แจกทริปนั่งรถไฟไป-กลับ ปีนัง 5 วัน 4 คืน 🚋
ทริปนี้เราจะไป-กลับปีนังกันด้วยรถไฟไทยกันนน หลังจากติดโควิดทำให้เราไม่ได้เดินทางกันมา 3 ปี วันนี้เราคิดถึงการเดินทางแบบลุย ๆ เราเลยเลือกไปปีนัง เพราะไม่ต้องใช้หลายวัน สำหรับคนที่มีวันหยุดไม่มากแบบเรา หรือขากลับนั่งเครื่องกลับก็ได้ ปีนังไม่ต้องโชว์ประวัติการรับวัคซีนหรือโชว์ผลตรวจแล้ว ไปเที่ยวได้เลยครับ
เราเลือกรถไฟแบบชั้น 2 - ตู้นอน เตียงบนจะราคา 1,005 บาท / เตียงล่างราคา 1,105 บาท
เราไปขึ้นรถไฟที่หัวลำโพง รถไฟจะออกเวลา 14.30 น. ก่อนขึ้นรถก็ขอถ่ายรูปบรรยากาศโดยรอบกันหน่อย ไม่ได้ขึ้นรถไฟซะหลายปี
ใกล้ถึงเวลารถออกแล้ว เข้าไปนั่งในรถไฟกันดีกว่า ขอเก็บภาพภายในรถไฟหน่อย😁
หลังจากนั่งไปเพลิน ๆ ก็ถึงราชบุรี รถไฟจะหยุดให้ผู้โดยสารขึ้น ก็จะมีแม่ค้า พ่อค้าขายของกินเยอะแยะเลย ที่พลาดไม่ได้เลยคือก๋วยเตี๋ยวเส้นเล็ก กล่องละ 10 บาท เห็นแบบนี้ขายดีมากเลยครับ ทุกคนซื้อกันคนละ 2 กล่อง บางคน 10 กล่องเลย พอเราได้ลองชิมก็หวาน ๆ ดีครับ ก็ได้บรรยากาศไปอีกแบบ
บนรถไฟจะไม่มีอาหารขายนะครับ พอดีช่วงโควิด เค้าเลยไม่มีตู้เสบียง แต่จะมีพี่พนักงานมาจดอาหารตามสั่ง จะมีอาหารให้เลือก 3-4 อย่าง อาหารจะมาส่ง ตอน 6 โมงเย็น
#วิวระหว่างทางกับท้องฟ้าสวย ๆ
ประมาณ 6 โมงกว่า อาหารก็มาส่ง ของเราเลือกเป็นข้าวกะเพราหมูสับไข่ดาว สักพักจะมีพี่พนักงานมาเดินขายชานมไข่มุก มาม่า กาแฟ นม หลังจากกินกันอิ่มแล้ว พี่พนักงานก็เริ่มมาปูเตียงให้
คืนนี้ลาไปก่อน ราตรีสวัสดิ์ครับ
เช้าวันที่ 2 ของการเดินทาง
มื้อเช้าไม่มีอาหารขาย แต่จะมีพี่พนักงานเดินขาย ชา กาแฟ ถ้วยละ 30 บาท
ประมาณ 7 โมงกว่าพี่พนักงานมาเดินเก็บเตียง ก็เป็นสัญญาณว่า เราต้องเตรียมตัวเก็บของล้างหน้า แปรงฟันกันได้แล้ว น่าจะใกล้จะถึงที่หมายแล้ว และแล้วเราก็มาถึงชุมทางหาดใหญ่ ในเวลา 08.13 น. ซึ่งดีเลย์ไป 45 นาที ทำให้เราตกรถไฟหาดใหญ่-ปาดังเบซาร์😥เราเลยต้องเปลี่ยนแผนไปขึ้นรถตู้ที่บขส.แทน ซึ่งจะไปโดยพี่วิน คนละ 50 บาท เราต้องรีบไปเลยไม่มีเวลาต่อราคา
แป๊บเดียว พี่วินพาเรามาถึงด้านหน้า บขส. เราไปที่ชานชาลา 25 เพื่อซื้อตั๋วหาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ ราคาคนละ 60 บาท นี่ก็ฉิวเฉียดอีกแล้ว เพราะรถจะออกในอีก 10 นาที เราจะใช้เวลา 1 ชั่วโมงในการเดินทาง ตอนนี้เราลุ้นมากเลยว่าจะไปทันรถไฟ KTM รอบ 10.35 น. รึเปล่า
พอมาถึง คนขับรถตู้ให้เราลงด้านหน้าด่าน ตม. และเดินเข้าไปสแตมป์พาสปอต ซึ่งอาคารจะอยู่ฝั่งซ้าย พอเราเสร็จจากตรงนี้ เราก็ออกมาขึ้นวินมอไซค์เพื่อข้ามไปด่านปาดังเบซาร์ฝั่งมาเล พี่วินคิดคนละ 100 บาท ใช้เวลาไม่นานก็ข้ามมาฝั่งมาเลแล้ว ตรงนี้อย่าลืมปิดสัญญาณโทรศัพท์กันนะ
เรามาถึงสถานีรถไฟ KTM ก็เกือบ 11 โมงกว่าแล้ว (ตอนนี้เวลาบวกไปอีก 1 ชั่วโมงแล้ว) เรามาไม่ทัน 😥
เราต้องรอซื้อตั๋วรอบ 12.35 น. แต่ตอนมาถึง ห้องขายตั๋วยังไม่เปิด ระหว่างรอ แนะนำไปเข้าห้องน้ำก่อนก็ดีนะ เพราะบนรถไฟไม่มีห้องน้ำ และใช้เวลาเดินทาง 2 ชั่วโมง
ถึงเวลาซื้อตั๋ว ราคาคนละ 11.40 ริงกิต จ่ายเป็นเงินมาเลเท่านั้น จากนั้นเราลงไปที่ชานชาลา 2 เพื่อรอรถไฟ
#ตารางรถไฟ KTM (Padang Besar-Butterworth-Padang Besar)
รถไฟมาตรงเวลา และออกตรงเวลาเป๊ะเลย ระหว่างทางก็นั่งมองวิวไปเพลิน วิวภูเขาสลับกับบ้านคน แป๊บเดียวเราก็มาถึง สถานี Butterworth
จากนั้นเราเดินไปตามทางเพื่อขึ้นเรือเฟอร์รี่ จะมีป้ายบอกเป็นระยะ ๆ เดินออกมาที่นอกตึก ข้ามทางม้าลายและเดินไปอีกตึก เพื่อขึ้นลิฟต์ไปที่ชั้น 2 พอออกมา เดินผ่านเคาน์เตอร์ขายตั๋วรถ เดินชิดซ้ายตรงไปจะเจอทางออกที่ติดกับ KFC หลังจากนั้นเดินตรงไป และลงลิฟต์ไปที่ชั้นล่าง เพื่อซื้อตั๋วขึ้นเฟอร์รี่ จะราคาคนละ 1.14 ริงกิต (ราคานี้รวมขากลับ) หลังจากนั้นเราก็สแกนตั๋วเข้าไปขึ้นเรือได้เลย เรือจะออกทุก 15 นาที ใช้เวลาประมาณ 10 นาที เราก็จะถึงปีนังแล้ววว ตอนนี้เราใช้เวลามา 24 ชั่วโมงกว่าแล้ว เรายังไม่ได้อาบน้ำและยังไม่ได้กินข้าวเลยวันนี้ 😂
ในที่สุดเราก็มาถึงปีนังแล้วววว ดีใจจจจ เย้ๆๆ ต่อไปเราก็หารถเมล์ฟรีที่ชื่อว่า CAT เพื่อไปห้างกอมต้า ซื้อซิมการ์ดกัน เราเดินกันไปทางซ้ายของท่าเรือก็เจอป้ายรถเมล์ พอรถเมล์มา เราขึ้นไป คนขับบอกไม่ไปกอมต้า แป่ววว😅ลงรถจ้า ซึ่งทางไปกอมต้า ต้องเดินไปทางขวาของท่าเรือ แล้วเราก็เดินมาถึงป้ายรถเมล์ มีหน้าจอให้ดูด้วยว่ารถจะมาถึงในอีกกี่นาที สักพักรถมาแล้ววว เรานั่งกันไปแปบเดียวก็มาถึงห้างกอมต้า เราเดินขึ้นไปชั้นบนเพื่อหาซื้อซิมการ์ดก่อน พอโทรศัพท์มีเน็ตแล้ว เราก็หาของกินกันเถอะ หิวมาก แบบ กอไก่ ล้านตัววว
ค่าซิมการ์ดเราจ่ายไป 25 ริงกิต เราเลือกค่าแพคเกจ 8GB ราคา 15 ริงกิต และบวก 10 ริงกิตค่าซิม
หันไปข้าง ๆ ร้านขายซิม เจอ KFC ไม่เคยดีใจอะไรเท่านี้เลยที่เราได้เจอเทอ 555 เราเลือกกินที่นี่ก่อน เราสั่งกันมา 2 ชุด เป็นเบอร์เกอร์และไก่ทอด ในชุดจะมีมันทอดแล้วราดด้วยชีส คือดีย์มาก คนที่นี่จะไม่ใช้หลอดกินน้ำกัน เพิ่งรู้นะเนี่ยะ
ชุดนี้จ่ายไป 28 ริงกิต
หลังจากอิ่มแล้ว เราก็ไปโรงแรมกันเถอะอยากอาบน้ำมากเลย 555 เราเดินกันไม่ไกลก็มาถึงโรงแรม เราจองที่พักชื่อว่า Apollo Inn ราคาคืนละพันกว่าบาทเท่านั้น แต่ว่าการนอนใน George Town จะมีค่าธรรมเนียมที่เราต้องจ่ายด้วย คนละ 2 ริงกิต หลังจากเช็คอินแล้ว ก็ขอเวลาไปแปลงโฉมกันหน่อยยย
เราจะเริ่มกันที่ George Town (World Heritage Incorporated) สถาปัตยกรรมสไตล์ชิโนโปรตุเกส เป็นอีก 1 แลนด์มาร์คที่ทุกคนชอบมาถ่ายรูปกันที่นี่ โดดเด่นด้วยตึกสีขาว ตั้งอยู่หัวมุมถนน
จากนั้นเราก็เดินตามล่าหารูปสตรีทอาทสวย ๆ กันเถอะ วันนี้เราจะได้เห็นของจริงกันแล้ว แล้วเราก็เจอจุดแรกคือน้องแมวเกาะหน้าต่างอยู่นี่เอง และเด็กน้อยที่ปีนเก้าอี้ จากนั้นก็ไปซ้อนมอไซค์น้องเค้าหน่อย
เดินกันไปเรื่อย ๆ ก็มาแวะที่หมู่บ้านประมง Chew Jetty เป็นหมู่บ้านเก่าแก่ที่มีอายุกว่าร้อยปี
เดินกันจนเพลิน ๆ ก็หิวอีกแล้ว เราจะพาไปกินของอร่อยกันที่ถนน Chulia ซึ่งมีของกินทั้งซอยเลย คนเยอะมากกก
เรามาเริ่มกันที่ร้านแรกเลย คือร้าน ลก ลก (Lok Lok) อารมณ์คล้าย ๆ กับชาบูบ้านเรา มีให้เลือกหลากหลาย ราคาจะอยู่ที่สีต่าง ๆ ของไม้ ราคาแพงสุดจะอยู่ที่ 20 กว่าบาท มีให้เลือกหลายแบบ ใครอยากกินอันไหนก็เลือกและจิ้มลงหม้อได้เลย ของเราเลือกมา 4 อย่าง ราดน้ำจิ้ม 2 แบบ แบบแรกจะเป็นน้ำจิ้มคล้าย ๆ หมูสะเต๊ะบ้านเรา และอีกอันจะออกหวาน ๆ หน่อย อร่อยดีครับ ตรงนี้จ่ายไป 8.40 ริงกิต
ไปต่อกันร้านที่ 2 กันต่อ เห็นร้านนี้คนต่อคิวกันเยอะดูน่าอร่อย เราเลยลองบ้าง เป็นก๋วยเตี๋ยวคล้ายๆ คั่วไก่บ้านเรา อร่อย แต่เค็มไปหน่อย ที่นี่จะไม่มีเครื่องปรุงให้ จานนี้ราคา 7 ริงกิต
ไปต่อกันอีกร้าน ร้านนี้คนก็ต่อคิวเยอะอีกเช่นกัน เป็นขนมที่เอาแป้งมาวนในกะทะแล้วแงะออกมาเป็นแผ่น แล้วมาพับคล้ายโตเกียวบ้านเรา แต่จะไม่มีไส้ รสชาติก็ออกหวาน เค็ม เราสั่งมา 5 ชิ้น 3 ริงกิต
ระหว่างที่กำลังจะได้กิน ฝนก็เทลงมาอย่างหนัก ร่มกับชุดกันฝนที่เตรียมมา ก็ลืมหยิบมาจากโรงแรม 555 วิ่งหลบฝนกันจ้า ถึงฝนจะตกแต่เราก็ยังสู้นะ เรารอกันสักพัก ฝนก็ซาแล้ว
ไปหาร้านอร่อยกินกันต่อ เรามาต่อที่ร้านนี้ ก๋วยเตี๋ยวน้ำดำ เห็นแบบนี้ หมูแดงอร่อย นุ่มมาก เราได้เป็นชามสุดท้าย คนขายเลยให้แบบจัดเต็มกันเลยทีเดียว ชามนี้ 7 ริงกิต กิน 2 คนยังอิ่ม 😬😁
อิ่มแล้วก็ไปเดินเล่น ดูบรรยากาศในเมืองกัน ก็มีร้านอาหาร บาร์ เยอะเลย คืนนี้ลากันไปด้วยบรรยากาศเมืองยามค่ำคืนกันกับฝนตกหนักสลับเบา #งงมากเลย เดี๋ยวหนักเดี๋ยวเบา วนอยู่แบบนี้
วันที่ 3 ของการเดินทาง
เช้านี้เราขึ้นไปปีนังฮิลล์ เพื่อชมวิวเมืองของปีนัง เราออกจากที่พักกันตั้งแต่ยังไม่ 6 โมงเช้า เพราะเราได้ยินมาว่า คนมาเลเซียจะมากันเยอะ แล้ววันที่เราไปก็ตรงกับวันหยุด เราก็เกรงว่าจะคิวยาว ขนาดเรามาถึงตอน 6 โมง ก็เจอรถทัวร์มาจอดรอเวลาเปิดเหมือนเราแล้ว พอถึงเวลา 6.30 ประตูเปิด เราได้คิวซื้อตั๋วเป็นคนที่ 2 ค่าตั๋วคนละ 30 ริงกิต ได้ตั๋วมาแล้วก็ไปขึ้นรถไฟกัน แนะนำว่าตอนขึ้นให้นั่งข้างบนจะได้เห็นวิว แต่เราขึ้นไปฟ้ายังไม่สว่าง แถมฝนตกเลยมองไม่เห็นวิว🤣
ตอนที่เราไปคือฝนตกตลอดเวลา แล้วเราก็ได้เจอหมอกจ้าาา อากาศคือ 21 องศา เย็นสบาย
ทั้งหมอกทั้งฝนมาตลอดเลย คนอื่นที่มาเจอวิวเมืองกัน แต่เราโชคดีกว่าได้เจอหมอก🥰
บนนี้จะมีวัด โบสถ์ ร้านอาหาร ครบเลย เราเดินกันไปเรื่อยๆ จะเจอหมอกมาทักทายเป็นระยะ บางช่วงหมอกลงหนาเลย แล้วบางช่วงฝนก็ตกลงมาหนักเช่นกัน 🥺 เราใช้เวลากันบนนี้ 3 ชั่วโมง พอเต็มที่แล้ว ถึงเวลาที่เราจะไปที่อื่นกันต่อ ขาลงแนะนำนั่งด้านล่างนะ จะได้เห็นวิวต้นสนสวย ๆ แบบนี้
เรามาต่อกันที่วัดเจ้าแม่กวนอิม วัดสวยมาก ๆ ใครมาปีนังฮิลล์ก็แวะมาที่นี่กันได้น๊า อยู่ใกล้ ๆ กัน
หิวแล้วเราไปหาร้านอาหาร local กินกันหน่อยดีกว่า แล้วเราก็มาเจอทีเด็ด ก๋วยเตี๋ยวน้ำชามนี้คืออยากบอกว่า อร่อยมากกกก หมูสับก้อนคือดีย์มาก ๆ รอคิวนานหน่อย แต่คุ้มค่า😋 อีกเมนูที่เราลองกินแล้วแต่รสชาติมันแปลก ๆ คือ Lak Sa จะออกเหมือนแกงส้มบ้านเราก็ไม่เชิง ชามนี้ไม่สู้เลย😅
ออกมาก็ได้เห็นวิวนี้ หมอกลงปกคลุมภูเขาพอดี
จากนั้นเรามารอรถเมล์ 204,201 กัน เพื่อกลับเข้าเมืองไปกินลอดช่องมาเล! ปกติเราจะได้ยินแต่ลอดช่องสิงคโปร์ วันนี้เราพามาลองของมาเลกันบ้าง เค้าเรียกว่า Chendal นี่ก็อร่อยอีกเช่นกัน แนะนำให้มาลองนะ ห้ามพลาดเลย😋ที่นี่จะเป็นแบบน้ำกะทิสีน้ำตาลนะ
คนต่อคิวยาวแต่ไม่นาน แปบเดียวได้แล้ว ถ้วยนี้ 4.40 ริงกิต
ยังนะ ๆ ของกินยังไม่หมดแค่นี้ เราจะพาไปกินกันต่ออีกที่ #นี่มันทริปตัวแตกชัด ๆ 😂😂
ระหว่างทางเราก็จะเจอสตรีทอาทสวย ๆ มุมต่าง ๆ ให้ได้แวะถ่ายรูปได้เพลิน ๆ 📸
นี่เลยทีเด็ดที่ใครมาปีนังอยากให้หาเวลามาแวะชิม ชื่อร้าน Toh Soon Cafe ขนมปังปิ้งโปะด้วยไข่ลวก และขนมปังปิ้งทาด้วยสังขยาที่ร้านทำเอง เราเลือกขนมปังชาโคล หอมกรอบ อร่อยจริง ๆ และที่เห็นห่อข้าวนี้ เรียกว่า นาสิเลอมัก เป็นข้าวที่คลุกกับน้ำพริกคล้าย ๆ พริกเผา และโรยด้วยปลากรอบ ทานคู่กับไข่ต้ม เค้าจะมีวางห่อข้าวนี้ไว้ทุกโต๊ะ หมดนี่ 11.60 ริงกิตจ้า
ทีแรกจะพาไปกินไอติมต่อ แต่ขอคั่นด้วยไปแวะไหว้เจ้าแม่ทับทิมกันก่อน ขอแอบกระซิบว่า ท่านศักดิ์สิทธิ์มาก 😇
เดินมาอีกหน่อยก็เจอ Peranakan เป็นคฤหาสน์ของหนึ่งในตระกูลเก่าแก่ที่สุดของปีนัง ถูกสร้างขึ้นในปี 1890 อดีตเคยเป็นของคหบดีชาวจีนที่มาตั้งรกรากที่เกาะปีนัง จากการทำเหมืองและค้าขายดีบุกในรัฐเปรัก ที่นี่เคยถูกปล่อยให้เสื่อมโทรมลง จนเมื่อทศวรรษ 1990 ได้มีนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ได้เข้ามาทำการปรับปรุงคฤหาสน์ และได้เปิดเป็นพิพิธภัณฑ์มาจนทุกวันนี้
ยังมีของสะสมกว่า 1,000 ชิ้น ทำให้เรารู้เลยว่าเจ้าของคฤหาสน์นี้มีความมั่งคั่งและรสนิยมขนาดไหนในสมัยนั้น คฤหาสน์จึงที่ควรคุ้มค่าแก่การมาศึกษาประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และยังควรค่าแก่การถ่ายรูปเก็บไว้เป็นความทรงจำ ค่าเข้าคนละ 20 ริงกิต
เดินจนเหนื่อยแล้ว ขอเติมน้ำตาลหน่อย ด้วยสิ่งนี้ มันคือไอติมแก้วมังกร ผสมกับเลม่อนโยเกิร์ต ดูซิ สีสันของมันจัดจ้านมาก จนต้องขอลองสักหน่อย 😋เค้าจะเสริฟ์มาบนแก้วมังกรแบบนี้เลย รสชาติจะออกเปรี้ยวหวาน อร่อยไปอีกแบบ ใครมาปีนัง ก็มาลองกันได้นะ ถ้วยนี้ 15 ริงกิต
บ้านเมืองที่นี่เดินง่าย รถไม่เยอะ เดินชิวในเมืองได้แบบสบาย ๆ ระหว่างทางก็จะเจอรูปสตรีทอาทเป็นระยะ ๆ
วันที่ 4 ของการเดินทาง
เราจะไปเก็บตกลอดช่องกันอีกสักรอบก่อนกลับ ติดใจ ฮ่า ๆ รอบนี้เราสั่งแบบมีไอติมโปะด้านบนด้วย จะคล้าย ๆ น้ำแข็งไส 5.20 ริงกิต จะราคาแพงกว่าลอดช่องธรรมดา
#เดินกินชิวเลย เกือบตกเรือแล้วเนี้ย 555
และเมื่อวานเราพลาดกินติ่มซำร้านดังไป วันนี้เราต้องไม่พลาด! มาถึงคิวยาวเลยแต่รอไม่นาน แปบเดียวเราได้โต๊ะแล้ว ที่นี่เราต้องไปเลือกอาหารเองที่เคาน์เตอร์ เค้าจะแยกเป็นอาหารนึ่งกับอาหารทั่วไป และเราก็ได้มาแล้ว โดยรวมก็ใช้ได้อยู่นะ แต่เราพลาดซาลาเปาบิ๊กเปาหมูแดงไป เราลืมสั่ง
แต่พอมองเวลา เอ้ยยย ต้องรีบไปขึ้นเรือกลับแล้ว รีบกิน รีบจ่าย เราเรียกแกร๊บ แต่รอนาน ก็วิ่งซิจ๊ะรอไร เราเลยต้องมาที่กอมต้าเพื่อจะหารถไปท่าเรือ เรียกคันใหม่ แปบเดียวรถแกร๊บมา เราบอกคนขับว่า ด่วนเลยจ้า แล้วเค้าก็ซิ่งให้เรา ใช้เวลาไม่นาน เราถึงเรือ เราแทบจะกระโดดขึ้นเรือแล้ว เราขึ้นเป็นคนสุดท้ายของรอบนี้ (ขากลับไม่ต้องซื้อตั๋วแล้ว) ถ้าเราพลาดรอบนี้คือตกรถไฟแน่ เพราะเราต้องรีบกลับไปขึ้นรถไฟ KTM รอบ 12.35 น. ได้ขึ้นเรือแต่ก็ยังไม่วางใจ ลงเรือปุบ วิ่งงงงงงไปซื้อตั๋วกลับ เพราะเวลาตอนนั้นคือ 12.20 น. บีบหัวใจมาก แล้วเราจำทางไปซื้อตั๋วไม่ได้ ต้องใช้เวลานึกทางไปอีก เดินวน แล้วก็ต้องลงลิฟต์ วิ่งไปอีกตึก ขึ้นบันได เราวิ่งจนแบบหัวใจเต้นไป 150 กว่า (เช็คจาก apple watch) หัวใจแทบจะหลุดออกมาแล้ว 5555 สุดท้ายก็ขึ้นมาทัน ฉิวเฉียดอีกแล้ว
นั่งไปเพลิน ๆ 2 ชม.ก็ถึงปาดังเบซาร์ แต่เรากำลังกังวลว่า จะไปปาดังเบซาร์ฝั่งไทยยังไง เราจำได้ว่ามีรถไฟไทยไปหาดใหญ่ หรือต้องนั่งวินเหมือนตอนมา จนเราเจอคนขายตั๋วแถวนั้นเข้ามาสอบถามเรื่องรถ เลยได้สรุปว่า เค้าขายตั๋วรถตู้คนละ 250 บาท (สามารถซื้อตั๋วจากบูธตรงทางที่สแกนตั๋วรถไฟออก) แล้วพาไปส่งถึงสถานีรถไฟหาดใหญ่เลย ก็เลยเลือกไปวิธีนี้ ระหว่างที่ซื้อตั๋วเจอน้อง ๆ คนไทยหลายคน เลยไปด้วยกันเลย
รอบรถไฟออกจากหาดใหญ่วันละ 2 รอบ ราคา 70 บาท
รอบเช้า
จากหาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ 7:30-8:25 น.
จากปาดังเบซาร์-หาดใหญ่ 8:55-9:50 น.
รอบบ่าย
จากหาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ 14:00-14:55 น.
จากปาดังเบซาร์-หาดใหญ่ 15:40-16:35 น.
ที่เราเลือกไม่นั่งรถไฟไทยเพราะว่า เราได้ยินมาว่ารถไฟจะออกช้า เรากลัวไปไม่ทัน เลยเลือกนั่งรถตู้แทน
ในที่สุดเราก็กลับมาถึงหาดใหญ่ มาถึงนี่แล้วก็ต้องกินไก่ทอดหาดใหญ่กันหน่อยยย คิดถึงหอมเจียวที่กินคู่กับไก่ทอด😋ไม่ได้กินนานมากเลย เราเดินมาที่ตลาดกิมหยง ตามหาไก่ทอดหาดใหญ่ บรรยากาศในตลาดยังเหมือนเดิม ของขายเยอะแยะเลย แล้วเราก็มาตุนเสบียงกินในรถไฟกันหน่อย
ถึงเวลากลับบ้านแล้ววว พรุ่งนี้เราจะถึงกรุงเทพ เวลา 11.20 น. (มาดูกัน รถไฟจะดีเลย์อีกมั้ย)
ช่วงเย็นจะมีพี่พนักงานมาสอบถามอาหารสำหรับมื้อเช้า กล่องละ 60 บาท ส่วนมื้อเย็นไม่มี เราต้องเตรียมมาเอง ไก่ทอดหาดใหญ่คือมื้อค่ำของเรา 😋
วันที่ 5 ของการเดินทาง
เช้าแล้วยังอยู่บนรถไฟ....แล้วก็ถึงเวลาพี่พนักงานมาเสิร์ฟอาหารเช้าตอน 9 โมง
แต่พอ 10.45 น. พี่เค้าก็มาเสิร์ฟอีก ซึ่งเราไม่ได้สั่ง เค้าบอกว่า รถไฟดีเลย์ เลยมาแจกอาหารและน้ำให้ และแล้วรถไฟมาถึงชานชาลากรุงเทพ เวลา 12.44 น. ใครที่เดินทางแบบเรา อาจจะต้องเผื่อเวลาหน่อยนะ เพราะช่วงนี้เค้าทำรถไฟรางคู่กัน
จบแล้วทริปนั่งรถไฟไปปีนัง 5 วัน 4 คืน ขอบคุณเพื่อน ๆ ที่ติดตามอ่านมาจนถึงตรงนี้ เราใส่รายละเอียดให้แบบละเอียดยิบเผื่อคนที่สนใจอยากจะไปรูทนี้เหมือนเรา มันก็สนุกไปอีกแบบนะ ไม่ได้ออกเดินทางซะหลายปี วันนี้ได้ออกเดินทาง มันก็ตื่นเต้น ลุ้น ตลอดการเดินทาง เราคิดถึงบรรยากาศแบบนี้มากเลย....เรื่องราวระหว่างการเดินทางมักทำให้หัวใจเราเต้นแรงเสมอ แล้วเจอกันทริปหน้าครับ
เรามีคลิปของทริปนี้ลงในช่อง YouTube เข้าไปติดตามกันได้นะ
ฝากติดตามทริปหน้าของเราด้วยนะคร้าบบ
ยู้/เดย์
เที่ยวใต้เมฆ Journey Underclouds
ฝากติดตามเราได้ที่ช่องทางต่าง ๆ ด้วยน๊าา
Facebook : https://bit.ly/3DI9xWE
Youtube : https://bit.ly/3FrNhSb
Instgram : https://bit.ly/3NlD23J
Tiktok : https://bit.ly/3TRvrMO
Voom : https://lin.ee/ewoXJXp
Lemon : lemon8-app.com/dayunderclouds
#เที่ยวใต้เมฆ #journeyunderclouds
เที่ยวใต้เมฆ Journey Underclouds
วันอาทิตย์ที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2565 เวลา 18.40 น.