" โดนเพื่อนเท เครียดเรื่องที่มหาลัย อยากไปปีนเขา แล้วเราก็พบกัน 'เชียงดาว' "

ทริปใจง่าย ที่มีแต่ผู้หญิง กับเด็กขึ้นหนาว

เริ่มแรกของทริปนี้ คือพี่ที่รู้จักกัน บอกว่าเขาจะขึ้นเชียงดาว ถ้าว่างก็เชิญ แต่ไม่คิดจริงจังด้วยเพราะเรามีทริปอยู่ปลายปี เกรงว่าเงินจะไม่พอ

จนปลายเดือนพฤจิกายน โดนเพื่อนทริปลาวเลื่อนวันเดินทาง เปลี่ยนไปวันที่เราติดสอบ(อ้าว?) ด้วยความพัง โกรธ และเซง เลยตกลงปลงใจ ไลน์ไปบอกพี่ "น้องขอไปด้วย"

และเหมือนทุกอย่างจะลงตัวกับทริปนี้มากๆ

  1. เงินเหลือ เยอะ แบบเยอะเกิน ใช้ชีวิตที่เชียงใหม่แบบอยู่สบายมาก
  2. เป็นช่วยที่มหาลัยหยุดพอดี ได้หยุดฟรีโดยไม่ต้องขาดเรียน
  3. ไม่ตรงช่วงสอบ แถมกลับมาก็ยังเหลือเวลาอ่านหนังสือยาวๆ
  4. เป็นครั้งแรกที่ไปเที่ยวโดยมีข้ออ้างบอกที่บ้านว่า ไปกับพี่แถมเป็นอาจารย์อีก ไม่ต้องห่วงใดๆ มีพี่ๆคอยดูแลตลอดทริป สบายเวอร์
  5. มีรุ่นน้องอยู่ที่เชียงใหม่ ระหว่างรอพี่ๆจากสนามบิน มีน้องอยู่เป็นเพื่อน ปลอดภัย

ข้อเสียก็มี

และการเริ่มต้นที่ดีอีกข้อคือ หยิบเลนส์กล้องมาผิด ทุกทีเราจะหยิบเลนส์ติดมาอย่างน้อย 2 ตัว แต่วันนี้มั่นใจ ตัวเดียวก็พอ และด้วยความรีบ หยิบเทเลมาค่ะ 55-230 ข้อดีคือ ได้ถ่ายไกลๆได้ แต่ข้อเสียคือ ถ้าจะถ่ายใคร ต้องถอยยาวๆ (ถอยค่ะถอยย)



ด้วยเหตุและผลที่เหมาะเจาะขนาดนี่ รู้ตัวอีกที อ้าว จองตั๋วไปเชียงใหม่ซะแล้ว

5 ธันวาคม 2015

19.30

หมอชิต 2

ถึงจะบอกว่ามีเงินเหลือเยอะจากทริปลาว แต่ทำใจไม่ได้จริงๆ ถ้าจองตั๋วเครื่องบินไปเชียงใหม่เกิน 1500 บาท ขอบายยย สุดท้ายเลยมาจบที่รถทัวร์ แถมเป็นบขส ป.1 ที่มีเด็กวิ่งเล่นอยู่ข้างๆ (เริ่มต้นได้เยี่ยมมาก)

ได้ร่วมจุดเทียนชัยถวายพระพรพอดีค่ะ


6 ธันวาคม 2015

6.00

เชียงใหม่

เช้านี้ นัดให้น้องมารับที่ บขส โดยแผนที่เตรียมไว้คือ อยากไปดูไร่สตรอเบอรี่ โดยขับรถมอไซด์ขึ้น และอย่าลืม ใช้ google map ให้เป็นประโยชน์

น้องบอกเช้าๆแบบนี้ต้องเติมพลังก่อนการเดินทางก่อน เลยพาเรามากินข้าวเช้าใต้ตลาดวโรรส



8.00

ทางไปสะเมิง

หนาวมากกก ไม่เคยลองมาเชียงใหม่ตอนที่หนาวขนาดนี้ แล้วเราดันเปรี้ยว ใส่เสื้อยืด เสื้อกันหนาวเบาๆและกางเกงวิ่งขาสั้นผ้าร่ม ต้องให้น้องแวะจอด หยิบเอากางเกงขายาวมาสวมทับ แถมเสื้อกันหนาวแบบฮู้ดอีกตัว อาห์ อุ่นขึ้น แต่หน้ากับมือนี่ ชาไปหมดแล้ว

ทางที่สะเมิงขับไม่ยาก แต่ซดน้ำมัน (น้องบอก) โค้งไปโค้งมา ทางก็สวย เขียวๆ พอให้มีแดดส่องถึง


9.00

ไร่สตรอเบอรี่นภ ภูผา

ถึงไร่ รีบพุ่งไปที่ซุ้มกาแฟ สั่งลาเต้ร้อนๆมาเพิ่งอุณหภูมิในร่างกายก่อน

พอกาแฟหมด ต้องการความอุ่นเพิ่ม เลยออกไปตากแดดอ่อนๆที่ไร่สตรอเบอรี่กันต่อ

เก็บชิมได้ เลยจัดไปเบาๆ 2 ลูกน้อยๆ



ความหนาวและหนาของเครื่องแต่งกาย 5555



11.00

ในเมือง เชียงใหม่

ขับรถลงจากสะเมิงมาถึงในเมือง น้องว่าจะพาไปเที่ยวที่แม่โจ้ต่อ แต่ดั้นรถเสีย (พี่ขอโทษ) เลยต้องเปลี่ยนแผน ต้องหาที่ไปรอพี่ๆที่กำลังนั่งเครื่องมา


13.00

Wake Up Coffee ถนนนิมมานเหมินทร์

กลับมาสู่ comfort zone ที่คุ้นเลย นั่งแช่ได้ ชาร์ตแบตได้ มีเบอร์เกอร์กิน แถมโกโก้อร่อยมาก




16.00

สถานีขนส่ง ช้างเผือก

ในที่สุด พี่ๆก็มาถึง เรามาซื้อตั๋วรถไปเชียงดาวกัน ที่นี่มีรถออกทุกครึ่งชม (ซึ่งก่อนมาถึงก็เพิ่งออกไปคันนึง) และราคาจำไม่ได้

เย่ รถมาแล้วว



กิ๊วก๊าวกันพอประมาณ จากนั่นหลับ



19.00

ในตัวเมืองเชียงดาว

รถมาส่งเราที่หน้า โลตัสเล็กๆ (บรรยากาศเหมือนซอยในหมู่บ้านที่กรุงเทพเลย แต่มองไปข้างหลับเป็นภูเขา และหนาวมาก)

พี่บอกว่าเพื่อนเขาที่เป็นเจ้าหน้าที่อุทยานกำลังขับรถมารับเราไปนอนพักที่อุทยานก่อนคืนนี้


20.00

บ้านพักอุทยาน

มาถึงที่พัก เราก็ได้เจอกับพี่ๆอีก 2 คนที่เป็นเพื่อนของพี่เจ้าหน้าที่ มาขึ้นดอยหลวงเชียงดาวพร้อมเราด้วย และแล้ว สรุป ทริปเรากลายเป็น หญิงล้วน 5 คน มีพี่ๆอายุเท่ากันหมด 4 คน ล้วนแล้วแต่เป็นอาจารย์บ้าง เจ้าหน้าที่อุทยานบ้าง ยิ่งรู้สึกดีมากๆ รีบโทรรายงานแม่อย่างด่วน ว่าทริปนี้ ปลอดภัยยิ่งกว่าหุ้มที่กันกระแทกของไปรษณีย์ไทย


7 ธันวาคม 2015


7.00

บ้านพักอุทยาน

เช้านี่เรารีบตื่นตั้งแต่เช้า เก็บกระเป๋า และแยกของใช้ที่จำเป็นพกติดตัว ยกกระเป๋าขึ้นรถ แล้วออกไปหาเสบียงที่ ตลาดเชียงดาว



7.30

ตลาดเชียงดาว




8.00

ร้านขาหมูเสวย สาขา2

พี่เจ้าหน้าที่อุทยาน พามากินขาหมูเจ้าดังประจำเชียงดาว บอบ ร้านนี้เด็ด!


อิ่มหน่ำสำราญแล้วก็มุงหน้าสู่ทางขึ้นดอยหลวงกัน นั่งหลังกระบะ หน้าชากันไป

9.00

ทางขึ้นดอยหลวงเชียงดาว

เราเริ่มเดินขึ้น กันจากจุดนี้ ถ่ายรูปกับป้ายกันพอหอมปากหอมคอ แวะเข้าห้องน้ำกันให้พร้อม ลูกหาบพร้อม คนนำทาง แล้วเราก็พร้อมออกเดินทางกัน

รองเท้ายังคงสะอาดเอี่ยม

เป็นการเดินป่าแบบที่ไม่มีทางเดินให้พร้อม คือเดินในป่าจริงๆ ยิ่งลึกยิ่งสูง ยิ่งเสียวตก ยิ่งกลัวความสูง (อ้าว?) มีจังหวะถ้าก้าวพลาด จะต้องกลิ้งลองไปนอนอยู่ข้างล่างแน่ๆ

แถมยังเอารองเท้าวิ่งที่กำลังจะปลดประจำการ และลื่นมาก (วืดไปหลายครั้ง) อย่าทำตามนะคะ ควรเลือกรองเท้าดีๆสำคัญมาก พี่อีกคนใส่คอนเวิร์สไป เจ็บเท้าแรงมาก


เดินไป พักไป แวะถ่ายรูปตามทางบ้าง



12.30

พักกินข้าว

หลังจากกินข้าวเสร็จ เราก็เดินต่อไปเรื่อยๆ ยิ่งสูงก็ยิ่งหนาว

ยิ่งเดินก็ยิ่งเหนื่อย (ในใจคืออยากโทรบอกแม่มาก อยากกลับบ้านเหนื่อยสุดๆ แต่กลัวจะโดนด่าซ้ำ แถมสัญญาณมือถือก็ไม่มี)



และด้วยความที่ไม่ได้อ่านอะไร ไร้การเตรียมตัว ไม่ได้ฟิตร่างกาย ทำให้มีจังหวะที่ที่ยิ่งเดินสูงขึ้น ทางชันขึ้น และหายใจผิดจังหวะ ทำให้ปวดจี๊ดที่หน้าอก พี่ๆเลยให้นั่งพัก เป็นการพักที่นานกว่าเดิม จนอาการดีขึ้น กลับมาร่าเริงเหมือนเดิม (โชคดีที่พี่ๆรุมดูแลและให้คำแนะนำ รู้สึกดีขึ้นมากจริงๆ)


16.00

จุดที่พัก บนยอดดอยหลวงเชียงดาว

เดิน เดินๆ

แล้วในที่สุด เราก็ถึง เย่!

แต่ตอนนั้นสภาพคือพังมาก หน้าแดง ตัวแดง ผื่นขึ้น และหนาวแรง เพราะอากาศ 15 องศา

เรารีบเข้าเต๊นส์อย่างรวดเร็ว รื้อๆๆๆ เสื้อผ้ามาใส่ ประกอบด้วย ลองจอน กางเกงวิ่งที่ใส่เดินขึ้น กางเกงขายาว 2 ตัว เสื้อ 4 ชั้น (เป็นฮู้ดไปแล้ว 2 ชั้น) แถมด้วยหมวก ถุงมือ และถุงเท้า

ให้หายหนาว รื้อถุงนอนแล้วรีบซุกตัวเข้าถุงนอนเป็นดักเด้ และบอกลาพี่ๆที่จะขึ้นไปบนยอดเขา ขอให้สนุกนะฮ่ะ น้องไม่ไหวแล้ว แต่ยังยังมีนางฟ้ามาโปรด พี่อีกคนเขาขอพักด้วย เลยอยู่เป็นเพื่อนน้องในเต๊นส์แสนอบอุ่นของเรา 555



19.00

ตื่นขึ้นมาด้วยสภาพสดใสกว่าตอนเย็น รูดซิปเตนส์ออกมา พี่ชวนเรากินมาม่า จะได้กินยาแล้วนอนพักต่อ

กำลังนั่งซึมๆ ไม่นาน พี่ๆที่ขึ้นไปดูพระอาทิตย์ก็กลับมา และพบว่า "ไม่เห็นอะไรเลย หมอกเพียบ ขึ้นก็ยาก หนามเพียบ" ทำไมโชคดีขนาดนี้ ที่นอนอยู่ในเต๊นส์ 555

พี่ๆเรียกมากินข้าว(อีกรอบ) โดยมีพี่ๆลูกหาบทำให้ มีกระเพราหมูสับ ไข่เจียว และของเหลือเมื่อมือกลางวัน แอบชิมไปสองสามคำ

อิ่มหนำพร้อมนอนแล้ว แต่ปวดฉี่ นี่แหละทีเด็ด เกิดมาไม่เคยเจอส้วมหลุม นี้แหละครั้งแรกในชีวิต

เป็นแสลนสีดำพันรอบไม้ 4 มุม สูงระดับหัว มีหลุมแล้วเอาไม้พาด วางเป็นรูไว้ ในใจคิดตลอด อย่าได้ปวดหนักบนนี้เลยยยย

ก่อนนอน เราจัดการกินยาไว้ทุกตัว ทั้งแพ้อากาศ คลายกล้ามเนื้อ พรุ่งนี้จะได้ไม่ปวดมาก

ดอยหลวง เชียงดาว เฟิร์สไทม์ 10 องศา หนาวมาก สูงมาก ไกลมาก เหนื่อยมาก และคิดถึงแม่มาก



8 ธันวาคม 2015

6.00

จุดที่พัก บนยอดดอยหลวงเชียงดาว

วันนี้เราเราตื่นมาครบ 3 คน ในเตนส์ เพราะพี่อีกคนขอลาไม่เดินขึ้นไปดูพระอาทิตย์ขึ้น

อาการปวดเมื่อยดีขึ้นกว่าเมื่อวาน เลยได้เดินดูรอบๆ ช่วงที่เรามาก็คนเยอะเหมือนกัน เต๊นส์มีหลายหลัง เต็มพื้นที่เลย แต่หมอกก็ยังหนาอยู่ อากาศก็ยังลงอยู่หลักสิบ

8.00

พี่ๆที่ขึ้นไปดู พระอาทิตย์ ก็ยังกลับมาด้วย "ไม่เห็นอะไรเลย หมอกเพียบ ขึ้นก็ยาก หนามเพียบ" เหมือนเดิม

เช้านี่เรากินเป็นมาม่าคับที่ซื้อมา โดยให้พี่ลูกหาบต้มน้ำให้เหมือนเดิม


9.45

จุดที่พัก บนยอดดอยหลวงเชียงดาว

ได้แล้วลงกันแล้ว (ยิ่งจะได้ลงก็ยิ่งร่าเริง) เราจะเดินลงอีกทาง เป็นทางที่สั้นกว่า แต่ชันกว่า เลยเหมาะที่จะเดินลงมากกว่า

วันนี้มีอารมณ์ถ่ายรูปมากกว่าเมื่อวานมากๆๆๆ พักก็แยะถ่ายรูปเรื่อยๆ เจอดอกไม้แปลกๆเยอะ (จำชื่อไม่ได้ แต่ก็ถ่ายมาเรื่อยๆ ไปรุมถ่ายกันเป็นช่วงๆ)

หมอกยังคงหนาแน่น



ดอกไม้ตามทาง






ป้ายนี้ แสดงว่ามาครึ่งทางแล้ว





เจออะไรด้วยยย

นั้นหมู่บ้านที่เราจะได้ไปพักคืนนี้



ดอกหญ้าชิคๆ ฟ้าเริ่มใสแล้ววว

14.30

ยิ่งเขาบอกว่าใกล้ถึงยิ่งมีแรงเดิน เดินนำเลย จนพี่ๆแซว

ยิ่งเห็นเส้นชัย ได้ยินเสียงคนคุยกันดัง ยิ่งวิ่งมาบันทึกภาพพี่ๆกำลังเดินเข้าเส้นชัย


15.00

เย่ ถึงซะที ได้พิชิตดอยหลวงเชียงดาวแล้ว แม้จะทุลักทุเล และไม่ได้ขึ้นไปถึงยอดเขา


พี่ส้ม พี่ที่อุทยานมารับพร้อมน้ำดื่มเย็นๆ เต็มถังเลย เราจัดการสปอนเซอร์ไป 1 ขวดเต็มๆ

พี่เจ้าหน้าที่นำทางที่คอยบอกว่า อีกนิดเดียว (ซึ่งไม่ตำกว่า 30 นาที) และเคยแนะนำเขาต่างๆที่เดินผ่านมา และชวนให้ดูดอกไม้หายาก และยังให้ชิมของแปลกๆ ที่บางทีก็กินไม่ได้ แต่กินไปแล้ว


พี่ส้มพาเรากลับมาที่อุทยานอีกครั้ง มาเก็บของที่เหลือ และจ่ายค่าใช้จ่ายต่างๆ และยังหารถไปส่งเราที่โฮมสเตย์อีก

17.00

บ้านหมอกตะวัน เชียงดาว


เป็นบ้านพักที่เพิ่งเปิดใหม่ วันที่เราพักเพิ่งเปิดได้ 4 วัน ซึ่งตอนแรกจะนอนที่บ้านนับดาวแต่เต็ม เขาเลยให้มานอนที่นี่ ซึ่งพี่ๆเขาจองที่พักให้เสร็จสรรพ (สบายอีกแล้ว)

ส่วนพี่ๆอีก 2 คนก็ไปนอนบ้านนับดาว (จองทัน แม้จะนอนเต๊นส์ก็ตาม)

ด้วยความที่เพิงเปิด คือใหม่มาก เป็นบ้านพัก มีห้องน้ำอยู่ติดกับตัวบ้าน วิวก็ดีมากๆ แต่ยังไม่เท่าบ้านนับดาว มันเห็นคนละมุม แต่ให้ความเป็นส่วนตัวกว่า ไม่มีใครเดินผ่านหน้าบ้านเรา

แต่บ้านไม่มีปลั๊กนะคะ ต้องไปชาร์ตที่บ้านใหญ่อย่างเดียว

ถึงบ้านก็จัดการอาบน้ำสระผม (ที่นี่เขามีแชมพูกับสบู่ให้ด้วย แต่น้ำยังเย็นเจี๊ยบ) เราอาบคนสุดท้าย ออกมาอีกที พี่เราไปถ่ายรูปเล่นอยู่บ้านนับดาวแล้ว ตอนแรกว่าจะไม่ไป แต่ เอ๊ะ ไปดีกว่า




บ้านข้างเคียง


ถึงเวลากลับบ้านดีกว่า




พระอาทิตย์กำลังกลับบ้าน และดีใจมากก ได้เห็นพระอาทิตย์แล้ววว (อยู่มา 2 วัน ไม่เห็นเลยสักวัน)



สภาพถุงมือ หลังปลดประจำการ



18.00

อาหารเย็นก็มาเสิรฟ์ เป็น ผักผัด แกงจืด ไข่เจียว(รสชาติกลางๆแบบรองรับคนกรุงเทพ) พร้อมน้ำพริกสูตรเด็ด (เผ็ดมาก) ข้าวเติมได้



19.00

บ้างบ้านแวะมานอนเล่นบ้านเราบ้าง มานอนดูดาวกัน 5 คน อากาศดีมากๆ หนาวได้ใจ (ไปลากผ้าห่มในบ้านมาพันตัว)

นี่ตั้งใจเตรียมตัวมาถ่ายดาวเต็มที่ แต่ถ่ายไม่เป็น และกล้องก็ไม่อำนวย (ไม่มีสายลั่นชัตเตอร์)

และนี่คือ รูปที่พอดูได้ที่สุด (อายเขา)


พี่ๆยังอยู่คุยกันยาว แต่น้องไม่ไหวแล้ว เลยขอตัวไปนอนอุ่นๆในบ้านก่อน


9 ธันวาคม 2015

6.00

บ้านหมอกตะวัน

เช้านี่รีบตื่นอย่างไว มาดูพระอาทิตย์ขึ้น ซึ่ง หมอกหนามาก ได้เห็นแต่แสงแดงๆ ไม่เห็นพระอาทิตย์ดวงกลมๆ แต่วิวด้านล่างนี่หมอกเลย เหมือนสวรรค์ ตามที่เจ้าของบ้านบอกจริงๆ (มองด้วยตาสวยมากๆ แต่ถ่ายมาไม่สวยเอง)




7.30

บ้านหมอกตะวัน

เช้านี้มีเข้าต้มเครื่องร้อนๆ เป็นอาหารเช้า พร้อมกับจ่ายค่าที่พัก


สองสาวสุดน่ารักที่ช่วยดูแลกันมาตลอดทริปฮ่ะ




ใช่ฮ่ะ ฟังไม่ผิด ทั้งหมด พี่เราจองไปโดยไม่ได้จ่ายล่วงหน้า แม้เราถามว่า ให้จ่ายก่อนไหม ก็บอกว่าไม่

ราคาที่พัก พร้อมอาหาร 2 มื้อ คนละ 500 บาท 3 คน ก็ 1500 บาท วิวขนาดนี้ ราคาแค่นี้ โห้ยยยยยย ถูกไปไหน



9.00

บ้านหมอกตะวัน

พี่ส้มยังใจดี หารถมารับเราไปส่งที่ท่ารถเพื่อนกลับสู่ตัวเมืองเชียงใหม่

11.30

ตัวเมืองเชียงใหม่

โบกรถแดงแวะซื้อของฝากจากตลาดวโรรส และแยกกับพี่ๆที่ต้องรีบไปสนามบินกลับบ้านกัน

ส่วนเรา ยังต้องอยู่เชียงใหม่ เพราะว่าจองรถขากลับรอบดึกมาก เลยตัดสินใจ ไปดูหนังสักเรื่องที่ Maya (อยู่กรุงเทพก็ไม่ดู ดูที่เชียงใหม่) แล้วก็นั่งรอน้องมารับเพื่อไปส่งที่สถานีขนส่ง


ฟ้าใสเชียว เรียกได้ว่าอากาศดีที่สุดตั้งแต่มาถึง (มาดีวันกลับ)


20.00

สถานีขนส่ง

น้องพามาส่งถึงที่ เตรียมรอขึ้นรถ นครชัยแอร์

ด้วยความที่นั่งครั้งแรก เพิ่งรู้ว่ามีห้องรับรองดี แอร์เย็น (จนหนาวเลย) มีเรียกขึ้นรถแบบเครื่องบินเลย





ถึงเวลาก็เรียกขึ้นรถค่ะ เช็คตั๋ว มีป้ายติดกระเป๋า และมีพนักงานบริการดีมากกกกก ชอบเลย



ได้หนีอากาศร้อนๆ ที่กรุงเทพ มานอนหนาวที่เชียงดาวสมใจ แถมเต็มไปด้วยดาวที่มองไปสุดสายตา แม้ว่าอากาศวันแรกที่ไม่ค่อยดีก็ตาม (และก็มาดีมากๆวันกลับซะงั้น)

ดอยหลวงเชียงดาว น่าจะเป็นภูเขาที่ทางขึ้นสามารถวัดพลังกายและใจของตัวเองได้ดี และยังทำให้เราข้ามขีดจำกัดหลายๆอย่าง ของตัวเอง และทำให้รู้ว่า เราเป็นโรคแพ้อากาศหนาว 55555

ต้องขอบคุณพี่ขวัญ ที่ชวนมา และพี่ตั๊ก พี่ขิง พี่ขวัญ(2) ที่คอยดูแลกันมาตลอดทาง โชคดีเหลือเกินที่ตัดสินใจมาครั้งนี้ เพราะถ้าไม่มีใครชวนก็คนไม่มีโอกาศได้ไป


ใครๆที่ได้อ่านรีวิวนี้ ลองหาเวลาสักครั้งมาพิชิตดอยหลวงเชียงดาวกัน เก็บไว้เป็นความทรงจำดีๆที่ต้องออกมาสัมผัส

ส่วนใครที่เดินไปไหว เราก็แนะนำโฮมสเตย์ที่เชียงดาว มีหลายที่ให้เลือกหามุมสวยๆที่ไม่เห็นทุกวันแน่ๆ

การเดินทางอาจจะไม่สบาย แต่เดี๋ยวนี่เท่าที่ทราบมา ก็มีรถถึงโฮมสเตย์แล้วเป็นรถวิ่งประจำเป็นเวลาแล้ว

จะมาเป็นครอบครัว คู่รัก หรือเพื่อนกัน ก็มาได้ทั้งนั้น เหมาะสำหรับทุกคนจริงๆ




Lee Leelawadee

 วันศุกร์ที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2559 เวลา 15.10 น.

ความคิดเห็น