บังเอิญวังเวียง 

 วังเวียง เมืองที่เราไม่เคยคิดจะไปมาก่อน เพราะรู้สึกว่าคนเยอะ วุ่นวาย ซึ่งเราไม่ชอบเอาซะเลย

ทริปนี้ตั้งใจจะไปไซยสมบูน ตัดสินใจก่อนวันเดินทางไม่กี่วัน มีความผันผวนเปลี่ยนแปลงได้ตลอด

พาสปอร์ตเพิ่งไปต่อไว้ ไม่รู้จะได้ทันหรือเปล่า ถ้าไม่ทันก็เที่ยวแค่เวียงจันทน์ หรือไม่ก็เที่ยวหนองคาย

จองรถทัวร์ ตั๋วก็เต็ม แต่มีตั๋วรอจ่ายเงินอยู่ 1ที่ นั่นแหละคือความหวังของเรา

เรานั่งเฝ้าหน้าจอ ด้วยความหวังว่าตั๋วจะหลุดจอง เรานั่งรออยู่ 3 ชั่วโมง สุดท้ายตั๋วนั้นก็หลุดจอง ที่นั่ง A9 ก็เลยตกเป็นของเรา

เรามันเป็นคนคูลๆที่โคตรสู้ชีวิตเลย

อย่าอ่านเพลิน จนลืมไปกดไลค์กด ติดตามเพจเรานะ อิอิ

เราชื่อแจ๊ค เพจ นักเดินทางตัวน้อย  https://www.facebook.com/journeymemories 

ฝากติดตามเพื่อเป็นกำลังใจให้เราด้วยนะคะ

ป่ะ เดินทางกันต่อ 

วันเดินทางก็ยังมีความไม่แน่นอนเกิดขึ้น เราบังเอิญเจอยิ้ม เจ้าของเพจยิ้มแบกเป้เที่ยว ต่างคนต่างไปคนเดียว

โดยที่ไม่รู้มาก่อนเลยว่าเรากำลังจะไปลาวเหมือนกัน แต่ยิ้มจะไปวังเวียงแหละ และบังเอิญว่าขึ้นรถัวร์กรุงเทพ-เวียงจันทน์ คันเดียวกัน

แต่อีกความบังเอิญที่พีคมาก ก็เรื่องตั๋ว A9 ใบสุดท้ายของรถที่เรารอหลุดจอง

มันเป็นตั๋วที่ยิ้มจองไว้ก่อนหน้าเรา แต่ระบบเพี้ยนๆทำให้หารหัสจ่ายเงินไม่เจอ เลยต้องไปจองที่นั่งอื่น

แล้ว A9 มันก็เลยคงค้างสเตตัสว่ารอจ่ายเงิน แล้วก็หลุดจองกลายมาเป็นตั๋วของเราแทน

คุยกันอยู่พักนึง สุดท้ายเราตกลงปลงใจ ไปเที่ยววังเวียงกับยิ้ม เปลี่ยนแผนแบบวู่วามไปอี๊ก

ก็นะ ถ้าจะบังเอิญขนาดนี้ ก็ไปเที่ยวด้วยกันเถอะ และการเดินทางของเราสองคนจึงเริ่มขึ้น บอกเลยว่าสนุกมากๆ 

ป่ะ!!!!!! ไปเที่ยววังเวียงกัน

เราเดินทางโดย รถทัวร์บขส.กรุงเทพ-นครหลวงเวียงจันทน์ 900 บาท ที่นั่งA9 เป็นเบาะเดี่ยว อยู่ชั้นล่าง นั่งสบายมาก จองออนไลน์ได้ มีวันละเที่ยว รถออก 19.30
รถคันนี้จะไปสุดสายที่ขนส่งสายเหนือ เราจะไปวังเวียงก็นั่งไปสุดสายค่ะ
ขากลับไม่มีให้จองออนไลน์นะ ต้องไปซื้อตั่วที่นู่น
แจ๊คกลัวตั๋วเต็ม ขากลับเลยจองรถทัวร์หนองคาย-กรุงเทพ ขากลับต่อรถโคตรเหนื่อย

DAY-1

รถจะถึงด่านประมาณ 7 โมงเช้า ประทับตราออกจากจากประเทศไทย
ขึ้นรถคันเดิมข้ามสะพานมิตรภาพไทย-ลาว และเขียนเอกสาร ประทับตราเข้าประเทศลาว 

เราแลกเงินและซื้อซิมลาวตรงนี้เลย แลกเงินไทยไป 3,000 บาท อัตราแลกเปลี่ยน 1บาท =490 กีบ
พกปากกาไปด้วยนะคะ ที่ตม.ไม่มีปากกาให้ใช้

8.30 น. รถทัวร์มาจอดสถานีแรก ตลาดเช้าซึ่งเป็นตัวเมืองเวียงจันทน์ จอดตรงนี้สักพักหนึ่งเลย
แนะนำถ้าเราจองตั๋วรถทัวร์ขากลับ เป็นหนองคาย-กรุงเทพ ให้ซื้อตั๋วเวียงจันทน์-หนองคายไว้ค่ะ
ขากลับจะได้ไม่ต้องต่อรถหลายต่อ

ประมาณ 9 โมง รถทัวร์ก็ส่งพวกเราที่ขนส่งสายเหนือ เราต้องซื้อตั๋วรถตู้ เพื่อไปวังเวียง 100,000 กีบ 

รถเต็มก็ออกเลย เราออกกันประมาณ 9.30น.

ตั๋วรถตู้

รถขึ้นทางด่วนนะคะ ใช้เวลาประมาณ 2-2.30ชั่วโมง 

ฝนตกตลอดทาง บรรยากาศโคตรดี

ลงทางด่วนมาเราก็เข้าสู่วังเวียง ประมาณ 11.30 น.ตื่นเต้นจัง ไม่เคยมาทั้ง 2 คนเลย 
ที่นี่มีปั้มอยู่ 3ปั้ม ใครขับรถมาเที่ยวที่วังเวียงไม่ต้องกังวลเลยค่ะ ถือเป็นเมืองที่เจริญนะ

รถมาจอดแถวๆนี้ ซึ่งมันก็ไม่ใช่ภาพความวุ่นวายผู้คนมากมายของวังเวียงที่เราคิดไว้ ก็เลยงงๆกันค่ะ ว่าถึงแล้วเหรอ 5555    ก็คือเดี๋ยวคนขับเขาจะไปส่งตามที่พักค่ะจ่ายเพิ่ม 50บาท แต่ตอนกลับก็โทรให้มารับ ทำไมเก็บ 100,000 กีบราคาปกติ

ลงรถตู้มา สิ่งแรกที่ทำก็คือ ซื้อชุดกันฝนกับกระเป๋ากันน้ำเลยจ้ะ มีขายเยอะมาก แล้วเราก็เข้าที่พัก นี่แหละที่พักของเรา วังเวียงซันเซ็ต คืนละ 200 บาท ห้องแอร์ ห้องน้ำในตัว ข้างล่างเป็นร้านอาหาร

มื้อแรกของวัน ฝากท้องไว้ที่ร้านของโรงแรมนี่แหละค่ะ อาหารที่วังเวียงราคาจะอยู่ประมาณ50-80 บาท

อิ่มแล้ว เข้าห้องค่ะ วิวหลังห้อง ลืมถ่ายภาพนิ่งในห้อง ถ่ายแต่VDO มา  

แต่ห้องดีค่ะ โอเคเลย จองใน อโกด้าได้

วิวจากดาษฟ้า

ฝนหยุดแล้ว ประมาณบ่ายสองไปเช่ารถค่ะ เบอร์ตามในรูปค่ะ เขาจะเอามาส่งและรับคืน ที่ที่พัก วันละ 400

บังเอิญเจอกลุ่มนักท่องเที่ยวไทยน่ารักมากๆ ขึ้นรถทัวร์ไปพร้อมกัน เขาจองที่พักให้ และเช่าเผื่อเรา วันนั้นเราเช่าทั้งหมด 4 คัน ต่อรองราคาได้ 350   

เราจะไปผาเงินกัน พอได้รถ เราก็ไปเติมน้ำมันเติมน้ำมันเสร็จ มองไปทิศทางข้างหน้าที่เราจะไป มีคือเมฆดำก้อนใหญ่รออยู่ และไม่นานฝนก็เทลงมาอย่างหนัก แต่เราก็ต้องไปต่อ ด้วยความหวังว่าฝนจะหยุดบ้าง

ทางก่อนถึงจุดขึ้นผาเงินคือเละมาก

ถึงจุดขายตั๋วขึ้นผาเงินแล้ว ฝนยังไม่หยุดจ้าาา
เลิ่กลั่กแล้วสอง จะขึ้นหรือไม่ขึ้นดี ฝนตกขึ้นไปก็ไม่ไม่ได้รูปดีๆ แต่ขึ้นไปฝนอาจจะหยุดก็ได้นะ
หรือเราจะรอลุ้นพรุ่งนี้เลย แต่เราก็จะได้ลุ้นแค่ครั้งเดียว พรุ่งนี้จะตกแบบนี้รึป่าวก็ไม่รู้ อยู่ภายในใจเป็นหมื่นล้านคำ5555

วัว ควาย แถวๆนั้น น่าร๊ากกกกก

เราตัดสินใจยังไม่ขึ้นไป แต่เราจะรอให้ฝนเบาลงกว่านี้ ฝนก็เบา แล้วก็หนักมาก สักพักก็เบา จนเราสองคนตัดสินใจซื้อตั๋วและเดินขึ้น เดินขึ้นประมาณไม่ถึง 10 เมตรด้วย ฝนก็ลงมาอย่างหนัก 

เราเลยกลับมาหลบฝนก่อน ตอนเดินมาที่จุดขายตั๋ว แจ๊คลื่นล้ม มันมีปูนเป็นตะไคร่เกาะ ลื่นแบบเอาหลังพื้นเลยจ่ะ ยิ้มบอกว่าเจ้าที่ทัก ไม่ควรขึ้นแล้วป่ะ แต่เราก็นั่งรอฝนอีกพักนึง ฝนก็ไม่หยุดนะ เราเลยตัดสินใจอีกครั้ง กลับดีกว่า ค่อยมาใหม่พรุ่งนี้ ว่าไงก็ว่าตามกัน

ฝนหยุดบ้างมั้ย ก็ไม่  ออกจากผาเงิน ไปถ้ำนางฟ้ากัน 

จ่ายค่าเข้าคนละ10,000 กีบ

เดินข้ามสะพานนี้ไป

ข้างในมีร้านอาหาร ร้านกาแฟ มีล่องห่วงยาง กับซิปไลน์ด้วยนะ ฝนตกขนาดนี้ ไม่ต้องทำอะไรค่ะ เดินถ้ำอย่างเดียวพอ

ภายในถ้ำมีทางเดินเล็กๆแบบนี้ค่ะ ระยะทางไม่ไกล เดินแป๊ปปปปเดียวก็ถึงทางออก มันไวไป เราเลยเดินกัน2 รอบ

ตอนแรกคิดว่าเข้าถ้ำ จะถอดชุดกันฝน ตั้งกล้องถ่ายถ้ำสวยๆ แต่ๆๆๆ ในถ้ำน้ำหยดตลอด แทบจะไม่ต่างจากข้างนอก วันนี้เรียกว่าไม่มีเวลาอยู่ในที่แห้งๆเลย

เปียกชื้นจนไม่ได้หยิบกล้องเลยค่ะ ภาพถ่ายจากโทรศัพท์ แบบเปียกๆ ก็จะได้ประมาณนี้ค่ะ

เดินตามทางเรื่อยๆก็จะเจอทางออกค่ะ ฝนก็ยังตกอยู่นะ จุดนี้สวยนะ อยากไปยืนในภาพ แต่เย็นแล้ว แสงน้อย ถ่ายไม่สวย สภาพก็เปียก เรียกว่าไม่มีอะไรเอื้ออำนวยเลย

กลับเข้าที่พักและออกไปหาอะไรกิน คืนนี้ให้เบียร์ลาวปลอบใจ ขวดใหญ่ 18,000 กีบ ถูกกว่าข้าวค่ะ


วันนี้ค่อนข้างเหนื่อย และจบวันไปแบบ บอกความรู้สึกไม่ถูก อยู่ภายในใจเป็นหมื่นล้านคำอีกแล้ว555
คือวันนี้ยังไม่ได้ภาพสวยๆ ถามว่ารู้สึกแย่มั้ย ก็ไม่นะ แต่กลับรู้สึกสนุก 5555 
ไปลุ้นพรุ่งนี้นะว่าเราจะเจอกับอะไรกันบ้าง

DAY-2

วิวหลังห้องยามเช้า เราออกจากที่พัก 8 โมง

เรามาขึ้นผาหนามไซ

ซื้อตั๋ว10,000 กีบ

ทางเดินลื่นนะคะ เราสามารถเช่ารองเท้าใส่ขึ้นได้ค่ะ 15,000 กีบ เป็นรองเท้าแบบใส่ลุยน้ำตกอ่ะ มันเกาะหินดีค่ะ พร้อมแล้วก็เดินกันเลยคร่าาาา

ระยะทาง350 มตร ชันตลอดทาง

ทางบางช่วงเป็นดินลื่นๆ เดินผานี้คือรองเท้ากับขากางเกงเลอะไปด้วยโคลน

ตรงนี้คือจุดพักที่ใกล้ถึงแล้วนะ

ทางเดินช่วงสุดท้าย เป็นทางเดินขึ้นนะ ภาพนี้เราหันไปถ่ายคนลง ทางชันมากก ตลอดทาง

ถึงแล้วค่ะ รู้สึกว่าเหนื่อยและเดินนานมาก 555 แต่ความจริง เดินประมาณ40นาที อันนี้เดินเสต็ปหอยทากเลยนะ มีพักบ้าง ทางแคบ ติดคนลงต้องรอบ้าง ถ่ายคลิปบ้าง แต่ถ้าเดินเสต็ปม้าเร็วแบบไปจองที่ตั้งแค้มป์ น่าจะ20นาที

วิวมองจากข้างบนค่ะ

รายล้อมไปด้วยภูเขาหินปูน

มุมนี้เรียกว่าต้องต่อคิวถ่ายรูปกันเลย

จริงๆมีมอไซค์ 2 คันนะ แต่อีกคันนึงเราว่าวิวข้างหลังไม่ค่อยสวย เราชอบฝั่งนี้มากกว่า

ถ่ายรูปกันรัวๆๆๆเลยนะคะ เดี๋ยวต้องไปอีกเขาหนึ่ง

รองเท้าแบบนี้นะ ที่เช่าจากข้างล่าง
ภาพสุดท้าย จะเดินลงแล้วนะ เดี๋ยวไปขึ้นผาเงินต่อ ฝนก็จะตก ต้องลุ้นกันอีกแล้ว

มาที่ผาเงินค่ะ วันนี้ยังไงก็ต้องขึ้น ซื้อตั๋วคนละ 10,000 กีบ

 พร้อมแล้วก็เดินขึ้นกันเล๊ยยยย ระยะทาง 650 เมตรวันนี้ไหว้เจ้าที่ก่อนขึ้นด้วยนะ ต้องดีแน่ๆ

และแล้วก็มีเรื่องให้ลุ้น เดินขึ้นมาได้นิดนึงฝนตกจ้าาาาา แต่วันนี้โอกาสครั้งสุดท้าย ยังไงก็ต้องขึ้น ฉันก็กางร่มขึ้นเขาเลยจ้าาา ที่นี่ทางชันนะ แต่พื้นส่วนใหญ่เป็นหินเดินง่ายกว่าผาหนามไซ

วิวระหว่างทางเดิน

แล้วเราก็มาถึงผาเงินแล้วววววว แน่นอนว่า ฝนยังไม่หยุดตก

วิวจะปิดๆหน่อย แต่เรานั่งรอ อย่างตั้งใจ

แล้วฟ้าก็ค่อยๆเปิด

มีหมอกปุกปุยตามยอดเขา น่าร๊ากกกก

สวยมว๊ากกกก ฟ้าใสกิ๊ก

ข้างบนมีนักท่องเที่ยวอยู่ก่อนเรา 2 คน พอฝนหยุด เขาถ่ายรูปนิดนึงแล้วเดินลง

บนผาเงินเลยไม่มีใครนอกจากเรา 

ถ่ายรูปกันเต็มที่

แดดเริ่มแรงแล้ว ป่ะ ลงไปข้างล่างกันดีกว่า

ลงจากผาเงิน แวะถ่ายรูปข้างทาง มีรุ้งกินน้ำด้วย

ระหว่างทาง สวยงามและมีเรื่องราวให้น่าจดจำเสมอ

วันนี้เราใช้เวลาในการถ่ายรูป ถ่ายคลิปเยอะมาก เลยทำให้เราเหลือเวลาน้อย 

เลยคิดว่าจะไปเก็บบลูลากูน 1 และ 2  เช้าพรุ่งนี้ 

วันนี้เราเที่ยวแบบไม่ได้ดูเวลาเลย คือรู้ตัวอีกทีก็เย็นแล้ว เริ่มหิวค่ะ

เย็นนี้ไปกินข้าวริมแม่น้ำซอง บังเอิญมีบอลลูนขึ้นด้วย แต่ไม่ได้ไปตรงจุดที่เขาถ่ายกัน เลยได้มุมนี้

ซุ้มนั่งกินข้าว ริมแม่น้ำซอง ดูบรรยากาศดีนะ แต่ยุงเยอะ

มื้อเย็น วันนี้เที่ยวเพลิน ไม่ได้กินข้าวกลางวัน โคตรหิว ส้มตำอร่อย เนื้อย่างนุ่มดี ลาบขมกับต้มยำไม่ผ่าน

ขอจบ DAY 2 ไว้เท่านี้นะคะ หมดพลังจ้าาาา

DAY-3 เช้านี้เราออกจากที่พักกันค่อนข้างเช้า ต้องทำเวลานิดนึง เราไปบลูลากูน 1 และ2

ทักทายกันด้วยวิวข้างทาง

วิวข้างทาง ยามเช้าคือดี ชอบบรรยากาศ หมอกๆ เขาๆ ที่สุดเลย

บลูลากูน 1 เรามาถึงเช้ามาก ไม่มีคน แม่ค้ายังไม่มาเลย 555

ซื้อตั๋วคนละ 10,000 กีบ

แจ๊คไม่ได้ลงน้ำนะ หนาวคร่าาา กินข้าวรอ มีร้านอาหาร ร้านขายของกินเล่น เยอะค่ะ 

วันนี้ยิ้มไปเพื่อโดดน้ำ วิถียูทูปเบอร์อ่ะนะ 5555

ตอนเช้า คนยังน้อยอยู่ อย่าเรียกว่าคนน้อย ต้องเรียกว่าไม่มีคน

ที่นี่ไม่ได้มีมุมอะไรมากมายนะ เราว่าเล็กด้วย เรามากันจจังหวะดีมาก พอถ่ายใกล้เสร็จ นักท่องเที่ยวก็เริ่มมากันเยอะ เราก็อกมาพอดี

เขาระหว่างทางไปบลูลากูน 2

ถึงแล้วววววว มาดูบลูลากูน 2 กันค่ะ ตั๋วคนละ10,000 กีบ 

ที่นี่มีหลายบ่อหลายมุม สวยดีนะ

เราไปถึง ยังไม่มีนักท่องเที่ยวเข้ามาจ้า ดีงาม ถ่ายรูปกันชิลๆเลย

เก็บภาพกันเรียบร้อยแล้ว คนก็เริ่มทยอยมา เราก็รีบกลับค่ะ เราต้องไปคืนมอไซค์และเช็คเอ้าท์

แวะเก็บภาพหน้าภูผาจำปาลาวนิดนึง อยู่ใกล้ๆกับบลูลากูน 2 

กลับมาถึงที่พัก ตอน 10.30 พอดี คืนมอไซค์ อาบน้ำแต่งตัว เช็คเอาท์ และไปเก็บภาพกันต่ออีกนิด

ที่ร้าน Pull mind cafe วิวดีมาก 

กาแฟแก้วละ 30,000 กีบ ก็ประมาณ 60 บาท แต่วิวหลักล้านเด้อ 

ให้ที่ร้านกาแฟโทรเรียกรถตู้มารับไปขนส่งสายเหนือได้ค่ะ โทรปุ๊ปมาปั๊ป จังหวะดี

ถึงขนส่งสายเหนือ ก็ขึ้นรถสองแถวไปท่ารถตลาดเช้า แจ๊คกับยิ้มแยกกันตรงนี้ 

ยิ้มมาซื้อตั๋วเวียงจันทน์-กทม.ไว้ตอนวันที่มาถึง แจ๊คจองตั๋วนครชัยแอร์ไว้

ต้องไปขึ้นที่บขส.หนองคาย   มีรถทัวร์เวียงจันทน์-หนองคาย แต่ตั๋วเต็มแล้ว 

เราเพิ่งรู้ว่ามีด้วย ชีวิตหลังจากนี้ก็จะลำบากหน่อย

กว่าจะถึงบขส.หนองคาย เดินทางแบบนี้ค่ะ

1.ขึ้นรถบัสจากท่ารถตลาดเช้าไปที่ตม.ลาว ออกทุก 45 นาที

2.ถึงตม.ลาว แลกเงินคืน เหลือ 7ร้อยกว่าบาท อัตราแลกเปลี่ยนวันกลับ 504 กีบ= 1 บาท

ผ่านตม.ลาว ออกมาซื้อตั๋วรถข้ามสะพานมิตรภาพ

รถคันนี้ค่ะ ข้ามสะพานมิตรภาพ

3.เข้าด่านประเทศไทย เดินออกมาจากด่านนั่งรถตุ๊กๆ ไปขบส.หนองคาย ใช้เวลานานอยู่ อันนี้เราไม่รู้ว่ามีรถอื่นอีกรึป่าวนะ


กว่าจะถึงบขส.ก็เหนื่อยเหมือนกัน จากตลาดเช้า ถึงบขส.หนองคาย ขั้นตอนทั้งหมด ใช้เวลาเกือบ 2 ชั่วโมงถ้านั่งรถคันเดียวก็จะดีกว่าไม่ต้องต่อรถหลายรอบ  พอถึงบขส.นั่งกินข้าวร้านไม่มีหลังคา กินเสร็จจ่ายเงิน ฝนตกลงมาอย่างหนัก 5555 จังหวะดีอีกแล้ว 

ตกฝนสาดเข้ามาในชานชลา ต้องหาที่หลบฝนกันเลยจ้าาา


ถึงกทม. 03.49  เข้าที่พัก ตี 4  เช้าไปทำงานต่อ ก่อนไปก็สู้ชีวิต ตอนกลับแล้วก็สู้ชีวิตเช่นกัน
ขอบคุณอะไรก็ไม่รู้ที่ทำให้ได้ไปวังเวียงครั้งนี้ ทริปนี้ เป็นทริปที่รู้สึกน่าจดจำมากๆ คนรู้จักกันอยู่แล้วถ้านัดกันไปก็คงธรรมดาแหละ แต่ดันมีสตอรี่แปลกๆ เลยรู้สึกว่ามันน่าจำดี ขอบใจยิ้มนะที่ชวนไป รอดูคลิปแกอยู่เน้ออ ไว้เจอกันใหม่เมื่อบังเอิญ 

แจ๊ค นักเดินทางตัวน้อย https://www.facebook.com/journeymemories

นักเดินทางตัวน้อย

 วันอาทิตย์ที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2565 เวลา 17.58 น.

ความคิดเห็น