สวัสดี วันนี้เราพามา Around Me กับทริปในประเทศไทยอันสวยงามของเรากันบ้าง
หลังจากที่ห่างหายจากการ BackPack ลุยเดี่ยวไปประมาณเกือบ 1 ปี
วันนี้กลับมาแล้วค่ะ กับ #AroundMeRainyTripInKanchanaburi แฮชแท็กประจำปีนี้ กิกิ

และนี่กระทู้เก่า กระทู้ใหม่


หรือจะใหม่ล่าสุดก็ไปชมกันได้จ้าาาา



[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้สังขละบุรี >> http://pantip.com/topic/33750051



แม่ฮ่องสอน >> http://pantip.com/topic/34238655



เกียวโต - โอซาก้า >> http://pantip.com/topic/35283131



ตามสเตปที่แม่มชอบแซะด้วยการลงเพจและ ig ค่ะ

คือถ้าไม่ลงก็จะมีคนที่เค้าอยากติดตามจริงๆมาถามไง

นี่ลงเพื่อให้คนที่ชอบและอยากติดตามภาพอื่นๆในโพสของเรา

ไม่อยากดูไม่ต้องกดจ้าาาาา ไม่แซะเนอะ ไม่สิคะเด็กๆ



[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ig : isatim

page : https://www.facebook.com/FernAroundMe/



เหมือน Toppic ของกระทู้เลยค่ะ

คือจุดหมายเราตั้งใจจะไปทองผาภูมิ

ที่เหลือคือผลพลอยได้แถบๆนั้น

แต่ก็เก็บไม่หมดจริงๆค่ะ เพราะฝนตก ทำให้หมอกลงจัดมากๆๆๆๆ

มองวิวไม่เห็นเท่าที่ควรค่ะ

แต่แค่นี้ก็คุ้มแล้วแหล่ะ

เพราะเราตั้งใจมาล่าหมอกฝน ...



ทริปนี้มีค่าใช้จ่ายทั้งสิ้นไม่เกิน 4000 ค่ะ

ส่วนใหญ่จะไปกับค่าที่พัก ตกคืนละ 600 - 800 นิดๆค่ะ

มาคนเดียว ต้องทำใจเรื่องพวกนี้ คือไม่มีคนหารไง

แต่เราคิดเสมอนะ เที่ยว คือการไปพักค่ะ

ทุกคนมีเหตุผลต่างกันไป

แต่ล่ะคนก็เลือกที่จะไปลงกับค่าจิปาถะไม่เหมือนกัน

อย่างทริปนี้เลี่ยงไม่ได้กับค่าที่พัก

เพราะถ้านอนเต๊นท์หน้านี้ไม่ปลอดภัยสำหรับผู้หญิงคนเดียวเลยค่ะ

คือต้องเข้าใจว่าบนอุทยานหน้าฝนมันไม่มีคนค่ะ

ที่เรามานี่แบบคนเดียวจริงๆทั้งอุทยาน

จะมีก็ที่ทองผาภูมิฟลุคได้เพื่อน 2 กลุ่มที่หลงเข้ามาพักตอนใกล้มืดแล้วค่ะ

คือมันเงียบจน จนท. อุทยานยังบอกให้ย้ายลงไปนอนที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวเลย 555555

ก็นั่นแหล่ะค่ะ รายจ่ายกับที่พัก 3 คืนจะแระมาณ 2000 กว่าบาทค่ะ

เทียบแล้วตอนไปแม่ฮ่องสอนจะถูกกว่านี้

เดี๋ยวจะสรุปค่าใช้จ่ายทุกอย่างตอนท้ายนะคะ

Day 1 : อุทยานแห่งชาติเขาแหลม - ป้อมปี่

เช้ามืดของวันพฤหัสบดี เรานั่งรถตู้จากระยองมาลงที่อนุสาวรีย์


แล้วต่อรถจากอนุสาวรีย์มาในตัวเมืองกาญค่ะ

คิวรถตู้มากาญมีหลายคิวมากค่ะ

เราขึ้นที่ข้างซูซูกิ เพราะมันใกล้เซนจูรี่ดี

จริงๆเพราะเคยขึ้นคิวนี้ตอนมาสังขละค่ะ

เป็นพวกได้ลองอะไรแล้วไม่ค่อยเสี่ยงไปลองเจ้าใหม่ 555555

จาก กทม. ใช้เวลา 3 ชม. ในการนั่งรถมาถึง บขส. ตัวเมืองกาญ

ถึงกาญจนบุรีก็ประมาณเที่ยงค่ะ พอลงรถตู้แล้วเดินไปถามเค้าเลยค่ะ

ว่ารถตู้ไปสังขละอยู่ตรงไหน เพราะป้อมปี่อยู่นะหว่างทางไปสังขละค่ะ

จริงๆรถที่ผ่านสังขละจะมี 2 แบบนะคะ

เป็นรถตู้ กับรถเมล์แดง

แต่เรากลัวมาถึงไม่ทันอุทยานปิดค่ะ 55555555

เลยมารถตู้ดีกว่า ค่ารถก็ 175 บาทค่ะ เป็นรถตู้ที่เขียนว่า กาญ - ด่านเจดีย์ฯ

ขึ้นคันนี้แหล่ะค่ะ เดินเข้าไปซื้อตั๋วแล้วรอรอบรถ จะมีที่นั่งฟิกซ์มาให้ในใบตั๋วรถเลยค่ะ

ว่าเราได้นั่งเลขตรงไหน ใช้เวลาประมาณเกือบ 3 ชม. เกือบๆ 4 ชม.

ในการเข้ามาถึงที่ทำการอุทยานค่ะ



คือต้องอธิบายก่อนว่า เขาแหลม กับป้อมปี่ จุดพักมันคนล่ะที่นะคะ


เขาแหลมจะอยู่ข้างล่าง ติดถนนใหญ่เลยค่ะ ป้ายชัดเจนมาก มีที่พักอุทยานเหมือนกัน

แต่ที่เราจะไปคือในส่วนของป้อมปี่ค่ะ เลยเขาแหลมมาประมาณ 2 กิโล

ซึ่งป้อมปี่จะต้องเข้าไปในซอยอีกประมาณ 1 กิโลกว่าๆค่ะ

ตอนเรามาฝนตกหนักมากกกกก คุณลุงใจดีแวะเข้ามาส่งหน้าป้อมอุทยานค่ะ โชคดีสุด กิกิ ;)



มาถึงแล้วก็สอบถามพี่ที่ประจำป้อมหน้าทางเข้าเลยค่ะ ว่าต้องเดินไปทางไหน

ไม่รู้ให้ถาม กลับบ้านทบทวนนะเด็กๆ อย่าไปเขินทำเชิงกลัวอะไรร่วงจากปาก

มาเที่ยวแบบนี้อย่าเอายางมาค่ะ มันต้องด้านไว้

รู้ไม่รู้ก็ถามแม่ม เอาให้ชัวร์ บางทีในเน็ตมันไม่รู้ลึกเหมือนคนพื้นที่หรอก



ได้ความว่าให้ตรงไปเรื่อยๆก็เดินค่ะ

เดินกลางสายฝนเป็นมิวสิคที่นางเอกโดนทิ้งแล้วหนีมากาญ ยยยยยย



ไปถึงก็เจอ จนท. อุทยานผู้หญิง 2 คนค่ะ

สอบถามบ้านพักก็มีเหลือ ไม่สิ ,, ไม่ใช่เหลือ

ไม่มีใครพักเลยน่าจะถูก โอ๊ยยยยยยยยยย

คือไปไหนแล้วนอนอุทยานไม่เคยเจอเพื่อนอะ

ตั้งแต่ปางอุ๋งละ ก็เข้าใจว่าเที่ยวหน้าโลววววว

เข้าใจว่ากุเลือกมาหน้าไม่มีคนเอง

แต่แบบบเหยยยย น่าจะมีเพื่อนซัก 2 - 3 กลุ่มให้กุอุ่นใจเส่ะะะ -..-



( อินี่ก็กลัวผีไง แต่ชอบจังไปคนเดียวหน้าโลวเนี่ย )



สรุปตัดสินใจนอนที่นี่แหล่ะ

ไปดูห้องพักแล้วก็โอเคค่ะ

คือบ้านนี่นอนได้ 4 คน มี 4 เตียงค่ะ

จริงๆกลัวนะ โคตรไม่ชอบเลยที่แม่มมีหลายเตียงแล้วกุนอนคนเดียวอะ

ถ้าเจอแบบนี้ก็จะเอาสัมภาระวางแม่มทุกเตียงค่ะ

เพราะเราเชื่อว่าเมื่อเค้าเป็นว่าเตียงไม่ว่าง เค้าจะได้ไม่นอนกะเราค่ะ 5555555555555

#ด่ากุว่าอิประสาทเสียสินะ #เออกุประสาทแต่ชอบไปเที่ยวคนเดียวไง #ฟายยยยยย -..-



เข้าบ้านได้ ก็เก็บสัมภาระข้าวของ


แล้วหยิบกล้องออกไปเดินสำรวจข้างนอนกันค่ะ



ฝนที่พึ่งจะหยุดตกไปเมื่อกี้


ทำให้หมอกฝนกำลังเคลื่อนตัวผ่านเขาเขียวๆไป

ถึงเราจะไม่ได้เจอกับจุดพีคที่เค้าว่าเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกที่สวยที่สุด ก็ไม่เป็นไร

ผิดหวังเล็กๆ แต่สีเขียวฟ้าหม่นนี่ก็สวยไปอีกแบบ

อย่างน้อยเราก็มาเห็นป้อมปี่ในวันที่ดูเย็นๆหม่นๆ สวยนะ มันดูสงบจริงๆ แต่เหงาสึส!

ดูจากรูป ฟิวแม้งมาไง -..-



น้ำที่นี่เป็นส่วนหนึ่งของเขื่อนวชิราลงกรณ์ค่ะ


ที่รู้เพราะอ่านป้ายค่ะ กักกักกักกักกักกักกัก ...



เดินดูรอบๆไปเรื่อยค่ะ


จริงๆที่นี่ไม่ค่อยมีอะไรเท่าไหร่นะ

คนส่วนใหญ่ใช้เป็นจุดแวะถ่ายรูปทางผ่านมากกว่ามาพักค่ะ

แต่ในช่วงหน้าหนาวก็มีนักท่องเที่ยวมาพักเยอะพอสมควรนะคะ จากที่สอบถาม จนท.



เพราะในช่วงหน้าฝนก็จะอย่างที่เห็นค่ะ

สวย แต่ลำบากในการกางเต๊นท์นอน

อย่างที่บอกว่าที่นี่ขึ้นชื่อในการชมพระอาทิตย์ตกค่ะ

ที่เคยเห็นรูปมันสวยมากๆๆๆๆ นี่ยังอยากมาดูด้วยตาเลย

ไว้มีโอกาสจะกลับมาอีกแน่ๆค่ะ



ได้เวลาก็หิวค่ะ


กิจวัตที่ไม่เคยลืม 5555555555555555555555555555555555555



นี่สั่งข้าวจากร้านค้าสวัสดิการไว้

อาหารที่คนมีสมองเค้ากินกัน

กระเพราะไข่ดาวแม่มโคตรเยอะ

กินไม่หมดอะแก

ไม่ใช่ไม่อร่อย แต่หันไปเจอตุ๊กแกเกาะอยู่ข้างกำแพง ไอ้ซัด!!!!!!

เลิก แล้ววิ่ง วิ่งเอ๋วิ่ง #กุเกลียดโคตรญาติจิ้งจก



หลังจากทำภารกิจส่วนตัวร้อยเรียบ


ก็จัดการสำรวจประตู หน้าต่าง ให้เรียบร้อยก่อนนอนนะคะ

เป็น ผญ เที่ยวคนเดียว แถามยังเป็นคนเดียวในอุทยานที่เงียบเชียบนี่ต้องระวัง

ยิ่งบอบบางแบบเราด้วยละ 555555555555555555 #ฟายยยยยยย



นอนเอาแรงค่ะ เพราะวันนี้เหนื่อยมาก นั่งรถหลายต่อ

พรุ่งนี้เราจะไปลุยกัน ... ทองผาภูมิ ...




Day 2 : อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ

เช้านี้ตื่น 6.00 โมงเช้าค่ะ


ใช้เวลาทำธุระส่วนตัว เก็บของ แล้วออกไปเก็บภาพยามเช้า 1 ชั่วโมงกว่าๆ

แล้วก็ขอติดรถพี่ จทน. อุทยานไปลงที่หน้าที่ทำการอุทยานเขาแหลม

เพื่อรอรถลงไปในตลาดทองผาภูมิค่ะ



เดินถ่ายรูปไปเรื่อยๆก็เจอพี่ ผช. มาถ่ายรูปเหมือนกัน

ปรากฎว่าแกมากับเพื่อน นอนที่นี่เหมือนกันค่ะ

ได้เราก็คิดว่ามีเราคนเดียวที่นี่ ไม่เห็นไงเมื่อวาน

นี่ก็กลัวชิปหายดิเมื่อคืน .. ผีไง จะใครล่ะ -..-



อำลาป้อมปี่ผู้เงียบเหงา


แล้วพาตัวเราไปหารถค่ะ



แอ้แฮร้!!!! เอาซะหน่อยอ้วนเอาซะหน่อย 55555555555


#ด่าได้แต่อย่าแรง #กุเจ็บไม่ทัน



ตอนแรกตั้งใจจะขึ้นรถเมล์แดงไป แต่แม่มไม่มาซะที


คือออออออ .. ถ้าจะขึ้นรถตู้ ต้องไปรอที่หน้าน้ำตก " จงอั้ว "

คือตรงนั้นจะเป็นน้ำตก จุดแวะพัก ป้อมจุดตรวจก่อนถึงเขาแหลมค่ะ

รถตู้จะจอดรับที่นั่นอย่างเดียว ขึ้นระหว่างทางไม่รับค่ะ

สุดท้าย ไม่ได้พึ่งทั้งเมล์แดง ทั้งรถตู้ โบกค่ะ!!!



แต่ยังไม่ทันโบก มีพี่คนนึงขับ Vios สีดำมาจอดแล้วถามว่า น้องไปมั้ย


มันไม่ค่อยมีรถหรอกวันธรรมดา ....



พระเจ้า สวรรค์มาโปรด นี่ยังไม่กางมือทำท่าเลยนะ

เทวดามาจอดแล้ว 555555555555555555555555555555

จัดไปพี่ พี่แกเป็นทหารอยู่ราชบุรี แวะมาเยี่ยมเพื่อนที่สังขละค่ะ

แกกำลังจะกลับ เราเลยบอกว่าจะลงไปตลาดทองผาภูมิ

จะไปขึ้นรถ 2 แถวเพื่อนขึ้นไปอุทยานทองผาภูมิ

พี่แกก็ใจดีสาสสสสสสส

พาไปส่งถึงคิวรถเลยจ้าาาาาาาาาาาาาาาาาาา

เริดสุดอะแกกกกกกก



มาถึงแล้วค่ะ ท่ารถสองแถวตั้งอยู่ใจกลางตลาดเลย


ตรงข้ามกับเซเว่นเลยค่ะ

เดินตรงเข้าไปสอบถามได้ความว่า .. ถ้าจะไปอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ

ต้องขึ้นรถสาย ทองผาภูมิ - อีต่อง



คือเวลาพูดนี่ต้องให้ชัดเจนนะคะ


ถ้าบอกว่าจะไปทองผาภูมิ เค้าจะมาส่งเราที่ตลาด ก็คือจุดที่เราอยู่ตอนนี้

ถ้าจะไปอุทยาน ต้องระบุให้ชัดเจนค่ะ เพราะอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิต้องขึ้นไปข้างบน

ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากตลาดอีต่อง และปิล๊อกค่ะ



รอบรถเที่ยวแรกที่ขึ้นไปคือรอบ 10.30 น.


และรอบต่อๆไปจะมีไปถึงเวลาไม่เกินเที่ยง 12.00 น. ค่ะ

ส่วนรถเที่ยวแรกที่จะลงจากบ้านอีต่องมาในตลาดทองผาภูมิคือรอบ 6.30 , 7.30 และ 8.30 แค่นี้นะคะ

รถรอบที่จะลงมามีแค่ 3 รอบตามเวลาที่บอกไปนี้เท่านั้นค่ะ

ซึ่งเราก็เข้าใจว่ามันไกล แล้วก็ไม่น่าคุ้มเท่าไหร่ เพราะคนโดยสารมีส่วนน้อยค่ะ



ตรงหัวมุมจะมีร้านข้าวคุณลุง คุณป้าใจดี อยู่ตรงคิวรถนั่นแหล่ะค่ะ

เราก็แวะกินข้าวตรงนั้นเลยสะดวกดี

ซึ่งคุณลุงใจดีมากๆๆๆๆ ดูแลอย่างกับเราเป็นลูกเป็นหลาน 55555

สั่งข้าวกับเกาเหลามา ไม่เยอะนะแก

ขึ้นไปบนป่าบนเขา ถ้าไม่มีอะไรกินจะยุ่ง

นี่กองทัพต้องเดินด้วยท้องไงเหยยยยยย

หิวเป็นลมเป็นแล้งใครจะช่วย นุ้งมาคนเดียวนะคะะะะะะ



#ยกแม่น้ำสี่สิบแปดสายเพื่อ?? #สรุปก็คือสนองนี๊ดตัวเองไงอิอ้วน -..-



ก็บอกแล้วว่าลุงใจดี แถมปลาทอดกร๊อบกรอบให้ตั้ง 1 ตัว


หย่อยด้วยแกกกกกกกกกกกก



เราลงมาถึงนี่ก็ประมาณ 9.30 น.

มีเวลาเหลืออีกตั้ง 1 ชั่วโมง

คุณลุงเลยบอกแนะว่าแถวนี้มีตลาดเช้ายังไม่วาย ให้ไปเดินดูได้

แล้วก็มีจุดชมวิวแม่น้ำแควด้วย ลองเดินดูนะ ... คุณลุงว่างั้น เราก็เลยลองไปตามแกบอกดู



แค่ตลาดที่นี่ก็ฟินแล้วอะ

วิวดี บรรยากาศสดชื่น

อิจฉาคนที่นี่จัง



แล้วนี่ก็จุดชมวิวที่คุณลุงบอกค่ะ


เดินเลยตลาดมา ลงเดินเรื่อยๆก็เจอเลย

เป็นสวนสาธารณะค่ะ น้ำใจมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก



เดินกลับมาที่ตลาดเพื่อรอรถค่ะ


เวลาผ่านไปไวนะเวลาว่างๆถ่ายรูปชิวๆเนี่ย

แพ๊บๆ 10.30 น. ละแก กลับมานั่งรถรถที่ร้านคุณลุงต่อค่ะ

ไม่นานรถก็ออก



คุณลุงคนขับสองแถวใจดีอีกแล้ว


แกจอดแวะให้เราถ่ายรูปตลอดทาง

จริงๆเราไม่ได้ขอเลยนะ

แต่แกเห็นเราถือกล้องถ่ายตลอดทาง

พอเจอที่สวยๆก็แวะให้ถ่าย

ผู้โดยสารบนรถก็ใจดีไปอีก

ไม่บ่น แถมยังเล่าเรื่อง บอกบรรยายที่สวยๆไปด้วยอีก เป็นคุณลุงไกด์ที่น่ารักมากๆเยยยยยย ><



สองแถวที่นี่ คนที่ใช้บริการส่วนใหญ่ก็เป็นชาวบ้านข้างบนนั่นแหล่ะค่ะ


เค้าเลยไม่ซีเรียสกับการเดินทางที่ค่อยๆไป

เค้ามีรอยยิ้ม น้ำใจ และความเป็นกันเองมากๆ นั่นแหล่ะ เราเริ่มตกหลุมรักที่นี่อีกแล้ว ...



แล้วเราก็มาถึงซะทีค่ะ ใช้เวลาเดินทางเกือบ 2 ชั่วโมง


เพราะคุณลุงพาแวะบ่อย 555555



ลงรถปุ๊ป ฝนก็เทปั๊บเลยแกกกกกก

ป้อมอุทยานอยู่ติดถนนใหญ่เลยค่ะ

คุณลุงพาลงส่งตรงนั้น และเก็บค่าโดยสารไป 70 บาทค่ะ



ลงรถแล้วก็สอบถาม จนท. อุทยานที่อยู่ประจำป้อม

เค้าก็บอกว่าคนที่จองไว้ใช่มั้ย แล้วก็ให้เราเดินไปที่จุดบริการนักท่องเที่ยว

เพื่อจ่ายเงินและเอากุญแจบ้านค่ะ



พอได้กุญแจแล้วพี่เค้าบอกให้เดินไปตามทางที่ป้ายลอกเลยค่ะ


ไม่ไกล .. เค้าว่างั้น .................



ป้ายบอก 500 เมตร ......................



ทำไมกุรู้สึกเหมือนเดินข้ามเขา 80 กิโล .... ระยะทาง ... น้ำหนักกุเนี่ยยยย

เชี่ยยยยยยย คือเหนื่อยมาก นึกว่ามาปีนเขาช้างเผือก

นี่กุเผลอคิดไปแล้วนะว่าเออกุมาเขาช้างเผือก

เรียกสติได้ก็บอกตัวเองว่าเฮ้ๆๆๆๆ

เขาช้างเผือกยังไม่เปิดให้จองเลย นี่กุกำลังจะไปบ้านริมผานะ

แล้วทางแบบเออ ครึกครื้นสึส

สนุกบันเทิงล่ะเมิง!!!



คือเราจองที่พักก่อนมาค่ะ เพราะได้โทรมาสอบถามอุทยานว่าช่วงนี้เปิดให้เข้าพักมั้ย


เค้าบอกเปิด แต่แนะนำให้จองที่พัก เพราะช่วงนี้หน้าฝนไม่ให้กางเต๊นท์ค่ะ

มันอันตราย แล้วที่พักชอบเต็ม เราก็เลยทำการจองที่พักไปในวันศุกร์ที่ 1 กรกฎา ที่ผ่านมานี่ค่ะ

เค้าจะขอชื่อ ที่อยู่ และเบอร์ติดต่อกลับไว้ โดยไม่ได้ให้โอนค่าที่พักก่อนนะคะ

อันนี้เราไม่ทราบว่าเป็นเพราะช่วงโลวด้วยรึเปล่า

แต่ที่อยากจะบอกคือ เราไม่เคยเห็นรีวิวบ้านริมผาเลยยยยยย

หน้าตาบ้านก็ไม่เห็นค่ะ รู้แค่ว่าเราจองไปแล้ว และต้องไปนอน ไม่ได้คาดหวังอะไร

แต่พอมาเจอวิวหลังห้องเท่านั้นแหล่ะแกกกกกกกก

แบบอยากให้ดู VDO ม๊ากกกก

ขอร้อง คลิ๊กตามลิ้งไปนะ เราลง VDO ในนี้ไม่เป็น แต่เราอัพลงเพจไว้ค่ะ

ต้องไปสัมผัสหมอกที่เคลื่อนไหวอะแก!



https://www.facebook.com/FernAroundMe/videos/1646638958988899/





มาถึงฝนก็เทลงไม่ขาดสายเลยจ้าาาาาา
ต้อนรับกุไง เอาเลยตามสบาย -..-
ไม่ห่วงค่ะ ตุนเสบียงมาจากเซเว่น อีซีโกวช่วยคุณได้ กุไม่ได้เป็นพรีเซนเตอร์แต่อย่างใด
เสียเงินซื้อสนองนี๊ดตัวเองอีกแล้วค่ะ ... ไม่รวมแซนวิศซีสที่แม่มเละไปกับการบดทับของกระเป๋า
สารเลวมาก

ฟิวศิลไง เขียนบันทึก .. ความรัก ?


ป่าวววว รายจ่าย ยยยยยยยยยย

จริงๆก็มาม่านิดนึงมะ ฝนแม่มทำฟิวมาไง

555555555555



นั่งเคลิ้มๆไปซักพักฝนเริ่มซา


ไอ้เราก็พยายามเปิดประตูชะเง้อดูคนที่จะมาพักบ้านอีก 2 หลังเป็นเพื่อนนะ

ว่ามีใครมามั่ง คืออะไรรรรรรร .... แบบว่าบ้านริมผาแม้งริมผาจริงๆไง

วิวดี โอเค แต่!!!! ไกลจากผู้คนสาสสสสสสส

แล้วแบบลำพังแม่มก็ไม่มีคนอยู่แล้วไง ทั้งอุทยาน กุคนเดียว .. อีกแล้ว

เอาจริงๆไปไหนทุกที่เป็นคนเดียวตลอด 5555555555555

คือข้อดีอะ มันจะได้วิวที่ไม่ติดคน สวยงามตามธรรมชาติไป

แต่ขอซักคนได้มั้ย ขอซักคนที่มี หัวใจอยู่ในนัน หัวใจตรงกับช้านนนนน ยยย

ไม่ใช่ แบบว่านึกออกมั้ยคะ ว่าที่นี่มันต้องเดินขึ้นมาจากที่ทำการใช่มะ

ก็ตามสภาพทางที่บอกไปว่าปล่าวเปลี่ยวเหลือเกิน

ไม่ได้กลัวคน กุกลัว .......

นี่ยังไม่มืดนะ แล้วคือไร คือมันไม่มีไฟ นั่นแหล่ะประเด็น

ก็อยากจะมีแบบเพื่อนบ้านมาอยู่ข้างๆกันไรงี้

เที่ยวคนเดียวน่ะไม่ได้กลัว แต่ขอพื้นที่ให้กุหลับสนิทบ้าง จริงๆ -..-



ออกไปเดินเที่ยวรอบๆรอคนค่ะ 55555

ชมวิวกันแกกกกกกก หมอกฝนของข้า



ไปอีก 1 จุดชมวิวค่ะ



อันนี้คือบ้านทาซานค่ะ


ตอนแรกเราก็จะนอนที่นี่ แต่ช่วงนี้หน้าฝน เค้าปิดปรับปรุงค่ะ

เลยอดเป็นเจนเลยยยย ยยยย



ที่นี่ใช้ไฟฟ้าจากโซราเซลค่ะ


จะจ่ายไฟให้ใช้ได้แค่ตอน 18.00 - 20.00 น. เท่านั้นค่ะ

เพราะไฟไม่เพียงพอ

ในบ้านที่พักก็จะมีแค่ไฟส่องสว่างค่ะ ไม่มีปลั๊กไฟ

ถ้าจะชาร์ตแบตก็ตรงป้อมด้านบนที่พักกางเต๊นท์เลยค่ะ อยู่ใกล้กับจุดที่มีสัญญาณโทรศัพท์ด้วย

เราก็ไปนั่งชาร์ตอยู่ตรงนั้นเช่นกัน

อีกจุดนึงที่สามารถใช้ไฟได้ตลอดก็คือร้านอาหาร ร้านค้าสวัสดิการของอุทยานค่ะ

ซึ่งอยู่ด้านล่าง ตรงนั้นไม่มีสัณญาณค่ะ แต่มี Free WiFi ที่ช้ากว่า 3G อีกแก -..-



นั่งๆไปก็มี จนท. อุทยานขับรถขึ้นมาสอบถามว่าเรามาพักใช่มั้ย

เราก็บอกใช่ๆ จะมี จนท. มาอยู่ประจำป้อมบนนี้มั้ยคะ ... เค้าบอกมี เค้านี่แหล่ะ เดี๋ยวมา

สายตากุวิงวอนจนเห็นได้ชัดเลยหรอ เค้าถึงพูดออกมาว่า .. เดี๋ยวมาครับ แป๊ปเดียว ที่นี่ไม่มีผี ..



-..-



นี่กุกลัวผีจนหน้าแสดงออกเลยหรอ



-..-



นั่งรอไปซักพัก มีรถขับขึ้นมาค่ะ

ใช่แล้วแกกกก ฉันมีเพื่อนแล้วววววว

พวกพี่เค้ามากัน 4 คน แก๊งชายหนุ่มผู้ใจดี

ทักทายและตกใจที่นุ้งมาคนเดียว 555555555

และบอกว่าโอเค เดี๋ยวพี่เข้ามาใหม่ ไปตลาดก่อน เดี๋ยวรีบมา ไม่ต้องกลัว

55555 กุว่าหน้าตากุดูกังวลจริงๆแหล่ะ

พี่แกชวนเราออกไปตลาดนะ แต่เราอิ่มแล้ว

แกก็ยังใจดีซื้อเทียนกับไฟแชคมาฝากด้วยเป็นกำมือ โห่ยยยยย

จริงๆถ้าพวกพี่มาเห็นกระทู้นี้ หนูอยากขอบคุณอีกรอบนะคะ

ทั้งเทียน และการให้ติดรถในเช้าของการเดินทางต่ไปที่อีต่อง ขอบคุณมากๆ จริงๆค่ะ



ในขณะที่รอพวกพี่ๆกลับเข้ามา

เราก็ยังนั่งอยู่ที่ป้อมเพื่อชาร์ตแบต

แล้ว จนท. คนเดิมก็มาค่ะ

ตอนนั้นเงียบสาสสสสสส

ได้ยินเสียงอะไรกุก็หันตลอดอะ

ดีนะ มาโปรดได้ทันเวลา -..-



เราคุยกันไปเรื่อย

สนุกนะ ได้แลกเปลี่ยนความคิดเยอะมาก

เราได้ความรู้จากการทำงานให้บริการประชาชน

จากเจ้าหน้าที่อุทยานคนนึง

ที่ทำงานด้วยใจจริงๆ และมันทำให้เราเห็นมุมมองของคนทำงานสายนี้

บางทีมันก็ไม่ใช่แค่หน้าที่ แต่ความรับผิดชอบมากมายที่ตามมา

เค้าต้องใจเย็นสุดๆกับนักท่องเที่ยวบางคนที่เอาแต่ใจ

เพื่อการบริการที่ดีที่สุด สู้ๆนะคุณเจ้าหน้าที่

ขอบคุณเช่นกันที่นั่งคุยเป็นเพื่อนกันจนเรามีเพื่อนบ้าน 555555



นั่งไปจนทุ่มนิดๆ ก็มีพี่ ชาย - หญิง คู่นึงขับขึ้นมา

สอบถามได้ความว่ามาพักข้างบ้านข้าจ้าาาาาาาาาาาาาาาาาา

ฟินไปอีก 55555 .... คืนนี้ไม่ต้องทนเหงาเปลี่ยวใจแล้วอะแก

3 หลัง ข้าอยู่ตรงกลาง มีอะไรร้องเลย เดี๋ยวพวกพี่มาช่วย 5555555

นั่นแหล่ะ ระหว่างทางที่ได้พูดคุยกับคนแปลกหน้า

แล้วเราก็เข้าบ้านอาบน้ำ เผลอหลับไปก่อนไฟจะดับซะอีก

สำหรับคืนนี้ ฝันดี บ้านริมผา ...



Day 3 : อีต่อง - เหมืองสมศักดิ์ - เนินเสาธง

เช้านี้ตื่นด้วยแสงริบๆที่พอจะรอดออกมาจากเมฆฝนหนาๆนั่นได้บ้าง


ส่องลอดเข้ามาจากช่องบานเกร็ดที่ไม่มีม่านปิด

ตื่นขึ้นด้วยความสดชื่นมาก พอลุกจากที่นอนได้ก็เปิดประตูหลังบ้านเพื่อสูดหมอกที่ลอยล่องนั่นให้เต็มที่

แล้วมันก็สะกดเราอีกครั้ง ความฟินแม้งทำเอาลืมความหนาวไปเลย

ดีใจที่ได้มาจริงๆนะ ไม่ผิดหวังกับบ้านริมผาเลยซักนิด .. ไม่นับความกลัวเมื่อคืน 5555555



พอแล้วกับบรรยากาศตรงนี้


พาตัวเองไปอาบน้ำ แล้วรีบเอาตัวเองออกมา

ไอ้ซัดดดดดดดดด หนาวชิบ น้ำโคตรเย็น

แล้วสระผมไง ปวดกกหูชิปหาย -..-



ในขณะที่เราตื่น พี่ๆทั้ง 2 บ้านยังคงนิ่ง

อยากโบกมือบ๊ายบายนะ

แต่ไม่รบกวนดีกว่า ไปแล้วนะคะ

ขอบคุณที่ความบังเอิญทำให้พี่ๆมานอนเป็นเพื่อนหนู 55555



ที่เห็นนั่นคือเขาช้างเผือกนะคะ


เราจะเห็นมุมนี้ได้จากจุดชมวิวเนินช้างเผือก

อยู่ใกล้กับบ้านริมผาเลยค่ะ

และตั้งใจไว้แล้ว

ถ้าจองทันนะ จะต้องขึ้นไปบนนั้นให้ได้



อิ่มใจกับหมอกฝนแล้วก็เดินต่อค่ะ


จากหมอกที่เห็น มันอาจไม่ได้สวยเท่าหมอกหนาวนะแก

ไม่ได้แบบเป็นชั้นๆๆๆ เหมือนทะเลหมอกทับเบิก

แต่เราว่ามันคุ้มแล้วนะ กับความตั้งใจมาล่าหมอกฝนที่นี่ ครั้งนี้

มันสดชื่นมาก นั่งดูหมอกลอยไปมา ตรงหน้าคือภูเขาสีเขียว ความสมบูรณ์ของป่าเมืองกาญ

ที่นี่ยังคงสิ่งที่มีค่าทางทรัพยากรไว้มากจริงๆค่ะ

ถึงเวลาต้องบอกลาต้นไม้ใหญ่ๆ ตะไคร่สีเขียว หมอกหนาๆ ภูเขา และบ้านริมผา

พาตัวเองเดินลงมาตามทางที่เงียบๆ แบบเรื่อยๆ ไม่รีบค่ะ นี่ก็ 7 โมงครึ่งนิดๆ

เราจะเดินลงไปเพื่อรอโบกรถหน้าอุทยาน ขึ้นไปตลาดอีต่องค่ะ



ลงมาถึงป้อมก็คืนกุญแจไว้ที่ป้อมทางเข้าอุทยานเลยค่ะ


เพราะศูนย์บริการนักท่องเที่ยวยังไม่เปิด เราลงมาก่อน 8.00 น. ค่ะ เค้ายังเริ่มงานกัน

ลงมารอโบกรถ รอไปก็ยังไม่มีรถที่พอจะอาศัยไปได้ เลยนั่งคุยกับคุณลุงไปพรางๆค่ะ



คุณลุงแกก็บอกว่า ... นี่ดีนะที่เมื่อคืนมีคนมาพักด้วย

ไม่งั้นจะให้ย้ายลงมานอนที่ศูนย์นักท่องเที่ยวละ

อันตราย มาคนเดียวด้วย อยู่ตรงนั้นถ้าไม่มีคนอยู่ด้วยเกิดอะไรขึ้นไปช่วยไม่ทันนะนั่น



55555555555555 ใครๆก็จะซักถามกันแบบนี้ทั้งนั้น

ทุกคนที่เห็นเราไปแล้วพอบอกมาคนเดียว

จะตกใจหือหากันใหญ่โต แบบมาได้ไง เออกล้าว่ะ

เคยเห็นแต่เค้าไปเที่ยวคนเดียวตามเมืองนอก ตามเมืองต่างๆ แต่นี่มาคนเดียวตามอุทยาน

มันอันตรายๆๆๆๆๆๆๆ บลาๆๆๆๆ 555555 ... จริงๆเราก็เข้าใจนะ ในความเป็นห่วง

ก็อย่างที่บอก ,,,,,,



** เราก็เป็นคนขี้กลัว แต่ในเมื่อความอยาก มันมีมากกว่าความกลัว เราเลยต้องออกไปดู

ไปดูให้เห็นกับตา ว่ามันมีอะไร แล้วคุ้มมั้ยกับการไปพบไปเจอเรื่องราวเหล่านั้น

ตั้งแต่วันแรกที่เราเริ่มออกเดินทาง มันก็เจอคำตอบแล้ว ... ว่ามันคุ้ม ...

ในทุกสิ่งที่จะทำให้ความสุขเพิ่มขึ้น เราก็อยากทำ ทำเพื่อสนอง Need ตัวเอง

เพราะการทำงาน เรียน ชีวิต .. เราทำเพื่อคนอื่นมาเยอะแล้วไง

เวลาพัก ก็อยากจะทำอะไรที่ให้ตัวเองยิ้มได้บ้าง และสิ่งนั้น มันก็คือการเดินทาง : ) **



ในการโบกรถนั้นไม่ยากค่ะ


แต่ต้องรอ 5555555

รอไปๆมาๆ เดินเล่นไปแถวๆนั้น

ซักแป๊ปก็มีรถที่ดูคุ้นๆตาขับลงมาจากบนอุทยานค่ะ



รถมาจอดเทียบข้างป้อมตรงที่เรายืน แล้วลดกระจกลง

ปรากฏว่าเป็นพี่ๆกลุ่มเมื่อคืนค่ะ

แกจอดแวะทักทายคุณลุงประจำป้อม แล้วเราก็ทักกัน

พวกพี่แกจะไปตลาดอีต่องหาอะไรกินพอดี

เราเลยขอติดรถมาด้วย กิกิ ;)



พี่ๆแกก็ยินดีค่ะ ลงมาช่วยเราขนกระเป๋าด้วย 555555

ใจดี ใจหล่อ มีน้ำใจจุงพี่ๆๆๆๆ ขอบคุณอีกรอบนะคะ : )



ระหว่างทางก็คุยไปเรื่อยค่ะ

พวกพี่ตลกดี 555555



แล้วเราก็มาถึงแล้วววววววววววววววววว

ที่นี่ ... อีต่อง ...



มาถึงก็เดินผ่านสะพานมาก็จะถึงตลาดสดอีต่องเลยค่ะ


แต่อย่าพึ่งเข้าใจว่าเป็นตลาดสดมีของมากมายแบบบ้านเรานะคะ

มีอยู่ประมาณ 3 - 4 ร้านเรียงกัน เป็นร้านแบบมีของสด ของฝาก และของชำขายด้วยกันค่ะ

ฝั่งที่มีบ้านเรียงๆกันริมน้ำนั่นก็โฮมสเตย์ทั้งนั้นเลยนะคะ

แต่วันนี้วันเสาร์ เต็มทุกหลังค่ะ ได้เราตั้งใจจะมาไปพักที่ Love ปิล็อก

พอเดินเข้าไปถามเต็มนี่เงิบเหมือนกันนะ ลืมไปว่ามันเป็นวันหยุดไง ไม่ได้จองใดๆค่ะ

กะว่าจะมาวอคอินเอาข้างหน้าได้ แต่น้องคนที่มารับแขกหน้าบ้านที่ Love ปิล็อก

เค้าก็ช่วยพาเดินไปหาที่พักนะ น่าจะเป็นคนรู้จัก หรือญาติๆกันทั้งนั้นมั้งคำแถวนั้น

สุดท้ายเราก็ได้ที่นอนสำรับคืนนี้ ,, " อีต่องโฮมสเตย์ " ,, อยู่กลางหมู่บ้านเลยค่ะ

เดินตรงมาจากสะพาน ผ่านตลาดสดตรงมา เลี้ยวซ้าย

แล้วก็เดินตรงมานิดนึงจะอยู่ทางขวามือค่ะ ตรงข้ามกับ ไปรษณีย์ปิล็อก



แล้วก็ยังเหลือห้องว่างจริงๆค่ะ


คุณป้าเจ้าของพาเราไปดูห้อง แล้วก็เอาของเข้าไปเก็บในห้องพัก

ที่นี่มีบริการ Wifi เครื่องดื่ม กาแฟ น้ำร้อน และอาหารเช้าให้นะคะ

ราคาอยู่ที่คืนละ 800 บาท เพราะเราได้ห้องแบบนอนได้ 3 คน

เนื่องจากห้อง 1-2 คนมันเต็มหมดแล้ว ซวยไป ราคาไม่แรงนะ

นอนได้ตั้ง 3 คน แต่มาคนเดียวไง อะไรก็ดูแพง 55555555555555



เก็บของเสร็จก็ไปลุยค่ะ

หลังจากอาบน้ำใหม่ 5555 เดินลงมาจากอุทยานแล้วเหงื่อแบบควรอาบอะ!!

อ้วนเองแกรรรรรรรรรรร ขอแว็บๆหน่อย 5555555555555555



ผ่านๆมันไปนะอินี่อะ



ข้างๆที่พักมีร้านกาแฟสดอยู่ค่ะ

เดี๋ยวนี้ไปไหนไม่ต้องกลัวขาดคาเฟอีน

เพราะร้านกาแฟเข้าถึงทุกที่แล้วจริงๆ



เราสั่งอเมริกาโน่มากิน


รสชาติโอเคเลยนะ

ปกติไม่กินเครื่องดื่มที่หวานมากๆไง

เวลาสั่งจะสั่งหวานน้อยตลอด

แล้วคือนี่เป็นที่แรกที่สั่งอเมริกาโน่แล้วรู้สึกว่ามันใช่อะ

ไม่ได้หวานแบบโอเลี้ยงไง โอเค ผ่านค่ะ

ซัดไปทั้งขาไปและก่อนกลับ 55555



เสร็จจากร้านกาแฟที่ช่วยทำให้ตาเราสว่างสุดแล้ว


ก็ต้องข้าวค่ะ 555555555555555

นั่นชีวิตกุเลยนะ ไม่ได้!!!! ต้องกินเส่ะ!!! ; )



เดินผ่านที่พักมาจนเกือบถึงครัวสุดแดนค่ะ จะเจอร้านเจ๊ณี

คือแซบอะ อยากให้มาลอง เราสั่งต้มยำมานะ แบบเปรี้ยวถึงใจมาก

นี่พิมพ์ไปน้ำลายสอเลยอะแก 55555



ไข่กะทะ ข้าวเปล่า + ต้มยำไก่น้ำใส ไม่เยอะค่ะ


เป็นเด็กกำลังโต นี่กินเผื่อเหนื่อย จะไปเดินเที่ยวไง

ก็ต้องกินเอาแรงค่ะะะะะะะะะ



#ยกแม่น้ำหวงโหมาอีกละ #เมิงแค่หิวและอ้วน -..-



กินอิ่มแล้วก็เดินต่อค่ะ


ถามทางไปเรื่อย เค้าบอกให้เดินตรงไปท้ายหมู่บ้าน

แล้วเลี้ยวขวา ดุ่มๆๆๆๆๆไป ตามทางถนนแล้วจะเจอเนินเสาธง

โอเค แม่มเหมือนง่าย .. เอาจริงๆเดินไปมีร้องอะ

คือหมอกลงจัดสึส!

แล้วเคยเห็นหนังที่มีประตูมิติโผล่ออกมาจากหมอกป๊ะ

นั่นแหล่ะ กูคิดอยู่ ................



เดินมาเราก็จะผ่านดงโคตรหมอกมรณะ
แล้วก็จะมาเจอด่านตรวจแบบนี้ค่ะ
ผ่านด่านมาประมาณ 200 เมตรก็ถึง
สำหรับคนมีรถ อะไรก็ไวค่ะ .. หนูเดินค่ะ .................
นานสึส!!!!!

มาถึงจะมีป้อมของพม่าอยู่ตรงทางขึ้นฐานพม่านะคะ


คือตรงป้อมนั้นคือฝั่งพม่าค่ะ ห้ามขึ้นเด็ดขาด

เพราะทหารที่อยู่ในป้อมพูดไทยไม่ได้ค่ะ เค้าเว่าพม่าใส่เราทุกคำ

ฟังกันไม่รู้เรื่อง ยังดีมีลูกครึ่งผ่านมา เราเลยถามเค้า

เค้าบอกขึ้นไม่ได้ เป็นฐานของพม่า .. คิดในใจถ้ากุก้าวขึ้นไปเมื่อกี้จะโดนยิงมั้ย -..-



ที่เห็นนั่นหมอกทั้งนั้นนะคะ


มองอะไรไม่เห็นกันเลยทีเดียว

ชอบหมอกมาก

แต่ไม่จำเป็นต้องมาทั้งตระกูลขนาดนี้ค่ะ

กุตาจะบอด -..-



มาแป๊ปๆก็กลับเถอะ

มันไม่มีอะไรให้เห็นเบยยยยยยย

หมอกบัง กลับค่ะ!



นั่นคือหมอกจริงๆนะ


มันเยอะจนมองไม่เห็นอะไรเลย

กล้องแบบถ่ายออกมาแล้วไม่โฟกัสหลายภาพมาก

อยากให้เห็น VDO แต่เราลงไม่เป็น 5555555555555



เดินมาเรื่อยๆเพลินๆ

หมาข้างทางก็เห่าหอนกันไป

อยากให้รู้ไว้ กุไม่ใช่นางไม้ไง

ยิ่งแม่มเห่ากุยิ่งกลัว .. กลัวหมา ?

ป่าว .. กุกลัวผี -..-



มาถึงหมู่บ้านก็ลงมาทั้งฝนทั้งหมอก

มาเลย กุพร้อมและสตรองมาก ชริงๆ



เดินลงมาก็เริ่มคอแห้ง เลยแวะร้านกาแฟก่อนถึงที่พักอีกซักหน่อย


อันนี้เป็นอีกร้านนึงค่ะที่เราชอบ เค้กเค้าทำเอง อร่อยดี นุ่มมากกกกกก

ไปโดนชาเขียวกับเค้ดหน้านิ่มมาค่ะ กักกักกักกักกักกัก



จริงๆตอนนี้กำลังหาคนหารค่ารถลงไปเหมืองลุงสมศักดิ์ค่ะ


เพราะต้องใช้ 4x4 ออฟโรดลงไปเท่านั้น

ที่โฮมสเตย์ที่เราพักนี่จะมีบริการรถพร้อมคนขับให้ค่ะ

เหมาต่อคันตกคันล่ะ 1200 บาท นั่งได้ไม่เกิน 8 คนค่ะ

อันนี้เป็นราคาเฉพาะการไปเหมืองนะคะ

ถ้าเที่ยวทุกที่บนนี้ ได้แก่ น้ำตกจ๊อกกระดิ่น เหมืองสมศักดิ์ เนินช้างศึก เนินเสาธง พวกนี้จะราคาเหมา 1500 บาทค่ะ

ถามคุณป้าเจ้าของที่พักเราเค้าก็บอกว่าเดี๋ยวถ้ามีคนมาติดต่อจะโทรตามค่ะ

เราเลยไปนอนรอบนห้อง เพราะตอนนี้ฝนเริ่มจะตกอีกแล้ว



ซักประมาณ 3 โมงเย็นคุณป้าก็โทรมาค่ะ

บอกว่ามีคนจะลงไปเหมืองอย่างเดียว ในราคา 1200 บาท หารกันแล้ว 8 คนพอดี

ตกคนล่ะ 150 บาท !!!!! 5555555555555 รู้สึกชนะ



แต่เอาจริงๆที่ราคาต้องสูงขนาดนี้ก็เพราะทางค่ะ

คือลงไปทีนี่สงสารรถเลย

ค่าซ่อมบำรุงมันเยอะไง

แต่คนที่นี่ก็ใจดีค่ะ เค้าไม่ได้ยัดเยียดให้เราขนาดนั้น

เค้าก็จะบอกตลอดไปคนเดียวมันไม่คุ้ม จะช่วยๆหาคนหารให้

เราก็โชคดีที่ได้



ตอนแรกเราจะไปกับอีกกลุ่มนึง อันนั้นเค้าไปหมด

ซึ่งใจเราอยากไปแค่น้ำตก เนินช้างศึก กับเหมืองค่ะ

พี่อีกคนเค้ามีรถ พักที่เดียวกับเรา แกบอกว่าเดี๋ยวไปน้ำตกกด้วยกัน

เพราะแกก็จะกลับไปน้ำตกอีกรอบ เราเลยโอเค สรุปเหมาไปเหมืองอย่างเดียวค่ะ



รถมารอรับที่หน้าสะพานทางเข้าหมู่บ้านค่ะ

จริงๆแล้วรถที่ใช้บริการก็เป็นของคุณลุง สามีคุณป้าเจ้าของอีต่องโฮมสเตย์ที่เราพักนั่นแหล่ะค่ะ

คันที่เราไปคุณลุงขับเองเลย คุยตลอดทางไม่เบื่อ

คุณลุงใจดี แถมยังเล่าเรื่องที่เป็นความรู้ให้ฟังมากมายเลยค่ะ



เราก็อ่านประวัติเหมืองสมศักดิ์มานิดหน่อย เลยอินกับการเข้าไปเพื่อได้เจอกับป้าเกร็น

ภรรยาของลุงสมศักดิ์ เจ้าของเหมืองที่เสียชีวิตไปแล้วค่ะ

ซึ่งป้าเกร็นเป็นชาวออสเตรเลีย ที่แต่งงานกับลุงสมศักดิ์แล้วย้ายมาอยู่ไทยค่ะ

มีลูกชาย 1 คน แต่พี่เค้าทำงานต้องไป ตปท. บ่อยๆ

เมื่อก่อนป้าเกร็นแกเป็นครูสอนภาษาในมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งใน กทม.

หลังจากลุงสมศักดิ์เสียชีวิต คุณป้าเลยย้ายมาอยู่ในเหมือง ที่นี่แหล่ะค่ะ

และร่วมต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงกับคนงานที่เหลืออยู่

มาจนกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยว ให้ผู้คนได้เข้ามาดูพื้นที่แห่งความรักนี้

เค้กป้าเกร็น ขึ้นชื่อลือชาจนต้องมาลอง แต่วันนี้มีปัญหาเล็กน้อยค่ะ

เราเลยไม่ได้ชิมเค้กในเหมือง แต่ต้องออกไปแวะซื้อตรงปากทางก่อนเข้าหมู่บ้านอีต่อง

ตรงนั้นเป็นร้านของลุงชาลีค่ะ ภรรยาแกเป็นแม่บ้านคนสนิทของป้าเกร็น

ลุงชาลีแกอยู่ดูแลป้าเกร็นมานานค่ะ เป็นคนที่ลุงสมศักดิ์ไว้ใจ และก็ยังดูแลจนทุกวันนี้

ในเหมืองไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ ไม่มีไฟฟ้าเข้าถึงนะคะ ที่นั่นใช้พลังงานน้ำเพื่อปั่นไฟใช้

เพราะงั้นเมื่อมีลูกค้าต้องการเข้าพักในเหมือง หรือมาเยี่ยมชม ต้องโทรหาลุงชาลีค่ะ

แล้วลุงแกก็จะจัดการให้เอง แต่ต้องขยันโทรไปย้ำแกบ่อยๆนะคะ

ต้องเห็นใจคนที่นั่นด้วย ด้วยสัญญาณที่ไม่ค่อยมี และงานแกยุ่งๆค่ะ

เราเคยเห็นคนไปโวยวายในเพจว่าจะไปพักที่เหมือง แต่ดทรไปไม่ค่อยรับบ้าง โทรไม่ติดบ้าง

บางคนบอกเสียความรู้สึก ตอนแรกเห็นเราก็รู้สึกเฟลนะ คิดว่าแบบคนคงไปเยอะ

แกเลยไม่ง้อลูกค้า แต่จริงๆแล้วไม่ใช่เลยนะคะ ทุกคนใจดี และต้อนรับเราเสมอ

แต่อยากให้ไปเห็นค่ะ แค่ทางเข้าเหมืองก็ลำบากแล้ว บวกกับที่นั่นไม่ใช่แหล่ะที่สัญญาณเข้าถึงเท่าไหร่

คงมีบ้างที่โทรไม่ติด หรือบางทีติด ลุงแกรับเรื่องไปแล้วอาจลืมค่ะ ต้องย้ำแกนะ แนะนำให้ใจเย็นๆ : )



จากภาพก็ถ่ายได้แค่ทางเข้าแรกๆค่ะ


เพราะถึงทางที่โหดๆรถเครงมาก โยกแบบมอสกันเลยทีเดียว ถ่ายไม่ได้แกกกก -..-



จริงๆระยะทางไม่ไกลนะ แต่การเดินทางต้องค่อยๆไป เพราะทางแคบ แทบจะเป็นวันเวย์อะ

ถ้ามีรถสวนมาต้องหาไหล่ทางกว้างๆหลบให้กันก่อนนะ ส่วนเรื่องความลำบากของทางนี่ไม่ต้องพูด

ถ้ากุมาเองนี่เดินอะ มอไซค์ก็ไม่ขับ กุท้อ เห็นแล้วเดินดีฟ่า -..-



ใช้เวลาดมยาซักพักก็ถึงค่ะ

มาถึงก็ดีใจนะ จะได้เจอป้าเกร็นตัวเป็นๆ 55555555

ป้าสวยอะ แบบรอยยิ้มสดใสมาก พูดเก่งมาก

ตอนแรกเราคิดว่าแกน่าจะพูดไทยชัดแจ๋ว เพราะมาอยู่นานแล้ว

แต่จริงๆคือพูดได้ค่ะ แต่ไม่คล่องเท่าไหร่

และยังพูดอังกฤษได้ชัดแจ๋วเลย คุณป้าน่ารักจริงๆนะ

คุยกันเหมือนลูกหลานมาเยี่ยมเลย ดูแล้วแกมีความสุขกับการอยู่ในที่แห่งนี้จัง



อันนี้คือในบ้านที่แกอยู่เลยนะคะ


ของจุ๊กจิ๊กน่ารักมาก ดูอบอุ่นดี



ป้าเกร็น กับลุงสมศักดิ์ค่ะ


สวย หล่อไม่เบา กิกิ : )



นี่คือแร่ที่ยังเหลืออยู่ค่ะ


ตั้งโชว์ไว้ ที่เห็นนั่นคือแร่ที่ยังไม่ได้ถลุงนะ ก้อนใหญ่ๆนั่น



ยืนคุยกับป้าไปซักพักก็ได้เวลากลับค่ะ


ไว้มีโอกาสจะมาใหม่นะคะ บ๊ายบายยยยยย



ขากลับออกมาฝนตกหนักเลยค่ะ
หนักมากจนคิดว่าไม่น่าได้ไปน้ำตกแล้วแหล่ะ
คุณลุงแกแวะให้ซื้อเค้กป้าเกร็นก่อนกลับด้วยค่ะ
และมันอร่อยมาก หอมน้ำผึ้ง ถ้าเราไม่ได้คิดไปเองนะ 55555
มีคุ๊กกี้ของฝากกลับไปด้วย 2 ถุง อร่อยเช่นกัน
ชอบมากเลยขนมเนี่ย กิกิ ><

ฝนตกหนักขึ้นเรื่อยๆเลยค่ะ


ทำใจแล้ว คงไปน้ำตกไม่ได้แน่ๆ

นี่ก็ 4 โมงกว่าๆแล้วด้วย

ตัดสินใจกลับไปนอนเล่นที่ห้อง

แล้วค่อยรอเวลาไปกินข้าวค่ะ

เพราะฝนตกเลยไปไหนไม่ได้

ถ้าจะไปก็คงมองไม่เห็นอะไรแน่ๆ ที่เนินช้างศึกหมอกลงจัดแน่นอน

ส่วนน้ำตกนี่ถ้าน้ำเยอะมากๆไหลแรงมากมันจะแดงค่ะ

อันตราย เค้าจะไม่ให้เข้าไปค่ะ เพราะเสี่ยงน้ำป่า

สรุป นอนกลิ้งวนไปค่ะ!!!



ซักพักพอได้เวลามื้อเย็นก็ออกมาหาอะไรกินค่ะ

มื้อนี้เปลี่ยนร้าน แต่มันไม่โดนเท่าร้านแรกอะ เสียจุยยยย



ที่นี่ยามเย็นก็จะมีร้านคาเฟ่ ข้าว ของกินเล่นเปิดเป็นตลาดถนนคนเดินค่ะ

เฉพาะเสาร์ อาทิตย์นะ เห็นเค้าบอก

เพราะที่นี่ส่วนใหญ่วันเสาร์คนจะมาพักเยอะค่ะ ของขายก็จะเยอะด้วย

แต่ช่วงนี้ฝนตก มันเลยมีร้านไม่ค่อยมากเท่าไหร่



จริงๆอย่าคาดหวังว่าที่นี่จะใหญ่โต มีอะไรให้เที่ยวมากมายนะคะ


หมู่บ้านเล็กๆ เล็กจริงๆ แต่เราชอบนะ

มันดูอบอุ่น คือเดินนิดนึงก็สุดทางตลาดละ

แต่มันดูง่ายๆดี เดินร้านนี้นั้นก็ใกล้ๆ แป๊ปๆ ไม่ต้องกลัวจะเดินไม่ทั่วค่ะ



กินเสร็จก็เข้าห้องเลย

หมดวันแล้วกับวันนี้

สนุกดีกับการได้เจอพูดคุย แลกเปลี่ยนกับคนใหม่ๆ

พรุ่งนี้ก็กลับแล้วนาจาาาาาาาาาาาาาาา

ยังไม่อยากก็ต้องกลับป๊ะ

ทำงานทำการบ้างอ้วนนนนนนนน

เจ้านายจิกเป็นไก่ละเนี่ย กิกิ ;)



พรุ่งนี้เราจะขึ้นสองแถวลงไปที่ตลาดทองผาภูมิค่ะ

ก็รอบรถตามที่เคยแจ้งไปแล้ว

ว่าจะมีรถออกจากหมู่บ้านอีต่องลงไปแค่ 3 รอบค่ะ

คือ 6.30 น. , 7.30 น. และ 8.30 น. ค่ะ

มาดูกันว่าจะทันรอบไหน คืนนี้ไปนอนล้าววววว ........



Day 4 : ไปแล้วนะ ทองผาภูมิ



เช้านี้ตื่นลืมตา 6.00 อีกแล้ว


จริงๆเราชินกับการตื่นเวลานี้แล้วไง

ตื่นก่อนเสียงนาฬิกาปลุกอีก



อาบน้ำ เตรียมตัวเสร็จก็ออกเดินทางกลับบ้านกันค่ะ

มาทันรถรอบ 7.30 น. พอดี

แล้วปรากฎว่าคนขับคือคุณลุงที่เรานั่งตอนขึ้นมาค่ะ

คันเดียวกันกับขาขึ้น 5555555555

มีเวลาอีกครึ่งชั่วโมงรถจะออก

เราเลยเดินเล่นแถวๆนั้นอีกซักหน่อย

เก็บบรรยากาศที่นี่ไว้ให้มากที่สุด

ก่อนกลับไปเจอโลกความจริงที่โคตรวุ่นวายด้วยผู้คน



คิวรถก็จอดตรงสามแยกกลางตลาดเลยค่ะ


ถัดจากที่พักเรานิดเดียวจริงๆ

เดินไม่ถึง 10 ก้าวก็ถึงแล้ว



ขากลับลงมาคุณลุงก็ไม่วายจะพาแวะถ่ายรูป ฮ่าๆๆๆ


ลุงใจดีจริงๆนะ ขอบคุณนะคะ



ด้วยฝนที่ตกตลอดทาง


และไม่มีผู้โดยสารคนอื่นเลย

คุณลุงเลยให้เรามานั่งข้างหน้าค่ะ

กับเด็กน้อยหลานแกที่พูดไม่หยุดตลอดทาง

น้องน่ารักดี เป็นเด็กที่ใสซื่อ

และร้องเพลงที่โรงเรียนอนุบาลสอนมาให้เราฟังด้วย



บันทึก 4 วัน 3 คืน .. กับการล่าหมอกฝนที่นี่



" ทองผาภูมิ "



มันมีอะไรมากกว่าธรรมชาติที่สมบูรณ์

ถ้าจะให้เราตอบว่าสนุกมั้ย

มันคงไม่ได้สนุกจนต้องหัวเราะดังๆกับการเที่ยวคนเดียว

มันไม่ได้เฮฮาเหมือนไปกับเพื่อนแน่ๆ

แต่มันเปิดมุมมองใหม่ได้เสมอ

ในทุกครั้งของการเดินทาง

มันคาดหวังไม่ได้ไง

ก็เพราะมันคาดหวังไม่ได้ มันเลยเป็นไปไม่ได้เลยที่จะ Keep plan

เพราะแบบนั้นมันเลยท้าทาย

อะไรที่เหนือความคาดหมายแม้งตื่นเต้นเสมอ



การเดินทางมาที่นี่แบบกระทันหันมากๆ

อยากมาแค่เพราะหมอกฝนจริงๆ

แต่ตอนนี้ .. ถ้าจะให้เหตุผลของการอยากกลับมาที่นี่อีก

คงเป็นเพราะรอยยิ้ม แบ่งปัน และน้ำใจใสๆของคนที่นี่ด้วย

อยากกลับมา จริงๆ

ถ้ามีโอกาส เจอกันแน่ๆเขาช้างเผือก



สรุปค่าใช้จ่ายทั้งหมดนะคะ

Day 1
รถตู้ กทม - กาญ = 110 บาท
รถตู้ กาญ - เขาแหลม = 175 บาท
ห้องพักอุทยาน = 630 บาท
อาหาร + น้ำ = 90 บาท

Day 2
รถสองแถว ตลาดทองผาภูมิ - อุทยาน = 70 บาท
ห้องพักอุทยาน = 830 บาท
ค่าเข้าอุทยาน = 40 บาท
อาหาร + น้ำ = 100 บาท

Day 3
ห้องพักอีต่องโฮมสเตย์ = 800 บาท
ไปเหมืองสมศักดิ์ = 150 บาท
อาหาร + น้ำ + ขนมป้าเกร็น + ของฝาก = 600 บาท

Day 4
รถสองแถว อีต่อง - ตลาดทองผาภูมิ = 70 บาท
รถตู้ ทองผาภูมิ - กาญ = 160 บาท
รถตู้ กาญ - กทม = 110 บาท

รวมทั้งหมด 3,935 บาทค่ะ

Around Me

 วันพฤหัสที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2559 เวลา 18.22 น.

ความคิดเห็น