สบายดี สปป. ลาว

ประเทศลาว วันที่ 6

11.08.2022

วันนี้เราตื่นเช้าอีกแล้ว ตั้งใจจะไปใส่บาตรและไปเดินเที่ยวตลาดเช้า ฝนตกหนักแต่เช้าเลย ออกมาตอน 6.00 น. ทันใส่บาตรพอดี ชุดใส่บาตรคนละ 70,000 กีบ 

พระที่หลวงพระบางมากันทีใส่บาตรแทบไม่ทันเลย ตั้งกล้องถ่ายพระบังบ้าง เณรบังบ้าง หมาตัดหน้าบ้าง หารูปดีๆ ไม่ได้เลย ถ่ายมาสิบใช้ได้สองรูป 5555 ยังดีที่วีดีโอยังตั้งมุมถูก

ใส่บาตรเสร็จเราก็เดินฝ่าฝนไปหาอะไรกินกันที่ตลาดเช้า ตลาดเช้าของที่นี่ก็คล้ายๆ กับตลาดสดบ้านเรา มีอาหาร มีขนม มีผัก มีเนื้อสัตว์ต่างๆ ขาย 

เราเดินมาเรื่อยๆ เจอร้านขายขนม เป็นข้าวเหนียวที่ทานคู่กับมะพร้าวและ ข้าวต้มข้าวเหนียวดำ และมันสำปะหลัง ซื้อมาลองทาน 5,000 กีบ เดินต่อไปเรื่อยๆ ฝนก็ยังคงตกกระหน่ำลงมา จนเรามาเจอร้านพันหอมอยู่ข้างทาง หน้าตาวิธีการทำเหมือนกับปากหม้อบ้านเราเลย 

สั่งมาทานชุดละ 10,000 กีบรสชาติดีเลยแหละ อร่อย ทานได้สักพักฝนก็เริ่มซา เราก็เดินต่อไม่อยากเชือว่าเราจะเดินมากันจนถึงร้านประชานิยมอ่ะ แต่วันนี้เราทานร้านเฝอสมศรีที่อยู่ติดดับประชานิยม

สั่งข้าวซอย และก๋วยจั๊บญวน มาทาน ค่าเสียหาย 70,000 กีบ ค่าโอเลี้ยง กับกาแฟเย็นอีก 30,000 กีบ

ทานเสร็จฝนก็ยังคงตกไม่มีทีท่าว่าจะหยุด เราเลยตัดสินใจเรียกรถสามล้อให้ไปส่งที่พักในราคา 30,000 กีบ แพงหน่อยแต่ก็ต้องยอม ไม่มีทางเลือก

เข้าที่พักได้ อาบน้ำ ดูแล้วยังเหลือเวลาก่อนที่จะเช็คอินอีก 3 ชม. กระโดดขึ้นเตียงนอนต่อก่อน และก็ต้องมารอลุ้นว่าตั๋วรถไฟที่ฝากน้องโด้ซื้อไว้จะเอามาให้ตอนไหน เพราะเราต้องเช็คเอาท์ตอน 11.00 น.  แล้วนาทีระทึกก็ดีขึ้น ทีมงานน้องโด้เอาตั๋วรถไฟมาให้เราทันเวลาที่เช็คเอาท์พอดี เดินออกมาจากที่พักได้ไม่ทันไรฝนก็ตกกระหน่ำลงมาอย่างหนัก ทำให้เราต้องรีบวิ่งหาร้านข้างทางเพื่อพัก 

จนมาเจอร้านอาหารตามสั่งบ้านเจ็ท เราสั่งกะเพราะหมูกรอบไข่ดาว กับข้าวผัดหมูไข่ดาว ค่าเสียหาย 35,000 กีบ พี่เจ้าของร้านเลี้ยงน้ำเป๊บซี่เราด้วย น่ารักมากๆ เลย 

ฝั่งตรงข้ามเป็นร้าน miniso มองเห็นว่ามีร่มพับเราก็มุ่งหน้าตรงเข้าไปซื้อร่มกันคนละอัน ไม่งั้นทริปนี้ไม่น่ารอด พอได้ร่มเราก็เรียกสามล้อเหมาให้ไปส่งที่สถานีรถไฟหลวงพระบาง ในราคา 90,000 กีบ เพื่อความสะดวกในหลายๆ อย่าง ใช้เวลาเดินทางมาสถานีประมาณครึ่งชั่วโมง นั่งเปียกฝนมาตลอดทาง สามล้อคุณลุงไม่มีที่กั้นด้านหน้าให้ 5555

พอมาถึงสถานีรถไฟ ก็วิ่งเป็นผู้ประสบภัยเลยแกรร๊ ฝนตกหนักมาก คนอื่นเค้ามากันได้รูปสวยๆ เรามาแต่ละที่ 555 สู้ชีวิตมากนะ ในที่สุดเราก็ได้เข้ามานั่งรอในสถานีเรียบร้อย แต่… ตอนนี้รถไฟดีเลย์ จากเดิมเรามารอบ 13.53 น. เลื่อนไปเป็นเวลา 15.53 น. นั่งรอยาวไปอีก 2 ชม. เนื่องด้วยสภาพอากาศที่ฝนตกหนัก ทำให้รถไฟไม่สามารถวิ่งได้ ต้องจอดรอดูสภาพอากาศ

พอได้เวลา 15.53 น. ก็ได้เวลารถไฟมา ขึ้นรถไฟจากหลวงพระบางมายังวังเวียง ใช้เวลา 1 ชม. 

การเดินทางมาวังเวียง :-

- นั่งรถไฟความเร็วสูงจากหลวงพระบาง คนละ 450 บาท (เอเจนซี่จองให้)
-ใช้เวลานั่งรถไฟจากหลวงพระบางมาวังเวียง 1.05 ชั่วโมง
-ส่วนรถไฟสถานีเปิดให้เข้าก่อน 40 นาทีไปก่อนต้องรอด้านนอก
- ตั๋วรถไฟ มีระบุที่นั่งให้พร้อม นั่ง 2 คน เลือก D กับ F ห้ามนั่งผิดที่เด็ดขาด
- รถตุ๊กตุ๊กจากสถานีรถไฟมาที่เวียงธารา คนละ 5 หมื่นกีบ

พอมาถึงก็มาขึ้นรถสาธารณะ คนละ 30,000 กีบ แต่ของเราที่พักเวียงธาราอยู่คนละทาง เราก็เลยเหมาสามล้อไปส่ง ในราคาคนละ 50,000 กีบ ถึงเวียงธาราเกือบมืด ฝนก็ยังคงตกปรอยๆ อยู่ไม่ขาดสาย

เวียงธารา วิลลา (Vieng Tara Villa) ...โรงแรมหรือรีสอร์ทแห่งนี้เป็นตัวเลือกอันดับหนึ่งในใจเลยก็ว่าได้ เชื่อว่าทุกคนคงเคยผ่านตาภาพทุ่งนา ภูเขา และห้องพักบังกาโลมุงจาก มีทางเดินไม้ทอดยาวไปยังกระต็อบเล็กๆ กันมาบ้างแล้ว เราเองก็เช่นกัน

ความน่ารักของ Vieng Tara Villa เริ่มต้นตั้งแต่ประตูทางเข้า สะพานไม้ทอดยาวข้ามลำธารสายเล็กๆ เข้าสู่ตัวโรงแรม

แค่ตรงจุดเช็คอินก็สวยแล้วอ่ะแกรร๊ แนะนำเลยนะ ถ้ามาวังเวียง แวะมาพักที่เวียงธาราสักคืน เราชอบที่นี่มากๆ เลย เป็นส่วนตัวมากๆ

มาถึงก็ติดต่อ Check-in กับทางที่พักได้เลย

หลังจากที่เช็คอิน ทางเวียงธาราจะให้เลือก Set เมนูอาหารเช้าไว้เลย เสริฟ์มาในชุดขันโตก ของเราสั่งเป็นชุดเวียงธารา กับ breakfast นัดเวลาเรียบร้อย เราก็บินโดรนถ่ายรูปมุมสูงกันสักหน่อย

เรามาช่วงนี้ฤดูฝน ทุ่งนาสีเขียว หมอกสีขาวๆสวยสุดๆ ไปเลยแกรร๊ มองผ่านหน้าจอว่าสวยแล้ว มาเห็นด้วยตาตัวเองยิ่งสวยอ่ะ

นอกจากที่พักแล้ว เวียงธารา วิลล่ายังมีส่วนของร้านอาหาร บรรยากาศปลอดโปร่ง มีมุมให้นั่งชิล ดื่มด่ำกับวิวของเห็นทุ่งนาและภูเขาหินปูนได้อย่างเต็มอิ่ม ถึงจะไม่ได้เข้าพักที่นี่ก็สามารถมานั่งทานอาหารได้น้า

ถ่ายรูปเสร็จเรียบร้อยเราก็เข้าห้องพักกัน โดยห้องที่เราพักในคืนนี้คือ Superior

ทางเดินและระเบียงหน้าห้องพักที่เป็นเรือนไม้ แบบ superior วิวสวน ดูสงบเงียบ ที่พักของเราราคา 85$ แต่เราได้ส่วนลด 30% จ่าย 60$ เป็นเงินไทย 2,100 บาท

เข้ามาดูในส่วนห้องพักกันบ้าง เมื่อเปิดเข้ามาด้านในสิ่งแรกที่เห็นคือเตียง Double bed ที่กำลังนอนสองคนได้สบาย นุ่มสุดๆ เลย ขนาดห้องกว้างขวาง มีพื้นที่ใช้สอยพอสมควร สามารถกางกระเป๋าได้สบายๆ ไม่ทำให้รู้สึกอึดอัด ภายในห้องตกแต่งด้วยไม้แผ่น ทั้งผนังและพื้นรวมถึงเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ ตัดด้วยผนังสีครีม และพื้นกระเบื้องทำให้ดู solf ลง แบ่งออกเป็นส่วนต่างๆ ได้ 4 ส่วน คือ เตียงนอน ห้องน้ำ โซนแต่งตัว และระเบียงด้านนอก

ประตูและผนังหน้าห้องน้ำทำเหมือนบ้านไทยสมัยโบราณ อีกทั้งโต๊ะเครื่องแป้งก็ออกแบบมาง่ายๆเหมือนชั้นวางของ เข้ากันดีทีเดียว

สำหรับห้องน้ำ ทางโรงแรมแบ่งเป็นโซนเปียกกับโซนแห้งไว้ให้ชัดเจน มีอุปกรณ์อาบน้ำเตรียม เช่น แปรงและยาสีฟัน ครีมอาบน้ำ และแชมพูเตรียมไว้ให้ครบ นอกจากนี้ยังมีอุปกรณ์จำเป็นอื่นๆ เช่น หมวกอาบน้ำ ไดร์เป่าผม มีดโกน และครีมโกนหนวด ครบตามมาตราฐานโรงแรมเลยน้า

ในส่วนของโซนแต่งตัว สิ่งที่เราชอบคือบาร์ไม้ที่สามารถวางของกระจุกกระจิกได้เยอะ มีกระจกบานน้อยให้สามารถนั่งแต่งหน้าแต่งตัวตรงนี้ได้ ข้างกันมีตู้เสื้อผ้าขนาดกลางที่สามารถแขวนเสื้อผ้าได้ 4-5 ตัว พร้อมทั้งเสื้อคลุมอาบน้ำตัวหนา ด้านล่างมีตู้เย็นเครื่องเล็กพร้อมน้ำดื่มไว้คอยบริการ นอกจากนี้ยังมีกาน้ำร้อน และกาแฟซองเตรียมไว้ให้ด้วย แต่สำหรับขนมขบเคี้ยวอื่นๆ มีค่าบริการเพิ่มเติม

และสำหรับโซนสุดท้ายอย่างระเบียง กิมมิคของระเบียงแต่ละห้องอยู่ที่โต๊ะนั่งด้านนอก โดยแต่ละห้องจะไม่เหมือนกัน บางห้องเป็นตั่ง บางห้องก็เป็นโต๊ะไม้กลมๆ โดยรวมห้องพักถือว่าดีและสะดวกสบายทีเดียว มีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกไว้ให้อย่างครบครัน การตกแต่งสวยงาม และอบอุ่น ใครที่ชอบงานไม้น่าจะชอบ

หลังจากสำรวจห้องพักของตัวเองเรียบร้อยแล้ว เราก็เดินออกไปถ่ายรูป วิลล่า วิวทุ่งนา ตอนเดินไปตามทางเดินผ่านท้องนายามค่ำคืน มีไฟเรียงรายไปบนสะพานไม้ที่ทอดยาวไปยังบ้านพักที่อยู่ริมทุ่งนา

และที่พลาดไม่ได้เลยก็คือการไปถ่ายรูปสวยๆ บนสะพานไม้ที่ยอดยาวเข้าไปยังทุ่งนา มองดูแล้วสบายตายิ่งประกอบกับไอหมอกที่คลอเคลียตามทิวเขาก็ยิ่งทำให้ภาพตรงหน้าดูงดงามไปอีก

ประมาณสัก 1 ทุ่มเราก็ออกมาหาอะไรกิน ตอนแรกตั้งใจจะทานที่ห้องอาหารของเวียงธารา แต่พี่คนที่พักที่เดียวกันบอกว่า ออกไปหน้าที่พักเลี้ยวซ้าย มีร้านอาหารริมน้ำอยู่ ราคาไม่แพง อาหารรสชาติดี

เราก็เลยตามรอยพี่เค้าไป ตัวร้านบรรยากาศดีจริงๆ แหละ เราสั่ง ส้มตำรสมือแม่ , ปีกไก่ทอด , ต้มยำกุ้ง , ปลาราดพริก ข้าว 2 จาน พี่เค้ามีฝรั่งเป็นผลไม้มาให้ทานด้วย

ทานเสร็จกลับเข้าที่พัก เราจุกๆ มากๆ อาบน้ำเสร็จหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้ รู้แต่ว่าวันนี้เราสู้ชีวิตมากนะ

ค่าใช้จ่ายวันที่ 6 :-
- ตักบาตรข้าวเหนียว 70,000 กีบ/คน
- ข้าวต้มข้าวเหนียวดำ 5,000 กีบ
- ร้านพันหอม 10,000 กีบ
- ร้านเฝอสมศรี 100,000 กีบ
- ค่าสามล้อกลับที่พัก 30,000 กีบ
- ร้านอาหารตามสั่งบ้านเจ็ท 35,000 กีบ
- เหมารถสามล้อไปส่งสถานีรถไฟหลวงพระบาง 90,000 กีบ
- ค่าที่พักเวียงธารา 59.5$  คนละ 1041 บาท
- ค่ารถสาธารณะไปที่พักเวียงธารา คนละ 50,000 กีบ
- ร้านอาหารริมน้ำใกล้เวียงธารา 170,000 กีบ


รวมค่าใช้จ่าย คนละ 1,927 บาท

พรุ่งนี้จะไปไหนต่อ ไว้เราจะเล่าให้ฟังเรื่อยๆ นะ


เพราะการเที่ยวเยอะๆ มันช่วยทำให้เราลืมเรื่องไม่สบายใจได้ระยะหนึ่ง ถ้าไม่เชื่อลองไปเที่ยวดู

ช่องทางการติดต่อ :-

Facebook https://www.facebook.com/EnvyJ... : https://envyjourney.com/
Tiktok : @envyjourney
อย่าลืมกด Like กด Share และ Subscribe ด้วยครับ

YouTube : เที่ยวให้คนอิจฉา#เที่ยวลาว #ประเทศลาว #รีวิวที่พัก #ที่พักลาว #ที่พักวังเวียง #เวียงธารา #รีวิวที่พักลาว #วังเวียง #VangVieng #Laos #Travel #เที่ยวให้คนอิจฉา

เ ที่ ย ว ใ ห้ ค น อิ จ ฉ า

 วันเสาร์ที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2565 เวลา 12.09 น.

ความคิดเห็น