3 - 4 ปีที่ผ่านมา เรามีโอกาสได้ไปเชียงใหม่ทุกๆ ปีค่ะ สืบเนื่องมากจากเราได้รับรีวิวที่พัก โรงแรม รีสอร์ทที่เชียงใหม่ไว้ด้วย

และก็เป็นการดีมากคือได้ไปในช่วงนาข้าวเขียวๆ เราคงไม่ได้ไปเก็บข้อมูล และถ่ายภาพโรงแรม รีสอร์ทเสร็จแล้วกลับ กทม. เลยแน่ แต่เราต้องหาที่เที่ยวในจังหวัดนี้ที่ไม่เคยไปเพิ่มให้ได้ก่อนล่ะ ดอยปุย ดอยสุเทพ ม่อนแจ่ม ที่ใกล้ๆ กับอำเภอเมืองล้วนไปมาหมดแล้ว

และก็หลายต่อหลายครั้งแล้วด้วย คงไม่ไปอีกล่ะนะ

สองปีให้หลังนี้เราเลือกที่เดินทางไปยังนาขั้นบันได ที่อำเภอแม่แจ่ม เชียงใหม่ค่ะ

ซึ่งปีแรกที่เราไปนั้น เลือกแบบไป-กลับ เพราะต้องกลับมานอนที่โรงแรมในเมือง กว่าจะใช้เวลาในการขับรถ

กว่าจะไปถึงก็นานมาก กินเวลากว่า 3 ชั่วโมง รวมถึงหลงทางอีก 555

ปีต่อมาเราจึงมีโอกาสที่ได้กลับมาเยือน นาข้าวขั้นบันได "บ้านป่าบงเปียง" กันอีกครั้งหนึ่ง

ด้วยระยะเวลาห่างกัน 1 ปีเต็ม สถานที่เดิมๆ กับคนเดิมๆ




แต่ครั้งที่ 2 เราเลือกที่จะมาพักรีสอร์ทในอำเภอแม่แจ่มค่ะ เพราะเป้าหมายคืออยากไปเที่ยวหลายๆ จุด อยากเห็นทะเลหมอกยามเช้าด้วย ต้องวัดดวงกันด้วยนะว่าจะได้เห็นหรือเปล่า

เราติดต่อเช่ารถ กระบะ 4WD นำเที่ยวในราคาวันละ 1200 บาท พร้อมที่พักบ้าน 1 หลังห้องแอร์ราคา 900 บาท

นัดเจอกัน 6 โมงเช้าตรู่ทีรีสอร์ทที่ๆ จะพาพวกเราไปเที่ยวนาชั้นบันไดปีสองอีกครั้งหนึ่ง

สาเหตุที่เรามาเขียน บล็อกนี้เพราะมีวัตถุประสงค์เพิ่มเติมคือ ชื่อของนาขั้นบันได "บ้านป่าบงเปียง" นั้น มีคนชอบเรียกผิดกันเยอะมาก

โนโลกโซเชียลนี่แหละ ไม่เว้นแม้แต่ที่เราไปและขึ้นสถานทีเช็คอิน ก็มีคนประทับตราไว้ว่า ป่าปงเปียง ซึ่งเป็นชื่อที่ผิดนะคะ




บ้านป่าบงเปียง มีชาวบ้านส่วนใหญ่เป็นชาวปกาเกอะญอ ชื่อหมู่บ้านมีชื่อเรียกขานมาจากชื่อไม้ไผ่

ที่ภาษาเหนือ เรียกว่า "ไม้บง" ส่วนคำว่า "เปียง" หมายถึงที่ราบสันเขา ซึ่งในอดีตที่นี่มีไม้ไผ่ขึ้นอยู่เป็นจำนวนมาก

เป็นดังป่าไผ่ในท่ามกลางที่ราบสันเขา ส่วนปัจจุบันนั้น เป็นแหล่งทำนาขั้นบันไดที่มีวิวทิวทัศน์อันสวยงาม

เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวและผู้รักการถ่ายภาพเป็นจำนวนมาก



แม่แจ่มได้ชื่อว่าเป็นเมืองแห่งทุ่งนาขั้นบันไดขนาดใหญ่ที่มีความสวยงามเป็นอันดับต้นๆของเมืองไทย

นาขั้นบันไดที่แม่แจ่มจะทำปีละครั้ง เริ่มลงกล้าตั้งแต่ช่วงเดือนสิงหาคม และจะเขียวขจีในช่วงเดือนกันยายน ส่วนในช่วงเดือนตุลาคมจะเริ่มออกรวงท้องแก่ใกล้คลอดเต็มที ครั้นพอถึงช่วงเดือนพฤศจิกายนขึ้นไปก็จะออกรวงย้อมขุนเขาให้เป็นสีเหลืองทองอร่าม จากนั้นก็จะทำการเก็บเกี่ยวในอีกไม่นาน

ใครชอบความเขียวขจี ให้มากลางเดือนกันยายนเป็นต้นไปค่ะ ส่วนเราเลือกไปสิ้นเดือนกันยายนปีหนึ่ง และปีสองมาต้นเดือนตุลาคม กลิ่นข้าวออกรวง

กำลังหอมๆ เลยล่ะพี่น้องเอ้ยยยยย





บ้านป่าบงเปียงมีเส้นทางเข้าถึงเพื่อไปชมทุ่งนาขั้นบันได 2 เส้นทางด้วยกัน คือไปทางดอยอินทนนท์(อช.อินทนนท์)ที่เป็นทางลัด(หากไปจากเชียงใหม่)มีระยะทางสั้นกว่าแต่ทางสมบุกสมบันกว่า มีเป็นทางลูกรังขึ้นเขา-ลงเขา โหดเอาเรื่อง ต้องใช้รถขับเคลื่อน 4 ล้อ รถกระบะที่มีแรงขับเคลื่อนสูง หรือรถ 2 แถว จากคนในพื้นที่ผู้ชำนาญเส้นทาง

เราน่ะไปทั้งสองเส้นทางเลยค่ะ ทางจากดอยอินทนนท์นั้นโหดกว่ามากจริงๆ ยิ่งตอนหน้าฝนนี่ทางเละมากๆ ต้องลุ้นกันตลอดทาง ส่วนทางที่มาจาก อ.แม่แจ่มนี้ก็โหดนะ ระยะทางยาวกว่าด้วย

เราว่ารถมอเตอร์ไซด์วิบากก็มาได้เชนกัน ส่วนเราใช้บริการรถสองแถว และ 4WD ทั้งสองปีค่ะ

จากพี่เป๊ก แม่แจ่ม ที่จะเป็นที่รู้จักและคุ้นเคยดีในแม่แจ่มที่จะคอยแนะนำที่พักให้เราด้วยและแนะนำจุดชมวิวนาข้าวขั้นบันไดว่าควรจอดรถตรงไหน

จะเห็นวิวได้งามที่สุด เรียกว่าเป็นชาวพืนที่ที่รู้จักกันทุกจุดก็ว่าได้ของนาขั้นบันไดที่นี่


ช่วงที่เราไปทุ่งนาสีเขียวๆ ทั้งสองปีนี้จะเน้นไปวันธรรมดาค่ะ ที่ไม่ติดวันหยุดยาว หรือเสาร์นะ

เพราะวันหยุดคนค่อนข้างมากันเยอะเหมือนกัน แต่ก็ถือว่าเป็นสีสันอีกแบบหนึ่งด้วยแหละ เพราะสถานที่แห่งนี้

นับวันก็ยิ่งฮิตติดลมบนกันทุกปี ยิ่งตอนนี้คนเล่นกล้องกันมากขึ้น เล่นมือถือกันมากขึ้น อยากมาเช็คอิน ถ่ายภาพสวยๆ ที่นี่กันมากจนมีการจัดทริป

แบกเป้นั่งรถตู้มาจาก กทม.กันเป็นกลุ่มทัวร์กันอีกหลายๆ กลุ่ม

...เ พื่ อ ม า เ ช็ ค อิ น ...

...เ พื่ อ ม า ถ่ า ย รู ป...



และ ... เพื่อมาเป็นนางแบบ อิอิ

คนนี้แหละค่ะภาพล่างนะ (คนกลาง) พี่เป๊ก แม่แจ่ม คนขับรถนำเที่ยว ที่พาเรามายังจุดชมวิวสวยๆ จุดต่างๆ

ของนาขั้นบันไดบ้านป่าบงเปียง


และเราก็ได้ถามเจ้าถิ่นด้วยนะคะว่า ตกลงนาข้าวขั้นบันไดที่แท้จริง คือเรียกแบบไหนแน่่

เจ้าถิ่นก็ยืนยันเป็นเสียงเดียวกันค่ะว่า "นาข้าวขั้นบันได บ้านป่าบงเปียง" คือชื่อที่ถูกต้อง




ย้อนกลับมาตอน 6 โมงเช้าดีกว่าค่ะ หลังจากที่รถไปรับเรามาจากรีสอร์ทแล้ว จุดหมายแรกที่พี่เป๊กจะพาพวกเราไปนั่นคือ

จุดชมวิวบ้านบนนา ซึ่งเรามาครั้งแรกนะคะ เราต้องการชมพระอาทิตย์ขั้น ตามด้วย ชมวิวทะเลหมอกยามเช้าที่นี่กัน


นี่คือภาพแสงเช้าที่เราเห็นทะเลหมอก ของจุดชมวิวบ้านบนนา จริงๆ ภาพตรงหน้าที่เราเห็นนี้เคยเห็นมาจากเฟสบุ๊ค

ของพี่เป๊ก แม่แจ่มนั้นแหละค่ะ อลังการงานสร้างมาก ถ้าท้องฟ้าได้สีฟ้านี่แจ่มจริงๆ แต่ก็นะ ธรรมชาติที่ต้องอาศัยการวัดดวงเป็นอย่างมาก ใช่ว่ามาครั้งแรกจะเห็นเลยซะที่ไหน ได้แค่นี้ก็โอเคแล้วค่า

กว่าจะได้วิวอลังการงานสร้างนี้ ยืนอยู่ระดับบนพื้นดินก็คงไม่ได้แน่เพราะต้นข้าวโพด ก็สูงเกือบท่วมหัวเราเหมือนกัน ตัวก็ไม่ได้เตี้ยนี่หว่า ><

ต้องหาที่สูงๆ ขึ้นไปเก็บภาพกันค่ะ อิอิ



การเที่ยวชมนาข้าวเขียวๆ ของเรายังไม่ได้หมดเพียงแค่นี้นะคะ ปีแรก ยอมรับวาต้องทำเวลากันมาก

ปีต่อมาก็ต้องทำเวลาด้วยเช่นกัน คือทำเวลาเพื่อที่จะได้เที่ยวต่อยังที่อื่นที่อยู่บริเวณใกล้ๆ พื้นที่แห่งนี้ด้วย

นั่นคือ ดอยอ่างกา น้ำตกห่วยทรายเหลือง แห่ง อช.ดอยอินทนนท์ ไว้เรามาเล่าให้ฟังกันอีกครั้งน้าาาา ^^

ขอบคุณที่ติดตามชมค่าาา

จัดเต็มทุกรีวิว จัดเต็มทุกพื้นที่ ไม่ว่าทริปนี้ หรือทริปไหนๆ

RinSa YoyoLive

 วันพุธที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2559 เวลา 14.40 น.

ความคิดเห็น