สบายดี สปป. ลาว

ขึ้นผาแดง สัมผัสชีวิตคนลาวเหนือ เมืองเล็กเหมือนฝัน 

2 วัน 1 คืน ในวันที่พายุเข้า แบบไม่ปรุงแต่ง

หนองเขียวเป็นเมืองในหมอก สายน้ำ และภูเขา เหมาะสำหรับคนชอบแบกเป้ ปีนเขา ชอบความสงบ และธรรมชาติ แนะนำให้พกหนังสือที่ชอบไปด้วย  สามารถเที่ยวได้ตลอดปี แต่ควรไปช่วงพฤศจิกายน-กุมภาพันธ์หากไม่อยากเจอฝนแบบเรา   และที่สำคัญห้ามพลาดกับจุดชมวิวหนองเขียว ผาแดง

เช้าวันที่สาม เราตื่นขึ้นมาในยามเช้า อากาศที่หนองเขียวดีมากๆ ได้สูดอากาศบริสุทธิ์กับวิวที่โคตรสวยจากระเบียงห้องพัก น้องหมอกมาทักทายด้วย มันเป็นอะไรที่ฮีลใจเราสุดๆ  เมื่อทุกอย่างลงตัว ฝนไม่ตกตั้งแต่เมื่อคืน ทำให้เราหมดข้ออ้างที่จะไม่ขึ้นผาแดง จัดการอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ออกจากห้องพักเวลา 6.00 น. ระหว่างทางชาวบ้านรอใส่บาตรสองข้างทางเป็นอะไรที่น่ารักมากๆ เลย

เดินข้ามสะพานเพื่อเดินไปยังจุดเริ่มเดิน แต่แค่วิวสะพานก็กินขาดแล้ว ผ่านจุดขึ้นผาชมนางที่ทำให้เราเป็นผู้ประสบภัยใต้ต้นมะม่วงเมื่อวาน เหตุการณ์วันนี้คนละเรื่องเลย 5555

ระยะทางจากที่พักมายังจุดขึ้นผาแดง ประมาณ 1-2 km เราเดินมาเรื่อยๆ ซื้อตั๋วขึ้น คนละ 20,000 กีบ 

เริ่มเดินเวลา 6.30 น. พี่คนขายบอกว่าใช้เวลาเดินประมาณ 1 ชม. ของเราให้เลย 2 ชม. แวะถ่ายรูปเยอะแน่นอน นี่แหละน้า ชอบเสียเงินซื้อความลำบากให้ตัวเอง  #ภารกิจของเราวันนี้คือเอาโค้กขึ้นไปกินบนผาแดง

ยังไม่ทันเริ่มเดิน เราก็เหนื่อยแล้ว ยิ่งเดิน ยิ่งชัน บ้าบอจิงเชียว เดินมาได้ 15 นาทีถึงจุดพักแรก มันเหนื่อยจริงๆนะ 

เข้าใจแล้วว่า ทำไมไม่มีใครรีวิวเส้นทางการเดินขึ้น มีแต่ถึงยอดแล้วกันทั้งนั้น ระหว่างทางมันเหนื่อยชิxxx เลยนินา ใครจะมัวมาถ่ายกันอยู่ #เราเองถ่าย 555

เดินมาเกือบชั่วโมง มาเจอป้ายครึ่งทางแล้ว รุ้สึกหมดแรงขึ้นมายังไงยังงั้นเลยแกรร๊ แต่ยังดีมีจุดให้นั่งพัก 

ทริปนี้เราได้ยาดม Peppermint Field ช่วยให้เราสดชื่นและมีแรงเดินต่อไปได้อีก

เดินต่อไปฟิลบรรยากาศเริ่มเปลี่ยน เหมือนเดินในป่าดิบชื้น จินตนาการไกลไปอีก เดินจ้ำไปเรื่อยๆ แดดไม่ร้อน แต่อากาศอบอ้าวมากๆ

แล้วเราก็ยิ้มออกเมื่อเห็นป้ายอีก 200 เมตรถึงจุดชมวิว แต่ !!!! เราลืมว่า 200 เมตรในป่า มันไกลว่ะเห้ย แต่ยังดีที่เป็นทางราบให้เดิน 

แล้วก็มาถึงป้าย 100 เมตรสุดท้าย ที่ทางเดินเป็นหินและชัน ระวังหินบาดน้า

แล้วเราก็ขึ้นมาถึงผาแดง เวลา 8.30 น. ใช้เวลาไป 2 ชั่วโมงไม่ขาดไม่เกิน คำนวนเวลาดีเว่อจีจี 

ในที่สุดภารกิจเอาโค้กขึ้นมากินบนผาแดงของเราก็คอมพลีทแล้ว แต่สงสัยแก๊สในตัวมันเยอะ กระดกโค้กปุก เรอออกมาทันทีเลย 5555

จุดชมวิว 360 องศาที่เราเฝ้ารอ มีศาลานั่งพัก มีเปลขาดๆ ให้นอนแกว่งไกว มีโขดหินใหญ่ให้ยืนท้าทายความเสียว เหมาะสำหรับคนที่ไม่เกรงกลัวความสูงและต้องการซึมซับความสวยงามแบบไม่เหมือนใคร

อยากบอกว่า จุดชมวิวผาแดง มันเป็นอะไรที่โคตรสวย เห็นวิวหนองเขียวทั้งเมือง จ่ายแค่ 20,000 กีบซื้อความลำบากให้ตัวเองมาเจอวิวหลักล้านขนาดนี้ เราว่ามันโคตรคุ้ม 

ภาพรอบตัว 360 องศา คือวิวภูเขาและเมืองเล็กๆ ที่มีสายน้ำคดเคี้ยวโอบกอด ลมพัดเบาๆ แกว่งไกวสายหมอกที่ลอยอยู่ใต้ก้อนเมฆ  พยายามซึมซับความรู้สึกของครั้งหนึ่งในชีวิตเราคือผู้พิชิตผาแดง อาจฟังดูไม่เท่เท่าพิชิตยอดเขาเอเวอร์เรสต์ แต่เชื่อเถอะว่า อะดรีนาลีนหลั่งออกมาไม่แพ้กัน

เราใช้เวลาถ่ายรูป บินโดรน ถ่ายวีดีโอ จนเวลาผ่านไปไม่รู้ตัว มารู้อีกที 10.30 น. แล้ว ต้องรีบลงเขา เพราะต้องเช็คเอาท์ห้องพักตอนเที่ยง แล้วขึ้นเรือไปเมืองงอยตอน 13.00 น.

ขาลงเราสปีดเต็มกำลัง ใช้เวลาประมาณ 50 นาที ลงมาถึงข้างล่าง รถหว่างเดินกลับที่พัก รู้สึกว่าเวลาไม่น่าทัน ร่างกายก็ล้าเต็มที่ เราเลยขอให้พี่ชาวบ้านแถวนั้นไปส่งเราที่ร้านอาหารคูเล่อร์ พี่ๆ ได้ยินเสียงเราร้องเรียก ออกมากันทุกบ้าน คงจะเอ็นดูในความไม่ไหวของเรา แล้วขอร้องให้พี่ๆเค้าไปส่ง พี่เค้าก็ไปส่งเราจริงๆ ที่ร้านคูเล่อร์ ผู้คนที่นี่ใจดีมากๆ น่ารัก มีน้ำใจ ไปส่งไม่คิดเงินเราด้วย วิวตอนนั่งมอเตอร์ไซค์ทำไมมันสวยกว่าตอนเดินก็ไม่รู้ 5555

มาถึงร้านคูเล่อร์ เราก็สั่งข้าวซอย กับ กะเพราหมู ค่าเสียหาย 80,000 กีบ มาทานรองท้องก่อนที่จะเข้าที่พักเพื่อไปอาบน้ำและเช็คเอาท์ ค่าที่พักเฮือนอาทิด 192,000 กีบ ที่พักหลักร้อย วิวหลักล้านเลยแกรร๊

เจ้าของที่พักเฮือนอาทิตย์ที่เราพัก ใจดีมากๆ ดูแลดีสุดๆ เสียดายที่ตอนที่เราไปเค้ายังไม่มีอาหารขายในที่พัก แต่รอบหน้า เราว่ามีของกินขายแน่ๆ เพราะสั่งโต๊ะเก้าอี้มาไว้คอยบริการแล้ว

แล้วเราก็มาทันขึ้นเรือไปเมืองงอยเวลา 13.00 น. รอบนี้มีสมาชิกไปด้วยกันหลายคน ค่าเรือคนละ 50,000 กีบ ทั้งขาไปและขากลับ แต่ถ้าไม่มีสมาชิก ก็อาจจะจ่ายประมาณ 400,000 - 500,000 กีบ ใช้เวลานั่งเรือประมาณ 1 ชั่วโมง

แค่วิวเริ่มต้นออกจากเมืองงอยก็สวยแล้วอ่ะแกรร๊ วิวดีมากๆ สองข้างทางธรรมชาติสุดๆ ปลายทางว่าสวยแล้ว แต่ระหว่างทางกลับมีเรื่องราวมากมากให้เราได้พบเจอ 

วิถีชีวิตของผู้คนริมน้ำ พายเรือไปมาระหว่างสองข้างทาง ขาวบ้านใช้เรือเป็นพาหนะในการเดินทาง เด็กตัวน้อยๆ ยังพายเรือกันเป็นแล้ว ไม่ใส่ชูชีพด้วย บ้างก็กระโดดน้ำเล่นกันริมฝั่ง เป็นความสุขที่เรียบง่ายมาก เราชอบวิถีแบบนี้น่าจะมาอยู่สักเดือนนึง คนไทยน้อยมาก ส่วนมากที่เราเจอจะเป็นฝรั่ง กับ เกาหลี

มาถึงเมืองงอยประมาณ 14.00 น. ที่พักของเรา ning ning guesthoust อยู่ติดกับท่าเรือ เดินไม่ถึงนาที

ห้องพักราคา 200,000 กีบ อาหารเช้า 280,000 กีบ ห้องพักวิวแม่น้ำ ที่พักหลักร้อย วิวหลักล้านอีกแล้ว

พี่เพ็งเจ้าของเรือแนะนำให้เราไปถ้ำกาง ที่เที่ยวของเมืองงอย แทนการขึ้นเขา เพราะเราสะบักสะบอมจากการขึ้นผาแดงมาแล้ว เราก็เลยตัดสินใจไป ชวนพี่อีกสองคนที่เจอกันบนเรือไปด้วย หาเพื่อนแล้วก็คนช่วยหาร  ตกลงกันเรียบร้อยเราก็เอาของขึ้นไปเก็บบนที่พัก ถ่ายรูปเก็บภาพบรรยากาศเสร็จ ก็นอนพักกันก่อน จนได้เวลา 15.30 น.

เราเดินทางด้วยรถอิแต๊ก เวลา 15.30 น. ในราคา 120,000 กีบ เหลือคนละ 30,000 กีบ 5555 

ก็เดินทางไปถ้ำกาง ระหว่างทางผ่านบ้านชาวบ้าน ได้เห็นวิถีชีวิตผู้คนที่นี่ คล้ายๆ ต่างจังหวัดบ้านเรา มีร้านขายของชำ

เส้นทางที่มาค่อนข้างเละเลยแหละ เข้าใจเลยว่าทำไมต้องใช้รถอิแต๊ก ใช้เวลาเดินทางประมาณ 25 นาที รู้สึกเหมือนตับไตไส้พุงมากองรวมกันพร้อมขย้อนออกมา 5555 สะเทือนไปทั้งร่าง

มาถึงที่ถ้ำกาง จ่ายค่าตั๋วคนละ 10,000 กีบ ที่นี่ธรรมชาติอยู่นะ น้ำใสไหลเย็นเห็นตัวปลาเลย 

เคิฟของถ้ำกับน้ำที่ใส ถ่ายรูปสวยๆ ได้หลายมุมเลย เราว่าน่าจะเป็นสิ่งจูงใจให้นักท่องเที่ยวมากันเหมือนเรา

เราใช้เวลาอยู่ที่นี่เกือบชั่วโมง ก็เดินทางกลับด้วยรถอิแต๊กเหมือนเดิม

กลับมาถึงที่พักอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ออกไปเดินเล่นหาของกินในหมู่บ้าน มีร้านขายของชำ ร้านขายชานมไข่มุกทำมือ เพิ่งเคยเห็นน้ำแข็งทุบมือ เด็กๆ ต่อแถวซื้อกัน เราก็ไม่พลาดต้องลองชิมสักแก้ว สตอเบอรี่ไข่มุก รสชาติอร่อย หวาน มัน คล้ายๆ ของบ้านเราที่ปั่นไว้แล้วขายแก้วละ 10 บาทอ่ะ ซื้อขนมเสร็จก็เดินกลับที่พัก

มื้อเย็นเราฝากท้องไว้ที่พัก สั่งอาหาร ต้มยำไก่ ผัดผักบุ้ง ไข่เจียว ถ้ามาแล้วไม่อยากไปไหน ก็อยู่ที่พักแหละ มีครบเลย ราคาไม่แพง ค่าเสียหาย 193,000 กีบ เสร็จก็ขึ้นห้องพัก พักเอาแรงกันก่อนที่พรุ่งนี้จะเดินทางกลับ ขึ้นเรือรอบ 8 โมง เพื่อไปให้ทันรถไปหนองเขียวรอบ 9 โมง

หลายคนคงนิยามเมืองแห่งนี้ว่าเรียบง่าย บริสุทธิ์  ธรรมชาติ ใช่มันเป็นแบบนั้น เพราะที่นี่มีธรรมชาติเป็นสมบัติล้ำค่า เมือง ผู้คน ธรรมชาติ อยู่กันอย่างเงียบๆ และอย่างที่รู้กันว่าที่นี่อาจไม่ใช่เมืองในฝัน แต่เมื่อได้ใช้เวลาที่เมืองเล็กๆ แห่งนี้ ทุกอย่างกลับงดงามเหมือนฝันเลย

ค่าใช้จ่าย :-

- ตั๋วขึ้นผาแดง คนละ 20,000 กีบ 42 บาท
- ค่าอาหารร้านคูเล่อร์ 80,000 กีบ 167 บาท คนละ 84 บาท
- ค่าเรือไปเมืองงอย 50,000 กีบ 105 บาท
- ค่าที่พัก ning ning guesthoust 200,000 กีบ 416 บาท คนละ 208 บาท
- ค่ารถอิแต๊ก ไปถ้ำกาง คนละ 30,000 กีบ 63 บาท
- ค่าเข้าถ้ำกาง คนละ 10,000 กีบ 20 บาท
- ค่าน้ำปั่น 10 บาท
- ค่าอาหารเย็น 193,000 กีบ 402 บาท คนละ 201 บาท

ค่าใช้จ่าย คนละ 733 บาท

ภารกิจวันที่ 3 ขึ้นผาแดงสำเร็จ นั่งเรือไปเมืองงอย นั่งรถอิแต๊กไปถ้ำกาง
พรุ่งนี้จะไปไหนต่อ ไว้เราจะเล่าให้ฟังเรื่อยๆ นะ


.. เพราะการเที่ยวเยอะๆ มันช่วยทำให้เราลืมเรื่องไม่สบายใจได้ระยะหนึ่ง 🙂


ช่องทางการติดต่อ
Facebook Fanpage :https://www.facebook.com/EnvyJ...
Website : https://envyjourney.com/
Tiktok : @envyjourney
อย่าลืมกด Like กด Share และ Subscribe ด้วยครับ
YouTube : เที่ยวให้คนอิจฉา

#laos #vientiane #เที่ยวลาว #หนองเขียว #เมืองงอย #เที่ยวให้คนอิจฉา

เ ที่ ย ว ใ ห้ ค น อิ จ ฉ า

 วันพุธที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2565 เวลา 14.19 น.

ความคิดเห็น