สวัสดีครับเพื่อนๆ
ปกติผมจะอ่านแต่รีวิว ไม่ก็เขียน รีวิวสั้นๆ เวลาไปเที่ยว ซึ่งจะรีวิวในเฟสบุคส่วนตัว
หลังๆมานี่ก็เลยทำเป็นเพจท่องเที่ยวไว้เล่าประสบการณ์การท่องเที่ยวและถ่ายรูป
ใครชอบท่องเที่ยวติดตามกันได้นะครับ

> อยากเที่ยวตามมา <

https://www.facebook.com/yaktieowtamma/



แต่หลังจากที่ไปเที่ยวผาหินกูบมานี่ ทำให้ผมอดใจไม่ไหวที่จะต้องมาเขียนรีวิว
แม้จะหาข้อมูลมาบ้างว่าจะต้องนอนยังไง กินอยู่ยังไงข้างบน แต่ก็ไม่วายถูกหลอก
ผมถูกผาหินกูบหลอก ถูกลูกหาบหลอก ถูกป้ายของที่นี่หลอกตลอดทาง
มันแค้นครับมันแค้น .. เลยต้องมาเขียนกระทู้เผื่อมีคนตามรอยได้ไม่ถูกหลอกแบบผม
เดี๋ยวมาดูกันว่าผมถูกหลอกอะไรบ้าง ... อิอิ



ทริปเรามีสมาชิก 7 คน ขับรถกันมาเอง 3 คัน เราออกเดินทางจาก กทม. ตั้งแต่ตี 4
มาถึงเมืองจันทบุรี ประมาณ 8 โมงกว่าๆ แวะกินข้าวในตัวเมืองกันก่อน แล้วขับต่อไปยัง
หน่วยพิทักษ์ป่าทุ่งเพล โดยขับไปทางถนนที่ไปตราด พอถึงสามแยกเลี้ยวซ้ายไปสระแก้ว
ขับต่อไปอีก 20 กว่ากิโลก็จะเจอทางเข้าไปยังหน่วยพิทักษ์ป่าทุ่งเพล จุดที่เราจะเริ่มเดินกัน



เนื่องจากเป็นกระทู้ที่ไม่ได้ตั้งใจจะมาเขียนรีวิวตั้งแต่แรก เลยไม่มีการถ่ายรูปมากนัก
ทำให้รูปที่เริ่มถ่ายจึงมาเริ่มต้นที่จุดนี้ ...



แหม ดูมันเขียนมาได้ “ จุดชมวิวผาหินกูบ “ ได้เห็นแล้วคิดว่าไงครับ ..
โอ้โห ชิลๆ สบายๆแน่นอน เคยไปมาหลายที่แล้วพวกจุดชมวิวปกติจะเดินสบาย
แต่.. ๆ ๆ ๆ มาดูกัน



เดินต่อเข้ามาประมาณ 5 นาทีก็มาเจอเจ้าป้ายนี้


โอ๊ย สบายๆ 1.4 กิโล ไปน้ำตก แปปเดียวคงถึง เดินเรื่อยเปื่อย ถ่ายรูปเล่นไป
ในป่านี้เนื่องจากเป็นหน้าฝน เห็ดขึ้นเพียบเลย หลากหลายชนิด เดินแชะไปเพลินๆ
ผ่านป่าระกำมา ตรงนี้ต้องระวังเป็นพิเศษเพราะหนามทั้งนั้น เดินไม่ระวังโดนทิ่มแน่ๆ
ระกำกำลังออกลูกเยอะเลย แต่ขอบอกเลย ส่วนใหญ่จะเปรี้ยวสุดๆ ผมลองไป 3 ต้น
เปรี้ยวทุกต้น ><"


เดินมาประมาณ 1 ชั่วโมงกว่าๆ ก็ถึงน้ำตก โอเคร ยังสบายๆอยู่ แต่ก็เหงื่อท่วมตัว
เพราะทางที่ผ่านมาเป็นป่าค่อนข้างอับ แต่ยังดีที่ทางช่วงแรกๆนี้ยังไม่ชันมากเดินสบายๆ
พอมาถึงน้ำตกแวะพักกันสักแปป นั่งถ่ายรูป นั่งดูผีเสื้อ ที่บินกันให้วุ่นวายมากมาย
ลืมบอกไปข้างบนไม่มีน้ำดื่ม และ น้ำที่เตรียมมาเองก็คงไม่พอ จุดน้ำตกตรงนี้
เลยเป็นจุดเติมน้ำไปในตัว น้ำที่เห็นนั่นแหละครับ กรอกไปครับ กินไปครับ อย่าอาย
ทีแรกก็กล้าๆกลัวๆ แต่กลัวอดตายมากกว่า เลยลองกินดู อร่อยแฮะ อร่อยกว่าน้ำซื้ออีก


พอหายเหนื่อยก็เริ่มเดินต่อ ไปยังจุดที่สอง.. ป้ายบอกทาง 1.3 กิโล (อีกแล้ว)


ทางเดินต่อจากนี้ไปเริ่มชันขึ้นเรื่อยๆ แต่ไม่ทึบเหมือนตอนช่วงแรก ๆ แต่ทางเริ่มชัน
ทำให้เดินไปเรื่อย จะเมื่อยขามากกว่าเพราะต้องใช้กล้ามเนื้อในการเดินขึ้นเยอะ
ผมก็ยังคงถ่ายรูปเล่นต่อไปเรื่อย ๆ เพราะมีต้นไม้ใหญ่ ใบไม้แปลกๆให้ถ่ายเพียบ


ใช้เวลาเดินมาประมาณชั่วโมงกว่าๆ ก็ถึงจุดพักตรงหินแปดเหลี่ยม
จุดนี้เป็นจุดพักอีกจุดหนึ่ง ซึ่งพวกเราพักกินข้าวที่เตรียมมา และเติมน้ำอีกด้วย
น้ำตรงนี้ไม่ใช่ลำธาร แต่เป็นน้ำที่ไหลลงมาจากด้านบน เป็นแอ่งเล็กๆ
ตอนกรอกมานี่สีเหลืองจนน่ากลัว แต่ไม่มีทางเลือกครับ หิวน้ำมากๆ
ก็กินไปสิ รสชาดก็เหมือนน้ำตกข้างล่างเมื่อกี๊ ไม่มีกลิ่นไม่มีสีอร่อยสดชื่น


พอหายเหนื่อยเรารีบเดินต่อ ไปยังจุดหินแหลม และปากถ้ำ
จากจุดนี้ไปหินแหลม ระยะทาง 1.4 กิโล เท่าๆกับที่เดินมาทั้งสองจุด
ทำให้เริ่มสงสัยว่าเรากำลังถูกหลอกกัน หลอกให้ตายใจว่าไม่ไกล
แต่มีจุดพักหลายจุด ... นั่นไง โดนหลอกเต็มๆ เลย >___<
แต่มาถึงขนาดนี้แล้ว เดินต่อสิครับจะไปกลัวอะไร ใส่เต็มร้อย
แต่ยิ่งสูง ทางยิ่งชัน ชัน ชัน และ ชันมาก ก ก ก ก ก ก ก ก ก


จากจุดนี้ใช้เวลาเดินค่อนข้างนาน ประมาณ 2 ชั่วโมงกว่าๆได้เลย
เพราะขาเริ่มล้า ทางก็ชันมากๆ เดินไปนิดนึงก็พัก เดินไปนิดนึงก็พัก
แต่ข้างบนก็มีเห็ดให้ถ่ายเรื่อยๆ (ยังจะมีอารมณ์ถ่ายรูปเนอะ 5555 )


เดินผ่านมาถึงป่าไผ่ ทางเดินค่อนข้างลำบากเพราะฝนเพิ่งตกเมื่อคืนดินเลยเละ
ก่อนออกมาจากจุดนี้ คนนำทางบอกเราว่าผ่านหินแหลมไปจะไปเจอถ้ำ
ถ้าเจอถ้ำก็แสดงว่าใกล้ถึงแล้ววว เรามีความหวังกันทันทีพยายามฮึดสู้
พอเดินขึ้นไปเจอหินก้อนใหญ่ๆ ก็ได้แต่คิดว่ามันเป็นถ้ำ แต่มันก็ไม่ใช่ 5555+


จนกระทั่ง...เราก็เดินมาถึงปากถ้ำของจริง ระหว่างนี้ก็เจอเพื่อนร่วมทางที่หยุดพักกันเพียบ


ซึ่งพอมาถึงปากถ้ำทุกคนก็มีแรงทันที ต่างคนต่างรีบมุดถ้ำแล้วไปต่อ
เดินต่อไปอีกประมาณ 200 เมตร ก็จะถึงจุดที่จะเป็นจุดหมายของเรา
.
.
และแล้ววววววว พวกเราก็มาถึงจนได้ .... เล่นเอาขาล้าไปตามๆกัน


ผมกับแฟนใช้เวลาเดินทั้งหมด 5 ชั่วโมง เป๊ะๆ มาถึงก่อนเพื่อนอีก 5 คน
พอมาถึงข้างบนสิ่งแรกที่ทุกคนทำก็คือ .... นอนพักสิครับ เหนื่อยโคตรๆ
จุดชมวิวบ้าบออะไรเดินเหนื่อยขนาดนี้ คุณหลอกดาววววว T____________T
แต่พอเห็นวิวข้างบนนี้ ความเหนื่อยก็ค่อยๆจางหาย กลายเป็นความประทับใจเข้ามาแทนที่


พวกเรารีบจัดแจงหาที่พักกันตามอัธยาศัย เนื่องจากด้านบนเป็นพื้นที่ไม่เรียบ
และพื้นที่จำกัดมากๆทำให้ไม่สามารถกางเต็นท์ได้ ส่วนใหญ่จะปูผ้าใบนอนกันริมหินเนี่ยแหละ
ซึ่งกลุ่มเรา 7 คนโชคดีมากได้ที่นอนเป็นถ้ำเล็กๆ หลบฝนได้นอนได้ 7 คน
แต่เพดานเตี้ยไปนิดต้องระวังหัวโขก เราเอาของมากองรวมกันไว้และนั่งพัก



ตกค่ำเราก็จัดแจงทำอาหารที่เตรียมมา (เนื่องจากมืดมากเลยไม่มีรูป 5555)
ทั้งมาม่า ปลากระป๋อง อะไรก็ตาม ซัดให้เรียบเพราะตอนลงจะได้แบกเบาๆ
ข้างบนนี่ต้องมีเจ้าหน้าที่มาด้วยเพราะเค้าจะต่อท่อน้ำให้ใช้สำหรับทุกคน
สำหรับดื่มและทำอาหาร ล้างหน้า แปรงฟัน ครบครันในท่อเดียว 5555555555


กินข้าวเสร็จผมก็ไปนั่งถ่ายรูปและนั่งดูดาวกับแฟน เป็นอะไรที่ฟินสุดๆจริงๆ
คืนนี้ดาวค่อนข้างสวยและวิวตอนกลางคืนจะมองเห็นเมืองและภูเขาสลับกัน

ค่ำนั้นเราดูดาวเสร็จก็กลับมานอนเพราะเพลียมากๆ เดี๋ยวต้องตื่นแต่เช้าอีก


ตั้งใจจะมาถ่ายทางช้างเผือกตอนตี 4 แต่ก็ต้องแห้วเพราะฟ้ามีหมอกเยอะมาก



ประมาณ 6 โมง เจ้าหน้าที่ก็มาเรียกนักท่องเที่ยว เพื่อจะพาไปปีนผาหมี
ซึ่งเจ้าผาหมีนี่เป็นจุดที่เห็นวิวได้ชัดแจ๋วแบบไม่มีอะไรบังเลยแหละครับ
แต่ก็แลกมาด้วยการต้องปีนป่าย พอสมควร แนะนำควรให้เจ้าหน้าที่พาไปครับ
เพราะค่อนข้างอันตราย และ ลำบากในการปีนป่ายมากๆ


ทะเลหมอก สวยจริงๆ


ลงจากผาหมี พวกเราก็มานั่งต้มกาแฟกินกัน อิอิ


ก่อนที่จะไปถ่ายรูปด้านบน ซึ่งไฮไลต์อยู่ที่ด้านบนครับ เป็นก้อนหินใหญ่ เรียกว่า กูบ หมายถึง หลังช้าง
ด้านบนนี่จะมีลักษณะเหมือน เขาช้างเผือกเลยครับ แต่มันจะเป็นหินแทน
เราปีนขึ้นไปถ่ายรูปกันตรงนี้ค่อนข้างนานเลยทีเดียว เพราะต้องระวังมากๆ
มีเจ้าหน้าที่คอยแนะนำในการปีนให้ด้วยจะได้ปลอดภัยต่อสุขภาพครับ อิอิ


ข้างบนนี่นอกจากจะมีลักษณะคล้าย เขาช้างเผือกแล้ว ยังมีหินแปลกๆ
รูปร่างคล้ายๆ หินเรือใบที่โมโกจู อีกต่างหาก แถมวิวข้างล่างที่มองจากบนนี้
มองไปก็คล้ายๆ ภูเขาไฟโบรโมด้วยเหมือนกัน (อันนี้จินตนาการเอาเอง 555555)


ฟ้าใสอยู่ดีๆ จู่ๆก็มีหมอกลอยขึ้นมาเต็มไปหมด เลยได้ภาพเท่ๆมา 1 ภาพ


พวกเราถ่ายรูปเสร็จก็ลงมาเก็บข้าวของแล้วเดินกลับกันทันที
เพราะเจ้าหน้าที่ให้กลับลงไปก่อน 9 โมงครึ่ง เพราะไม่มีคนอยู่แล้ว


ขาลงนี่จะเดินง่ายหน่อย เพราะไม่ได้มีแวะอะไรมากมายอยู่แล้ว
ผมกับแฟนและเพื่อนๆใช้เวลาในขาลงประมาณ 3 ชั่วโมงพอดี



ลงมาก็อาบน้ำ อาบท่าและ เดินทางกลับ กทม แบบเพลียร่างสุดๆ
เป็นทริปที่ถูกหลอกมาแล้ว ประทับใจสุดๆ เพราะวิวสวยมากๆ


แล้วเจอกันใหม่ ...จุดชมวิว...


“ ผ า หิ น กู บ “



อุปกรณ์ถ่ายภาพ

Fujifim XT10

Lens Samyang 12 mm

Lens Fujinon 50-230 mm



ข้อมูลที่จำเป็นในการเดินทาง

* ค่าทริปหมดไปคนละ 1200 บาท (ขึ้นอยู่กับอาหารการกินด้วย)
* ติดต่อหน่วยพิทักษ์ป่าทุ่งเพล โทร 084-864-9357 , 082-205-0079 , 094-015-4759
ควรโทรจองล่วงหน้ากับทางหน่วยก่อนเดินทางเพราะจำกัดจำนวน
* ผาหินกูบสามารถเที่ยวได้ทั้งปี แต่เปิดให้ขึ้นเฉพาะวันเสาร์กลับลงมาวันอาทิตย์
* ลูกหาบต้องเผื่อใจไว้กรณีที่มาแล้วไม่มีต้องแบกเอง เนื่องจากส่วนใหญ่
ถ้าเค้ามีงานตัดทุเรียนก็จะไม่มารับงานลูกหาบเพราะรายได้พอๆกัน
* ค่าลูกหาบ 1000/คน / ค่าเจ้าหน้าที่นำทาง 1000/คน ดูแลนักท่องเที่ยว 5 คน
* เตรียมถุงนอนไปด้วย ข้างบนหนาว เต็นท์ไม่ต้องเอาไปไม่มีที่กาง
* ถุงกันทาก แป้ง ยากันยุง ควรติดตัวไปอย่างยิ่ง มีทากและที่สำคัญยุงลายเยอะมากๆ
* เสื้อกันฝน กระเป๋ากันน้ำ กรณีที่เดินขึ้นแล้วฝนตก
* น้ำดื่มเตรียมไประหว่างทาง และกรอกดื่มตามจุดพักได้
* อุปกรณ์ทุกอย่างควรเตรียมไปเองทั้งหมด ไม่มีให้เช่าครับ
* อาหารเตรียมให้พร้อมถ้าไม่อยากไปนั่งท้องร้องข้างบน 55555
* ข้างบนก่อกองไฟได้แต่ต้องดับและระมัดระวังฟืนไฟ
* ข้างบนมีสัญญาณโทรศัพท์เป็นบางจุดและบางค่าย
* ห้องน้ำข้างบนไม่มี ถ่ายหนักขุดหลุม อิอิ


รีวิวอื่นๆของ ม่อนจุก

ทิ้งความวุ่นวาย ... ไป Slow Life ใกล้เมืองกรุงที่ .. > อ่างเก็บน้ำหุบเขาวง <
https://th.readme.me/p/4165


ม่อนจุก

 วันจันทร์ที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2559 เวลา 17.11 น.

ความคิดเห็น