กระทู้เที่ยวตามรอยแฟนเดย์

วันนี้ "พงพาเพลิน" มาพร้อมกับ ทริปเจแปน-แฟนเดย์ ทริปนี้เกิดขึ้นหลังจากได้ดูหนัง เรื่อง "แฟนเดย์ แฟนกันแค่วันเดียว"  ดูแล้วมันอิน ดูแล้วมันใช่  งั้นพวกเราไป แบกเป้เที่ยวกัน  แฟนพันธ์ทิพย์หลายๆ ท่านคงเคยได้ดูหนังเรื่องนี้กันบ้างแล้ว  งั้นเรามาดูกันดีกว่า เราจะไปโลเกชั่นในหนังแค่วันเดียว ได้เหมือนกับชื่อหนังหรือไม่? ตามมาดูกันเลย


2u23cma1b1id

ทริปของเรามีดังนี้  (23-31 ธ.ค. 2559)

วันที่ 1  กรุงเทพฯ - ไทเป - โตเกียว เข้าพักโรงแรมย่าน Ueno (บิน Transit)

วันที่ 2  ช๊อปปิ้ง ชินจูกุ และ ตึกม่วง ทาเคยะ - พักโตเกียว

วันที่ 3  โตเกียว - ซับโปโร - สวนโอโดริ (Odori) - ซับโปโร ทีวี ทาว์เวอร์ (Sapporo TV Tower) - พักซับโปโร

วันที่ 4  ซับโปโร - โอตารุ (Otaru) - คิโรโร่ สกีรีสอร์ท (Kiroro Ski Resort) - พิพิธภัณฑ์กล่องดนตรี (Otaru Orgel Emporium )- คลองโอตารุ (Otaru Canal) -  พักซับโปโร

วันที่ 5  ซับโปโร - ฮาโกดาเตะ (Hakodate) -  โกดังอิฐแดง (Kanemori Red Brick Warehouse) - เนินฮาจิมัน (Hachiman-Zaka Slope) - ภูเขาฮาโกดาเตะ (Hakodate Mount) - พักฮาโกดาเตะ

วันที่ 6  สวนพฤษศาสตร์ฮาโกดาเตะ  (Hakodate Tropical Botanical Garden) - หุบเขานรก จิโกคุดาหนิ (Jigokudani-Noboribetsu) - พักซับโปโร

วันที่ 7  เดินช๊อปปิ้ง ย่านทะนุกิโคจิ (Tanuki Koji) - แพ๊คกระเป๋ากลับโตเกียว - พักโตเกียว

วันที่ 8  Disney Sea - ช๊อปปิ้งตลาด อะเมโยโกะ (Ameyoko) - แพ๊คกระเป๋าเตรียมตัวกรุงเทพฯ - พักโตเกียว

วันที่ 9  โตเกียว - ไทเป - กรุงเทพฯ (บิน Transit)

ดูจากโปรแกรม ก็น่าจะรู้แหละว่า ไปวันเดียวไม่ได้นะจ๊ะ เพื่อนๆ

Day 1

      แพ๊คกระเป๋าไปต่อกันเถอะ.... สำหรับทริปนี้ เป็นการวางแผนที่ผิดพลาดของผมเองในการบินไปญี่ปุ่น  โดยเราบินไปเปลี่ยนเครื่องที่สนามบิน เถาหยวน - ไต้หวัน เพราะเห็นแก่ตั๋วที่ถูกกว่ากันแค่ไม่กี่พันบาท

          แนะนำสำหรับเพื่อนๆ ที่จะไปญี่ปุ่น บินตรงน่าจะดีกว่า ไม่ควรไปเปลี่ยนเครื่อง เสียเวลาช๊อป เสียเวลาเที่ยว ที่สำคัญผมบินกับ

สายการบิน..ีน (ไม่เอยชื่อต่อดีกว่าใครอยากรู้หลังไมค์นะ)  เครื่องดีเลย์เป็นเรื่องปกติเลยเชียว ไม่ได้ใส่ใจเรื่องเวลาที่เสียไปของลูกค้าเลย แม้แต่นิสเดียว

          เล่าต่อดีกว่า พิมพ์และมันขึ้น  เราบินจาก กรุงเทพฯ เวลา 8.00 น.(เวลาไทย) ไปถึงญี่ปุ่น นาริตะ Terminal 2 จากเวลาปกติ ที่ควรจะถึงคือ 18.00 น. แต่เราไปถึง 20.20 น.(เวลาญี่ปุ่น)

          ย้ำเตือน การผ่าน ตม. ญี่ปุ่นต้องใช้ปากกาหมึกสีดำในการเขียนใบ ตม. นะครับ ใช้สีอื่นโดนเขียนใหม่นะ

          หลังจากผ่าน ตม.ออกมา รับสัมภาระแล้วเราก็เดินตามป้าย "Train" เพื่อไปซื้อตั๋วรถไฟออกจากนาริตะ และ ตั๋วอีก 2 วัน ที่เราจะใช้ชีวิตอยู่ในโตเกียว

gx6x082onqjl

เราเดินไปซักพัก ป้าย Train จะพาเราลงบันไดเลื่อนลงข้างล่างไป 1 ชั้น เดินซักพักก็จะเจอ "Skyliner & Keisie information Center" เราก็ไม่รอช้าต่อคิวทันที

szifzjj2jrcv

ตั๋วจะเป็นตั๋วรถไฟสำหรับออกจากนาริตะเข้าโตเกียว โดยรถไฟด่วน Skyliner จากนาริตะไปจอดแค่ 2 ป้ายคือ Nippori และ Ueno พร้อมด้วยตั๋วรถไฟใต้ดิน Tokyo Subway เลือกให้เหมาะสมกับทริปของท่านเอง  ดูราคาได้ตามรูปด้านล่าง

du34jqqv3fx6

พวกเราซื้อตั๋วแบบไปกลับ และ ตั๋ว Tokyo Subway อีก 2 วัน ราคา 5,100 เยน พร้อมทั้งจองที่นั่งตั๋วขาออกจากนาริตะ พร้อมกันทีเดียวเลยเพื่อล๊อคที่นั่ง และรอบรถไฟที่จะเดินทางเข้า Ueno หลังจากได้ตั๋วแล้วเราเดินเข้าสถานี อยู่ฝั่งตรงกันข้ามกับที่ขายตั๋ว โดยให้สังเกตุ "ป้ายสีส้ม"

pm6wuddkcyog

รถไฟของเราหน้าตาแบบนี้ ใช้เวลา 40 นาที จาก นาริตะถึง Ueno

zs65aqcft8de

เมื่อถึงสถานี Keisie Ueno เราก็ลากกระเป๋าเดินหาโรงแรมทันที  เราจองโรงแรมแถว Ueno (แนะนำสำหรับเพื่อนๆที่จะเที่ยวโตเกียว พักแถว Ueno สบายของกินเพียบ ของช๊อปเพียบ ใกล้ตึกม่วงด้วยนะ)

          โรงแรมเราชื่อ "เซ็นจูเลียน โฮเทล อูเอโน (Centurion Hotel Ueno)" โรงแรมอยู่ในซอย ห่างจากสถานีที่เราลงรถไฟ

ประมาณ 650 เมตร เดินไม่เกิน 10 นาทีก็ถึง คืนนี้เราพักที่นี่ ห้องพักมีขนานเล็ก บรรยากาศงั้นๆ ค่าใช้จ่ายตกคืนละประมาณ 5,000 บาทต่อห้อง เราจะนอนที่นี่ 2 คืนก่อนไปบินไป ฮอกไกโด

zxbeubjia5sv

Day2

          วันนี้เราตื่นสายมาก ไม่ทันได้กินอาหารโรงแรม เราเดินทาง ออกจากที่พักประมาณบ่ายโมง วันนี้เราไปช๊อปปิ้งชิบูย่า และ ตึกม่วงทาเคยะ เท่านั้น เราเดินกลับมาที่สถานี Keisei Ueno ที่เดิมที่ลงรถไฟเมื่อวาน เพราะเราต้องมาจองตั๋ว Keisei Skyliner สำหรับขากลับไปนาริตะในวันพรุ่งนี้ (สถานีรถไฟที่ใกล้โรงแรมที่สุดคือ Ueno-Okachimachi ) เราจองตั๋วรอบเช้าที่สุดคือ 5.58 นาที เพื่อไปถึงสถานบินประมาณ 6.40 เครื่องเราออก 8.15น. เราจองตั๋วรถไฟข้ามวันเพื่อให้แน่ใจว่า รถไฟด่วน Skyliner ที่เราต้องการจะไป มีที่นั่งแน่นอน โดยไม่ต้องเสี่ยงในวันพรุ่งนี้

          

ห้องจองตั๋วเปิดทุกวัน 5.30-18.18 หน้าตาห้องจองตั๋วเป็นแบบนี้

37a9j6qvdall

เราเดินออกจากสถานี Keisei Ueno Station  และเดินกลับไปที่สถานี Ueno-Okachimachi Station เพื่อความสะดวก ที่เราจะต่อรถไฟใต้ดินไป ชินจูกุ โดยไม่ต้องเปลี่ยนขบวนรถไฟ เรานั่งรถไฟสาย E- Oedo Line สายสีชมพู จากสถานี Ueno-Okachimachi Station ไปลง Shinjuku-nishiguchi Station โดยใช้ตั๋ว Tokyo Subway

          

ตั๋ว Tokyo Subway มีให้เลือกแบบ 1 วัน, 2 วัน และ 3 วัน  โดยมันจะนับเวลาการใช้งานเป็นชั่วโมง
          ยกตัวอย่าง ถ้าเป็นตั๋วแบบ 1 วัน เราใช้ 6 โมงเย็นวันนี้ จะไปหมด 6 โมงเย็นของวันพรุ่งนี้  (ตั๋วอื่นๆ ไว้ค่อยอธิบายอีกที  ทริปนี้มีหลายตั๋ว)

rdpodntxmrka

ขอบคุณรูปจากInternet  

          

ลงสถานีปั๊ป ก็หิวปุ๊ป หิวๆๆๆ  มื้อนี้กินราเมน  หลังจากลงรถไฟ ขึ้นไปชั้น B1 หน้าร้านเป็นแบบนี้

tof89i5vj36d

ผมสั่ง ชาชู ราเมง เป็นหมูนุ่มชุ่มลิ้น อร่อยทีเดียวเสนอราคาที่ 850 เยน  ร้านนี้อร่อยแนะนำครับ

xs1w252zsvvz

เสร็จจากราเมง เราก็เดินออกจากสถานี Shinjuku-nishiguchi Station  ประตู D1  ก็จะเจอกับร้าน Uniqlo Shinjuku Nishiguchi  เราเดินสำรวจราคาแล้ว ปรากฎว่าราคาถูกกว่าเมืองไทย  จะรออะไรหละ ช๊อปปิ้งกันนนน

mvcsrhzmm2x8

เรียบร้อย Uniqlo กันคนละถุง 2 ถุง ส่วนใหญ่เป็นอุปกรณ์กันหนาวเพิ่มเติมสำหรับลุย ฮอกไกโด โดยเฉพาะ  หลังจากนั้นเราเดินต่อไปช๊อปใน ชินจูกุ  สินค้าส่วนใหญ่ราคาไม่แตกต่างกับเมืองไทย เลยไม่ได้ช๊อปอะไรเพิ่ม เดินอยู่ซักพักก็ 5 โมงเย็น พระอาทิตย์ตกแล้ว เลยเดินทางต่อไปยังตึกม่วง  เราเดินทางกลับไปในเส้นทางเดิม จาก Shinjuku-nishiguchi Station  ไปลง  Ueno-Okachimachi Station  

h2o6m278lzlo

พอลงสถานี Ueno-Okachimachi Station  เราก็เดินต่อประมาณ 4 นาทีก็ถึงตึกม่วง  โดยใช้ GPS ในโทรศัพท์นำทาง ทริปนี้ทั้งทริปเราใช้ SIM docomo ซื้อไปจากไทย ราคา "450 บาท" ใช้ Net ได้อย่างเดียว Unlimited 8 วัน สัญญาณดีใช้ได้นะ

          ห้ามลืม ซื้อ SIM docomo ต้องเซ็ตมือถือเพื่อใช้งาน SIM ไปจากเมืองไทยก่อน (ใน Package มีคู่มือบอกวิธีการ Setup)

iniv4d8zk2i6

เดินช๊อปปิ้งซื้อของฝากอยู่ซักพัก เราก็เดินกลับที่พัก เพราะพรุ่งนี้เราต้องตื่นตั้งแต่ตี 4 เพื่อไปให้ทันเครื่องที่จะออกเวลา 8.15 น.  วันนี้เรากลับไปแพ๊คกระเป๋า เอาของบางส่วนฝากไว้ที่โรงแรม เพราะเราจะกับมาพักโรงแรมเดิมในอีก 5 วันข้างหน้า  เป็นอันจบวันที่ 2 ลง

พรุ่งนี้เราจะไปกันแค่ "ฮอกไกโดดดดดดดด"

Day 3

          วันนี้เราเดินทาง On Plan คือ ตื่นตี 4 > ออกจากโรงแรม ตอนตี 5 > เดินไปสถานีรถไฟ Keisei Ueno > นั่งรถไฟด่วนรอบ ตี 5.58 > ถึงสนามบิน 6.40  > Check-in 7.00 > บินจากโตเกียวไป ฮอกไกโด 8.15-09.55 > ลงสนามบิน "นิวชิโตเซะ ฮอกไกโด (Shin-Chitose Airport)" > เดินทางเข้าซับโปโรด้วยรถไฟ JR > เดินทางต่อด้วยรถไฟใต้ดิน ลง Susukino > ลากกระเป๋าเข้าพัก "โรงแรม Route-in Hotel"

          มาเริ่มกันเลย วันนี้เป็นวันที่ยาวนานอีกวัน เราเริ่มเดินทางด้วย อุณหภูมิ 10 องศา เราเดินออกจากโรงแรม ไปที่สถานี Keisei Ueno เพื่อนั่งรถไฟด่วนไปสนามบินนาริตะ "Terminal 2" และเดินต่อไปยัง "Terminal 3"

7ijvhzsrpbmn

เราเดินไม่นานก็ถึงสถานี เรานั่งรถไฟด่วน Keisei Skyliner โดยเราใช้ตั๋วที่จองไปเมื่อวาน เราเข้าสถานีได้ทันที ในตั๋วระบุหมายเลขขบวน เรายืนรอตรงเลขขบวนในสถานีที่ตรงกับตั๋ว

rfv7qxm7xyrg

เราขึ้นรถไฟ ไม่นานเราก็มาถึง สนามบินนาริตะ Terminal 2 ลากกระเป๋าเดินออกจากสถานีและ ไม่ลืมที่จะซื้อบัตร "Suica Card"  ตู้กดบัตรอยู่ตรงทางออกจากสถานีเลย  บัตร Suica Card นอกจากใช้ในโตเกียวแล้ว ยังสามารถใช้ในฮอกไกโดได้ด้วย  ใช้ในรถไฟใต้ดินในซับโปโร หรือ ใช้กับรถไฟ JR ระหว่างเมืองในฮอกไกโดก็ได้ แถมซื้อของในร้านสะดวกซื้อได้ด้วยน้า


          

วิธีการซื้อก็ง่ายๆ 1.กดเลือกว่าจะซื้อบัตร Suica 2.เลือกจำนวนเงิน 3.ใส่เงิน 4.รับบัตร (บัตรมันกดได้ทีละใบ) เราเติมบัตรไปคนละ 5000 เยน

xs3k99wtmzo2

หลังจากซื้อบัตร Suica เราก็เดินตามป้าย Terminal 3

lar2weu4cp8a

เดินไกลเหมือนกันครับ จาก Terminal 2 มา Terminal 3 ไม่นึกว่าจะไกลกันมาก

22vxf9wdlo4a

เมื่อมาถึง Terminal 3 ก็จะเห็นเป็นลู่วิ่ง เพื่อต้อนรับ Olympic 2020 ที่ญี่ปุ่นเป็นเจ้าภาพ

q9s01zqhc8fv

เราก็รีบ Check-in และเดินเข้า Gate ทันที ก็ยังเหลือเวลาประมาณครึ่งชั่วโมงก่อนเครื่องออกนะ เราบินกับ Vanilla Airline (หางเหลือง) เป็นสายการบิน Low Cost ภายในประเทศ ("แนะนำ" รักษาเวลาดี ที่นั่งก็ไม่แคบไปแต่โหลดกระเป๋าต้องจ่ายเพิ่มนะ)

6iskgb6r7bd4

หลังจากบินมาประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง มองออกไปนอกหน้าต่าง หิมะรอต้อนรับเราพร้อมด้วยอุณหภูมิ -5 องศา
"เริ่มทริปแฟนเดย์"  

rrvv5xgkp2rt

ลงเครื่องแล้ว สวัสดี "ฮอกไกโด" เรารับกระเป๋าแล้วเดินตามป้าย Train (เหมือนเดิม)

3lxsf8rchfky

เราต้องแลกบัตร JR Hokkaido Rail Pass ที่เราจองผ่าน HIS ที่เมืองไทยมาแล้ว   เราจะใช้ตั๋วนี้ในอีก 2 วันถัดไป และต้องซื้อ Sapporo - Otaru Welcome Pass  เพื่อใช้ในวันพรุ่งนี้อีกด้วย เราเดินตามหา JR Information Deck เพื่อแลกบัตรและซื้อบัตรดังกล่าว เดินตามป้าย Train มาไม่นานก็เจอ คนเยอะเชียว

v404z6eok0k4

เราต่ออยู่ไม่นานก็มีพนักงานชาวญี่ปุ่น เดินเข้ามาหาเรา บอกเราว่าคนเยอะ จะซื้อตั๋วอะไร (เขาไม่เก่งภาษา จับใจความได้ประมาณนี้) พอคุยกันซักพักเห็นว่าเรายังไม่ได้ใช้ตั๋ว JR Hokkaido Rail Pass  เขาจึงพามาที่ตู้กดบัตร ในใจคิดว่าคงมากดบัตร Sapporo - Otaru Welcome Pass เราให้เงินเขาไป เขาก็เสียบเงินเข้าไปในเครื่องกดบัตรอัตโนมัติ และ ปรากฎว่า เขากดบัตรรถไฟ JR ที่จะนั่งจากสนามบิน นิวชิโตเซะ เข้าซับโปโรให้  หลังจากที่เขากดเสร็จแล้ว ผมคิดในใจ "กูมีบัตร Suica" ที่เตรียมมาจากโตเกียวแล้ว ยื่นบัตร Suica ให้ดู พนักงานทำท่าตกใจ  พนักงานคนนี้ทำให้เราต้องซื้อตั๋วรถไฟใหม่ (แม่...เอ้ย)  ยังบอกให้เราไปแลกตั๋วทั้งหมดที่สถานี ซับโปโร เอาซี่ ทำอะไรไม่ได้แล้วก็ต้องตามนั้นไป  

          

โปรดใช้วิจารณญาณ ในการตัดสินใจด้วยตนเอง แต่คิดในแง่ดี ก็ทำให้เราก็ได้รู้ว่า ตั๋วราคา 1,070 เยน  เหรอออออออ รู้อยู่แล้วปะ

ufkbrk3w5n61

ถึงสถานี JR Sapporo เราก็ต้องตามหา "JR Information Deck" ใหม่ เพื่อต่อคิวแลกตั๋ว JR Hokkaido Rail Pass และซื้อ Sapporo - Otaru Welcome Pass เห้ออออ  ปรากฎว่าคนเยอะกว่าที่สนามบิน  "5555 ฮือออออ"

qbwpsm0hmon1

ต่อคิวอย่าเพลินนะ เพราะต้องกรองข้อมูลการแลกตั๋วด้วยนะจ๊ะ การแลกตั๋ว JR Hokkaido Rail Pass  ต้องใช้ 1.Passport 2.เอกสารการจองตั๋ว 3.เอกสารข้อมูลส่วนตัว (ข้อ 3 มีให้ที่ JR Information Deck) เราแลกตั๋ว  JR Hokkaido Rail Pass  พร้อมกับจองที่นั่งรถไฟทั้งหมด ที่เราต้องการทุกเที่ยวทุกรอบ และซื้อตั๋ว  Sapporo-Otaru Welcome Pass ด้วย

          อธิบายตั๋ว JR Hokkaido Rail Pass เป็นตั๋วขึ้นรถไฟ JR รอบเกาะฮอกไกโด ตั๋วมีแบบ 3วัน, 5วัน, 7วัน และ  พิเศษ 4 วัน(แบบพิเศษ 4 วัน เลือกวันที่จะใช้ตั๋วได้ เช่น ใช้วันที่ 1 และไปใช้อีกในวันที่ 4 ก็ได้ แบบอื่นต้องใช้ในวันที่ติดกัน) เราซื้อตั๋วแบบ 3 วัน ซื้อมาจากเมืองไทย 5,400 บาท  เมื่อแลกตั๋วแล้ว ตั๋วจะระบุวันเริ่มต้นและสิ้นสุดการใช้งานไว้ที่หน้าตั๋ว ตั๋วสามารถนั่งรถไฟรอบเกาะฮอกไกโด กี่เที่ยว กี่รอบก็ได้  ตามอายุตั๋วในหน้าตั๋ว

u7b4uye77lsk

แผนที่ที่เราสามารถใช้ JR Hokkaido Rail Pass ได้

og6jywbsbp71

ขอบคุณรูปจาก Internet

          มาอธิบายตั๋ว Sapporo - Otaru Welcome Pass บ้าง ตั๋วราคา 1,700 เยน ตั๋วจะประกอบไปด้วย ตั๋วรถไฟ ไป-กลับ ซับโปโรและโอตารุ เท่านั้น ไปสถานีอื่นไม่ได้นะจ๊ะ กี่รอบก็ได้ภายใน 1 วัน และ มาพร้อมกับตั๋วรถไฟใต้ดินภายในเมืองซับโปโร 1 วัน

         

ตั๋วสามารถแยกกันใช้ได้

ยกตัวอย่าง ใช้ตั๋วรถไฟ ไป-กลับ ซับโปโรไปโอตารุ ในวันที่ 1 และ ใช้ตั๋วรถไฟใต้ดินภายในเมืองซับโปโรในวันที่ 2 ก็ได้  ตั๋วทั้ง 2 ใบนี้จะสามารถใช้ได้ถึงเที่ยงคืนของวันนั้นๆ หากคุณเริ่มใช้งานตั๋วตอน 6 โมงเย็นเที่ยงคืนของวันนั้นตั๋วจะหมดอายุ

c4tlwfdonxju

เสร็จเรื่องรถไฟ ก็หิวอีกแล้วววว  เราเดินเข้าไปในห้างอยู่ในตัวสถานี ซับโปโรเลย เรากินร้านนี้

3oxa00hcr3kr

ร้านเป็นสไตล์ จีนไต้หวัน ตกจานละ 1,300 เยน ราคาก็แรงพอสมควรถ้าเทียบกับปริมาณอาหาร

3z275efog19d

หลังจากอิ่มหน่ำ สำราญแล้ว เราก็เดินทางต่อด้วยรถไฟใต้ดิน เราใช้ Suica Card ในการจ่ายเงิน บัตรต่างๆที่แลกมาเก็บไว้ใช้สำหรับวันถัดๆ ไป  เราเดินทางโดยใช้รถไฟใต้ดิน โดยขึ้นสายสีเขียว Nanboku Line จากซับโปโร ไปลง ซูซูกิโนะ แค่ 2 ป้ายเท่านั้น

dacqivxk1bjx

ขอบคุณรูปจาก Internet

           

เมื่อเราเดินออกจาก สถานี ซูซูกิโนะ (Susukino) ประตูทางออกที่ 4  (เป็นทางออกที่ใกล้โรงแรมที่สุด)  ขึ้นมาจากรถไฟใต้ดิน ก็จะเจอกับถนนที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ ที่เปลี่ยนไปเป็นน้ำแข็ง  ทำให้เราเดินยากมาก แม้แต่คนญี่ปุ่นเองยังลื่นล้มกันเลย

jnfytfswymh2

โรงแรมใกล้สถานีมากเดินทางสะดวก เราใช้ GPS นำทางเช่นเคย แผนที่ด้านล่าง จะเป็นทางเข้าด้านหลังของโรงแรม

shkf5f1itsa6

โรงแรม Route Inn Hotel เป็นโรงแรมที่ดีในระดับนึง ห้องไม่แคบไป  ใกล้รถไฟฟ้า เดินทางสะดวก (โดยส่วนตัวแนะนำ)  
แต่อาหารเช้าไม่อร่อยอย่างแรง

y8fd0sdw2r5b

เราเช็คอิน และก็พักอยู่ในโรงแรมซักพัก ไม่นึกว่าเวลาจะล่วงเลยมาถึง 4 โมงเย็น แล้ว ที่เกาะฮอกไกโด ในทุกๆเมืองที่ไป ช่วงหน้าหนาว เวลา 4 โมงเย็น พระอาทิตย์ก็ตกแล้วนะ ดูวิวจากห้องพักกันซะหน่อย

v1af9vlucysd

เราออกจากที่พักประมาณ 5 โมงครึ่งเราค่อยๆ เดินกันไป Sapporo TV Tower ซึ่งตั้งอยู่ในสวนโอโดริ ก่อนจะถึง Sapporo TV Tower  เราแวะกินข้าวเย็นในห้างใกล้ๆ สวนโอโดริก่อน เราซื้อขนมปังที่ "ร้าน Donguri" ราคาตกประมาณก้อนละ 200-500 เยน  อร่อยใช้ได้

ou2tv5kpjy1w

เราเดินชมวิวไปเรื่อยๆ เพราะเดินได้ช้ามาก น้ำแข็งบนพื้นลื่นมาก รถรางกับรถยนต์ที่นี้ใช้ถนนร่วมกัน

7cb7b61gqahx

มาถึงแล้ว Sapporo TV Tower  เป็นเวลา 6 โมงเย็น 55 นาทีพอดี

a9n4yk92y6il

แน่นอนเราต้องขึ้นไปดูวิวยามค่ำคืนของ สวนโอโดริ (Odori Park) เราขึ้นลิฟท์ไปซื้อตั๋วที่ชั้น 3 ของ  Sapporo TV Tower  
และขึ้นลิฟท์ต่อยังชั้นบนสุดเพื่อจะดูวิวของสวนโอโดริ ตั๋วราคา 720 เยน

1wlk2yx585hs

1.สวนโอโดริ
          เป็นสถานที่จัดงาน SAPPORO SNOW FESTIVAL หรือที่เราเรียกกันว่า "เทศกาลหิมะ" งานจัดขึ้นในเดือน กุมภาพันธ์ เป็นประจำทุกปี และสวนโอโดริ เป็นสถานที่ที่ เด่นและคุณนุ้ยมาดูงานเทศกาลหิมะกัน เราขึ้นลิฟท์มาชั้นบนสุด ก็จะเห็นวิว สวนโอโดริทั้งเส้น งดงามมากในเวลาค่ำคืน

z67ooscadciw

เราชมวิวรอบเมืองบน Sapporo TV Tower อยู่ซักพัก หลังจากนั้นเราก็ลงมาดูเทศกาลคริสต์มาส ถูกจัดขึ้นในสวนโอโดริ เช่นกัน  มีเป็นประจำทุกปีในช่วงเดือนธันวาคม  มีหลากหลายบริษัทชั้นนำ มาจัดไฟคริสต์มาสในสวนโอโดริ สวยๆทั้งนั้น

y8w1uuwik1z2

อีกรูป

bde9pc9gxcar

เราค่อยๆ เดินกลับจากสวนโอโดริ ไปที่พัก ใช้ GPS นำทาง วันนี้ เป็นวันที่ ยาวนานแต่สวยงามสุดๆ อีกวันนึงในชีวิต

vbv89jbst5v6

ตอนต่อไปจะไปลุย โอตารุ > คิโรโระ รีสอร์ท > พิพิธภัณฑ์กล่องดนตรี > และปิดท้ายด้วยคลองโอตารุ  รอติดตามกันน้าาาาาาาา

Day 4
ทริปวันที่ 4 มีดังนี้
ซับโปโร > โอตารุ > คิโรโร่ สกีรีสอร์ท >
พิพิธภัณฑ์กล่องดนตรี > คลองโอตารุ >
กลับมาพักซับโปโร

วันนี้เราเดินทาง
โดยใช้ Sapporo - Otaru Welcome Pass ทั้งวัน
(ใครลืมกลับไปอ่านรายละเอียดตอน 3)

เราออกเดินทางจากที่พักประมาณ 9 โมงเช้า
เดินทางโดยรถไฟใต้ดิน
สายสีเขียว Nanboku Line จาก ซูซูคิโนะ
กลับไปลง ซับโปโร
และนั่งรถไฟ JR จากสถานีซับโปโร ไปลง สถานีโอตารุ
ใช้เวลาประมาณ 1ชั่วโมง

u98l1xzoxip9

นั่งรถไฟไป ก็หลับไป ไม่นานนักก็ถึง โอตารุ

เราเดินไปที่จุด Information และสอบถาม

ถึงการเดินทางไป Kiroro Resort

Information แนะนำว่าต้องนั่งแท๊กซี่ไป

ราคาประมาณ 7,000 เยน

2hty02o2wirx

เราไม่เชื่อและเดินหาที่จอดรถฟรีอยู่ซักพัก

ปรากฎว่าไม่มีจริงๆ เราจึงเรียกแท๊กซี่

นั่งมาไม่นานแท๊กซี่ก็ขับขึ้นภูเขา

วันนี้หิมะตกหนักมาก

asmxq81nns2f

ใช้เวลาพอสมควรประมาณ 40 นาที

เราก็ถึง คิโรโระ รีสอร์ท

หิมะตกหนัก ทุกอย่างขาวโพลน

ep2t1ypfmho4

2.รีสอร์ท คิโรโระ

โรงแรมมีอยู่ 2 โซน คือ  โซนสกี และ โซนโรงแรม

ระฆังแห่งความรัก อยู่ในส่วนของโซนสกี

ถ้าจะลั่นระฆังจะต้องขึ้น กระเช้า ไปด้านบน

วันที่เราไปพึ่งเกิดเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์

จึงไม่สามารถขึ้นไปเห็น ระฆัง ที่เด่นขอพรได้ ฮือๆ T T

จึงถ่ายรูปลานสกีไว้เท่านั้น

0mh6f615pk7f

เราออกมานั่งรถบัสของโรงแรม

เพื่อเดินทางต่อไปยังโซนโรงแรมมีรถวิ่งทุก 15 นาที

รถบัสขับออกมาไม่ถึง 5 นาที

ก็ถึงโรงแรมที่เด่นและคุณนุ้ยพัก

จากรูปจะเห็นว่าหิมะตกหนัก

เป็นอุปสรรคในการท่องเที่ยวมากๆ

ภาพก็ไม่กล้าถ่ายนานกลัวกล้องพัง

ถ่ายเท่าที่ถ่ายได้

5nbdedb81n0y

จากรูปด้านบนถ้าเราหันหน้าให้โรงแรม

เดินไปทางด้านซ้าย ก็จะเจอ โบสถ์คริสต์

ที่เด่นกับคุณนุ้ยเข้าไปแต่งงานกันในนั้น  

ตามเคยเราไม่ได้เข้าไปเพราะโบสถ์ปิด

แค่ดมกลิ่นก็ยังดีเนอะ

7rwoqn8azb13

เสร็จจากโบสถ์ เราเดินกลับเข้าไปที่ในโรงแรม

โรงแรมนี้ชื่อ "Hotel Piano" ข้างในสวยงาม ตามท้องเรื่อง

tbbhf57u2762

เราถ่ายรูปอยู่ซักพักก็เดินไปที่เคาเตอร์ของโรงแรม

สอบถามถึงการเรียกรถแท๊กซี่

เขาแจ้งว่าต้องรอ 1 ชั่วโมงแท๊กซี่ถึงจะมาถึง

โอออออ เวลาหายไป 1 ชั่วโมงเต็มๆ

พวกเรายังไม่ได้กินอะไรเป็นชิ้นเป็นอันตั้งแต่เช้า

ทำอะไรไม่ได้ ถ่ายรูปเล่นละกัน ไปดูข้างนอกกันบ้าง

j2eucpwhy1dq

กลับเข้ามานั่งเล่นนอนเล่นซักพัก

พนักงานก็มาเรียกว่า รถแท๊กซี่มาแล้ว

เราก็ขอบคุณ แล้วเดินออกไปขึ้นแท๊กซี่

พี่ๆ ไป "พิพิธภัณฑ์กล่องดนตรี" เอารูปให้พี่แท๊กซี่ดู

ค่าแท๊กซี่ 7,000 เยน เหมือนเดิม

ประมาณ 40 นาทีเหมือนเดิมก็ถึง "พิพิธภัณฑ์กล่องดนตรี"

3.พิพิธภัณฑ์กล่องดนตรี

vbj6o8t1hqal

เข้าไปดูข้างในกันนนนน

พิพิธภัณฑ์กล่องดนตรี

มีกล่องดนตรีให้เลือกหลากหลายชนิด

แต่ราคาก็แอบแรงอยู่นะ  กล่องดนตรีสวยๆ เยอะเลย

แต่ นายเด่นชัยของเรา ทำหล่นซะหลายอันทีเดียว

zknoplpq0tni

ดูซักพักไม่ได้ซื้ออะไรเลย

ออกมาดูนาฬิกาไอน้ำ มุกเวทมนตร์กันบ้าง

เขาบอกว่าจะพ่นไอน้ำทุก 15 นาที

ไม่ได้รอหรอกเพราะหิมะตกหนักและหิวแล้ว

k0rqy9orvvmo

เราเดินข้ามฝั่งจาก พิพิธภัณฑ์กล่องดนตรี

ไปฝั่งตรงข้ามเพื่อหาร้านอาหาร

เดินไปเรื่อยๆ จนเจอร้านขาย

ข้าวหน้าปูต้ม ข้าวหน้าปลาแซลมอล ก็เลยเดินเข้าไปเลย

ราคาตกประมาณคนละ 850 เยน

ให้เยอะมากจนกินไม่หมด รสชาติพอใช้ได้

8hdhum7rfgvg

หลังจากอิ่มแล้วก็เดินต่อ ทริปนี้ เดิน เดินและเดิน

จากร้านเรา เราเดินไปในทิศทางตรงกันข้าม

กับพิพิธภัณฑ์กล่องดนตรี

และเลี้ยวซ้ายเดินไปอีกซักพัก

สุดท้ายข้ามถนน (ใช้ GPS)

ก็จะพบกับ "คลอง"

4.คลองโอตารุ

คลองนี้เป็นฉากที่ทั้งบริษัทของเด่นและคุณนุ้ยถ่ายรูปกัน

หิมะยังตามมาตกอีกจนได้

i11aju8p3f8r

หลังจากนั้นเราเดินกลับไปที่สถานี รถไฟโอตารุ

นั่งรถไฟ JR จากโอตารุ กลับ ซับโปโร

และนั่งรถไฟใต้ดินต่อไปโรงแรม

เป็นอันสิ้นสุดวันนี้ไป

พรุ่งนี้เราจะไป ฮาโกดาเตะ กันแล้ว รอติดตามกันนะ

Day5
วันนี้เป็นการเดินทางไกลจาก
ซับโปโร ไป ฮาโกะดาเตะ
เราฝากของบางส่วนไว้ที่โรงแรมอีกแล้ว
วันพรุ่งนี้เราจะกลับมา

เริ่มเดินทางด้วยรถไฟใต้ดินเช่นเดิม
จากสถานี ซูซูกิโนะ ไป ซับโปโร
และนั่งรถไฟ JR จากซับโปโร ไป ฮาโกะดาเตะ
นั่งรอบ 10.24 น. ถึงฮาโกะดาเตะ 13.50 น.
ใช้เวลาประมาณเกือบ 3 ชั่วโมงครึ่ง

วิวระหว่างทาง

jea2ojfcdpc1

3 ชั่วโมงกว่าๆ เราก็มาถึงสถานี ฮาโกดาเตะ

s1zry5rlq0d4

ลากกระเป๋าออกจากสถานี

เราก็มองเห็น โรงแรมที่เราจะพักทันที

โรงแรมชื่อ "Smile Hotel"

เป็นโรงแรมที่สะดวก ห้องไม่แคบไป

แต่ห้องเก่ามาก อาหารเช้าไม่ไหวเลย

6g848p3v30wj

เราลากกระเป๋าเข้า Chack-in ฝากกระเป๋า

และออกเดินทางต่อไปยัง "อิฐแดง"

เราหันหลังให้โรงแรม > เดินไปทางซ้าย

ข้ามถนน จะเจอกับป้ายรถรางอยู่เกาะกลางถนน

รอรถรางสาย 2 หรือสาย 5

นั่งจากสถานี Hakodate-Ekimae ไป Jujigai

ค่ารถ 210 เยน (ใช้บัตรอะไรไม่ได้ทั้งนั้น)

สำคัญ เตรียมเงินค่ารถไปให้พอดี

a3u16jqysuig

เราลงรถราง และ ข้ามถนนไปอีกฝั่ง

เดินตรงไปเรื่อยๆ ประมาณ 5 นาที

ก็จะเจอ Kanemori Red Brick Warehouse หรือ "อิฐแดง"

แหล่งกินแหล่งช๊อปของ ฮาโกะดาเตะ

5. Kanemori Red Brick Warehouse (อิฐแดง)

เป็นฉากที่เด่นกับคุณนุ้ย กินไอติม ตอบคำถามกัน

5a927hof9wem

เรายังไม่ไปไหนต่อ

แวะกินข้าวที่ร้านนี้ก่อน "Lucky Pierrot"

447eo9yakq91

เราสั่งอาหารมา 4 อย่าง ราคาตก 2,000 เยนหน่อยๆ เท่านั้น

ราคาไม่แพง ให้เยอะ อร่อยด้วยน้า แนะนำครับ

hysmt7er9o8e

หลังจากอิ่มแล้วเราเดินกันต่อไปยังเนิน "ฮาจิมัน"

เราหันหลังให้ร้าน "Lucky Pierrot" และเดินไปทางขวา

ตามรูป

3migp7af7isy

เมื่อสุดถนนแล้วเราเลี้ยวซ้าย

เดินไปเรื่อยๆ และข้ามถนน ก็จะถึง

6.เนินฮาจิมัน

เนินนี้เป็นเนินที่เด่นและคุยนุ้ยเดินพูดคุยกัน

ต้องเดินด้วยระมัดระวัง เพราะเนินมีรถวิ่งไปมาตลอด

เราเดินขึ้นเนินไปเรื่อยๆ เพื่อเก็บภาพ

เนินฮาจิมันสวยไหม? ถามใจดู

wcokjy0n3imn

เราเดินขึ้นไปจนสุดเนินหลังจากนั้นเราเลี้ยวซ้าย

เดินตรงไปเรื่อยๆ ข้ามถนน

ก็จะถึงสถานที่สุดท้ายที่เราจะมาในวันนี้

นั้นคือ "ภูเขาฮาโกะดาเตะ"

เดินขึ้นไปที่สถานีกระเช้า

lioyq63p3rgy

ซื้อตั๋ว - ไปกลับ ราคา 1,280 เยน

เพื่อขึ้นไปชมความงามของ

7.ภูเขาฮาโกะดาเตะ

เป็นที่ที่ เด่นพาคุณนุ้ยขึ้นไปชมความงาม

ของวิว ติดอันดับ 1 ใน 3 ของญี่ปุ่น

2ab3la73223o

วันนี้เหนื่อยกันทั้งวันแล้ว

แต่เรายังเดินกลับมานั่งรถรางกลับที่พักเราอยู่ดี

เป็นวันที่เดินหลายกิโลเมตร

อาจจะดีต่อสุขภาพแต่ไม่ดีต่อเท้าเราเลย

วันนี้ลาจากไปแล้ว

พรุ่งนี้ก่อนเราจะเดินทางกลับซับโปโร

จะไปแวะสวนพฤษศาสตร์ และ หุบเขานรกก่อน

เจอกันใหม่ตอนหน้านะ

Day 6
วันนี้เป็นวันที่เราจะเดินทางจาก
ฮาโกะดาเตะกับไปพักที่ซับโปโร
โดยเราจะไปแวะ 2 ที่คือ
- สวนพฤกษศาสตร์เขตร้อนฮาโกดาเตะ
(Hakodate Tropical Botanical Garden)
- หุบเขานรก จิโกคุดาหนิ
(Jigokudani)

เราออกจากโรงแรมประมาณ 9 โมงเช้า
ฝากของทุกอย่างไว้
และนั่งแท๊กซี่ที่หน้าโรงแรมเลย
เอารูปให้พี่แท๊กซี่ดู
พี่แท๊กซี่รู้ในทันที
ค่าแท๊กซี่ 1,830 เยน เราถึงที่หมาย
8.สวนพฤกษศาสตร์เขตร้อนฮาโกดาเตะ
ในเดือน พ.ย.- มี.ค. เปิด9.30-16.30
ในเดือน เม.ย.-ต.ค. เปิด 9.30-18.00
เด่นพาคุณนุ้ยมาดูลิงแช่ออนเซ่น ที่นี่
เราซื้อบัตรเพื่อเข้าชม
ราคา 300 เยน เท่านั้น!!!

814sk53v2mwa

เดินเข้าไปก็จะเจอกับ

ลิงแช่ออนเซ่นอยู่ทางด้านซ้ายมือเลย

2dou0t9icszi

บางตัวก็สบาย บางตัวก็หาเหา บางตัวก็มองเหม่อ

2caranpw754j

เราเดินไปด้านหลังก็จะพบกับ

มหาสมุทรแปรซิฟิก

2bj2rzbqv9cj

หลังจากนั้นเราก็เดินเข้าไป

ในสวนพฤกษศาสตร์ฯ

lkuzcv7ku9rq

เป็นโดมเล็กๆ

ที่มีต้นไม้ ดอกไม้ เหมือนบ้านเราเลย

rhjzf5k8pnw9

ดูได้ไม่นาน เราก็ลาจาก สวนพฤกษศาสตร์ฯ

โดยเราออกมารอแท๊กซี่ ที่ถนน

(สวนพฤกษศาสตร์ฯ อยู่ในซอย)

กลับมาที่โรงแรม เพื่อรับกระเป๋า

และเดินไปที่สถานีรถไฟฮาโกะตาเตะ

ที่อยู่ฝั่งตรงกันข้ามกับโรงแรม

เรานั่งรถไฟเที่ยว 12.16 น. ไปถึง

สถานี โนโบริเบ็ทซึ (Noboribetsu) 14.50 น.

171shuls7sbc

หลังจากลงสถานีเราก็ฝากของไว้ที่ Locker

หาก Locker เต็มฝากไว้ที่นายสถานีได้

ราคา 500 เยน

หลังจากฝากของแล้ว

เราก็เดินออกไปเรียกแท๊กซี่

5rrg59nte5zn

เหมือนเดิม เราเอารูปสถานที่ที่เราจะไป

ให้พี่แท๊กซี่ดู พี่แท๊กซี่ขับพามาถึง

ใช้เวลาประมาณ 15 นาทีเท่านั้น

ค่าแท๊กซี่ 2,000 เยน ถึงแล้ว

9.หุบเขานรก จิโกคุดาหนิ

ตอนที่ไปไม่ได้เก็บค่าเข้าชม

จึงไม่รู้ว่าต้องเสียค่าเข้าชมไหม

ur2c8de4ww7r

หุบเขานรก

เป็นฉากที่เด่นกับคุณนุ้ยจ้องตากัน 1 นาที

โรแมนติกมาก

แต่ของจริง เหม็นกลิ่นกำมะถันมาก

แต่ถ้าตัดเรื่องกลิ่นออกไป ก็สวยมากนะ

อีกซะรูปก่อนกลับ

um6wjrcsn7yh

ขากลับเราก็นั่งพี่แท๊กซี่กลับ

ไปหลายคนนั่งแท๊กซี่คุ้มกว่า

เรากลับมานั่งรถไฟ JR รอบ 17.30

จากโนโบริเบ็ทซึ ไป ซับโปโร

มาถึงสถานีซับโปโรเวลา 19.10 น.

นั่งรถไฟใต้ดินลง ซูซูกิโนะ เช่นเดิม

เราไม่เข้าโรงแรม

มากินข้าวเย็นที่ร้าน นันดะ (Nanda) ทันที

ร้านอยู่ในตึก Cyber World ชั้น B2

ร้าน นันดะ เป็นร้านบุฟเฟ่ต์ "ปู" และอื่นๆ

มีพนักงานหลายคนเป็นคนไทย

ราคา 5,100 เยน ให้เวลา 1 ชั่วโมงครึ่ง

ukiz2azctmmh

มีน้ำจิ้มซีฟู๊ดแล้วนะ สำหรับคนที่ยังไม่ทราบ

ปูก้ามใหญ่ๆ มีหลายชนิดให้เลือก

กินดูแล้วปูบ้านเราอร่อยกว่า

5djuapf48e9r

หลังจากกินจนพุงกาง

พวกเราก็เดินกลับที่พัก

Check-in เอาของคืน

พรุ่งนี้เราจะไปเดินช๊อป

ย่านทะนุกิโคจิ (Tanuki Koji)

ไว้เจอกันใหม่ตอนหน้านะ

Day 7
วันนี้เป็นวันที่ชิวๆ สำหรับเรา
เราให้สมาชิกได้ตื่นสายได้เต็มที่
เราออกจากโรงแรมตอนเที่ยง
และฝากกระเป๋าไว้
โปรแกรมวันนี้มีแค่ ช๊อปปิ้ง
"ย่านทะนุกิโคจิ (Tanuki Koji)"
เราเดินจากโรงแรมโดยใช้ GPS นำทาง
เดินประมาณ 10-15 นาทีก็ถึง
ย่านทะนุกิโคจิ เป็นแหล่งช๊อปปิ้ง
ที่สำคัญของซับโปโร
และยังเป็นที่ที่เด่นและคุณนุ้ย
มากด "กาชาปอง" กัน
10.ย่านทะนุกิโคจิ

0ndjh1wy68tc

ย่านนี้จะเป็นถนนยาวติดกัน

ลักษณะเป็นโดม และ

มีร้านค้าขนาบอยู่ทั้ง 2 ฝั่ง

เรามาช๊อปปิ้งร้านนี้ "ดองกี้"

เป็นร้านที่ซื้อของกิน ของใช้

ของฝาก ของเล่น มากมายเลย

มีทุกอย่าง มาที่เดียวจบ

ผมได้ Apple Watch มา 1 เรือน

ราคาไม่ถึง 5,500 บาท

opmv5xc973yb

หลังจากช๊อปปิ้งกันเสร็จ

เราก็เดินกลับโรงแรม

เอากระเป๋า Check-out

นั่งรถไฟใต้ดินไปที่สถานีซับโปโร

ใช้บัตร Suica

ก่อนกลับ ประติมากรรมน้ำแข็ง

19266x2h3gbp

เราต่อรถไฟ JR ไป นิวชิโตเซะ แอร์พอร์ต

โดยใช้บัตร Suica อีกครั้งในการจ่ายเงิน

ค่ารถก็เท่าเดิม 1,070 เยน

ลาแล้วฮอกไกโด

เราจะกลับมาอีกแน่ถ้าเก็บเงินได้มากพอ 555

h881tp597x2e

เรานั่งเครื่อง Vanilla Airline (หางเหลือง)

รอบ 1 ทุ่ม ถึงโตเกียว ประมาณ 2 ทุ่มครึ่ง

นั่งประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง ก็ถึงโตเกียว

หลังจากลงเครื่องและรับกระเป๋าแล้ว

เราเดินกลับไปที่ Terminal 2

เราขึ้นรถไฟไม่ด่วน จากนาริตะไป Ueno

ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง

โดยใช้ Suica เหมือนเดิม

ไม่นานเราก็มาถึง Ueno

เราเติมเงินใส่ Suica Card

อีก 1,000 เยน ไว้ใช้ในวันพรุ่งนี้

หลังจากนั้นลากกระเป๋า

ไปโรงแรม เซ็นจูเลียน โฮเทล อูเอโน

วันนี้ลาไปเท่านี้แหละนะ

พรุ่งนี้จะไป "Tokyo Disney Sea"

ลงรูปไว้เป็นน้ำจิ้มซะหน่อย

9j2s4lt857lt

วันที่ 8
วันนี้เป็นวันสุดท้ายแล้ว สำหรับทริปนี้
ยังไม่อยากกลับเลย อยากอยู่ต่อ ฮือๆ
วันนี้เราจะไปเที่ยว Tokyo Disney Sea
และ ตลาดอะเมโยโกะ เพื่อช๊อปกระเป๋า Anello

เราออกเดินทางจากที่พัก 9.40 น.
โดยเราเดินทางตามรูปด้านล่าง

b1xqg1al3dp5

เราเดินทางโดยใช้บัตร Suica มีขั้นตอนดังนี้

1.เดินไปขึ้นรถไฟที่สถานี Naka-Okachimachi

2.นั่งรถไฟใต้ดินสาย Hibiya Line

3.ลงรถไฟที่สถานี Hatchobori (Tokyo) เดินตามป้าย JR Line

4.เดินไปซักพักจะเจอกับป้าย Keiyo Line เดินตามต่อไป

5.มายืนรอตรง Platform 1  "Maihama  Soga"

6.เดินออกจากสถานี Maihama

95jyzb2hr48y

เราเดินต่อเข้ามาจากรูปด้านบน

เพื่อมานั่งรถไฟ Disney Resort Line

ต่อไปยังจุดหมายของเรา Disney Sea

เราผ่านประตูโดยใช้ บัตร Suica

wt8y2kmp0t90

สถานี Resort Gateway คือสถานีเริ่มต้น

เรานั่งไป 3 สถานีก็จะถึง สถานี Tokyo Disney Sea

(รถไฟ Disney Resort Line วิ่งเป็นวงกลม)

ih6fcl85o4ua

ไม่นานนักเราก็มาถึง Tokyo Disney Sea

เราใช้ตั๋วที่ซื้อมาจากเมืองไทย

ราคา 2,400 บาท

สามารถผ่านประตูได้ทันที

ไม่ต้องเปลี่ยนตั๋วใดๆ ให้วุ่นวาย

ผ่านประตูเข้ามาก็จะพบกับรูปภาพด้านล่าง

w4ouv53j40h5

Tokyo Disney Sea มีหลายโซนดังรูป

kbyxv4gejod1

ขอบคุณรูปจาก Internet

เราเริ่มเดินเที่ยวจากโซนที่ใกล้ทางเข้าก่อน

1. Mediterranean Harbor

เป็นโซนด้านหน้าทางเข้าเลย

เราเดินไปทางซ้ายก็จะเจอกับ

สถาปัตยกรรมแบบ อิตาลี

ruehpi7qgcyw

เดินกลับออกมา

ก็จะเจอกับ "อ่าว"

ที่มีไว้สำหรับจัดการแสดงโชว์

w5m2p97lt87y

เดินต่อไปโซนที่ 2

2.Mysterious Island

เหมือนเป็นเมืองแปลกๆ

ที่ล้อมรอบไปด้วยหุบเขา

และยังมีร้านอาหารในเรือด้วยนะ

6sehf12914ts

ถัดไปทางขวามือ

เป็นทางวน เดินลงไปด้านล่าง

ก็จะเจอกับ โซนที่ 3

3.Mermaid Lagoon

โซนนี้จำลองโลกใต้น้ำ

ให้เราได้เห็นอะไรที่แปลกตา

a06hwij26k0s

เดินออกไปทางขวามืออีกนิด

ก็จะเจอกับโซนที่ 4

4.Arabian Coast

เป็นสถาปัตยกรรมอาหรับ

เหมือนได้ไปเดินอยู่ในเปอร์เซีย

w0frtq4ca6gw

เดินวกไปด้านหลัง

ก็จะเจอโซนที่ 5

5.Lost River Delta

เหมือนหลุดเข้ามาในโลกยุคเก่า

ยุคชนเผ่า หรือ ยุคล่าสมบัติ

ljz2q65240ge

เราเหนื่อยจะหาที่นั่งพักกินข้าว

ปรากฎว่าคนล้น คงต้องยืนรอเป็นชั่วโมงแน่ๆ

เราเลยพักแป๊บนึงและเดินต่อไปโซนที่ 6

6.Port Discovery

จะเป็นท่าเรือที่สามารถลงไป

ปั่นเรือจักรยานน้ำ กันได้นะ

ผมไม่ได้เดินลงไปเก็บภาพ

แต่ Port มีลักษณะเหมือนรูปด้านล่าง

d3q6ptkixc83

ขอบคุณรูปจาก Internet

โซนสุดท้ายก่อนออก

7. American Waterfront

เป็นโซนเรือยักษ์และตึกแปลก

ที่เป็น Hi-light ก่อนออกจาก Disney Sea

tohjdg913mcu

หลังจากนั้นเราก็เดินออกกันแหละ

คนเยอะเกิ๊น ไม่ได้เล่นอะไรเลย

ไม่อยากต่อคิวเป็นชั่วโมงเสียเวลา

เรานั่งรถไฟสาย Disney Resort Line

กลับมาที่ Mihama แค่ สถานีเดียว

บาย Disney Sea

k5h9bshtg3rd

เรานั่งรถไฟ JR

จาก Mihama ไปลงสถานี HATCHOBORI(TOKYO)

และจากโตเกียวต่อ Hibiya for KITA-SENJU

ลงสถานี Ueno

sssz1egyhnbw

จากสถานี Ueno

เราเดินประมาณ 5 นาที ตามแผนที่

wemx1ukvf27y

ไม่นานเราก็มาถึงตลาด อาเมโยโกะ (Ameyoko)

ตลาด อาเมโยโกะ มีสินค้าหลากหลาย

ทั้งของสด ของแห้ง ของฝาก เสื้อผ้า รองเท้า

รวมไปถึงกระเป๋า Anello

คนเยอะมาก เราเดินสำรวจราคา

จนเจอร้านนี้ ราคาถูกที่สุดแล้วเท่าที่เดินสำรวจ

6nhhxnxhdzvn

จบจากตลาดนี้เราก็เดินกลับที่พัก

ลาจากแล้ว "ญี่ปุ่น" และ

ลาจากทริป Japan-Fanday ไปเพียงเท่านี้

ขอบคุณทุกคนที่อ่านมาถึงตรงนี้

งบประมาณที่ใช้จ่าย ต่อ 1 คนมีดังนี้
เราแลกเงินไปเรท  100 เยน = 33.5 บาท
1.ค่าตั๋วเครื่องบินไปกลับ กรุงเทพฯ-โตเกียว 16,500 บาท
2.ค่าตั๋วไปกลับ โตเกียว-ฮอกไกโด 5,500 บาท
3.ค่าที่พัก 9 วัน 8 คืน  20,000 บาท
4.ค่าตั๋วรถไฟ  JR Hokkaido Rail Pass 5,400 บาท
5.ค่าตั๋วรถไฟ Sapporo - Otaru Welcome Pass  544 บาท
6.ค่าเติมเงินในบัตร "Suica Card"  2,100 บาท
7.ค่าแท๊กซี่ไป-กลับ Kiroro Resort  1,170 บาท
8.ค่าแท๊กซี่ไป-กลับ สวนพฤษศาสตร์ฯ 300 บาท
9.ค่าแท๊กซี่ไป-กลับ หุบเขานรก 330 บาท
9.ค่าตั๋วขึ้นไปดูวิว Sapporo TV Tower  240 บาท
8.ค่าตั๋วขึ้นกระเช้าภูเขาฮาโกดาเตะ 430 บาท
9.ค่าตั๋วเข้าสวนพฤษศาสตร์ฯ 100 บาท
10.ค่าตั๋ว Disney Sea 2,400 บาท
11.ค่าอาหาร ค่าน้ำ 7,000 บาท
12.ค่าซิม 450 บาท
รวมค่าใช้จ่าย 62,500 บาทโดยประมาณ
ราคาไม่รวมซื้อของ ช๊อปปิ้งเราไปในช่วงปีใหม่ราคาจะแพงกว่าปกติและเราแลกเงินก่อนที่ค่าเงินจะลด ฮือ

มีข้อซักถามสอบถามได้ที่เพจ "พงพาเพลิน-Pongpaplearn"

ลากันไปด้วยรูปนี้ แล้วเจอกันใหม่ในรีวิวหน้า

8hjemacd2g7t
ความคิดเห็น