ก่อนอื่นต้องขอแนะนำตัวก่อนนะครับ พวกเราสองคนเป็นมือใหม่หัดเที่ยว และนี่เป็นการเที่ยวแบบBackpackครั้งแรกของพวกเรา และเป็นการทำรีวิวครั้งแรกอีกด้วย ผิดพลาดประการใดขออภัยด้วยนะครับ อิอิ

พวกเรามีแผนการท่องเที่ยวเยอะมากกกก!! ชอบเข้าไปอ่านรีวิวที่Pantipอยู่เป็นประจำ อยากไปทุกที่เลย ฮ่าๆๆๆ ก่อนหน้านี้เราก็ไปเที่ยวมาหลายที่เหมือนกันนะครับ แต่ยังไม่มีโอกาสมาเขียนริวิวสักที ทริปนี้เลยวางแผนกันว่าจะไปเขื่อนเชี่ยวหลาน เป็นการวางแผนที่นานมากกก เพราะการไปเที่ยวแต่ละครั้งเราจะตั้งเก็บเงินไป เราเก็บเเบงค์50บาท จนเต็มขวดน้ำ1.5L คนงบน้อยก็งี้แหละครับ และตั้งใจว่าจะไปแบบประหยัดเพราะงบเรามีจำกัด เลยตัดสินใจให้แฟนลาพักร้อนซะเลย ฮ่าๆๆๆ เราตัดสินใจจะไปช่วงต้นฝนนี่แหละ เพราะเขาว่ามีหมอกยามเช้าที่สันเขื่อนให้ชมด้วย กะว่าจะไปเก็บภาพยามเช้าด้วยเลย จึงตกลงกันได้วันที่ 23-24 มิ.ย. 59 ปล.พวกเราพูดไม่ค่อยเก่ง ดูภาพเยอะๆเอานะครับ อิอิ


แผนการเดินทาง

  • นั่งรถทัวร์จากขนส่งสายใต้ กทม.-พังงา รถออก 18.40 น. ราคาตั๋ว 473 บาท
  • ถึงอ.บ้านตาขุน จ.สุราษฏร์ธานี ประมาณ 05.30 น. เหมามอไซค์รับจ้างเข้าไปในตัวเขื่อนคนละ 150 บาท (แพงมากอ่ะ ฮ่าๆๆ)
  • ขึ้นเรือไปแพคลองคะ เหมาลำ ลำละ 2500 บาท
  • แพที่เราพักชื่อแพคลองคะ เป็นแพของอุทยาน ราคาคนละ 700 บาท/คน/คืน รวมอาหาร 2 มื้อ
  • เราเดินทางกลับกทม.จากสุราษฏร์ด้วยเครื่องบินของแอร์เอเชีย คนละ 790 บาท

เริ่มเดินทางกันเลย!!!

ซื้อตั๋วกันก่อนนะครับ เราเลือกบริษัทลิกไนท์ทัวร์ กรุงเทพ-พังงา ราคา 473 บาท เป็นรถทัวร์ ป.1


ได้ตั๋วมาแล้วววว!!


หาอะไรลองท้องก่อนแล้วกันครับ


อิ่มแล้วก็เดินลงไปรอที่ชานชาลากันครับ


รถทัวร์ที่จะพาเราเดินทางทริปนี้ครับ


บรรยากาศบนรถที่เราต้องใช้ชีวิตอยู่บนนี้ 10 ชั่วโมง ฮ่าๆๆๆ


รถออกแล้ววว!! เจอกันพรุ่งนี้ครับ ราตรีสวัสดิ์จร้าา


วันที่ 1 (23/6/59)


เรามาถึง อ.บ้านตาขุน ปากทางเขื่อนรัชประภา พอลงรถเราก็หาซื้อของกินที่เซเว่นตุนของกินไว้ก่อน จากนั้นก็เหมามอไซค์รับจ้าง คนละ 150 บาท ย้ำนะครับ คนละ150 แพงเนาะ แถมอัดสามด้วย ฮ๋าๆๆๆ


นั่งอัดสามกันมาประมาณ 12 กิโลเมตร ก็มาถึงด่านทางเข้าเขื่อน


ขับผ่านสันเขื่อน หมอกยามเช้ากำลังมาครับ บรรยากาศฟินมากก


เรามาลงตรงสั่นเขื่อน เเวะล้างหน้าแปรงฟันกันหน่อย อิอิ


มาถึงทางขึ้นจุดชมวิว เราก็ไม่รอช้ารีบลงไปเก็บภาพหมอกสวยๆ

เราอยู่เก็บภาพตรงนี้อยู่นานพอสมควรแดดอ่อนเริ่มมาแล้ว เดินขึ้นไปจุดชมวิวด้านบนดีกว่า


และเเล้วก็เดินมาถึงจร้าา!! พลาดไม่ได้ที่มาเก็บภาพกับป้ายเขื่อน

ภาพบรรยากาศที่สันเขื่อน บริเวณสถานีผลิตกระแสไฟฟ้า สวยงามอ่ะ มีหมอกจางๆลอยกระทบสันเขื่อนด้วย


ตั้งกล้องถ่ายรูปคู่กันหน่อย อิอิ แดดเริ่มแรงแล้วรีบถ่ายๆๆ

หลังจากที่ถ่ายรูปด้านบนจุดชมวิวเสร็จเราก็เดินลงมาตรงสันเขื่อนอีกครั้งเพื่อที่จะโบกรถไปท่าเรือ ตอนนั้นเวลาประมาณ 7.30 น. และแล้วก็ไม่มีรถผ่านมาเลย ฮ่าๆ ก็เลยพากันถ่ายรูปเล่นรอสักพักแดดเริ่มร้อน เราเลยโทรไปให้เจ้าของเรือขึ้นมารับที่บริเวณด้าานบน เรารอรถมารับอยู่ประมาณ 1 ชั่งโมง เพราะเจ้าของเรือแกติดลูกค้าอยู่


และแล้วเรามาถึงท่าเรือจนได้ ฮ่าๆๆๆ หลังจากแผนการโบกรถของเราล้มเหลว


เมื่อมาถึงท่าเรือ เราก็ทำการเสียค่าเข้าอุทยาน คนละ 40 บาท และรอเรือสักพักมีน้องสองคนกำลังหาเรือพอดี แต่น้องบอกว่าได้จองแพนางไพรไว้แล้วแต่ยังไม่ได้จ่ายเงิน น้องเลยยกเลิกแพนางไพรไปแล้วโทรไปแพคลองคะกับเรา ปรากฏว่าแพคลองคะว่างพอดี เลยได้แชร์ค่าเรือไปด้วยกัน ประหยัดไปครึ่งนึง เพราะค่าเรือตั้ง 2500 บาท


เรานั่งรอเรือสักพัก พี่คนขับเรือก็เรียกพวกเราลงเรือ ขนกระเป๋าลงเรือให้เรียบร้อย แล้วก็ใส่เสื้อชูชีพด้วยนะครับเพื่อความปลอดภัย ได้กันเล๊ย!!


ออกเดินทางมาได้สักพักก็เริ่มเห็นวิวสวยๆของภูเขาหินปูนแล้วครับ



"เขาสามเกลอ"

ข้างหลังอ่ะ"เขาสามเกลอ" แต่ข้างๆเราอ่ะ "มีเธอคนเดียว" ฮิ้ววววววว

"เขาสามเกลอ"

และแล้วเราก็มาถึงพระเอกของที่นี่ ที่เขาให้สมญานามว่า "กุ้ยหลินเมืองไทย" ที่นี่คือ "เขาสามเกลอ" ครับ สวยงามที่เดียวเชียว พวกเราเเวะถ่ายรูปที่นานพอสมควร จากนั้นก็เดินทางต่อไปยังแพที่พักครับ


จะถึงแพที่พักเราแล้วว เห็นมาแต่ไกลๆ

มองเห็นกระท่อมน้อยที่เราจะพักคืนนี้แล้ว วิวสวยใช้ได้เลย



ขึ้นจากเรือเราก็ขนของ ติดต่อกับเจ้าหน้าที่ลงชื่อเข้าพัก จากนั้นก็เดินไปที่กระท่อมน้อยของเราเลย เราเลือกกระท่อมหลังสุดท้าย เพราะจะได้เห็นวิวได้กว้างๆแบบไม่มีใครบัง







ภาพบรรยากาศภายในกระท่อมน้อยคอยนาง และบรรยายกาศวิวรอบๆกระท่อมน้อย สวยใช่มั้ยละ อิอิ


ของีบเอาแรงสักแปบ ก่อนจะลงเล่นน้ำ





ตื่นแล้วก็มาถ่ายรูปเล่นบริเวณหน้ากระท่อมกันสักหน่อยครับ


และแล้วก็ได้เวลากระโดดน้ำกันแล้วววว พร้อมแล้วโดด!!!! อะจ๊ากกก




เย็นสบายจังเลยยยย!!!!!




หลังจากที่เล่นน้ำกันยาวๆแล้ว เราก็ไปติดต่อเช่าเรือคายัคมาพายเล่น พี่เจ้าหน้าที่ใจดีวันนี้ให้พายฟรี อิอิ น่ารักอ่าา


ออกไปพายเรือเล่นชมวิวรอบแพที่พักกันจร้าา


เล่นน้ำเสร็จ เราก็อาบน้ำรอกินข้าวเย็น เวลา 18.30 น. ช่วงที่รอผมก็ออกมาเก็บภาพ



บรรยายกาศยามเย็นครับ


อาหารเย็นมาแล้ววว น่ากินมาก ได้อาหารสามอย่างครับ





จะทานแล้วน้าาาาาา ฮ่าๆๆๆ



อาทิตย์ลับฟ้าแล้ว ฟ้าก็ครึ้มๆฝนก็กำลังจะมา


อิ่มแล้วก็กลับมากระท่อมน้อยคอยรักของเรา ลืมบอกครับไฟฟ้าจะมาตั้งแต่ หกโมงเย็นถึงเที่ยงคืนครับ

ออกมานั่งเย็นข้างหน้ากระท่อม บรรยากาศตอนกลางคืนดีมากๆครับ วันนี้เหนื่อยมากขอนอนก่อนนะครับ ราตรีสวัสดิ์


วันที่ 2 (24/6/59)

ผมตืนประมาณ05.30น. ตั้งใจว่าจะมาเก็บภาพตอนเช้าครับ ส่วนแฟนผมยังนอนไม่ตื่นเลย ฮ่าๆๆ


บรรยายกาศยามเช้าที่แพคลองคะ


เวลาประมาณ 06.30 น. ผมปลุกแฟนของไปพายเรือเพื่อเก็บภาพพระอาทิตย์ขึ้น




มาตามนัดครับคุณพระอาทิตย์ เป็นบรรยากาศที่ยากจะบรรยายด้วยคำพูด สวยมากกก จากที่ถ่ายรูปอิ่มแล้วเราก็กลับกระท่อมน้อย เพื่อจะไปอาบน้ำและเก็บกระเป๋าเตรียมตัวกลับ พี่คนขับเรือนัดเราออกจากแพประมาณ 9.00 น. มีข้าวต้มร้อนๆให้รับประทานก่อนขึ้นเรือกลับด้วยครับ


นี่ต้องกลับแล้วหรอเนี่ยยย โอ้ววไม่น่ะพระเจ้า เราไม่อยากกลับเลยยย ฮ่าๆๆๆ





ถึงท่าเรือแล้วจร้าา ไม่อยากกลับเลย ฮือๆๆ


ลาแล้วจร้าาา เขื่อนเชี่ยวหลาน ไว้มีโอกาสจะกลับมาใหม่นะครับ บ๊ายบาย! ลืมบอกครับ ว่าเราถึงท่าเรือประมาณ 10.00 น. จากนั้นเราวางแผนไว้ว่าจะนั่งรถตู้จากท่าเรือเข้าไปในตัวเมืองสุราษฎร์ แต่โชคก็เข้าข้างเราน้องที่มาแชร์เรือกับเราเขาเอารถส่วนตัวมา น้องเลยชวนเรากลับด้วย เราก็เกรงใจอยู่นะ อิอิ แต่น้องบอกว่าจะไปทางนั้นพอดีเดี๋ยวเเวะเข้าไปส่ง นี่แหละน้ำใจคนไทยด้วยกัน ขอบคุณมากคร๊าบบบบ

น้องสองคนนี่ละครับ น้ำใจงามจริงๆ เราจะช่วยค่าน้ำมันน้องก็ไม่รับ

เราให้น้องมาส่งที่แถวตลาดกะว่าจะนั่งรถเที่ยวรอบๆเมืองสุราษฎร์เพื่อฆ่าเวลา เพราะเวลาขึ้นเครื่องกลับตั้ง 20.30 น. เหลือเวลาอีกตั้งหลายชั่วโมง เราเลยตัดสินใจนั่งรถสายรอบเมือง เพื่อจะไปนั่งเล่นรอที่ห้างเซนทรัลสุราษฎร์


เช็คอินเรียบร้อยครับ ก็นั่งรอสิครับ รอออออออออจนรากจะงอก ถึงเวลาเราก็เหมารถไปสนามบิน


รถที่เราเหมาไปสนามบินราคา 350 บาท แพงอ่ะ ตัวเมืองห่างจากสนามบินเกือบ 20 km เราไปถึงสนามบินก็ประมาณหกโมงครึ่ง ก็หาไรกินรองท้อง แล้วก็นั่งรอขึ้นเครื่องครับ



เรามาถึงสนามบินดอนเมืองเวลา 22.00 น.

จบทริปการBackpackครั้งแรกของเราสองคน

สรุปค่าใช้จ่าย

  • ค่ารถตู้จากสำโรงไปขนส่งสายใต้ 50 x 2 = 100 บาท
  • ค่าแท็กซีกับBTS 200 บาท
  • ค่ารถทัวร์ คนละ 473 x 2 = 946 บาท
  • ค่ามอไซค์รับจ้าง คนละ 150 x 2 = 300 บาท
  • ค่าแพคลองคะ คนละ 700 x 2 = 1400 บาท
  • ค่าเข้าอุทยาน คนละ 40 x 2 = 80 บาท
  • ค่าเรือเหมา 1250 บาท (มีคนมาแชร์ค่าเรือด้วย ปกติ 2500 บาท)
  • ค่าเครื่องกลับกทม. 790 x 2 = 1580 บาท
  • ค่ารถเหมาไปสนามบิน 350 บาท
  • ค่ารถสายรอบเมือง คนละ 15 x 2 = 30 บาท
  • ค่าขนมกับข้าว 800 บาท

รวมค่าใช้จ่ายทั้งหมด ประมาณ 7036 บาท ตกคนละไม่เกิน 4000 บาท

ถ้ามีข้อผิดพลาดประการใดก็ขออภัยด้วยนะครับ มือใหม่หัดเที่ยว ติดตามทริปครั้งหน้าของเราเร็วๆนี้ครับ

ขอบคุณที่รับชม บ๊ายบายยย

‪#‎ไปเที่ยวเป็นแฟนเราหน่อย‬ ‪#‎เบลล์ปลาพาเที่ยว‬ ‪#‎กุ้ยหลินเมืองไทย‬ ‪#‎เขื่อนเชี่ยวหลาน‬ ‪#‎สุราษฎร์ธานี‬

https://www.facebook.com/zellew

ณัฐวุฒิ โคตรพัฒน์

 วันพุธที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2559 เวลา 16.18 น.

ความคิดเห็น