ไปเที่ยว Kashmir แบบกระทันหันเมื่อช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมาค่ะ เรื่องมีอยู่ว่า สงกรานต์แล้ว อยากไปเที่ยว อยากไปเที่ยวภูเขา อากาศเย็นๆ ที่ไหนดี เออ ไปแคชเมียร์ละกัน คุยกับน้อง น้องบอกเพิ่งได้ค่าแชร์ ก็ตัดสินใจซื้อตั๋ว ร่วมทริปแบบปุบปับ ทางเราก็คุยกับ Agent ที่นู่นก็ตกลงแบบปุบปับ การตัดสินใจทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก ไม่เกิน 7 วัน แต่ทำวีซ่าทันนะ e-Visa วันเดียวได้เลยค่ะ

พอวันเดินทางมาถึง ต่างคนต่างบิน ไปเจอกันที่เดลี วันรุ่งขึ้น ต่างคนต่างบินไปศรีนาการ์ เจอกันที่นู่น เที่ยวด้วยกัน ขากลับก็ต่างคนต่างกลับค่ะ แยกย้าย

เป็นการไปเที่ยวที่ Wow มาก อยากจะเล่าสิ่งที่ได้ไปสัมผัสและพบเจอมา เพราะว่า มันไม่เหมือนกับที่ตัวเองคิดไว้เท่าไหร่ เหมือนมันไม่เคยมีภาพอะไรพวกนี้อยู่ในหัวก่อนไป พอไปถึงก็แบบ "อ๋อ มันเป็นอย่างงี้เองเหรอ" "เค้าเป็นแบบนี้กันเนาะ" "เค้าคิดอย่างงี้กันว่ะ เพิ่งรู้" สนุกนะคะ ประทับใจ เลยอยากแชร์ค่ะ อิอ

J&K 101 - ภูมิศาสตร์นิดนึง

แคว้น Jammu & Kashimir (J&K) ขณะนี้เป็นแคว้นหนึ่งในประเทศอินเดีย มี 3 เมือง คือ Jammu (นับถือศาสนาฮินดู) Srinagar (นับถือศาสนาอิสลาม) Leh (นับถือศาสนาพุทธ) จริงๆแล้วพื้นที่ตรงนี้รู้สึกจะยังแย่งชิงกันอยู่ระหว่าง อินเดียกับปากีสถาน ถ้ากดเข้าไปดู Google Map จะไม่มีเส้นแบ่งประเทศนะจ๊ะ ลองดูสิ

Gateway to Srinagar
Place : Dal Lake, Srinagar, Jammu&Kashmir

แคชเมียร์ไม่น่ากลัวอย่างที่เคยคิดไว้ จากเหตุการณ์ทางการเมืองบลาบลา ก็มีคนถามว่าจะไปไม่กลัวเหรอ เอาจริงเราก็กลัวไปก่อน แต่ใจสู้ไง สุดท้ายมาสัมผัสจริงๆ ไม่มีอะไรน่ากลัว ที่นี่สนับสนุนการท่องเที่ยว และเชิดชูนักท่องเที่ยวเสมือนสมบัติอันมีค่า คุณจะไม่มีทางได้รับอันตรายแน่นอน อันนี้ Local Guide การันตีมางี้นะคะ แต่แนะนำว่าอย่าเพิ่งเปรี้ยวไปเอง บ้านเมืองเค้าเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย คุณควรจะไปกับทัวร์ หรือถ้าไม่ชอบก็ Local Guide ที่นู่นมีเยอะแยะค่ะ ราคามาตรฐาน อยู่อย่างมหาราณี ช่วงที่เราไป ก็ไปเที่ยว Sonamarg ไม่ได้ เพราะเค้าปิดถนนกันนี่ล่ะมีเหตุการณ์something แล้วระหว่างทางที่กำลังจะไป Gulmarg ก็เจอกลุ่มคนประท้วงจนต้องปิดถนน ลุงคนขับก็พาเราไปทางลัด ถึงที่หมายกันสวยๆค่ะ ปลอดภัย

Street Style

มีแต่ผู้ชายเต็มไปหมดดดด ผู้หญิงสาวๆอยู่บ้านกันแหล่ะ

เห็นอะไรสีๆไม่ได้ ต้องถ่าย

นี่สาวๆบนถนนค่ะ

Human of Kashmir

ผู้ชายและผู้หญิง หน้าตาดีระดับ Super Premium คือ Bone Structure หน้าดีมาก สันดั้งคม ตอนนั่งรถดูทางคือตาลายหนักมาก สะดุดกับหน้าตาผู้หญิงที่นี่จริงๆค่ะ สวยเด้งทะลุออกมาจากฮิญาบ ถ้านางประกวด miss universe กันได้นี่ มั่นใจว่าผู้หญิงแถบละตินแพ้นะ ในส่วนของผู้ชายนั้นก็ปังมากค่ะ มองดูเป็นฝรั่งเข้มๆ แต่จะตัวเล็ก ไม่สูง บางคนตาหวานแบบจ้องแล้วละลายได้ไม่เกิน 10 วินาที เคยไปตุรกีว่าพีคแล้ว แคชเมียร์นี่พีคกว่า เพราะว่าเค้ายิ้มให้ชั้นด้วย hahahaha

จากที่เข้าใจมาตลอดว่า ผู้ชายเหลือน้อยในโลกใบนี้ ความจริงคือ เราอาจจะอยู่ผิดที่ เพราะที่นี่ผู้ชายแท้ๆ เยอะมาก เต็มไปหมด Staffที่โรงแรมแต่ละที่ที่ไปพักเป็นผู้ชายล้วน ดูแลดีเวอร์ เหลือแค่ป้อนข้าวมั้งที่ยังไม่ได้ทำ ยกของไปส่งให้ที่ห้อง พาขึ้นไปที่ห้อง แนะนำทุกซอกทุกมุม อะไรอยู่ตรงไหน ใช้งานยังไง ซึ่งภาพมันจะออกมาประมาณว่า มีชะนี2คนอยู่ที่ห้อง และมีผู้ชายเข้ามาในห้องอีก 4-5 คน ฮ่าๆๆ อาหารการกินก็มีผู้ชายเตรียมให้ ทำกับข้าวให้กินไปอี๊ก ได้เวลาทานข้าวแล้วก็เดินมาเคาะห้องเรียก ตอนเช้าเดินมาเคาะห้องปลุกให้ตื่น คือแบบ อะไรเนี่ยยยย hahaha แต่ไม่มีอะไรน่ากลัวนะคะ เหมือนมันเป็นรูปแบบการ Service ของเค้า ซึ่งสำหรับผู้หญิงโสด 2คน Happy นะค

ที่ที่เราไปเที่ยวคือ Kashmir เมืองหลวงคือศรีนาการ์ โดย 97% เป็นมุสลิม ได้รับการต้อนรับอย่างดีเยี่ยม ไปซื้อของร้านไหน เค้าจะให้ของแถมมาให้ ยื่นถั่วให้กิน ใช่ค่ะ ถั่ว เป็นการต้อนรับ ตอนอยู่ที่ Pahalgam บังเอิญเจอผู้ชายคนนึง เค้าเดินผ่านมา ทักถามว่ามาจากไหน ก็คุยกัน เค้าแนะนำที่เที่ยวนู่นนี่ สุดท้าย เอ้า บอกบ้านเสร็จสรรพว่าอยู่ตรงไหน ถ้าเราเดินผ่านไป เข้าไปนั่งกินชาบ้านเค้าได้ อบอุ่นเว่อ แต่ไม่ได้ไปนะ เวลาน้อยค่ะ

คนที่นี่เพิ่งพาตัวเอง มีการศึกษา ไม่ใช่คนยากจน ยากไร้อะไรนะคะ ยิปซีมีบ้าง แต่มาจากเมืองอื่น ซึ่งถ้าเค้ามาขอเงินและบอกว่า ขอให้พระเจ้าทรงโปรดพวกเราหากเราให้เงินเค้า อะห์หมัด(Local Guide ของเรา) นางบอกว่าไม่ต้องไปให้ จะมาอ้างพระเจ้าอะไรกัน พระเจ้าเค้าให้เกิดมา ให้ทำความดี ให้ทำมาหากิน !!!! ปังมะ

รวมๆแล้ว คนKashmirน่ารัก น่ารักแบบนิ่งๆ ถนัดจ้อง เลยดูเหมือนดุ แต่ไม่ถนัดคุยเหมือนที่เลห์ คนที่เลห์จะน่ารักFriendlyกว่านิดนึงค่ะ แต่ถ้าเรายิ้มให้เค้า เค้าก็ยิ้มนะ แต่อย่าไปยิ้มให้เหล่าพ่อค้านะจ๊ะ โดนตามไม่รู้ตัวจ้

Mr.Pony Man เค้าเป็นใคร เดี๋ยวเล่าต่อจ้า

เราจะเป็นที่สนใจของเค้ามาก พอๆกับที่เค้ากำลังเป็นที่สนใจของเราอยู่นั่นแหล่ะ ซูมมมมม

ผู้ชายเยอะมากจริงๆค่ะ หาผู้หญิงไม่เจอเลย

ลุงคนนี้ยื่นถั่วให้กิน เห็นมั้ยว่าจ้องเก่ง ยิ้มไม่เก่ง ดูดุไปเลยอะ จริงๆใจดี๊

กันเครากันริมถนน สบ๊ายยยยย

นี่คนขับรถบรรทุก รู้สึกว่าโมอีกนิดก็อยู่บน Adน้ำหอมซักBrandนึงได้ละอะ ทรงมันได้

เดินเล่นที่สวนทิวลิป วิวดี

ที่นี่โรงเรียนเยอะมากนะ ขับไปเที่ยวตรงไหนก็จะเจอแต่เด็กนักเรียนกำลังไปโรงเรียนค่ะ

กิจกรรมวันหยุด มาเดินเล่นกันในส่วน

เราคน South East Asia ไปที่นู่นจะมีคนมาขอถ่ายรูปเยอะ อันนี้งง ไม่รู้เพราะอะไร ก็ถ่ายๆกับเค้าไปเถอะ ถ้าไม่เสียเวลาเรา ระวังกระเป๋าหน่อย คือเค้าจะมาขอถ่ายรูปแบบเราเป็นดาราอะ มาขอถ่ายทั้งครอบครัว เดินไปไหนก็มีแต่คนมอง ดูเป็นสิ่งแปลกปลอมมาก เจอที่เดลี เยอะกว่าที่แคชเมีย ที่แคชเมียจะเจอคนมองเยอะ แต่ไม่ได้เข้ามาขอถ่ายรูปนะคะ ยิ้มให้เค้าเค้าก็ยิ้มกลับ น่ารักดี

คนแคชเมียร์ไม่เข้าใจคำว่า เดินShopping เพราะที่บ้านเค้าไม่มีห้างสรรพสินค้านะ สมมุต ไปตลาด ต้องรู้ว่าจะไปซื้ออะไร ไปซื้อ แล้วก็กลับ เราพยายามขอไกด์เดินตลาด (ซึ่งเราหมายความว่า Take A Walk ไม่ได้จะซื้ออะไรเป็นพิเศษ) เค้าไม่ให้เดิน เค้าไม่เข้าใจ เค้าจะถามว่า ยูจะเอาอะไร เดี๋ยวพาไปที่ร้าน สุดท้าย ถ้าใช้คำว่า ขอไปเดิน Shopping จะไม่สำเร็จค่ะ แล้วอีกอย่างที่นี่การท่องเที่ยวจะเป็นระบบ เป็น Commercial มาก ทุกเมืองที่ไปเลยค่ะ เช่น การซื้อของ เค้าจะผูกกับร้านค้าที่แต่ละที่ดีลไว้ ซึ่งเราไม่ชอบเลย แต่ก็ต้องไปตามที่เค้าพาไปก่อ

บอกว่า อยากไปเดินดูพรมแคชเมียร์สวยๆ นี่เลย ไกด์พามาที่ที่เค้าทำพรมเลยยย มีอธิบายการทำเสร็จสรรพ จดแพ๊บ

มีวันนึงแบบ ไม่ไหวละ อยากไปเดินเล่นในเมือง ดูของ ก็เลยเกิดวีรกรรมหนีออกมาเดินเล่นเบาๆ และสุดท้ายมารู้ว่าโดนสะกดรอยตามด้วยจ่ะ โดยคนของ Local Guide นั่นเอง เรื่องมีอยู่ว่า ที่พักเป็นบ้านเรือ เหมือนนอนบนแพกลางทะเลสาป ถ้าเราเข้าที่พักแล้วเราจะออกมาที่ถนนไม่ได้ ต้องหาเรือ รอให้เค้าพายไปส่งที่ฝั่งถนน นี่อยากจะไปเดินตลาดในเมืองมาก มุกที่บอกว่าจะออกไป Shopping ใช้ไม่ได้ คือนางรู้มั้ยว่าถุงข้าวสารอินเดียชั้นก็ซื้อกลับมาบ้าน จะร้านชำร้านอะไรก็สามารถshoppingได้นะ เลยขอไปว่า เราจะขอไปบนฝั่งถนนไปเจอเพื่อนหน่อยได้มั้ย บังเอิญมีเพื่อนมาเที่ยวตอนนี้พอดี มุกนี้ผ่าน นางพาไปส่ง ทุ่ม 15 และบอกว่า ให้กลับมาขึ้นเรือตรงนี้ 2 ทุ่มตรง ก็ระมัดระวังตัวเองด้วยการคลุมฮิญาบออกไปเดินเล่น ไม่ให้เป็นที่สังเกตค่ะ สวยๆ สุดท้ายเจอสะกดรอยตามนะจ๊ะ เราก็มั่นใจว่าเป็นคนของทาง Local Guide นั่นแหล่ะ ไม่น่าจะมีอะไร ไปเดินซื้อของกันเพลินๆ เจอร้านลุงคนนึง ซื้อของนางมาเต็มไม้เต็มมือ เสร็จแล้วก็เม้าท์กะลุง ลุงบอกว่าที่นี่เค้าจะพยายามให้นักท่องเที่ยวซื้อของจากร้านที่ดีลไว้ เค้าได้เปอร์เซนต์ เราเลยเดินออกมาเที่ยวได้ยาก ก็เข้าใจได้นะ แต่ประเด็นคือ ของที่เค้าพาไปมันไม่ถูกใจ และราคามันต่างกันมากอยู่ รมณ์เสียอะ ฮ่าๆ ขากลับเราไปที่ท่าเรือ เลทไป 10 นาที ลุงคนขับเรือบอกว่า ยูเลทนะ #ข่ะ คุมประพฤติสุด และคนที่เดินสะกดรอยตามเรา ก็เดินตามมาจนถึงเราขึ้นเรือกลับที่พัก อึดอัดม๊าก But Mission Complet

ชุดพื้นเมืองของชาว Kashmir มีบริการให้ใส่ถ่ายรูปสำหรับนักท้องเที่ยวค่ะ

Along The Road

ก่อนมาที่นี่คิดว่าเส้นทางที่แคชเมียร์น่าจะคล้ายๆกับที่เลห์ เป็นการเที่ยว Road Trip ขับลัดเลาะไปตามทิวเขา ชมวิวจากมุมสูงบ้าง เตี้ยบ้างสลับกัน ลักษณะทางจะเป็นการขับไปตามทางหลักที่จะผ่านหมู่บ้าน ผ่านร้านค้า ผ่านย่านต่างๆ ผ่านสวนแอปเปิ้ล มัสตาร์ด หญ้าฝรั่น(Saffron) แล้วไปทะลุออกอีกที่นึง ระหว่างทางจะไม่ได้ Take View Landscape อะไรมากมาย มีแค่บางช่วง ช่วงที่ใกล้จะถึงจุดหมายจะเห็นทิวทรรศน์สวยๆ แต่ที่นี่อุดมสมบูรณ์มาก หญ้าเขียว ต้นไม้เขียว ต้นไม้นานาพันธุ์ ต้นไม้ทุกชนิดในโลกมารวมกันอยู่ที่นี่แน่ๆเลย สมบูรณ์มากๆ ไปแล้ว Freshhhhh

ถนนก็มีสถาพดีกว่าที่เลห์ มีแค่บางช่วงอีกเช่นกันที่ถนนโหดดราม่า เช่นทางไป Chandawar

ถนนหนทางในเมือง pahalgam

กิจกรรมหลัก ออกมานั่งหน้าบ้าน กินชา เม้าท์

เจอเด็กๆเดินไปโรงเรียนจนชินตา

ทางไป Chandawari

More Than โค้งหักศอก

Srinagar Lake Life

ที่ศรีนาการ์ เราจะได้พักบนบ้านเรือ House Boat  ในทะเลสาป Dal Lake และนั่งเรือ Shikara ชมทะเลสาปมี BackGround หลังเป็นวิวหิมาลัย ว้าวววว สวยเลย อากาศดีมากด้วยค่ะ ส่วนนี้จะเป็น Tourist Spot ที่น่าจะมีความเข้มข้นที่สุดของที่นี่ เรือพายขายของมีมากมาย แพที่เป็นร้านอาหารก็เยอะ นักท่องเที่ยวอย่างเราก็จะเจอผู้คนรุมทึ้งเทียบเรือเข้ามาขายของบ่อยหน่อย จนขาดความสุนทรีในการล่องเรือบ้าง

House Boat คือไฮไลท์ ข้างในได้รับการตกแต่งสวยมาก สวยมากๆ ขนลุกเลย รู้สึกว่าตัวเองเป็นมหาราณีก็เพราะที่นี่เลยค่ะ ภายในเรือจะเหมือนกันทุกลำคือเป็นโถงห้องรับแขกก่อน แหวกม่านเข้าไปอีกห้องหนึ่งเป็นส่วนของห้องอาหาร ที่เราจะ Breakfast และ Dinner อย่างมหาราณีกัน ถัดเข้าไปอีกถึงจะเป็นส่วนของห้องพัก เรือลำนึงมีห้องพักประมาณ 4 ห้อง และมีห้องน้ำในตัว สะดวกสบายมากค่ะ ให้รูปยืนยันน

ฺBoat Life

Shikara ที่ศรีนาการ์ ถ้าจะนั่ง Gondola ไปที่เวนิสนะจ๊ะ

แวะซื้อของกินกลาง Lake ได้เลย

ฺBreathtaking View

House Boat

ต้อนรับด้วยชาแคชเมียร์

ห้องนอน

ฝนจะตกแล้ว พายเรือกลับกัน

Pahalgam,The Paradise Valley

เมืองแห่งปลาเทร้า และเลือกเอาว่าจะขี่ Pony หรือจะนั่งรถเที่ยว ที่เอ่ยมาคือ เราทำหมดเลย เดี๋ยวไม่สุด เสียดายอีก

เมืองนี้เค้าว่าเป็นสวิสเซอแลนด์ของแคชเมียร์ แต่เราว่าเหมือนสแกนดิเนเวีย นอรเวย์ อะไรเทือกๆนั้น เพราะยังไม่เคยไปสวิสล่ะ วันแรกมาถึงก็ชิวๆเดินเล่นในเมือง เลยหลงเข้าไปในโรงแรมนึง (Pahalgam Hotel) พนักงานให้การต้อนรับดีมาก ไม่ได้มาพักด้วยนะ แต่สนใจร้านอาหารที่ขายปลาเทร้าในโรงแรม อยากลองกินดู เลยได้โอกาสเข้ามาเดินเล่นในโรงแรม โอ้โหหหห เข้ามาถึงคือวิวเกินเรื่องมากกกกกกกก ตกใจนึกว่ากำลังจะต่อรถไฟสาย Flamsbana ที่นอรเวย์ยังไงยังงั้น สวยจริงๆ สวยแบบไม่รู้จะบอกใครตอนนั้น อึดอัดมาก เนตก็ใช้ไม่ได้ ได้แต่กรี๊ดกร๊าดกันเองค่ะ ฮือออ

ในส่วนของที่พักที่เราพักกันเป็นระดับ Economy แต่น่าจะเป็น Economyมหาราณี อยู่สบาย วิวหลักล้านไปอี๊ก เมืองนี้เหมาะแก่การมาพักผ่อน อากาศดี วิวสวย ปลอดภัยค่ะ กลางคืนออกมาเดินเล่น คนน้อยนะ ร้านรวงปิดเร็ว ซึ่งส่วนใหญ่ที่เจอกันตามถนนก็คนไทยนี่ล่ะค่ะ เจอกันเอง ฮ่าาา

ทางเข้าโรงแรม

นั่งรอกินปลาเทร้า

ปลามาแล้วจ้า อันนี้กินแบบย่างกระเทียม อร่อยมาก

ที่พักแบบ Economy จ้า

wake up like this เกินเรื่อง

มันเป็นความ adventure ที่เราไม่ได้ตั้งใจ ที่ Pahalgam ขี่ม้าไป dona valley นี้คือ ต่างคนต่างไม่แฮปปี้กับการขี่ม้า จากทริปโบรโม่ด้วยกันทั้งคู่ แต่ก็ดันมั่นหน้ามั่นโหนกเลือกขี่ม้า (ที่นั่นเค้าเรียก pony กัน cuteๆ) ไปในPhaseที่ไกลที่สุด โอ๊ย ไปกลับเกือบ 4 ชั่วโมงค่ะ ข้ามเขากี่ลูกไม่รู้ค่ะ ม้าเดินข้ามน้ำตกที่เชี่ยวกราดด้วยจ่ะ ขึ้นทางชันslopeแบบ 70-80 องศาได้ ช่วงที่ชันมากๆคือหวั่นใจ แต่ให้เลือกลงเดินก็คือเดินไม่ได้ กลิ้งตกเขาแน่นอน และสุดท้าย ขาลง คงไม่ต้องอธิบายนะคะ พีคจริงอะไรจริง คือม้าเดิน ม้าวิ่งนี่จิ๊บๆไปเลยค่ะ อีกนิดพี่จะออกรบบนหลังม้าได้ละ บัท ไฟนอลลี่ วี เมด อิท กลับมาโดยสวัสดิภาพ คืนนั้นปวดก้น ปวดขา ตามระเบียบ ส่วนวิว ..... ดูจากรูปเลย คุ้มมาก ของจริงสวยกว่าที่ถ่ายมาหลายเท่าเลยอะ freshมากกกกกกกกก

this is Dona Valley

อีกไกล ค่อยๆไป

เห็นรุ้งด้วยน้า

สองคนนี้คือ pony man ของเรา คอยดูแลทั้งเราและ Pony ตลอด 3 ชม กว่าๆเกือบ 4 ชม ปรบมือๆ

Sightseeing ที่เป็นการนั่งรถเที่ยว เราได้ไป Betaab Valley ( สวนสาธารณะ ที่เคยมีหนังอินเดียมาถ่ายทำและโด่งดังระเบิดระเบ้อ ชื่อเรื่องก็คือนี่ล่ะค่ะ Betaab )และ Chindawari เป็นภูเขาที่มีหิมะปกคลุมในเดือนเมษา เป็น Base Camp แรกของของพิธีกรรมแสวงบุญ Amarnath Yatra ของชาวฮินดู ใช้เวลา trek 3 วัน 3 คืน จะไปสิ้นสุดที่ถ้ำ ชาวฮินดูเชื่อว่าที่แห่งนี้เป็นที่ประทับของพระศิวะ

April Snow at Gulmarg

มาที่ Gulmarg เป็นที่ที่เราจะนั่ง Gondola ขึ้นไปบนยอดเขาที่มีหิมะปกคลุม ซึ่งข้างบนจะมี Activities ต่างๆมากมาย เหมือนไป Ski Resort เลย ซึ่งที่ขึ้นไปจะมี 2 เฟส เราตั้งใจจะนั่ง Gondola ขึ้นไปเฟส 2 กัน เพื่อจะได้ไปชมยอด K2 ยอดที่สูงเป็นอันดับ 2 รองจาก Everest แต่โชคไม่ดี อากาศไม่เป็นใจค่ะ ไม่เป็นใจมากๆเลยค่ะ อยู่ที่เฟสแรกก็เพียงพอแล้วล่ะ ไม่เป็นไร ปลอบใจตัวเอง

อีก adventure ที่เกิดขึ้นกะชีวิต และความstupidที่เจอคือ ระหว่างที่นั่งกอนโดลาหรือกระเช้าขึ้นยอดกุลมาร์ค อากาศไม่ค่อยดี อะเจอฝนตก ขึ้นไปสูงๆๆๆอีก อะเจอหิมะตก ตอนแรกก็ตื่นเต้น อะสุดท้ายขึ้นไปถึง เดินเล่น ถ่ายรูปเสร็จพายุหิมะมาค่ะ กอนโดลาก็ต้องหยุดใช้งาน มันอันตราย คนก็ติดอยู่กันบนยอดเขานั่นล่ะ พอเริ่มใช้งานกอนโดลาได้ ความบรรลัยก็เกิด เพราะพี่อินเดีย เค้าต่อคิวกันไม่เป็น นางมารอ มาออกันอยู่ และไม่มีใครถอยให้ใคร สุดท้ายเกิดสภาวะดันกันหนาแน่นใกล้เคียงกับสภาพรถไฟอินเดียที่เคยเห็นกันในภาพอะค่ะ เหตุการณ์นี้ทำให้เราได้สบตากับป้ามหาภัยคนนึง ที่ไม่แฮปปี้เหมือนพวกเรา sheก็หันมาบ่นและด่ากับเราว่า beautiful but stupid! .... Agree

บนยอดกุลมาร์ค เรามี Local Guide พาชมที่ต่างๆ ซึ่งดีมากเพราะว่าเราเจอพายุหิมะ ไกด์นำเราเดินได้ถูกที่ถูกทางไม่หลงค่ะ

ขาวโพลน แต่เห็นมั้ยว่าอากาศไม่ค่อยดีค่ะ

Gulmarg เป็นที่สุดท้ายก่อนที่เราจะบินกลับกรุงเทพฯ มีเซอร์ไพรส์ด้วยหิมะตกยามเช้ามาส่งก่อนกลับด้วย คนที่โรงแรมที่เราพักบอกว่า ปกติหิมะไม่ตกเดือนนี้นะ เราโชคดีมาก อิอิ April Snow is Real มีรูปมาฝากค่ะ

รู้ไว้ไม่เซ็ง กับความอินเดีย

ห้ามให้ใครมาแตะกระเป๋าเลยนะคะ ที่สนามบินศรีนากา ไม่ว่าคนนั้นจะเป็นคนที่ดูดีมีบัตรห้อยเหมือนพนักงานสนามบินก็ตาม เค้าจะเข้ามาเหมือนช่วยดูกระเป๋า ช่วยยกกระเป๋า ลากกระเป๋าให้ ประหนึ่งเป็นหน้าที่ของเค้า เราจะงงก่อนว่าเฮ้ยมันอะไร สุดท้ายค่ะ แบมือ 1 dollar อะไรงี้ คือโดนไปครั้งนึง จ่ายไป 50 รูปี ประมาณ 25 บาท เออหยวนๆ พอเจออีก อย่าได้มาแตะกระเป๋าชั้นเลยนะ ตบนะคะ สรุปคือ ห้ามงง ห้ามเบลอ กระเป๋าชั้น ชั้นแตะได้คนเดียวท่องไว้ค่ะ ใครจะเดินมาแตะ ตะโกนไปดังๆยาวๆเลยว่า Noooooo! จำไว้ว่าทุกความหวังดีในเขตเมือง มีราคาค่ะ

เราจะเจอความ Hard Sale อยู่ทั่วทุกที่ การบอกปัดในธรรมเนียมไทยๆ เช่น เดี๋ยวไว้มาดูใหม่ เกรงใจเบาๆ ห้ามพูดค่ะ เค้าจำได้ เค้ารอ และเค้าจะตามเรา การเอาตัวรอดจากเหล่าขายดุที่ดีที่สุดคือ 1.บอกว่าไม่ และทำหูดับ ตาบอดไปเลย (เค้าจะตื๊อต่อประมาณ 10 นาที ซึ่งนานนะคะ ฝึกจิตฝึกใจ) 2. บอกไปเลยว่า ไม่มีเงิน เอาเงินมาแค่กินข้าว มุกนี้คือจบนะ เค้าจะเดินไปเลย ถ้าจะรัชดาลัยหน่อย ก็แบกระเป๋าตังค์เวอร์ชั่นที่ไม่มีซักแบงค์ให้นางดู จบค่ะ

ก็ Hard Sale แหล่ะ แต่ก็ซื้อ ฮ่าๆ

เล่าจบแล้ว ย้าวยาว เดี๋ยวถ้ามีอะไรสนุกๆจะมาเล่าให้ฟังกันอีกค่ะ

with Love

From SunnyJune

Sunny June

 วันเสาร์ที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2565 เวลา 20.38 น.

ความคิดเห็น