครับ



บนเตียง มีหมอน Front pillow และ Back pillow การันตี เรื่องความนุ่มหลับสบาย


เพราะทางโรงแรม เลือก และ สั่งผลิตเอง ทั้งหมอน และ เตียง เลยทีเดียวฮะ



มีน้ำดื่มในห้องให้ฟรีวันละ 2 ขวด โทรศัพท์สวยๆที่ดูเข้าธีมห้องพัก กล่องกระดาษทิชชู่



อีกด้านเป็นส่วนของห้องน้ำครับ กระจกในห้องน้ำตกแต่งให้เข้ากับธีม เช่นกัน


มี Rain Shower ให้ด้วยนะ ชักโครก สายฉีดชำระ พร้อมครับ



ในส่วนของผนังเป็นกระจกใส หากใครไปพักหลายคนกลัวจะ อู้หู อ้าหา เขินเพื่อนร่วมห้อง ก็ดึงม่านปิดได้นะ ค่อนข้างมิดชิดพอสมควร ครับ



ภาพถ่ายห้องพักในธีม Marry Poppins ก็หมดเพียงเท่านี้ และเดี๋ยวตี๋ใหญ่จะพาไปดูห้องพัก Romeo&Juliet กันต่อเลย



ระหว่างทางเดินหน้าห้องก็จะมีมุมนั่งพักด้วยละฮะ ตกแต่งสวยงามตาม คอนเซป โรงแรม เช่นกัน



เข้ามาดูห้องพักใน ธีม Romeo&Juliet ที่เราจะพักกันคืนนี้ กันต่อเลยครับ


ตกแต่งได้สวยงาม อลังการ ไม่แพ้ธีมอื่นๆ เฟอร์นิเจอร์จะมีคล้ายๆกันหมด เปลี่ยนไปตาม ธีม ที่ตกแต่งเท่านั้น



เตียงขนาด Queen Size นอน2คนกับ น้องหมวยเล็ก ถือว่าใหญ่พอสมควร ที่สำคัญ เตียงนุ่มจริงๆ ครับ



หัวเตียงตกแต่งด้วย ของที่ดูคล้ายๆ เครื่องทองเหลืองโบราณๆ อะไรอย่างนั้น เข้ากับ ธีมดีครับ



แท่นสูงๆ น่าจะเป็นเชิงเทียน


สวยดีๆ แต่ไม่ยักกะมีเทียนมาให้ อิอิ



มีขวดน้ำหอม อโรม่า และ โทรศัพท์ที่ดูโบราณๆ เกร๋ๆ ตั้งอยู่ ซึ่งน้ำหอม ในแต่ละ ธีม 4 ธีม กลิ่นก็จะไม่ซ้ำกันเลยนะฮะ



แหม่อยากจะแฮ๊บ กลับไปใช้ที่บ้านจุงเบยยย



เชิงเทียน แต่ไม่มีเทียนมาให้จุด เอาขวดน้ำหอมมาตั้งไว้แทนดีกว่า



อ้อ ตรงนี้ลืมบอกไป ครับ หลังจาก Check-in แล้ว


เราจะได้ Key Box มา1กล่อง หน้าตา คล้ายๆหนังสือเล่มหนาๆ แต่จริงๆแล้วเป็นกล่อง

ที่ภายใน บรรจุ กุญแจห้อง สมุดโปสการ์ดที่ระลึก และ บัตรรับ Welcome Drink ฟรี



ซ้ายมือ เป็นบัตรรับWelcome Drink ฟรี ซึ่ง เครื่องดื่มที่ได้รับ ก็จะเป็น cocktail ชนิดที่เข้ากับ ธีม ที่เราพักกันด้วยละฮะ


หากรับ Welcome Drink แล้วจะเอามานอนจิบ ดื่มด่ำกับบรรยากาศในห้องพัก ตรงนี้ก็น่าจะ ฟิน เพิ่มขึ้นอีกเบาๆ



ด้านขวามือคือสมุดโปสการ์ดครับ เปิดออกมาดูได้แบบข้างล่างเลย



มีภาพใน ธีม ต่างๆ และสามารถฉีกตามรอยปรุ ใช้เป็น โปสการ์ด ได้ด้วยนะเออ... จะเกร๋ไกร๋ ไปถึงไหน โรงแรมนี้



เล่มนี้เอากลับบ้านเป็นที่ระลึกได้ ครับ แต่ตัวBox และกุญแจ ห้าม แฮ๊บ กลับบ้านกันนะ เออ



เก้าอี้สีแดง บุด้วยกำมะหยี่ ตัวนี้ ดูหรูหรา และนุ่ม นั่งสบายมากๆเลยฮะ นั่งเอนหลังดู ทีวี สบายๆเลย



Wall Paper เหมือนเป็นภาพในงานเลี้ยงเต้นรำ สวยงามดีครับ



อย่างที่บอกว่า เตียง และ หมอน สั่งทำพิเศษ มี tag ของโรงแรมเองเลยละฮะ



ซ้ายมือ จะเห็นส่วนของห้องน้ำ ผนังเป็นกระจกใสมองเห็นจากเตียงฮะ



เปิดประตูเข้าไป กระจกที่อ่างล้างหน้า ฝักบัว และ Rain Shower ของ ธีม นี้เป็นทองเหลือง เช่นกัน



ชักโครกนั่งสบายๆ



ใช้ สบู่เหลว และ แชมพูของ ELLE ซะด้วยฮะ กลิ่นหอมดี เลย



อาบน้ำกัน สดชื่นแล้ว เดี๋ยวตี๋ใหญ่ พาเพื่อนๆ ลงไป นั่งดื่มนั่งหาอะไรทานชิลๆ กันที่บาร์ ชั้นล่าง กันเลยดีกว่า ครับ



ลงมาถึงที่ Behind The Scene Bar ที่มาของชื่อนี้ แปลตรงตัวเลยครับ ก็คือ ด้านหลังฉากของโรงละคร


โรงแรมนี้จึง เนรมิต ให้ บาร์แห่งนี้ ตกแต่งเป็นห้องแต่งตัวของนักแสดงด้านหลังโรงละคร นั่นเอง ครับ



บาร์ที่นี่ ตี๋ใหญ่ว่า จะไม่เหมือนกับบาร์ที่อื่นครับ ไม่มีเสียงเพลง ดังๆ ตื๊ด ตื๊ด ตื๊ด ตื๊ด ให้แก้วหูเต้นระบำ


จะออกแนวเพลงชิลๆ นั่งคุย นั่งเฮฮา พักผ่อนกันเสียมากกว่า บางวันจะมีดนตรีสดเพราะๆ มานั่งเล่นกัน

หรือ ฟุตบอล ก็มีถ่ายทอดกันให้ดูอยู่ตลอด ด้วยทีวีจอใหญ่ ภายในบาร์ ครับ



ที่นั่งก็มีทั้งเป็นแถวหน้าบาร์ และ ที่นั่งที่ค่อนข้างเป็นส่วนตัว มีม่านปิด เหมือนเก้าอี้ในโรงละคร อะไรอย่างนั้น



ต้องแนะนำไว้ก่อนเลยว่า General Manager ของที่โรงแรม นอกจากจะเป็นผู้จัดการโรงแรมแล้ว


ยังเป็นหัวหน้าคุมบาร์เอง ด้วยประสบการณ์ การเป็น บาร์เทนเดอร์ ที่ ประเทศอังกฤษ มานับสิบปี

เครื่องดื่มหลายๆชนิด จึงเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่คิดค้นขึ้นในบาร์แห่งนี้

และยังมีเสริมด้วยว่า เหล้าพิเศษบางตัวที่รสชาติดี ก็ได้ตั้งใจนำเข้ามา และมีเพียงขวดเดียว บนถนนทองหล่อ เส้นนี้ด้วย ...อุ๊ต้ะ...



เอาล่ะๆ ตี๋ใหญ่ ก็เริ่มหิวแล้วฮะ ออกตัวไว้ก่อน ปกติไม่ทานเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์เลย แต่ถ้าพวก คอกเทล อร่อยๆ นี่ก็พอได้นะ



เริ่มจากเมนูเครื่องดื่ม กันก่อนเลยฮะ





มาดูกันที่ Signature cocktail ของที่ี่นี่กัน ครับ ราคาอยู่ที่ 220-240 ก็ไม่แพงเท่าไหร่นะ


บางช่วงเห็นมี 1 free 1 ด้วย อันนี้ ต้องลองติดตามกัน ครับ



Classic cocktail ต่างๆ



เบียร์ และ เหล้า ต่างๆ ก็มีให้บริการ



แชมเปญ ต่างๆ อะไร ดอมๆ ยงๆ ตี๋ใหญ่ก็ไม่รู้จักฮะ



ถ้าหากไม่ใช่คอ แอลกอฮอล์ ทางนี้ก็มี Smoothie อร่อยๆ ให้บริการครับ



อ้อ ที่สำคัญ ช่วงนี้ มี โปรโมชั่น 1 Free 1 ด้วยฮะ ซื้อ สมูทตี้ 1 แก้ว ฟรี อีก 1 แก้ว

โถๆๆๆ... ตกแก้วละ 30-40 บาท หาซื้อใน บาร์ ได้ที่ ไน๊?????



เมนูอาหารทานเล่น กับแกล้ม ก็มีให้เช่นกัน ครับ ส่วนใหญ่ เป็นเมนูทานง่ายๆ เบาๆ แก้เมาได้ดี


แต่บางอย่างก็เอาอิ่มได้เช่นกันฮะ จะมีอะไรบ้าง ตามมาลองกันเลย



ส้อมพร้อม มีด พร้อมมมมมม ...



เดี๋ยวนะ เค้าให้มา Bar มารีวิว เครื่องดื่ม ไม่ใช่เรอะ ! ? ... =____=



ระหว่างรอ เครื่องดื่ม และ อาหารที่สั่งไป ก็สอดส่องดู รอบๆ บาร์ ฮะ



แก้วแรกที่ยกมา สำหรับคอแข็งๆ อย่างเรา นี่เลย



มะพร้าวปั่น ฮะ ... 555+

อร่อยนะ ปั่นมาหอมมาก ความหอมความมัน นี่อย่างกับดื่มน้ำกะทิ เลยฮะ แต่หวาน และเป็นสมูทตี้ที่รสชาติดี สดชื่นทีเดียว



อีกแก้วทียกมา กีวี่ สมูทตี้ แก้วนี้สาวๆชอบอะไรเปรี้ยวๆน่าจะชอบนะ


กีวี่เองเปรี้ยวอยู่แล้ว ปั่นและเติมความหวานมาได้พอดี ลงตัวเลยละฮะ



เดี๋ยวจะเมาสมูทตี้ กันก่อน ขอตัดกำลังด้วย เม็ดมะม่วงหิมพานคั่วพริก ครับ


คือ ถั่วเนี่ยเป็นกับแกล้มที่สุดยอด อยู่แล้ว ยิ่งทางบาร์ เอาไปคั่วกับพริก ทำให้ตอนทานรู้สึกถึงน้ำมันของพริก

เพิ่มความเผ็ดนิดๆ ยิ่งอร่อยขึ้นไปอีกนะ



ถ้วยนี้ใหญ่ๆอยู่นะ 60 บาท ( เยอะกว่าที่ซื้อห่อเล็กๆ 2 ห่อ อีกฮะ )



อีกจานเป็น อาหารทานเล่น ยอดนิยม อยู่แล้ว กับ เฟรนช์ฟราย ทอด ฮะ


มีซอสให้จิ้ม เป็นซอสมะเขือเทศ และ ซาวร์ครีม เฟรนช์ฟราย เส้นหนาๆหน่อย ทอดมาร้อนๆกรอบๆ อร่อยดีครับ



เริ่มเข้าสู่ ช่วงชิม คอกเทล ฮะ แก้วแรก



Obstructed Love เป็นคอกเทล ในธีมของ Romeo& Juliet นั่นเอง รสหวานๆเปรี้ยวๆ ขมนิดๆ



แก้วต่อมา Theme Marry Poppins


Flying Umbrella มีรสหอมหวานของวนิลาไซรัป ตัดกับรสของ ว้อดก้า ใช้ได้เลยละฮะ



แก้วนี้ Four Reign หรือ 4แผ่นดิน นั่นเอง


แก้วนี้ออกรสจัดแบบไทยๆ เพราะมีส่วนผสมของ แม่โขง บรั่นดี และเหล้าอื่นๆอีกฮะ



ต่อด้วย Vanilla Paradise แก้วนี้สาวๆหลายคนน่าจะชอบ เพราะมีรสหอมหวานวนิลา


ตัดกับรสเปรี้ยวของเสาวรส และเติม ว้อดก้าอีกเล็กน้อย อร่อยนุ่ม เลยละฮะ



Smoked Salmon Roll จานนี้อร่อย เลยละฮะ


เนื้อปลาแซลมอนรมควัน คุณภาพเยี่ยม ทานคู่กับผลไม้รสเปรี้ยวหวานอย่าง องุ่น และ แอปเปิ้ลเขียว



หลังทานเข้าไปทั้งคำ เอาเลมอน ที่อยู่ล่างสุด กัดติดปลายลิ้นเพิ่มรสชาติ หอมเลมอนละมุนเพิ่มไปอีกขั้น



ฟินน ฮะ



ส่วนจานต่อมาเรียกว่าเอาอิ่ม พอได้เลย กับ Pama ham Cheddar



ใช้ขนมปัง Baguette วางด้วย พาร์มาแฮม มะเขือเทศสด และ เชดด้าชีส ก่อนนำไปอบจนเกรียมเล็กน้อย



ได้มาเป็น พาร์มาแฮมราดชีส น่ากินชิ้นนี้ นี่เองงงงงง



ขอบอกว่า ทานตอนร้อนๆ นี่ อร่อยมากๆเลยละฮะ



โฉมหน้าเหล่า ทีมงาน บาร์เทนเดอร์ ครับ ที่ต้องบอกว่าไม่ใช่เก่งแค่ชงเครื่องดื่ม


ยังอัธยาศัยดี พูดคุย และ entertain ลูกค้าได้เป็นอย่างดีครับ



มาดูเครื่องดื่มกันต่อ ที่ Traffic Light สีสันสดใส สวยงาม


มีเครื่องดื่มอยู่ 3 ชั้น ประกอบด้วย Passion fruit ไซรัป ว้อดก้า และเหล้าตัวอื่นอีกครับ

แนะนำการดื่มคือต้อง กระดกอึกเดียวหมด แล้วอมไว้ในปาก ให้เครื่องดื่มค่อยๆผสมกัน จากนั้นค่อยๆกลืน

จะได้รสที่กลมกล่อม จากเครื่องดื่มทั้ง3ชนิด ฮะ... แก้วนี้ขอบอกว่า เด็ด สมกับหน้าตา



ต่อด้วย Blue Summer ฮะ แก้วนี้ ได้สีฟ้า จากบลู คูรัสโซ่ ได้รสเปรี้ยวหวานจากน้ำสับปะรด


เติมเหล้านิดหน่อย สดชื่น อร่อยกำลังดีครับ



ใกล้ๆ จะเมาได้ที่ ขอกลับมาจิบ สมูทตี้ ดีกว่า ฮะ แก้วนี้ Lemon smoothie เปรี้ยวๆหวานๆ แก้ตึงๆได้ดี อิอิ



ยังไม่อิ่ม อาหารก็ยังยกลงมากันต่อ ครับ


จานนี้ ชีสทอดกับซอสราสเบอร์รี่



ชีสเสิร์ฟ มาตอนร้อนๆ เลยฮะ พอชีสร้อน น้องก็จะยืดได้แบบ นี้



เรา อยากพิสูจน์ ให้เพื่อนๆเห็นว่า ร้านใช้ชีสของแท้ จึงยืดไปอีก ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ . . .



. . . ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ จนท้องหมวยเล็กทนไม่ไหว เขกกระโหลกตี๋ใหญ่ บอกว่า พอได้แล้ว!!



ก่อนทานก็เอาไปจุ้ม กับ ซอสราสเบอร์รี่เล็กน้อย ฮะ



อร่อยดีเลยทีเดียว ชีสผิวนอกกรอบเนื้อในนุ่ม หอมๆมันๆเค็มๆ ผสมกับซอสหวานๆเปรี้ยวๆ เคี้ยวหนุบ โอ่ยยยย เมนูนี้ ยอมเลยครับ



หันไปมองที่บาร์ น้องๆบาร์เทนเดอร์ก็ยังไม่หยุดมือ


ยังชงเครื่องดื่มกันมาเรื่อยๆ พี่คนชิมนี่เริ่มจะไม่ไหวแล้วคร้าบ



เสิร์ฟเครื่องดื่มถูกใจมาอีกหนึ่งแก้วครับ นั่นก็คือ Blueberry Smoothie


คือน้องๆ คงเห็นว่าถ้ามอมเหล้า พวกเรากันต่อ วันนี้คงไม่มีรีวิวมาลงแล้วละฮะ 555+



บลูเบอร์รี่ เปรี้ยวๆหวานๆหอมๆ รสชาติเป็นเอกลักษณ์ของบลูเบอร์รี่ สดชื่น อร่อยลงตัว ครับ



แก้วนี้แก้วสุดท้ายจริงๆ ละฮะ ไปยืนดูน้องๆชงกันเลย



ตั้งใจเท แบบพิถีพิถันมาก เทแรงก็ไม่ได้



มาเสิร์ฟแล้ว อีกหนึ่ง Signature Cocktail ของบาร์



Play Haus Martini ครับ น่าทานไหมเอ่ย



แก้วนี้รับรองสาวๆต้องชอบ ฮะ เพราะแอลกอฮอล์น้อยมาก


สีแดงจากน้ำแครนเบอร์รี่ ออกรสเปรี้ยวหวาน ไม่ค่อยมีรสเหล้า อร่อยมากๆ ตี๋ใหญ่เองก็ชอบครับ



อิ่มของคาว และ เครื่องดื่ม แล้ว ของหวานก็ยกมาเสิร์ฟ ฮะ



เป็น แพนเค้ก สอดไส้แยม และ ครีม ราดด้วย คาราเมล และ เมเปิ้ลไซรัป


เนื้อแพนเค้กนุ่มและหอมมากๆ ทานคู่กับผลไม้สดและซอส อร่อยลงตัว ไม่น่าเชื่อว่าจะมีเมนูขนมอร่อยๆ ในบาร์เครื่องดื่ม ได้ฮะ



ก่อนเดินออกจาก บาร์ ถามน้องๆ ที่นี่มีอะไรดี อะไรเด็ด ยกมาโชว์หน่อย


น้องก็บอกมี ดอมๆยงๆ อะไรเนี่ยละฮะ ตี๋ใหญ่ก็ไม่รู้จักหรอก แฮ่ๆ แต่เก็บรูปมาฝากเพื่อนๆเอา



หลังเต็มอิ่มกับ อาหาร และเครื่องดื่ม จาก Behind the scene bar เราก็ออกไปเดินเล่น ยืดเส้นยืดสายเสียหน่อย



ที่นั่งด้านหน้าโรงแรม จุดนี้จัดไว้ให้สูบบุหรี่ ได้ ครับ



เดินออกมาหน้าซอยโรงแรม เป็นร้านตัดผมชื่อดัง CHALACHOL



หรือสังเกตง่ายๆ ป้าย โรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อนี่ละฮะ



เดินเล่นบนถนนทองหล่อ ได้เรื่อยๆเลย ถนนเส้นนี้คึกคักเอามากๆ ร้านอาหาร บาร์เต็มไปหมด


นักท่องเที่ยวก็ค่อนข้างพลุกพล่านเลยทีเดียวฮะ



ที่จอดรถหน้าโรงแรมมีพอสมควร ครับ



ได้เวลาพักผ่อน ขออนุญาตกลับเข้าห้องพักกันเลย ต้องบอกว่า 1 คืน ที่ได้พักที่นี่ สะดวกสบายมากฮะ


รุ่งเช้าเราก็ Check out กันเลย ที่นี่ไม่มีมื้อเช้าบริการ แต่สามารถสั่งเพิ่ม Breakfast จากบาร์ได้ หรือง่ายๆก็ เซเว่น ใกล้ๆเลยครับ



สรุปรีวิว โรงแรม PLAYHAUS และ Behind The Scene Bar



ขออนุญาตเฉลย ราคาก่อนฮะ จองตรงกับที่โรงแรม ราคาห้อง Queen Size Bed ราคา 1600/คืน King Size Bed 1750/คืน เท่านั้นครับ เปิดไปดูใน Agoda เริ่มต้นที่ 12XX เท่านั้นเอง จะถูกไปมั้ยเนี่ยยยยย กับห้องพักสวยๆ โรงแรมสวยๆ บนถนนที่ทุกอย่างดูจะแสนแพงแบบทองหล่อ



ตี๋ใหญ่ขอสรุปในส่วนของห้องพัก ก่อนนะฮะ

ตัวห้องพัก ค่อนข้างใหม่ และ สะอาด เพราะพึ่งเปิดให้บริการมาได้แค่ 2 เดือนเท่านั้น การตกแต่งทั้งหลาย ตี๋ใหญ่ดูว่าเกินราคาห้องด้วยซ้ำ ห้องไม่ใหญ่มาก ไม่มีตู้เย็นและมินิบาร์ แต่เฟอร์นิเจอร์อื่นๆก็ครบถ้วนดี พนักงาน แม่บ้าน ดูแลทั่วถึง งานบริการไม่เจอปัญหาอะไรครับ



ในส่วนของบาร์

ตี๋ใหญ่ไม่ใช่นักดื่มนะ แต่ก็รู้สึกว่าราคาอาหาร และเครื่องดื่มไม่แพงเลย เมื่อเทียบกับทำเล และสถานที่แบบนี้ อาหารรวมๆทำได้ดีฮะ เครื่องดื่มก็รสชาติดี ถ้าเน้นดื่มเบาๆ คอกเทลอร่อยๆ นั่งชิลฟังเพลง ปาร์ตี้สังสรรค์ ตรงนี้ตี๋ใหญ่ว่าเหมาะเลยละฮะ



ปล1. หากใครอยากดูโปรโมชั่น หรือข้อมูล อื่นๆเพิ่มเติมไปที่เว็บร้านได้เลยฮะ https://www.facebook.com/playhausthonglor



ปล.2 รักคนอ่านรีวิว ทุกคนนนนนน จุ๊บๆ






มีข้อแนะนำติชมเพิ่มเติม หรือ พูดคุยกับ ตี๋ใหญ่ และ น้องหมวยเล็ก ได้ ที่นี่เลยคร้าบ
https://www.facebook.com/teeyaimuayleg

ตี๋ใหญ่ & หมวยเล็ก

 วันพุธที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2558 เวลา 17.14 น.

ความคิดเห็น