สวัสดีชาวหยุดไม่อยู่ครับ ต้องขออภัยที่ห่างหายกันไปนานเลย สำหรับวันนี้จะพาไปสัมผัสกับแลนด์มาร์คแห่งใหม่ของชาวสมุทรปราการ ขอบอกเลยว่าไม่ได้มีดีแค่จุดชมวิวแบบ360 องศาเท่านั้น ส่วนจะมีอะไรน่าสนใจบ้างตามมาดูกันเลยครับ.!

อุทยานการเรียนรู้และหอชมเมืองสมุทรปราการ 

ออกแบบตามหลัก Universal Design บนพื้นที่กว่า 13,584.70 ตารางเมตร ตัวอาคารสูงประมาณ 179 เมตร. เดิมเคยเป็นที่ตั้ง “เรือนจำกลางสมุทรปราการ” ซึ่งตอนนี้เรือนจำกลางได้ย้ายไปที่ ต.คลองด่าน อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการแล้ว ต่อมาได้จึงมีการปรับปรุงพื้นที่สร้างเป็นอุทยานการเรียนรู้และหอชมเมืองสมุทรปราการ ใช้เวลานานนับ 10ปี จนมาแล้วเสร็จและเปิดให้เข้าชม เมื่อ 22 สิงหาคม 2565 นี่เอง


เมื่อมาถึงที่อุทยานการเรียนรู้และหอชมเมืองสมุทรปราการ ก่อนจะเข้าไปในอาคาร บริเวณด้านหน้าจะพบสวนสาธารณะ Dinosaurs Prakarn Bay Park ที่ร่มรื่น เขียวขจี เหมาะแก่การมาพักผ่อนและพาเด็กๆมาวิ่งเล่น นอกจากนี้ยังมีไดโนเสาร์จำลอง รถจักรไอน้ำ M.R.C 2 มาให้ชมและถ่ายรูปกันอีกด้วยนะ ใครที่ชอบรถไฟไม่ควรพลาดเลยครับ!!

ซากอาคารเรือนจำเดิมบางส่วน เพิ่มความน่าสนใจของสวนสาธารณะยิ่งขึ้นครับ

ไอไลต์ของหอชมเมืองสมุทรปราการ จะมีให้เข้าชมทั้ง หมด 3 ส่วนด้วยกัน ซึ่งน่าสนใจและไม่ควรพลาดทั้ง3ส่วนเลยครับ

1.ชั้น 1- 3 จะเป็นในส่วนของนิทรรศการ ร้อยเป็นเรื่อง เมืองปากน้ำ มีทั้งหมด 6 โซนการจัดแสดงครับ การเข้าชมนิทรรศการ จะเปิดให้เข้าชมเป็นรอบ ๆ(รอบสุดท้าย 15.00) สามารถ Walk-in เข้ามาเช็ครอบ และลงทะเบียนเข้าชมได้ที่จุดลงทะเบียนชั้น 1 จะใช้เวลาในการเข้าชมประมาณ 2 ชั่วโมง และจะมีเจ้าหน้าที่คอยบรรยายให้ข้อมูลตลอดการเข้าชม

2.ชั้น 23 จุดชมวิว 360 องศา ไอไลต์หนึ่งที่สามารถเห็นวิวรอบๆเมืองสมุทรปราการ ไม่ว่าจะเป็นตัวเมืองปากน้ำและสถานที่สำคัญๆอย่างพระสมุทรเจดีย์ ผืนป่าบางกระเจ้า รวมไปถึงปากอ่าวไทย หากฟ้าเป็นใจเราสามารถมองเห็นเกาะสีชังได้เลย  น่าสนใจได้ใช่มั๊ยหล่ะครับ

3.ชั้น 25 นิทรรศการหมุนเวียน "เรื่องเที่ยว เรื่องใหญ่" เราสามารถชมวิวเมืองระหว่างเดินดูนิทรรศการได้ดเช่นเดียวกันครับ

เอาละครับ มาเริ่มกันที่ส่วนที่ 1 นิทรรศการ ร้อยเป็นเรื่อง เมืองปากน้ำ จะแบ่งออกเป็น 6 โซน ซึ่งจะบอกเล่าประวัติศาสตร์เหตุการณ์สำคัญๆของเมืองหน้าด่านชายทะเลที่เรียกว่า “เมืองปากน้ำ” ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน แม้ว่าส่วนจะใช้เวลาในการรับชมถึง 2 ชั่วโมง โดยส่วนตัวตอนแรกผมคิดว่าคงจะน่าเบื่อและง่วงน่าดู แต่พอเอาเข้าจริงด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยและกิจกรรมที่ให้ผู้ชมได้มีส่วนร่วม ทำเอาผมลืมเวลาไปเลยครับ

โซนที 1 “ปากน้ำเมื่อนานมา” จะพาเรานั่งเรือเมล์(ขอสปอย์เลยครับว่า สมจริงมาก)ย้อนเวลาไปสัมผัสความรุ่งเรืองในอดีตของเมืองปราการ ที่ยังคงบทบาทของความเป็นเมืองหน้าด่านจนถึงปัจจุบัน


โซนที่ 2 “เข้าท่าเมืองหน้าด่าน” โซนนี้จะพาไปสัมผัสถึงวิถิชีวิต และความเจริญรุ่งเรืองของย่านคลังสินค้าที่ถูกขนานนามก่า นิวอัมสเตอร์ดัมของชาวฮอลันดา ณ บริเวณปากคลองบางปลากด เมืองแห่งนี้เปรียบเสมือนหน้าด้านทางการค้าของปากน้ำ คอยแลกเปลี่ยนสินค้ากับอาณาจักรต่าง ๆทั่วทุกมุมโลก จนทำให้มีบทบาทสำคัญในการเป็นเมืองท่าการค้าสมัยอยุธยา ซึ่งจัดแสดงผ่านเทคนิคการจัดแสดง Light & sound Mechanic Diorama และ Projection Mapping กว่า 7 เมตร ยาวที่สุดในไทย


โซนที่ 3 “ปรากฏเป็นปราการ” พาเดินลัดเลาะรอบกำแพงป้อมปราการเมืองแห่งใหม่ในสมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์ ซึ่งมีบทบาทสำคัญในฐานะเมืองหน้าด่านเพื่อป้องกันอริราชศัตรูโดยรอบ จนเป็นที่มาของการสสร้างเมืองนครเขื่อนขันธ์ และเมืองสมุทรปราการ ผ่านเทคนิคฉาย Invisible Fortress สุดตื่นตาตื่นใจ

ที่แรกและที่เดียวในประเทศไทย ที่เผยให้เห็นองค์พระสมุทรเจดีย์เดิม ที่ซ่อนอยู่ภายในพระสมุทรเจดีย์องค์ปัจจุบัน

โซนที่ 4 “ปราการป้องแผ่นดิน” ร่วมอินไปกับเหตุการณ์การต่อสู้ครั้งสำคัญของเมืองปากน้ำในฐานะเมืองหน้าด่านชายทะเลกับเรือรบฝรั่งเศสที่บุกเข้าประชิดสยามในสมัยรัตนโกสินทร์ ในวิกฤตการณ์ ร.ศ.112 ผ่านเทคนิคการจัดแสดงจำลองบรรยากาศการรบเสมือนจริง ด้วยจอ 18 Double High Screen พร้อม Mechanic ปืนเสือหมอบ ที่จำลองมาจากปืนกระบอกจริงในป้อมพระจุลจอมเกล้า จากเหตุการณ์ครั้งนั้นนับเป็นจุดเริ่มต้นสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของการพัฒนาสยามด้านต่างๆมากมาย รวมถึงด้านการคมนาคม  เช่น รถไฟสายปากน้ำ ทางรถไฟสายแรกของประเทศ อันเป็นจุดเปลี่ยนสู่ความเป็นหน้าด่านทางเศรษฐกิจแห่งใหม่ของไทย


โซนที่ 5 “หน้าด่านสานเศรษฐกิจ”  โซนนี้จะพูดถึงความสำคัญของจังหววัดสมุทรปราการสู่การเป็นเมืองแห่งอุตสาหกรรม ผ่านการฉายภาพยนตร์เรื่องราวการเติบโตทางเศรษฐกิจ ทั้งภาคเกษตรกรรม ภาคการท่องเที่ยวที่มีทั้งอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรม และภาคการจัดการพื้นที่สีเขียวที่ดี ผ่านจอภาพ “ดอกโพทะเล” ขนาดใหญ่ซึ่งเป็นดอกไม้ประจำจังหวัดสมุทรปราการนั่นเอง

นอกจากนี้ยังมีเกมให้เล่นด้วยนะครับ  ซึ่งจะให้เราสวมบทบาทเป็นส่วนหนึ่งในกลไกสำคัญทางเศรษฐกิจของเมืองสมุทรปราการ ผ่านตู้เกมขนส่งสินค้า และเกมสายพานกระจายสินค้า และ Future Logistics Lab แสดงโครงข่ายระบบการขนส่งทางบก น้ำ อากาศ การขนส่งสินค้าที่ช่วยยกระดับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ผ่าน LED Wall 360 องศา และ Projection Mapping ที่แสดงให้เห็นเส้นทางการขนส่งที่สำคัญ เรียกได้ว่า อลังสุดๆเลยหล่ะ 

โซนที่ 6 “มอง (กาล) ไกลไปด่านหน้า” โซนนี้จะพาไปชมผังเมืองสมุทรปราการที่มีขนาดใหญ่กว่า 20 ตร.ม. จัดเต็มไปด้วยแสง สี เสียง และจอ LED ขนาดยักษ์ ผ่านกระเช้าลอยฟ้า(วันที่ผมไปกระเช้าเสียพอดีครับ แง) หรือทางเดินกระจกแก้วก็สวยไปอีกแบบเช่นครับ

หลังจากที่ได้รับความรู้และความสนุกจากทั้ง 6 โซน เรียบร้อยแล้ว ผมก็จะพาขึ้นไปชมด้านบนกันต่อเลยครับโดยจะขึ้นไปที่ชั้นสูงสุดกันก่อนเลยคือ ชั้นที่ 25 ครับ

ชั้นที่ 25 นิทรรศการหมุนเวียน ซึ่งจะมีการปรับเปลี่ยนการจัดแสดงไปเรื่อยๆ ครับ อย่างช่วงที่ผมไปจะเป็นนิทรรศการเกี่ยวกับพระเกจิอาจารย์ และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวสมุทรปราการเคารพนับถือ และยังมีนิทรรศการเทิดพระเกียรติต่อในหลวงรัชกาลที่ 9 และรัชกาลที่ 10 ที่ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณต่อประชาชนชาวสมุทรปราการ ผ่านโครงการพระราชดำริต่างๆครับ

พระพุทธชินราชมงคลปราการ พระพุทธรูปประจำจังหวัดสมุทรปราการ

และแล้วเราก็มาถึงชั้นที่เป็นไฮไลต์ของเรานั่นก็คือ ชั้นที่ 23 จุดชมวิว 360 องศา มาชมกันเลยครับ

สำหรับชั้นนี้เราสามารถเดินชมวิวได้แบบ 360 องศา ที่ชั้น 23 บนความสูงประมาณ 179 เมตร  ทำให้สามารถชมวิวแม่น้ำเจ้าพระยาได้จากมุมสูง ทั้งยังมองเห็นตัวเมืองปากน้ำได้ทุกทิศทางผ่านกระจกใส มองเห็นวิวทิวทัศน์ได้ไกลไปจนถึงส่วนของทะเลปากอ่าวไทย เป็นจุดชมวิวที่ทุกคนจะได้เห็นผังเมือง อ่าวไทย ผืนป่ากะเพาะหมู หรือบางกระเจ้า หากฟ้าเป็นใจละก็ เราสามารถมองไ้ด้ไกลถึงเกาะสีชังเลยทีเดียว และยังมีกล้องโทรทรรศน์ไ้ว้คอยบริการผู้เข้าชม โดยจะเสียค่าบริการเพียง 10 บาทเท่านั้น ซึ่งจะทำให้เห็นสถานที่สำคัญหลายแห่งได้อย่างใกล้ชิดยิ่งขึ้น 


วิธีการเข้าชมนิทรรศการ “ร้อยเป็นเรื่อง เมืองปากน้ำ”
สามารถ Walk-in เข้ามาเช็ครอบว่างและลงทะเบียนเข้าชมได้ที่จุดลงทะเบียนชั้น 1 กันได้เลย
รอบเข้าชม  16 รอบ/วัน รับผู้เข้าชมรอบละ 25 ท่าน/รอบ
ระยะเวลาการเข้าชม ประมาณ 2 ชั่วโมง เวลา 10.00 - 15.00 น.

จุดชมวิว 360 องศา ชั้น 23 และนิทรรศการ “เรื่องเที่ยว เรื่องใหญ่” และชั้น 25 สามารถขึ้นชมได้เลย ไม่ต้องลงทะเบียน เดินได้โดยอิสระ เวลา 10.00 - 17.00 น. เปิดให้บริการวันอังคาร-วันอาทิตย์ (ปิดวันจันทร์)

  • อัตราค่าเข้าชม ผู้ใหญ่ 60 บาท / เด็ก 40 บาท (พิเศษ ช่วงนี้ยังสามารถเข้าชมได้ฟรีครับ รีบเลย!)
  • การเดินทาง :  สามารถเดินทางได้ทั้งรถยนต์ส่วนตัวและขนส่งสาธารณะ   
  • รถประจำทางขึ้นสาย 25, 536, 511, 142, 102 และ 145 มาได้เลย หรือถ้าใครสะดวกรถไฟฟ้าก็ลง BTS สถานีปากน้ำ(แนะนำให้ต่อรถสองแถวหรือเรียกพี่วินมอเตอร์ไซด์นะ เพราะถ้าเดินค่อนข้างไกล ได้เหงื่อแน่นอนครับ)

   

 ข้อมูลเพิ่มเติม

     

    หยุดไม่อยู่ : unstoppable

     วันอาทิตย์ที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2565 เวลา 18.49 น.

    ความคิดเห็น