ยังจำกันได้อยู่นะคะภาพถ่ายเซ็ตนี้ ที่เราบอกว่าถ่ายมาจากประเทศเนเธอร์แลนด์ อีกหนึ่งประเทศในฝันของเรา

ที่ได้ไปมาเมื่อเกือบ 2 ปีก่อน แตเราก็ยังไม่ได้เจาะลึกหรือเล่าให้ครบในทุกๆ เมืองที่ได้เยือน ขาดอีกหลายเมืองเชียวแหละ

มาช่วงหลังรีวิวแต่ที่พัก รีสอร์ท โรงแรมแบบโหมกระหน่ำเป็นอย่างมาก รีวิวจนคนเขียนรีวิวเองก็เบื่อเป็นเหมือนกันนะ 555

บล็อกนี้ขอพาเที่ยวต่อยังทริปยุโรปครั้งที่สองของเรากันค่ะ แบบว่า ยังคงไม่ช้าไปใช่ป่าว แค่ผ่านมาเกือบ 2 ปีเอง เพิ่งมาเล่า 555


เนื่องจากโรงแรมที่พักของเราอยู่ในเมือง Zaanse Schans หรือเมืองกังหันลมที่ขึ้นชื่อของฮอล์แลนด์ เมืองนี้ก็ยังไม่ได้เล่านะคะ รอไปอีกหน่อย 555

วันนี้เรามีนัดเจอกับเพื่อนสมัยเรียนมัธยมค่ะ ที่ไม่ได้เจอกันเกือบ 20 ปีได้มั้ง เพื่อนคนนี้มีสามีเป็นชาวประเทศฮอลแลนด์ค่ะ

เมื่อรู้ว่าจะได้มาเยือนยังประเทศนี้ก็เลยนัดแนะบอกกับเพื่อนกันหน่อย เพือนเราพักอยู่เมืองโรแมนติกแห่งนี้แหละคะ นามว่า Haarlem ถึงคราวเดินทางของเราแล้วค่า นั่งรถไฟจากเมืองที่อยู่ Zaanse Schans มายังเมือง Amsterdam กันก่อน

เพราะระหว่างเมือง Zaanse Schans มายัง Haarlem ไม่มีรถไฟสายตรงนะคะต้องไปต่อรถไฟที่ Amsterdam ก่อนนั่นเอง

แม้ว่าในทริปนี้เราจะเน้นเดินซะส่วนใหญ่ วันหนึ่งเป็น 10 กิโลได้อย่างสบาย นั่นเป็นเพราะว่าอากาศทีนี้ไม่ร้อน

ทุกวันที่อยู่ทริปนี้อากาศติดลบและเลขตัวเดียวตลอด น้ำมูกไหลก็ไม่หวั่น คนมันจะเที่ยวๆ


รองเท้าก็สำคัญนะคะ เพราะเดินเป็น 10 โลนี่ต้องไม่ธรรมดาแน่ๆ เราใส่รองเท้าผ้าใบกันน้ำยี่ห้อ KEEN รุ่น Marshall WP สี Magnet ครั้งแรกก็ใส่ทริปยุโรปประเทศเบลเยี่ยมก่อนเลย เพราะทริปนั้นก็เดินยันดะเหมือนกัน 555

ทริปนี้จึงเลือกคู่เดิมมาใส่อย่างไม่ลังเล เพราะมั่นใจแล้วว่าไม่ทรยศ ไม่กัดเท้าเราแน่นอน

นั่งรถไฟจาก Amsterdam มายังเมือง Haarlem ใช้เวลากี่นาทีจำไม่ได้ล่ะนานเกิน 555 รู้แค่ว่าไม่นานค่ะ เพราะรถไฟเขาตรงเวลามาก ขึ้นบนจอเวลาบอกไว้ ถ้าดีเลย์ก็จะแจ้งด้วยเช่นกันว่าจะมาถึงสถานีนี้เวลาเท่าไหร่ คือดีงามมาก พี่ไทยควรทำเป็นแบบอย่างนะจ๊ะ แต่พอมาถึงสถานีรถไฟของ Haarlem แล้วอึ้งค่ะ คือ อึ้งในใจ่า ทำไมมันดูเก่าเยี่ยงนี่ฟร่ะ

คือสถานีรถไฟแต่ละเมืองจะไม่เหมือนกันนะ บางทีจะไฮเทค หลายสไตล์กันเลยทีเดียว

และรู้มาว่า สถานีรถไฟของ Haarlem มีอายุเก่าแก่มากที่สุดในประเทศฮอล์แลนด์ด้วยจ้า

และๆๆๆ และเรื่องปกติมากๆๆๆ ของประเทศฮอล์แลนด์ก็คือจักรยานค่ะ ไปไหนจะมีจักรยานจอดอยุู่่เป็นจำนวนมาก

และจะพบมากที่สุดตามสถานีรถไฟนี่แหละ....พรึ่บ



จักรยานเยอะมากกกกกก แบบว่าเราก็งงแนว่า ถ้าเราเอามาจอดแบบนี้ คันไหนของเราหว่า สีเหมือนกันหมดเลย 555

แต่คนพื้นที่เขาชินแล้วค่ะ เรานี่แหละคนต่างถิ่น เห็นแล้ว มีนงงแทน ><



สำหรับเราเหรอ เดินสิคะเดินค่ะ เพราะเพื่อนบอกว่า บ้านห่างจากสถานรถไฟ 2 กิโลเมตร

แค่นี้จิ๊บๆ ปะเดินกันดีกว่า การที่เราเลือกที่จะเดิน ทำให้เราได้พบวิถีชีวิตความเป็นอย^jของเมืองนี้มากชึ้น

ได้พบที่สวยงามโดยบังเอิญ ... ระหว่างทาง



เป็นช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสีของฮอลแลนด์ด้วย แม้ไม่ชัดเจนมากเท่าไหร่ แต่ก็ยังมีสีสันอยู่บ้าง เดินมาเรื่อยๆ จนถึง

Clerck notaris Haarlem ตึก ทนายความหลังนี้ อยู่ใกล้ๆ สถานีรถไฟนั่นแหละ นะคะ

ด้านข้างๆ จะเป็นสวนสาธารณะของเมือง Haarlem ที่ต้องเดินเข้าไปอีกหน่อย แค่นิดเดียวจากถนนใหญ่เท่านั้น

เราก็จะเจอ วิวสวยๆ แบบฟรีๆ เช่นนี้แล้วจ้า



เราใช้เวลาเดร็ดเตร่อยู่ที่นี่ในช่วงเวลาหนึ่ง นั่งนิ่งๆ เดินช้าๆ พร้อมทั้งบันทึกภาพต่างๆ ไว้ภายในกล้องถ่ายรูป

อย่างกับว่าตัวเองเป็นนางเอกมิวสิค ก็ไม่ปาน 555



คือบอกเลยว่า ณ เวลานั้น แสงแบบนี้ สีสันแบบนี้ โคตรชอบเลยค่ะ แม้ว่าภาพเซ็ตนี้จะถูกปล่อยออกสู่โลกออนไลน์มาแล้ว

และเพิ่งมีโอกาสมาเล่าก็ตาม ใครไปเมือง Haarlem ในช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสี มีโอกาสมาเยือนเมือง Haarlem ก็แวะหยุดนิ่งตรงนี้สักหน่อยนะคะ

มุมฟรีๆ กับบรรยากาศดีดี และโรแมนติกเป็นอย่างมากจริงๆ



เดินกันต่อค่ะ ระหว่างทาง วิวข้างทาง เราไม่เหนื่อยนะกับอากาศแบบนี้ เริ่มจะเดินเข้าในตัวตลาดชุมชนเมือง Haarlem ล่ะ

สังเกตจากรถและบ้านเรือนที่เริ่มมากขึ้น มากขึ้นของเขานี้ไม่ได้อยู่แบบอึดอัดแต่อย่างใดเลยนะคะ

บ้านที่ยังคงเป็นบ้านสถาปัตย์โบราณแบบยุโรป ที่รักษาไว้อย่างดีด้วยเช่นกัน


หญ้าเขียวสวย ที่ไม่ถูกหยียบย่ำ ยกเว้นนกที่มาเป็นส่วนประกอบเท่านั้น



นานๆ ทีจะได้เจอจักรยานสีแดงค่ะ เพราะที่เห็นซะ 98% ล้วนเป็นจักรยานสีดำแนวเดียวกันหมด 555



เดินผ่านร้านขายผลไม้ข้างทาง วางเป็นถาดเข่งระเบียบดีเหมือนกันนะคะ

คือเรามองว่า ง่ายต่อการยกไปเก็บด้วยล่ะ ไม่เอากองๆ เหมือนบ้านเรา ส่วนตราชั่งเราว่าน่าจะเที่ยงตรงอยู่นา

เดินๆ กันไปสิค้าาาา ทางบ้านเพื่อนเราจะเป็นเส้นตรงเรื่อยๆ จากสถานีรถไฟ แม้จะมาครั้งแรก ก็ไม่กลัวหลงนะ

เพระมีเนวิคเกเตอร์นำมาทางด้วยไง หายห่วงได้เรื่องนี้ อิอิ

ระหว่างทาง เจออีกหนึ่งสถานที่สวยๆ และอดที่จะหยุดนิ่ง พร้อมกับกดชัตเตอร์ลงไป

โดยยังไม่รู้หรอกว่า นี่คืออะไร 555




ที่นี่คือ Sint jorisveld Haarlem the Netherlands ซึ่งเดิมทีเป็นทำเนียบทหารเก่าค่ะ

และต่อมาได้กลายเป็นอพาร์ทเม้นท์ Luxury Apartments ที่อยู่อาศัย คือมองแว๊ปแรกนี่เราก็คิดว่าเป็นโรงเรียนนะเนี่ย เพราะเห็นสนามหญ้าเขียวๆ

กว้างๆ สวยมาก เพิ่งมารู้ว่าเป็นทำเนียบทหารเก่า เพราะขอข้อมลจากเพื่อนมานี่และค่า โอเคเนอะ

เดินกันต่อไป โดยมีผู้นำทางให้ล่ะ บอกแล้วว่าเราไม่กลัวหลงอย่างแน่นอน



เดี๋ยวๆ เดินไปก็ยังเจออีกนะ นี่คืออะไร หยุดก่อนๆ คือเวลานั้นก็ใกล้จะถึงบ้านเพื่อนแล้วอ่ะนะ แต่สายตาเราเห็นอีกล่ะ

ณ เวลานั้นขอเข้าไปดูหน่อยล่ะกัน คนเดียวนี่ล่ะ เข้าไปโบสถ์และสุสานกันค่ะ 555


ที่นี่คือ Rooms Katholieke Begraafplaats St Barbara สุสานโรมันคาทอลิกเซนต์บาบารา

สังเกตมาสามเมืองล่ะว่าโบสถ์ที่ประเทศนี้จะโดดเด่นมาก สามารถมองเห็นมาแต่ไกล และจะมีเอกลักษณ์เป็นของตัวเองค่ะ

ซึ่ง ระหว่างที่เราเก็บภาพโบสถ์ตรงหน้าเรานั้น ด้านข้างซ้ายมือเรากับเป็นสุสานหลุมศพจำนวนมาก

ชนิดที่ว่าติดกับถนนภายในโบสถ์กันเลยทีเดียว ดูจากภาพด้านซ้ายข้างๆ ค่ะ ใช่เลย ><



ไม่รู้นะ เราว่าหลุมศพของที่นี่ไม่น่ากลัวเหมือนของบ้านเราอ่ะ หรือเพราะว่ามีต้นไม้ ดอกไม้สีสันปลูกด้วยหรือเปล่าก็ไม่รู้ได้

แต่เราก็อยู่ตรงนั้นได้ไม่นาน เพราะเดินเข้ามาคนดียว กลับหลังหันค่าาาาา




เดินตามทางมาเรื่อยๆ และในที่สุดก็จะเข้าเขตหมู่บ้าน ชุมชนพื้นทีของเมือง Haarlem

จะเป็นเมืองคลาสสิค ทั้งวิถึชีวิตและผู้คนนะคะ ซึ่งผู้ที่มาอยู่ส่วนมากจะเป็นคนมีคลาสอีกระดับหนึ่ง

เพราะเป็นเมืองที่ไม่วุ่นวายไม่แออัดแน่น และสะอาดด้วยต่างจาก เมืองหลวงอย่าง Amsterdam

ถึงล่ะ หลังนี้เป็นบ้านของเพื่อนเราเองค่ะ



เห็นเพื่อนเล่าว่า มาซื้อบ้านหลังนี้พร้อมทำการรีโนเวทใหม่แทบทั้งหลังภายนอกดูคลาสสิคๆ

แต่ภายไฮเทคมากค่ะ ทั้งระบบฮีสเตอร์ที่ฝังกับพื้น ประตูโรงรถใช้รีโมท แม้กระทั่งถังขยะหน้าบ้าน ยังต้องใช้คีย์การ์ดเปิดเพื่อทิ้งหลังเดียวด้วยซ้ำน่ะ

หรือแม่แต่เพื่อนจะไปเที่ยวไหนนานๆ ก็มี app ตัวช่วยเปิดปิดไฟในบ้านแต่ละด่วง ดูผ่านมือถือได้ด้วยต่างหาก

ณ เวลานั้นเราเข้าไปในบ้านเพื่อนเนี่ย เดินชมทุกจุด พร้อมทั้งมากินอย่างเดียวจ้า 555


หลังจากมาทริปนี้ได้สองสามวันบอกเลยว่าต้องทนกินอาหารกระป๋อง ข้าวกระป๋องที่เตรียมมาไม่สุกอีก

ต้องมากดตู้ซื้ออาหาร ซึ่งส่วนใหญ่จเป็นแฮมเบอเกอร์ต่างๆ สะดวกมาก แต่เราไม่ค่อยชอบกับการทานอาหารแบบนี้นะ

วันดีคืนดี ก็เดินเข้าไปร้านอาหารคนไทยแถว Amsterdam ก็ดีหน่อยได้กินกะเพราบ้าง ถูกปากหน่อย

และวันนี้เพื่อนเลยรู้ใจว่า เรามาจากบ้านก็คงคิดถึงอาหารไทยเป็นแน่แท้เข้าครัวทำก๋วยเตี๋ยวไก่ตุ๋นให้กินอย่างพุงกางเลยค่า อิอิ


คุยกันได้นานสักพักก็ถึงเวลากลับเพื่อนก็เดินมาส่งด้วยเพราะเราจะหาซื้อของฝากที่เป็นประเภทของกินต่างๆ ในซุปเปอร์ฯ ค่ะ

กับเมืองที่เรียบง่าย ด้วยวิถีชีวิต ความเป็นอยู่ เราว่าคนอยู่ที่นี่สุขภาพจิตดีขึ้นเป็นอย่างมากนะคะ

สำหรับเราแล้ว คือมาเที่ยวน่ะเที่ยวได้ แต่ถ้าให้ไปอยู่เลย เรายังคงทำใจจากพีไทยไปไม่ได้หรอกจริงๆนะ 555



ขอบคุณที่ติดตามชมค่าาา

จัดเต็มทุกรีวิว จัดเต็มทุกพื้นที่ ไม่ว่าทริปนี้ หรือทริปไหนๆ

RinSa YoyoLive

 วันพุธที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2559 เวลา 14.30 น.

ความคิดเห็น