ซู่ ซู่ ซ่า ซ่า ปาทังกาปาทังกี้
ซู่ ซู่ ซี่ ซี่ ปาทังกี้ปาทังก้าาาาาาาาาาาาาาาา


เสียงฝนตกที่บางแค ช่างเย้ายวนให้ชีพจรเท้าคึกครื้นมากซะเหลือเกินน
หลายคนบอก เสียงฝนตกบ้านคุณมุงแอ๊ดว๊านมากจ้าาาาาาา
แหมเอาจริงๆพอได้เห็นบรรยากาศของน้องฝนตอนนี้แล้วนั้น
มันทำให้เราเกิดความรู้สึก อยากไปนอนโง่ๆ มองดูภูเขากรีนๆ ซูดโอโซนดีๆ หน้าปะทะหมอก ที่ไหนสักแห่ง
(หลายคนบอก แค่นี้โง่ไม่พออีกหรอออ ขอตอบ กรุโง่ได้กั่วนี้อีกจ้าาาา ฮ่าๆ ด่าตัวเองก็เป็นนน)

ในขณะที่คิด เราก็เลื่อนเฟสบุคไปเจอพี่ในเฟสคนนึงอัพรูป ภูทับเบิก - เขาค้อ (ละคือบับมีโลเคชั่นใหม่ๆที่ไม่เคยเห็นอีกด้วย)
มันเลยกระตุ้นต่อมอยากไปนอนโง่ๆของเราไปอีกกกกก
พอสอบถามข้อมูลจากพี่เขาเล็กน้อย พี่เขาบอก น้องเอ้ยยย ถ้าไม่มีรถส่วนตัวไปเที่ยว มันก็ลำบากอยู่นะ
แต่คือ.... อย่าว่าแต่รถส่วนตัวไปเลยค่าพี่ ตอนนี้สมาชิกยังไม่มีเลยจ้า คือเอาง่ายๆ มีตรู (ชี้ตัวเอง) คนเดียว เส้าสุดดด TT
หลังจากที่ตัดสินใจละว่า จะไป เขาค้อกับภูทับเบิก เราก็เริ่มปฏิบัติการชวนหาเพื่อนแพบบบ

คือเราชวนไปเยอะมากกกก หลายคนติดนู้นนี่นั้น บางคนบอก เดี๋ยวบอกเดี๋ยวบอก (และพอไปเสร็จชอบบอก รู้งี้ไปด้วยดีกว่า ตัลหลอดดดดดดดดจ้า)


ยังไม่มีใครตอบตกลงเลย ทำไงละค้ะ ชวนวนไปค่ะ จะชวนจนกว่าจะมีไปก่าตรู สักคนก็ยังดี

ชวนไปชวนมามีสองสมาชิก มาติดกับดักเรา

พร้อมกับคำสัญญาของเราว่า


"ไปกับตรู ฝนตกบับนี้ เจอหมอกแน่นวลจ้าาา"

ถ้าไม่เจอ ให้เอาทีนลูบตูดตรูเลยยยย เอ้าาา!!! ฮาาาาา


เราแอบคิดในใจ นังวาววค่ะ มุงไปเอาความมั่นใจในธรรมชาติมาจากไหนน???

เอาจริงๆเราก็กลัวพาเพื่อนไปเฟลเหมือนกันนะ

แต่คือ ถ้าเราไม่ลองเราก็ไม่รั ไม่ดูก็ไม่เจอ (ข้ามิได้กล่าวแต่พี่แหลมได้กล่าวไว้ คิคิ)


สรุปทริปนี้มีสมาชิกกันทั้งหมด สามคน สามคน อ้ายมากันสามคน

เป็นเพื่อนสนิทสนิมเกาะตั้งแต่สมัยผมสั้นเท่าติ่งหูสวมคอซองงง เล่นวิ่งไล่จับกัน

ที่มีนามแก๊งว่า “อัฟนาว พ่องงงทุกสถาบัน"

ฮาๆๆ แค่ชื่อแก๊งก็โหดล๊าววววว ละงี้ท่านผู้ชมมมมจะกล้าอ่านไหมเนี่ยยยแงงง

แต่อ่านเถอะ เราตั้งใจทำกระทู้จริมจริมมมม

ป๊ะๆๆๆ รออัลไล ไป โบกรถ ตามล่าทะเลหมอก กับแก๊งอัฟนาว พ่องทุกสถาบัน กันเถอะ



:. กระทู้เก่าๆของเรา สายโบกแน่นวล .:


"ลุยเดี่ยวเที่ยว พะเยา-น่าน แบบใสใส วัยไหนไหนก็ชอบบบบ :>"

http://pantip.com/topic/34138816

"แบกเป้กับสองสาว - นั่งรถไฟ - โบกรถ - ตะลุย " เ นิ น ม ะ ป ร า ง " ดินแดนแห่งสวรรค์ :>"

http://pantip.com/topic/34183805



หากใครอยากสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่นี่เลย

https://www.facebook.com/wawow.afnow

https://www.instagram.com/wawowwy/



Special No : 1
แพลนทริปก่อนเดินทาง สองสามวัน


เราเห็นแพลนหลายๆกระทู้ ถ้าใครที่ไม่มีรถส่วนตัว ส่วนใหญ่จะ โบกรถไปภูทับเบิกอย่างเดียว
แต่เราคิดไปคิดมา ไปทั้งที เอาให้คุ้มสิแกรรรรร จะไปแค่ทับเบิกก็คุ้มไม่สุดดดดปะ นั่งรถตูดชาตั้งนาน
เราเลยวางแพลนว่า ทริปนี้ เราจะไปควบคู่ เขาค้อ – ภูทับเบิก
แต่เอ๊ะ คือ เราจะไปกันยังไง??? สามหนอไม่มีใครขับรถเป็น!!!
ไม่ต้องกลัวจ้า สวยๆบับพวกเราสามคน (มั่นมาก) แถมรอยยิ้มพิมพ์ใจ
ต้องไปกับ "อา" จ้าาา ไม่ใช่อาเพื่อนหรืออาเรานะ แต่คือ "อาศัย" ชาวบ้าน โบกรถวนไปค่ะ

สรุปทริปคร่าวๆ ( 2 วัน 1 คืน )

เขาค้อ - ไปรษณีย์ย์เขาค้อ - กังหันลมเขาค้อ(กำลังจะเปิดเป็นแหล่งท่องเที่ยว) - โล้ชิงช้า - วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว - Pino Latte – ภูทับเบิก

ส่วนการเดินทาง

รถทัวร์แอนด์โบก และ รถทัวร์แอนด์โบก



Special No : 2
ฮัลโหล ท่าอากาศยานนานาชาติ หมอชิต (มายวิลเลจหลังที่ 2 ) คือมาบ่อยมากจนยกให้เป็นบ้านหลังที่สอง


เราสามคนเดินทางด้วยรถทัวร์ของ พิษณุโลกยานยนต์ สาย กรุงเทพฯ – พิษณุโลก – เขาค้อ
แน่นอนเลยค่ะ วันแรกเราจะไปตะลุยเขาค้อกันก่อน

เราขึ้นรอบดึกสุด คือ 22.00 น. ถ้าอยากดึกกว่านี้ก็ตกรถแล้วจ้า ฮ่าๆ
เราว็อคอินซื้อตั๋ววันนั้นเลยค่ะ

แต่หากเพื่อนๆกลัวเต็ม และไม่อยากเสียเวลาไปซื้อตั๋วด้วยตัวเอง ตอนนี้ พิษณุโลกยานยนต์ มีจองออนไลน์ ผ่านเว็บจองตั๋วรถทัวร์แล้ว
http://www.xn--72cb4bef4ec2ad7c5be74ava.com/
เวลาเราไปเที่ยวไหน เราใช้เว็บนี้ละ ยอมจ่ายค่าธรรมเนียมนิดหน่อย ดีกว่าฝ่าฝันรถไปหมอชิตต TT

พอขึ้นรถปุ๊บ จะมีพนักงานมาถามว่า เราจะลงที่ไหน ให้บอกพี่เค้าไปว่า ลง “ทุ่งสมอ" ค่ะ (ความจริงก็คือสุดทางของรถสายนั้นละ)

พอถึงเวลาเดินทาง ตัวขึ้นรถปุ๊บ เราสามคนก็งีบเอาแรงกันปั๊บบบบบ

ยาวปายยยย ยาวปายยยยยย คร๊อกฟี้ Zzzzz Zzzzzzzz



Special No : 3
สวัสดรี เช้านี้ ที่ทุ่งสมอ


เราใช้เวลาประมาณ 6 ชม. พี่พนักงานก็มาปลุกพวกเราสามคน “น้องๆ ถึงทุ่งสมอแล้วน้อง"


รถทัวร์จะจอดหน้าเซเว่น พวกเรา แอบงงๆกันพักนึง คือพึ่งตื่นด้วย และ ตอนนั้นมองนาฬิกา คือ ตี 4 จ้า

แถวนั้นเงียบมากกกก รถวิ่งสักคันก็ไม่มี และพอดีตรงข้ามเซเว่น มีที่นั่งร้านก๋วยเตี๋ยว (ที่ปิดอยู่)

เราสามคนเลยขออาศัยในการจัดเตรียมตัวเองนิดนึงงงงง

และแน่นวลลล ลงกลางทางแบบนี้ ไม่มีที่อาบน้ำแน่นวลจ้า

เลยล้างหน้าแปรงฟัน (ด้วยนำกินกันตรงนั้น) ทาแป้ง ฉีดโคโรนนแต่งหน้านิดหน่อยย (คิ้วห้ามหายเด็ดขาดดดด)

หูยยยย โอเครรร เฟรชชชชเลยแก เหมือนพึ่งอาบน้ำมาใหม่ๆ ฮาๆ

เสมือนอาบน้ำแล้ววว และฟ้าเริ่มสว่างแล้วด้วย

หลังจากจัดการตัวเองเสร็จ เกิดอาการหิวโซซซซซ

เริ่มหาข้าวกินก่อนออกเดินทาง ก็เลยแวะไปกินร้านนึง

มีเมนูหลากหลายมาก ข้าวแกง ข้าวมันไก่ ต้มเลือดหมู เราเลยตกลงกันกินร้านนี้สะเลยยย

หลังจากกินข้าวเสร็จแล้ว พวกเราก็ออกมาตั้งสติเล็กน้อย

ถามข้อมูลคุณป้าร้านข้าวว่ามีวิธีเดินทางไปข้างบนยังไงบ้าง

ป้าแกก็แนะนำว่า เหมารถไปเหอะ ไม่มีรถไปหรอก

แต่ตอนนั้นเช้ามาก บวกกับไม่มีรถเลย

เพื่อไม่ให้เสียเวลาพวกเราเลยตัดสินใจเดินกันไปเรื่อยๆ


เดินกันไปสักพัก พวกเราเจอ “เจ้าถิ่น" อีกแล้ววววววววววว

ไม่ใช่นักเลงชื่อดังเขาค้อ หรือลูกสาวกำนันอะไรหรอกนะ

แต่ที่พวกเราเจอคือ น้องหมาสี่ขาคับบบบ พร้อมเขี้ยวฟันอันคมเปี๊ยววววว

เหมือนพวกเราสะพายของพะรุงพะรังบวกกับคงไม่ค่อยมีใครเดินผ่าน

มันตามเห่าไล่ เห่าไล่ เห่าไล่ คือเอาจริงๆตอนนั้น กลัวมากกกกก กลัวยิ่งกว่าโจรอีก

นี่แอบคิดในใจ มันจะแอบกัดกรุไหมเนี่ยยยยย น่องกรุยิ่งใหญ่ชวนหิวอยู่ด้วยTT

พอเดินแบบเกร็งตัวได้ไม่นาน มีรถกระบะคันนึงผ่านมา ไม่รอช้า

เรารีบโบกเลยจ้า คนในรถไปไหนไม่รู้ แต่คือขอไปจากตรงนี้ก่อน

พวกหนูกลัวน้องหมา !!!!!

ไอ้เจ้านี่ละที่วิ่งไล่พวกเรา ขนาดขึ้นรถมาแล้ว ไม่วายจาเห่าไล่อีกกกกกเหวย

ทำแก๊งอัฟนาวจ๋ออเลยจ้า แต่มะกลัวหรอกเฟ้ยยย แน่จริงโดดขึ้นมาบนรถเสะ

(ตอนนั้นพวกเราปากดีแบบนั้นจริงๆ และคิดกันว่า ถ้ามันโดดขึ้นมากนจริงๆนะเมริงเอ้ยยยยยยยยย)


สรุปคุณลุงคนขับเค้าจะไปทำธุระที่ โรงพยาบาลเขาค้อ และ เค้าต้องผ่านไปรษณีย์เขาค้อ

พวกเราก็เลยขอลงที่ไปรษณีย์เขาค้อแทน


เพื่อนเราคิดในใจฉันรอดจากหมาแล้วโว๊ยยย

นี่แค่เริ่มการเดินทางยังตื่นเต้นขนาดนี้

และต่อไปจะเป็นยังไงเนี่ยยย ฮาๆ แค่คิดก็สนุกแล้ววววววววว

ใช้เวลาไม่นาน คุณลุงก็มาส่งพวกเราที่ปากทางเข้า ไปรษณีย์เขาค้อ

แน่นอนสิ่งที่พวกเราไม่ลืมคือ กล่าวขอบคุณงามๆ พร้อมรอยยิ้มพิมพ์ใจไปสามฉีกกกก


Special No : 4
เช็คอินแบบชิคชิคกันที่ ไปรษณีย์เขาค้อ

คุณลุงส่งพวกเราที่ปากทางเข้าพอดี
เดินเข้าไปไม่ไกลก็จะมีชุดชมวิวค่ะ

และนี่คือจุดชมวิว วันนี้มีหมอกเล็กน้อย ลอยอ่อนๆ

ตรงนี้จะมีบันไดทางขึ้นไปถ่ายรูปกับป้ายแลนด์มาร์ค ไปรษณีย์เขาค้อ

เพื่อนข้ามีฟามเป็นตุ๊กแกรรรรสูงงงงงงง55555555

ขอบรรยายด้วยรูปยาวๆนะ

เราคิดในใจ หมอกน้อยจุงง นี่ตรูจะโดนเพื่อนเอาทีนลูบตูดไหมเนี่ยยยย เมื่อคืนก็ฝนตกนิหว่า ???

เอาวะ สงสัยอากาศคงแปรปรวนนน (เข้าข้างตัวเองไปอีกกกกกกก)

ที่นี่มีลูกสน เพิ่มความฮิปไปอีกกกกกก ชอบบ

หลังจากเพลิดเพลินกับวิวกรีนๆที่ ไปรษณีย์ย์เขาค้อเสร็จ

เราก็นึกขึ้นได้ว่า ลืมแบตกล้องไว้ที่ร้านข้าวของคุณป้าที่เรากินกันที่ทุ่งสมอออ !!!!

เราอยากร้อง hereeeeeee หนักมากกกกกก
คือนี่ก็ขึ้นมาถึงขนาดนี้แล้ว ดันลืมของไว้ข้างล่างอีกกก
คือเพื่อนเราไม่ได้โกรธ หรือ นอยอะไรนะ แต่มันบอกว่า

กรุต้องไปเจอ อั้ยหมานั้นอีกแล้วหรออออออออออออออ ดับบิวทีเอฟเอ๊ยยยยยย

คือตอนพูด ก็กลัวไปขำไป น่าอายของแก๊งอัฟนาว โจรไม่กลัว แต่พวกกรุกลัวหมาจ้าาาาแงงงง
พวกเราเลยตัดสินใจเอาวะกลับไปใหม่ และค่อยหารถโบกกลับมาใหม่
ถ้าทุกอย่างมันราบรื่นก็ไม่มีอะไรรน่าตืนเต้นนสิ เอาเว้ยยย สู้!!!!

พวกเราก็เริ่มมหกรรม โบกโบกโบก สองมือโบกโบก อีกครั้ง

รถกระบะคันนี้จอด แต่เค้าไปไม่ถึงทุ่งสมออออ เลยอดไป

แต่ความโชคร้ายของพวกเรามักมีความโชคดีซ่อนอยู่เสมอ

มีกระบะคันนึงกำลังวิ่งมา เราเลยโบกๆๆๆ และถามพี่เค้าว่า ไปทุ่งสมอไหมค่ะ ???

สรุปคือ พี่เค้ากำลังจะไปแถวนั้นพอดี และคือพวกเรากำลังจะขึ้นด้านหลังกระบะ

พี่เค้าบอก มานั่งข้างหน้าด้วยกันเลยน้อง (พี่เค้ามาคนเดียว)

เราก็โอเค เผื่อจะถามที่เที่ยวหรือถามทางไปที่อื่นๆกับพี่เค้าด้วย

ไม่นานนพวกเราสาวสาวสาว ก็เข้ามาอยู่ในรถพี่เค้าแล้วจ้าาาาาา ฮ่าๆ

แหมมมมมีความเป็นเด็กแสกนแต่เด็กเลยนะพวกหนูววววว



คนที่รับเราขึ้นรถคือ “พี่พง" ค่ะ พี่เค้าเกิดเชียงใหม่ โตกรุงเทพฯ และตอนนี้พี่เขาก็มาอยู่เขาค้อ กำลังเริ่มทำรีสอร์ท
พี่พงแกเหมือนเขาเป็นคนชนเผาเล็กน้อยค่ะ เค้าจะพูดภาษาท้องถิ่น ที่เราฟังไม่ออกด้วย
แต่พี่เขาพูดไทยได้พอประมาณนึง
พี่เค้าก็ถามพวกเราว่าจะไปไหนกัน มีแพลนเที่ยวไหน
ไม่รอช้าจ้าาาาา เปิดรูปพร้อมแพลนให้เขาดูเลย
และถามว่า อันนี้ที่เป็นกังหันลมอยู่ไหนหรอค่ะ ???
พี่เค้า อ่อออออ เนี่ยเดี๋ยวเราต้องผ่านก่อนไปทุ่งสมอ ไปไหมละ ??? เดียวพี่พาไป

วี๊ดๆ กรี๊สๆๆๆๆๆ ดิ้นแรงง ในใจอยากไปจะขาด แต่ก็บอกพี่เค้าว่า
“พี่ค่ะ ถ้าพี่มีธุระก็ไม่เป็นไรนะค่ะ ไปทุ่งสมอก่อนก็ได้ค่ะ เดี๋ยวพวกหนูลองหาวิธีไปเองอีกทีนึง"

พี่พงใจดีมากกก แกบอกว่า โอ๊ยไม่เป็นไรหรอก พี่จะไปรับเพื่อนที่เป็นคนเวียดนามตั้งตอนเที่ยงแหนะ
เดี๋ยวพาพวกเราไปเที่ยวกันก่อนน

เรานี่ยืดอกพร้อมพูดกะเพื่อนว่า ต้องขอบคุณกรุนะค่า ที่กรุลืมที่ชาตแบตตตตต
เพื่อนๆเราก็ จ้า มุงมาน ตัวนำโชค ตัวเงิน ตัวทองงงงง เอ๊ะ!!! มุงต้องขอบคุณกรุสิ ไม่ใช่ด่ากรุแบบนี้ ไอ้พวกเพื่อนนนนนน #$#%$^#%$
ใช้เวลาไม่นาน เราก็เริ่มเห็นกังหันลมเขาค้อไกลไกลโพ้นนนน

จากตรงไปรษณีย์เขาค้อใช้เวลาไม่นานค่ะก็มาถึงกังหันลมเขาค้อ


กังหันลมเขาค้อ จะอยู่ทางที่ไปหมู่บ้านเพชรดำค่ะ คือถามคนเดียวนั้นได้รู้จักกันหมดคะ

ระหว่างขับพี่พงแกก็เล่าเรื่องวิธีชีวิต ของคนแต่ละหมู่บ้าน ให้ฟังเยอะมากกกกก

แต่เราชอบฟังนะ สนุกดี ฟังเพลินๆ เป็นความรู้ด้วย

สักพักพีพงก็จอดรถที่ลานจอดรถที่มีต้นสน


พอถามพี่เจ้าหน้าที่ที่ดูแลคนเข้าออก เค้าบอกเราว่า

ตอนนี้กังหันลมเขาค้อ ยังไม่ให้เข้าจ้า สามารถถ่ายรูปได้จากด้านหน้าเท่านั้น

โอยยยยยยยยยยย เส้าแพ๊บบบบ T_____T แต่ไม่เปนไร

ไม่มีอะไรมาต้านทานความต้องการอยากถ่ายรูปของเราได้หรอก

ถ่ายแต่ข้างนอกก็ได้ฟะ



Special No : 5
กังหันลมเขาค้อ สวิซเซอร์ไทยแลนด์


อย่างที่บอกตอนนี้กังหันลมเขาค้อกำลังสร้างอยู่ ซึ่งยังไม่เปิดเป็นแหล่งท่องเที่ยว
พวกเราเลย ถ่ายรูปเล่นกันด้านหน้า
คือแค่ด้านหน้ายังสวยขนาดนี้ ไม่อยากจะคิดเลยว่า ถ้าสร้างเสร็จและเข้าไปจะสวยขนาดไหน
ขอมโนนนนว่าอยู่สวิซเซอร์แลนด์แพ๊บบบบนะ ฮาๆ

มีความอยากใส่ขนเฟออออ

บรรยากาศดีงามจริมจริม


นอกจากวิวดีดีที่มีกังหันลมแล้ว
ภูเขาตรงนี้ก็มีความสดชื่นนนไปอีกกกก

แถมบรรยากาศดีจนอยากนั่งแช่กันนานๆ

พรอบเพื่อนเราก็มีความสลิดได้อีกกกกก กรุว่าที่หมาไล่ก็ไล่ไอ้ปอกคอมินเนี่ยนมันนั้นละ 5555555

ขอแช่อยู่ที่นี่สักพักนะ อากาศดีจนเพลินจริม

(เพื่อนนั่งเล่นเพลิน ส่วนเราก็ถ่ายรูปจนเพลินนนนน)



Special No : 6
ย้อนวัยกลับไปอนุบาล 3/3 อีกครั้งงงงง

หลังจากเพลิดเพลินถ่ายรูปเล่นแถวกังหันไม่นาน
พวกเรามองไปทางขวามือก็เห็นอะไรขาวๆๆ เหมือนเป็นชิงช้า
พวกเราดูตื่นเต้น จนพี่พงบอกขึ้นไปไหมม ฮ่าาาา และเราก็ได้พบกับบบของเล่นใหม่ อารมณ์บับเหมือนได้กลับอยู่ อนุบาล 3/3 อีกครั้งง
นั้นก็คือ โล้ชิงช้า นั้นเองงงงง

ถึงพวกเราจะสวยไม่มาก แต่ท่ายากนาจาาาาาาา ฮ่าๆ

สนุกมากกก ขอบรรยายด้วยรูปยาวยาววว

คือถ้าเกลียดใคร ต้องแนะนำให้มันเล่น และก็แกว่งแรงๆๆๆๆมานจะเสียวและกรี๊สดังมากกกกกกกกก 55555

สะใจจจจจฝุดดด

เราว่าตรงโล้ชิงช้า เป็นจุดชมวิวที่ดีเลยนะ

ได้เห็นภูเขาสลับซับซ้อน

และมองเห็นทางขึ้นก่อนที่จะมากังหันลม

บริเวณรอบๆ

มีฟามกรีนนนน อยากยกวิวนี้ไปไว้ที่บางแครรรรรรรจริมจริมมม

ตรงโล้ชิงช้ามีของเล่นอีกอย่างนึงให้เล่น

แถมมีดอกไม้ฟรุ้งฟริ้งงงให้ถ่ายรูปกันเพลินเพลินน

FYI ข้อมูลเพิ่มเติม

หากใครไม่มีรถส่วนตัว และต้องการมาเที่ยว กังหันลม และโล้ชิงช้า มีอยู่ 2 วิธีคือ ไม่โบกรถ ก็ต้องเหมารถเข้ามา

เพราะทางเข้าแอบลึกอยู่เหมือนกันค่ะ (แต่เราเห็นมีรถกระบะวิ่งเข้ามาเรื่อยๆเลยนะ)


Special No : 7
วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว

หลังจากนั้น พี่พง ก็บอกว่าจะไปเที่ยวไหนอีกไหม
พี่ขอไปรับเพื่อนสาวสองคนที่เป็นคนเวียดนามก่อน และจะพาไปเที่ยวด้วย
ตอนนั้นพวกเราก็เกรงใจมากจริงๆ ก็บอกพี่เขาว่า “ไม่เป็นไรค่ะพี่ พี่พาเพื่อนเทียวก็ได้ เดี๋ยวพวกหนูลงทุ่งสมอที่เดิมก็ได้ค่ะ"
พีพงแกบอก ไม่ได้ จะทิ้งพวกเราได้ยังไง จะทิ้งพวกเราไม่ได้ (ตอนนั้นปลิ้มปริ่มมมม TT)
(ความจริงพี่แกคงคิดในใจว่า ความเกรงใจของพวกเอ็งหมดตั้งแต่ กรี๊สกระตู้วู๋ ที่โล้ชิงช้าละหละ ฮาๆๆ)

เส้นทางที่พี่พงไปรับเพื่อนสาวเวียดนาม จะผ่านทุ่งสมอ เราเลยแวะเอาแบตที่เราลืมไว้
และหลังจากนั้นพี่พงก็พาพวกเรามาที่ วัดพระธาตุซ่อนแก้ว

แต่เพื่อนสาวเวียดนามสองคนเค้าต้องไปโอนตังที่ธนาคาร พี่พงเลยบอกถ้าถ่ายรูป เที่ยวเสร็จแล้วให้โทรหาพี่เค้า


เพราะพีเค้าไปทำธุระก่อน และเดี๋ยวจะขึ้นมาเที่ยวบนนี้ที่หลัง

พวกเรากับพี่เขาก็แลกเบอร์กันไป และมาสงบจิตสงบใจกันที่วัดต่อ

ครั้งนี้เป็นครั้งที่สอง ที่เราได้มาวัดพระธาตุซ่อนแก้ว แต่เพื่อนของเราพึ่งมากันครั้งแรก

แต่ครั้งแรกที่เรามา ยังสร้างไม่เสร็จ แต่พอสร้างเสร็จแล้ว มาเห็นคนของจริงนี่ก็แอบทึ่งนะ คือสวยมากจริงๆ

พวกเราเริ่มกันที่ เจดีย์พระธาตุผาแก้ว ก่อนเลย

ที่นี่จะตกแต่งด้วย กระเบื้อง หินสีต่างๆ และสถาปัตที่นี่สวยงามมาก

จากตรงนี้มองเห็น อุโบสถพระพุทธเจ้า 5 พระองค์ แต่เสียดายท้องฟ้าตอนนั้นเน่าไปหน่อย TT

รูปนี้ดูดีๆเหมือนแขนเพื่อนเราหายยย 5555555

และหลังจากนั้นเราก็ไปอีกฝั่งนึง ซึ่งเป็น อุโบสถพระพุทธเจ้า 5 พระองค์

สวยมากๆๆ สบายตา สบายใจ

ถ่ายรูปเล่นอยู่ดีๆ หันไปอีกที เพื่อนมันไปเล่นกับเด็กเฉยยยยยยยย

บรรยากาศรอบๆดีงามจริงจริง

มีหลักคำสอน ตามผนังด้วย

หลังจากเราสักการะ และชื่นชมความงามเสร็จแล้ว เราก็ออกมาหาไรกินเล่นกันข้างนอก

คือข้างนอกยังบรรยากาศดีขนาดนี้


มาแล้ววว มาแล้วววววว ขอโทษที่ให้รอนะค่าา ติดงานจริงจริง TT
หลังจากที่พวกเราออกมาข้างนอก
ตอนนั้นพี่พงและเพื่อนสาวเวียดนาม นั่งกินข้าวกันอยู่
และความโชคดีเป็นโชคชั้นที่สอง ของเราก็มาเยือนอีกแล้ววววววว
พี่พงบอกว่า จะพาเพื่อนสาววียดนามเขาไปเที่ยวภูทับเบิกพอดี แต่ถ้าจะไปอาจต้องไปเลยนะ เพราะเดียวเค้าจะต้องกลับมาเขาค้ออีก
แต่ก่อนไป พี่พงพาเราแวะที่ พินโน้ ลาเต้ อีกกกกก

ที่นี่เป็นร้านกาแฟที่วิวดีจริงๆค่ะ แต่คือพวกเราต้องรีบไปทับเบิกต่อ เลยไม่ได้ภาพมามาก


พวกเราซื้อน้ำขอบคุณพี่เขา

พี่เค้าบอก เค้าเต็มใจจริงๆ แถมบอกอีกนะว่า ไว้โอกาสหน้ามาใหม่ พี่จะพาพวกเราเที่ยวให้ครบๆ

น้ำตาจะไหล ซึ่งใจน้ำใจพี่พงมากมากกกกก TT


FYI (ข้อมูลเพิ่มเติม)

หากเพื่อนๆไม่มีรถส่วนตัว สามารถหารถประจำทาง (สองแถว) ที่ไปตำบลแคมป์สน และ ให้ลงรถที่หน้า อบต. แคมป์สน หรือหน้าตลาดห้วยไผ เดินเข้ามาประมาณ 10 นาทีจะเห็นสะพานทางเข้าวัดด้านขวามือ

เราเห็นรถสองแถวที่ทุ่งสมอ ไปแคมป์สน อยู่ค่ะ แต่ไม่แน่ใจว่ามีตลอดหรือเปล่า

พอดีตอนเราเดินรอกับเพื่อนไม่ค่อยเจอเลย ยังไงลองสอบถามชาวบ้านแถวนั้นเพิ่มเติมได้ค่ะ



Special No : 8
ออกตามล่าทะเลหมอก ภูทับเบิกกันเถอะ จะเจอไม่เจอ มาลุ้นกันนนนนน


ถึงเวลาเตรียมตัวมุ่งหน้าไปภูทับเบิกแล้วววว
ตอนนั้นอากาศนี่แปรปรวนระดับสามสิบแปดจุดห้าอารมณ์เลยค่ะ
เดี๋ยวฟ้าหม่น เดี๋ยวฟ้าเปิด เดี๋ยวลมแรง คือเดาใจไม่ถูกจริงๆๆๆๆ

และที่สำคัญอันยอดยิ่งคือ ช่วงระหว่างทางขึ้นมาภูทับเบิก ทางโค้งมากมายหลายศอก

แต่ความโชคดีที่เราเป็นคนไม่เมารถ เจอโค้ง ตีลังกา ถอยหลัง ก็ไม่เมาาา

(แต่เมาเหล้า กะ เมารัก แงงง เดี๋ยววว มะเกี่ยวจ้าาา เที่ยวอยู่ห้ามดึงดาววววววค่ะลูกกกกก)


แต่ทางกลับกัน เพื่อนเราสอนคน พะอืดพะอมสุดฤทธิ์ เราคิดในใจ มุงไม่พะอืดพะอมได้ไง

ระหว่างนั่งรถคุณมุงสองคนหลับ หัวหมุนวนเวียนไปมายิ่งกว่าทางโค้งที่ภูทับเบิกอีกจ้า

ข้าก็ดูทางไปสิ พวกเอ็งหลับปุ๋ยยยยสบายเลยยย

ใช้เวลาสักพักจากวัดพระธาตุซ่อนแก้ว พี่พงพาเพื่อนสาวเวียดนาม และพวกเรา แวะจุดชมวิวก่อนถึงภูทับเบิก

ซึ่งอยู่ระหว่างทางจะไปภูหินร่องกล้าและทับเบิก

วันนี้อากาศเย็นสบายๆ ไม่ได้หนาวจัด และก็ไม่ได้ร้อนด้วย

แถมวิวตรงนี้ก็ดีงามรามแปดจริงจริงงงงง

อย่างที่บอก อากาศตอนนั้นแปรปรวนมากจริงๆ รูปภาพเลยมีหลากหลายอารมณ์นิดนึง

เดี๋ยวฟ้าหม่น เดี๋ยวฟ้าเปิด เดายากกกกยิ่งกว่าใจคนอีกกกกกกกกกกกกกกกก แงงงง (ดึงดาวอีกแล้วจ้าาาาฮ่าๆ)


นอกจากนั้น ตรงนี้มีชาวบ้านมาขายของด้วยค่ะ

ของฝากเอ่ย ของที่ระลึกเอ่ย รวมไปถึงบรรดาผักสุดชิคคคคคค

ที่มีความเป็นทับเบิกสูงงงงงง

แครรอท ป้าคนขายบอกกินได้ยันใบเลยยยยยนะ

อยู่เกาหลีหรอกเรอะะะะะ นึกว่าเพชรบูรณ์ฮาาาา มันเผาเกาหลีก็มาจาาาาาา

ยอดมะระหวานหว๊านนนก็มานะเจ้าาาา

หลังจากเพลินเพลิดกับจุดชมวิวสักพัก รถพี่พงก็พาพวกเราเข้าสู่ดินแดนแห่งภูทับเบิกจริงๆ
อยากบอกว่า ที่นี่มีความเจริญสูงมากกกกกกกกกกกกกกกก

ที่พักเยอะแยะไปหมด แต่พวกเราได้จองที่พักไว้ (คือจองวันนั้นตอนเที่ยงเลย)

คืนนี้เราจะเช็คอิน และอ้างแรมกันที่ “ไร่ริมผา" เราขอยกให้ที่พักแห่งนี้เป็น

ที่พักหลักร้อย แต่วิวดีงามหลักล้านยกกำลังสองคูณสามเบิ้ลให้อีกเจ็ดเลยจริมจริมม

เราไม่ได้โม้ววววนะ รอชมภาพปลากรอบกันเลยค่า


เมือมาถึงที่พัก ซึ่งแน่นอนอยู่แล้วว่า ทุกการเดินทาง เมื่อมีพบก็ต้องมีจาก

และพวกสามคนไม่พลาดที่จะ เซลลลลฟี่กับพี่พงไว้เป็นที่ระลึกแน่นวลลลล

คอมเม้นนี้ขอโชว์เบ้าหน่อยยย หลังจากโชว์หลัง โชว์ข้าง โชว์ทีนนนมานานนน ฮ่าๆๆๆ

พวกเรา สาว สาว สาว แห่งแก๊งอัฟนาว พ่องทุกสถาบันเองจาาาาาาาาาา

หลังจากนั้นพวกเราก็ไม่ลืมทีจะขอบคุณพี่พง และ สองสาวเวียดนาม ทีใจดีมาส่งพวกเราถึงขนาดนี้

แค่วันนี้วันเดียว จะเจอหมอกไม่เจอหมอกไม่รู้ แต่ตอนนี้พวกเราอิ่มใจกับน้ำใจคนที่นี่มากมายจริงๆ : ))

ช่วงเวลาที่พวกเรามาถึงภูทับเบิกประมาณ บ่ายสามโมงได้

พวกเราเก็บของไว้ที่ห้องพัก และขออาบน้ำ จัดการตัวเองกันสะหน่อยย (เพราะเน่าบูด อมเปรี้ยวกันมาแต่เช้าแล้วจ้าาาาา)
แต่คือวันนั้นช่วงเย็นที่ภูทับเบิก ฝนตกหนักมากกก ฝนตกตลอด บวกกับลมแรงง
เลยทำให้วันนั้นเราไม่ได้ชมวิวอะไรเลย
แต่มีเจ้าหนูประจำไร่ริมผาาา มาป่วนให้พวกเราครึกครื้นนท่ามกลางอากาศเหงาๆ
เป็นไงง มีความเล่นกล้องไหมหละะ ฮ่าๆๆ

และคืนนี้เราขอฝากท้องไว้ที่ครัวไร่ริมผาละกันนะค่ะ

ในเมือฝนตกขนาดนี้ไปไหนไม่ได้

ส่วนราคาเหมาะสมไม่โอเวอร์เกินไป (เดี๋ยวสรุปยอดหลังจบกระทู้นะ)


เมื่อหนังท้องตึงหนังตาก็เริ่มหย่อนนนน

พวกเราเม้ามอยยยยกันเล็กน้อย พร้อมกับเก็บแรงไว้ไปสูดดโอโซนกรีนกรีนนน วันพรุ่งนี้ดีกว่า

ตื่นเต้นนจุงงงง พรุ่งนี้จะเจอหมอกไหมมมนะ จะเจอหมอกไหมนะ

ขอให้เจอ ขอให้เจออออ ขอให้ได้ ขอให้โดนนนนนนด้วยเถิดค่าาาาาาา คร๊อกฟี้ Zzzzzzz


ติ๊ดฉึ่ง ตี๊ดตี๊ด ตะริดติดฉึ่งงงงงงง
นาฬิกาปลุกดัง บอกว่า หกโมงเช้าแล้ววววว

และเป็นที่แน่นอนว่า นาฬิกาดังปุ๊ปป เราสปิงตัวตื่นปั๊บ
(คือกับการงานทุ่มเทตื่นเช้าแบบนี้ไหมค่ะลูกกกก ขอตอบเลยอย่างมั่นใจเลยว่า ม่ายยยยยยยยยยจ้าาาาาา ฮ่าๆๆ)

และพอเราเปิดประตูห้องพักเท่านั้นละะะะะ
ถึงกับร้อง โอ้วววววโหววววว แม่จ๊าวววแม่จ๊าววววววว แม่จ๊าวเว๊ยยยยยยยย
ใครมาโปรยนุ่นไว้ที่นี่อ๊ะโอ๊ยยยยย ไมละมุนเบอร์นี้ค่าาาาาาาา
ไม่รอช้าาา เรารีบปลุกเพื่อนๆ
หน้าไม่ล้าง ฟันไม่แปรง อดใจไม่ไหวจริงๆ เราขอไปแฉะภาพรัวๆๆก่อนนน
และนี่คือ วิวหน้าทีพักของเราในเช้านี้ : ))

เพื่อนๆเห็น ภูเขาที่เป็นเรียบๆไหมค่ะ อันนั้นพี่ที่ที่พักบอกว่าคือ ภูกระดึง

ส่วนด้านขวา ที่มีแหลมๆนิดๆอันนั้นคือ ภูป่าเปาะ

หึยยยยย ต้องรีบไปปักหมุดบ้างสะแล้ววววว

เราเข้าใจกระทู้นึงแล้วที่พูดว่า พาแฟนไปขึ้นสวรรค์ที่ภูทับเบิก

คือพอมาเห็นกับตานี่คือ มันสวรรค์ชัดๆ

เมฆหมอกที่ลอยสูงยิ่งกว่าตัวเรา

เห็นแล้ว ข้าขอสปริงบอร์ด ไม่ก็สไลด์เดอร์ 7 สี แบบสวนสยามหน่อยจ้าาาา

พวกข้าอยากลงเล่นนนนนนนนสะเหลือเกินนนนน


ใครโสดอยู่คงไม่อินกับรูปนี้นาจาาาาา (เจ้าของกระทู้ก็เช่นกันนนนนน)

คือขอบรรยายด้วยรูปแรงแรงเลยนะ

ให้คนในนี้รู้สึกกกละมุนหมอกไปกับเราไปอีกกกกกก

ที่มองเห็นไกลๆก็คือ วัดภูทับเบิก

หลังจากที่เราเพลิดเพลินถ่ายรูปได้ไม่นาน
เพื่อนอีกสองคนก็ตามออก พร้อมกับอารมณ์กาดี๊กาด๊าา
และชุดสุดทอแหลลลลลของมัน
(คือสาบานก่าข้าที ว่านี่มันชุดกันหนาวจาาาาา 55555555)

หมอกนี่ เหนือหัวไปอีกกกกกก โอ๊ยยยยฟินไรเบอร์นี้


พอดีเราถ่ายรูปให้สองคนคู่รักนั้น เค้าก็เลยให้พวกเรายืมร่มมาเล่นนนนฮ่าๆ

หมอกทีนี่มีความฟินมากจริงๆ

แต่เราอยากฝากบอกเพื่อนๆว่า หากเจอหมอกในฤดูฝนที่ภูทับเบิกแล้ววว

ให้รีบถ่ายรูปรัวรัว อย่ารอช้านะค่ะ

เพราะอากาศแปรปรวนมาก และบวกกับลมแรง อยู่ดีๆ ฟ้าก็ปิด เฉยยย

อากาศก็เลยเปนแบบนี้


ในเมื่อฟ้าปิดแล้ว แต่คือเราก็แฉะภาพได้มาเยอะมากพอควร

งั้นขอไปลองท้องมื้อเช้าที่ไร่ริมผา อีกสักมื้อ

ไข่กระทะ กับ ต้มเลือดหมูร๊อนร้อนนนนนน

อาหารดีงามมม และราคาก็ไม่โอเวอร์เกินไปด้วย

ในขณะที่สำเริงสำราญกับอาหารมื้อเช้านั้น

พี่เจ้าของที่พักบอกว่า จะกลับกันยังไงงง ???

พวกเราก็ นั้นสิ นั้นดิ๊ นั้นไงง กลับกันไงดีละทีนี้

และเราสามคนบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า

ยังงงงงไม่รู้เลยค่าาาา

พี่เขาก็หัวเราะ พร้อมบอกว่า เนี่ยคุณลุงและคุณป้า(คนที่ที่พักค่ะ)

จะลงไปซื้อน้ำแข็งที่หล่มสักอยู่พอดี ออดอ้อนคุณลุงคุณป้าหน่อยยสิ เดี๋ยวแกก็ไปส่ง


แหมะพวกเราสามคนนี่ออดอ้อนคุณลุง และ คุณป้ากันเป็นลูกแมวเหมียวกันเลยยยย

สรุปป คุณลุงก็บอกว่า อีก 40 นาที เจอกันนนนนน ไปถ่ายรูปเล่นกันก่อนเลยพวกหนู

*คุณลุงคุณป้า เป็นคนท้องถิ่นที่นั้นค่ะ แต่พอพูดภาษาไทยได้ ท่านสองคนมีความน่ารักมากๆๆ ><


หลังจากตกลงเวลากับคุณลุงคุณป้าเสร็จ

พวกเราก็ขอแวะไปถ่ายรูปที่ไร่กระหล่ำปลีสักยกกกกก่อนกลับบ

เราไปบุกไร่กระหล่ำปลีกกันนนนนน เย้

หลังจากกินข้าวเสร็จ พลังงานก็ล้นหลาม
เรากับเพื่อนเลยใช้เวลา 40 นาที เพื่อออกมาถ่ายรูปเล่นกันที่ไร่กระหล่ำปลี ซึ่งอยู่ ข้างที่พักเลย
ถึงฟ้าจะปิดยังไง ก็ไม่เกินความอยากถ่ายรูปของเราได้หรอกก
นางแบบกลางไร่กระหล่ำก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกล
สมาชิกแก๊งอัฟนาวนี่ละค่าาาา
สลิดไหมถามใจเทอดู มันเข้าไปเปลี่ยนชุดอีกชุดนึงกันเลยจ๊ะ ฮ่าาาาาา
ยอมใจจจจจจจจจจจ้า

เราบอกให้มันทำตัวเบี้ยนๆๆๆหน่อย จะได้ฟินๆๆ มันสองคนก็ทำเหวยยยย 55555

ไร่กระหล่ำปลีที่นี่มีความคูลมากกกกก ถ่ายยังไงก็ไม่เบื่ออ

อากาศแบบนี้ อยากจะบอกความรู้สึกของวันนี้ว่า "เหงาเท่าอวกาศ" เลยเฟ้ยยยยย

ถ่ายไปสักพักฟ้าก็เปิดดด (บอกแล้ว อารมณ์ฟ้าที่นี่แปรปรวนจริมจริมมมมม)

โอ๊ยยย สวยอะดีงาม ดีงาม ดีงามมมมม

อยากยกโอโซนดีดี วิวดีดี ไปไว้ที่ประเทศบางแคบ้างจุงงงงงงงงงงงง


Special No : 9
หมดเวลาสนุกแล้วสิ

เทเลทับบี้ก็มาอีกแล้วววววว พร้อมพระอาทิตย์น่าเด็กน้อยและพูดกับพวกเราว่าา
"หมดเวลาสนุกแล้วสิ" T_________T ฮือออออออ
(มุงดูการ์ตูนมากไปใช่ไหมมมมมมฮ่าๆ)

เราก็มาเจอคุณลุงและคุณป้าเพื่อนเตรียมตัวเดินทางไปขึ้นรถทัวร์กลับกทม.

FYI ข้อมูลเพิ่มเติม
พี่เจ้าของที่พักบอกเราว่า ลูกค้าที่ไร่ริมผา โบกรถขึ้นมาเที่ยวเยอะมากๆๆๆๆ
เคยถึงขนาด มีครั้งนึงแค่วันเดียว มีคนโบกรถขึ้นมาถึง 8 กรุ๊ป
คือถ้าใครโบกรถขึ้นมา ไม่ต้องกลัวที่จะไม่มีทางกลับนะค่ะ
เพราะพี่เค้าจะคอยหาคนพาลงให้เรา
บางทีอาจจะฝากไปกับลูกค้า หรือหาชาวบ้านแถวนั้นที่ต้องลงไปทำธุระด้านล่าง
ดังนั้น ไม่ต้องกลัวววเลยยย อุ่นใจได้

ก่อนกลับคุณลุงได้แวะตรงจุดชมวิวอีกรอบ ทางแยกไปภูหินร่องกล้าอีกรอบบ

และระหว่างนั่งรถไปที่ บขส หล่มเก่า

ภาพตรงหน้าทำให้เราอึ่งทึ่งมากกกก

คือภูเขาที่นี่ มีความอลังงงงงงงงงงงงงงงงงงง

รีบแฉะภาพให้ไวเลยยย

ใช้เวลาไม่นานก็มาถึง บขส หล่มเก่า

พวกเราชวยค่าน้ำมันคุณลุง เพื่อเป็นการขอบคุณที่คุณลุงมาส่งพวกหนูอีกด้วย

ซึ่งขากลับเรานั่งรถทัวร์ของ เพชรประเสริฐ รถทัวร์ที่นี่มีทุกๆ 1-2 ชั่วโมง

บะบ๊ายยยยยยยนะ เขาค้อ ภูทับเบิก

ใช้เวลาแค่สองวันหนึ่งคืน แต่ความประทับใจกับอยู่ในใจเราตลอดไปป

ปล.เดี๋ยวเราทำข้อมูลการใช้จ่ายให้นะ


LifeBrary journey

 วันอังคารที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2559 เวลา 15.08 น.

ความคิดเห็น