มีไม่กี่ที่หรอกที่ทำให้เราอยากกลับไปซ้ำอีกรอบ
มีไม่กี่ที่หรอกที่เราไปแล้วทำให้รู้สึกสบายใจ
“เชียงคาน” นี่แหละคือสถานที่นั้น
แต่ “เชียงคาน” ไม่ได้มีแค่ริมน้ำโขงและถนนคนเดิน
แต่ยังมีความดีงามอีกมากมาย ตั้งแต่ที่พักสุด
slowlife ร้านกาแฟบ้านๆ แต่น่ารัก ร้านอาหาร
อร่อยๆ จุดชมวิว จุดเช็คอิน ฯลฯ ครั้งแรกก็หลงรัก “เลย” 😍

คลิปวีดีโอรายละเอียดการเดินทาง

เชื่อว่าหลายๆ คนคงกำลังมองหาที่เที่ยวที่พักผ่อน ที่หนีความวุ่นวายไปใช้ชีวิตแบบสโลว์ไลฟ์ เรียบง่าย กันอยู่เหมือนเราแน่ๆ จากที่ดูมาหลายๆ ที่ก็มาจบลงที่ เชียงคาน เมืองเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำโขงสุดแนวชายแดนไทย – ลาว ที่ชาวบ้านยังคงใช้วิถีชีวิตแบบดั้งเดิมและเรียบง่าย บรรยากาศของเมืองเชียงคานจะเป็นบ้านไม้เก่าๆ ที่เรียงรายติดอยู่ริมแม่น้ำโขง ที่เป็นเอกลักษณ์ของเชียงคาน ได้ฟิลความย้อนยุค อบอุ่นใจ ทำให้คิดถึงบ้านไม้ที่เคยอยู่ในวัยเด็กที่ต่างจังหวัด และที่สำคัญการเดินทางในครั้งนี้ผมเดินทางไปเที่ยวเองโดยไม่มีรถส่วนตัว กับ ทริป 3 วัน 2 คืน เที่ยวเชียงคาน ใช้ชีวิตช้าๆ ที่ริมโขง เที่ยวได้แบบชิลล์ๆ งบ 3,950.-


 Day 1 
(กรุงเทพ – เชียงคาน)

การเดินทางครั้งนี้เราเริ่มออกเดินทางจากสถานีขนส่งหมอชิต (กรุงเทพ) เพราะการเดินทางในครั้งนี้ผมเลือกเดินทางด้วยรถทัวร์ของซันบัส รอบเวลา 19.00 น.  (มีแค่วันละ 1 รอบเท่านั้น)  มุ่งหน้าไปยัง อ.เชียงคาน จ.เลย ซึ่งใช้เวลาเดินทางประมาน 8 ชั่วโมง เราเลือกเดินทางรอบเย็นเพราะจะได้ไม่เสียเวลา เลิกงานมาก็แบกกระเป๋าขึ้นรถได้เลย บนรถมีน้ำกับขนมให้เราด้วย

เดินทางมาถึงเชียงคาน ตอน 07.38 น.  รถจะจอดที่คิวรถ อยู่แถวๆ หน้าวัดศรีคุณเมือง พอลงรถได้เราก็ไม่รอช้า เปิด GPS ค้นหาที่พัก "หม่อลาวโฮมสเตย์"  อยู่ห่างจากจุดลงรถ 700 เมตร ใช้เวลาเดิน 3 นาที เราก็เดินทางมาถึงที่พักที่เราจะนอนในคืนนี้ โฮมสเตย์บ้านไม้โบราณ 

1) หม่อลาวโฮมสเตย์ 

ที่พักของเราอยู่ริมโขงเลย ราคาห้องละ 800 บาท หารกันก็แค่คนละ 400 เองแกรร๊ มาถึงที่พักก็ขอคุณป้าเปลี่ยนเสื้อผ้า ล้างหน้าแปรงฟัน แล้วก็ฝากกระเป๋าไว้ที่พัก รอเวลาเช็คอินตอน 14.00 น.  เปลี่ยนชุดเสร็จเรียบร้อย เราก็เช่ามอเตอร์ไซค์จากที่พัก วันละ 250 บาท ออกไปเที่ยวกันได้เลย อยากบอกว่าเชียงคานยามเช้า บรรยากาศดีมากๆ ร้านแรกของ


2) ร้านข้าวขาหมูบ้านยายชุม

เมนูข้าวขาหมู ที่เสิรฟ์บนถาดหลุม ให้ความรู้สึกเหมือนย้อนวัยกลับไปวัยเด็กที่ทานอาหารกลางวันที่โรงเรียนเลยแหละ มาแล้วห้ามพลาด

ข้าวขาหมูในถาดหลุม หมูนุ่มๆ น้ำจิ้มหอมสมุนไพร + ไข่ ถาดละ 50 บาท ห้ามพลาดเด็ดขาดน้า


3) Cafe De River

มาเชียงคานห้ามพลาด คาเฟ่ริมแม่น้ำโขงอยู่ภายในเชียงคาน ริเวอร์ เมาน์เทน รีสอร์ท ห่างจากถนนคนเดินเชียงคานนิดเดียว ไม่ได้เข้าพักที่นี่ก็มาคาเฟ่ได้น้า 

คาเฟ่มีทั้งโซน indoor และ outdoor ราคาแต่ละเมนูไม่แพง ขนมเค้กอร่อย นั่งดื่มกาแฟพร้อมกับขนมหวานชมวิวแม่น้ำโขงไปด้วยมันดีมากๆ เลย 

มีต้นไม้ ดอกไม้สีสันสดใสน่ารัก พร้อมสะพานไม้ที่ยื่นลงไปเห็นวิวแม่น้ำโขงแบบ 180 องศาเลย สายถ่ายรูปต้องมาแล้ว

🏠 อยู่ในเชียงคาน ริวเวอร์ เมาท์เทน รีสอร์ท
📱 042 822 191
⏱️ 08.00 น. - 19.00 น.
📍 https://goo.gl/maps/nVjpN6CoXq...


4) Skywalk สกายวอร์คท่าดีหมี อ.เชียงคาน

สกายวอล์ค เชียงคาน หรือ สกายวอล์ค ภูคกงิ้ว ตั้งอยู่ที่ ตำบลปากตม อำเภอเชียงคาน จังหวัดเลย สูงกว่าระดับแม่น้ำโขงกว่า 80 เมตร หรือเทียบเท่ากับตึก 30 ชั้นเลยทีเดียว แถมทางเดินยังเป็นกระจกเพิ่มความหวาดเสียวไปอีก!!! แต่ ... บนสกายวอล์ค เราจะสามารถมองเห็นแม่น้ำเหือง แม่น้ำโขง วิวทิวทัศน์ภูเขา และวิถีชีวิตชาวบ้าน ชายแดน สปป.ลาว ครบเลย ที่นี่ห่างจากตัวเมืองเชียงคานประมาณ 22 กิโลเมตร 

💸 ค่าเข้าชมมี 2 แบบ
1) รถรับส่ง + รองเท้าเดิน skywalk + ประกันชีวิต + ชมปางช้างเผือก 80 บาท / คน
2) รถรับส่ง + รองเท้าเดิน skywalk + ประกันชีวิต 60 บาท / คน
* อายุเกิน 80 ปี และ เด็กสูงไม่เกิน 140 cm เข้าฟรี *

ขึ้นชมโดยใช้บริการรถของชุมชน ไม่อนุญาตให้นำรถส่วนตัวขึ้น

ด้านบน สกายวอล์คเชียงคาน นั้น ก็ยังเป็นที่ประดิษฐาน พระใหญ่ภูคกงิ้ว อีกด้วย ซึ่งเป็นพระพุทธรูปปางลีลาประทานพร หล่อด้วยไฟเบอร์ผสมเรซิ่นทอง สูงกว่า 19 เมตร นับว่าเป็นอีกสัญลักษณ์ของแลนด์มาร์คใหม่นี้ด้วย ใครที่มาเชียงคานต้องมากราบไหว้สักการะสักครั้งนะคะ เพื่อความเป็นสิริมงคลให้กับตนเอง

ทางเดินของ สกายวอล์คเชียงคาน นั้น จะเป็นกระจกใสชนิดพิเศษ มีตะแกรงเหล็กรองรับ โดยออกแบบเป็นพิเศษ เพื่อให้มีความมั่นคงปลอดภัยและแน่นหนาขึ้นมา โดยสาเหตุที่สร้างที่นี่มาก็เพื่อให้กลายเป็นจุดชมวิวสวยๆ ที่ไม่ว่าใครๆ ก็ต้องอยากมาเช็คอินกัน

โดยภาพที่เรามองเห็นนั้น จะเป็นภาพของแม่น้ำทั้งสองที่สีสันตัดกันอย่างชัดเจน ตั้งอยู่ตรงกลางระหว่างภูเขาสูงใหญ่ทั้งสองฝั่ง ของเชียงคาน และฝั่งสปป.ลาว


5) ปางช้างเผือกเชียงคาน

ปางช้างเผือกเชียงคาน ตั้งอยู่ที่ตำบลปากตม ต้องบอกว่าคนที่ไปไหว้พระใหญ่ภูคกงิ้วและสกายวอล์คมาแล้ว ห้ามพลาดมาดูความน่ารักของพี่ๆน้องๆเหล่าช้างเป็นเด็ดขาด เพราะอยู่ไม่ไกลกัน ซึ่งจะมีการแสดงโชว์ของเหล่าพี่น้องช้างให้นักท่องเที่ยวได้ชม

เปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 08.00-18.00 น. ซึ่งอัตราค่าบริการเข้าชมร่วมถึงการเข้าชมสกายวอล์ค พระใหญ่ภูคกงิ้ว และปางช้างเผือก รวมแล้วเพียง 80 บาทเท่านั้นเอง ไหนๆ มาแล้วก็ห้ามพลาดกันเลยน้า

เข้ามาด้านในแล้วก็มาป้อนอาหารน้องช้างกันก่อนเลย ตะกร้าละ 50 บาท จัดไปให้น้องเบาๆ 1 ตระกร้า

ตอนแรกคิดว่าด้านในมีแต่ช้าง แต่ภายในมีสถานที่ให้ถ่ายภาพสวยๆอยู่หลายจุดเลย เรียกได้ว่าตามเทรนมากๆ เลยแหละ 

ถ่ายรูปกันจนหนำใจ ก็ขี่รถแว๊นซ์กลับเข้าตัวเมืองไปหาอะไรทานกันก่อนที่จะเข้าไปเช็คอินที่พัก


6) จุ่มนัวยายพัด

ร้านจุ่มนัวชื่อดังรสชาติสุดแซ่บซึ่งหากินได้ที่เชียงคานและที่ร้านจุ่มนัวยายพัดที่เดียวเท่านั้น ถือว่าเป็นอีกหนึ่งร้านอาหารเก่าแก่ของเชียงคานที่ปัจจุบันสืบทอดกันมาถึงรุ่นที่ 3 เปิดขายมานานกว่า 70 ปี ร้านตั้งอยู่ที่ซอย 10 เปิดตั้งแต่ 07.00 – 15.00 น.

เมนูเด็ดของร้านก็หนีไม่พ้น จุ่มนัว หลายๆ คนคงกำลังสงสัยอยู่แน่ๆ ว่าจุ่มนัวหน้าตาเป็นอย่างไร จุ่มนัวเป็นอาหารที่มีหน้าตาคล้ายๆ กับสุกี้ไหหลำแต่จะแตกต่างกันที่รสชาติซึ่งมีการประยุกต์ให้ถูกปากคนไทยมากยิ่งขึ้น และที่พิเศษกว่าสุกี้คือ จุ่มนัวสามารถเลือกเส้นได้เหมือนการสั่งก๋วยเตี๋ยวมีทั้งเส้นบะหมี่ เส้นเล็ก วุ้นเส้น และหมี่ขาวให้เลือก

และนอกจากนี้แล้วยังมีอีกหลากหลายเมนูให้เลือกทานไม่ว่าจะเป็น ก๋วยจั๊บ หมี่กะทิ ขนมจีน และขนมหวานอร่อยๆ อีกเพียบ 


ที่พักที่จะนอนในคืนนี้คือ  หม่อลาวโฮมสเตย์ #ที่พักริมโขงคนละ400บาท

Homestay บ้านไม้เก่าๆ สุดคลาสิค ที่เป็นเอกลักษณ์ของเชียงคาน ได้ฟีลความย้อนยุค อบอุ่นใจ ทำให้คิดถึงบ้านไม้ที่เคยอยู่ในวัยเด็กที่ต่างจังหวัด

ที่พักอยู่ใกล้ถนนคนเดิน มีทั้งหมด 6 ห้อง แบ่งเป็นชั้นบน 3 ห้อง ชั้นล่าง 3 ห้อง วิวแม่น้ำโขงทุกห้อง 

สำหรับห้องที่เรานอนจะเป็นห้องวิวแม่น้ำ ห้องเบอร์ 6 หม่อกัน ซึ่งเป็นห้องที่อยู่ชั้นบน มีเตียงนอนนุ่มๆ และเฟอร์นิเจอร์ไม้สุดคลาสสิค แถมยังครบครันไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกทั้งเครื่องปรับอากาศ มุมนั่งพักผ่อนริมระเบียง และห้องน้ำในตัว

ภายในห้องน้ำก็ยังสะอาดสะอ้านและแยกโซนเปียกและแห้งไว้เป็นอย่างดี มีไดร์เป่าผม สบู่ แชมพู ผ้าเช็ดตัวไว้ให้อีกด้วย 

มีระเบียงให้นั่งทานอาหาร ชมวิวแม่น้ำโขงกันแบบสบายๆ มีร้านนั่งชิวๆ อยู่ใกล้ๆ สบายไปอิ๊ก อ้อ ที่พักมีจักรยานให้ยืมปั่นชมวิวริมแม่น้ำโขงยามเย็น หรือจะชมพระอาทิตย์ตกจากระเบียงห้องพักก็ได้โคตรดีอ่ะ

เอาของเก็บเข้าที่พัก นอนพักกันจนหายเหนื่อย ประมาณ 16.00 น. เราก็แว๊นซ์มอเตอร์ไซค์ไปเที่ยวกันที่คาเฟ่สุดฮิตที่มาเชียงคานห้ามพลาด


7) บ้านติดดิน
มาเชียงคานทั้งที ต้องมา  คาเฟ่ริมแม่น้ำโขง วิวสุดปังอลังการงานสร้าง

ที่นี่เป็นคาเฟ่ ร้านอาหาร ที่พักสไตล์แคมปปิ้ง ตัวร้านดีไซน์สไตล์วินเทจ mood&tone ตกแต่งด้วยไม้ไผ่ทั้งหลัง ดูโปร่ง โล่ง สบาย เห็นวิวทั้งโค้งแม่น้ำโขง 360 องศาเลยแกรร๊ ที่นี่ถูกล้อมรอบไปด้วยภูเขาสวยสุดๆ เลยแกรร๊ มุมถ่ายรูปเยอะมาก 

มีอาหาร เครื่องดื่ม เบเกอรี่หลากหลายให้เลือก แถมราคาไม่แรง แค่หลักสิบเองน้า

ใครมาเชียงคานแนะนำให้แวะมา มาเหอะแล้วจะติดใจ วิวดีมาก สวยปังงงงง อ้อ.. ที่นี่เค้าให้สัตว์เลี้ยงเข้าได้ 🐕 ด้วยน้ายิ่งช่วงแสงอาทิตย์ที่ตกลับขอบฟ้าไป แสงสว่างค่อยๆ มืดลงท้องฟ้าเปลี่ยนเป็นช่วงเวลาของแสงทไวไลท์เป็นอะไรที่ประทับใจสุดๆ


8) ถนนคนเดินเชียงคาน

ด้วยความที่ หม่อลาวโฮมสเตย์  ที่พักของเราอยู่ติดทั้งแม่น้ำโขงและไม่ไกลจากถนนคนเดินเชียงคาน ช่วงค่ำเราก็ไม่พลาดที่จะออกมาหาของอร่อยๆ กินที่ ถนนคนเดินเชียงคาน ซึ่งเปิดทุกวันเริ่มตั้งแต่เวลาประมาน 18.00 – 22.00 กันเลยทีเดียว 

บรรยากาศของถนนคนเดินเชียงคานเต็มไปด้วยความคึกคักจากนักท่องเที่ยวที่ต่างพากันมาสัมผัสเสน่ห์กันที่เมืองแห่งนี้ แสงไฟจากบ้านและร้านต่างๆ ส่องสว่างไปทั่วทั้งถนนชายโขง

มาถึงถนนคนเดินเชียงคานแล้วก็ต้องไม่พลาดที่จะกินสตรีทฟู้ดที่มีเฉพาะที่ถนนคนเดินเชียงคานเท่านั้น ไม่รอช้ารีบตรงดิ่งไปลองชิมเมนู กุ้งน้ำโขง ซึ่งจะเป็นกุ้งเสียบไม้ปิ้งขายกันแบบง่ายๆ และจะมีให้เลือกทั้งกุ้งตัวเล็กและตัวใหญ่ นอกจากกุ้งแล้วยังมีปูเสียบไม้อีกด้วย ที่สำคัญกุ้งและปูทุกตัวยังได้มาจากแม่น้ำโขงด้วยนะ ราคาไม้ละ 20 บาทเท่านั้นเอง

สำหรับค่ำคืนนี้เราแพลนไว้แล้วว่าจะเดินหาของกินอร่อยๆ เมืองเชียงคานไปเรื่อยๆ และจะมาแนะนำเมนูที่มาเที่ยวเชียงคานแล้วไม่ควรพลาดเลยจริงๆ โดยเมนูแรกก็คือ “ข้าวจี่” ที่เชื่อว่าหลายคนได้กลิ่นก็คงน้ำลายสอกันแล้ว เพราะว่าเดินไปทางไหนก็จะเจอแต่ร้านที่ขายข้าวจี่เต็มไปหมด ข้าวจี่จะเป็นข้าวเหนียว ที่ถูกชุบไข่ และมีการปรุงรสมาแล้วก่อนนำมาปิ้ง กินตอนอากาศเย็นๆ บอกเลยว่าฟินสุด

“กุ้งฝอยย่าง” เป็นเมนูยอดฮิตที่ไม่ว่าจะเดินไปร้านไหนก็เจอ เพราะชาวบ้านสามารถลงไปงมหากุ้งฝอยได้ในแม่น้ำโขง จึงเกิดเป็นเมนูนี้ที่หากใครชอบกิน คงจะฟินน่าดู เพราะกุ้งฝอยกรอบๆ ย่างมาร้อน อร่อยเหาะอย่าบอกใคร นอกเหนือจากเมนูกุ้งฝอยย่าง ก็จะมีอาหารทะเลเสียบไม้ย่างให้เลือกอีกเพียบ

จริงๆ แล้วถนนคนเดินเชียงคานนอกจากจะมีร้านอาหารและสตรีทฟู้ดอร่อยๆ แล้ว ยังมีร้านขายสินค้าแฮนด์เมด ชุดพื้นเมืองและอีกมายมาย แถมยังมีโรงหนังเก่าแก่อย่าง ราชาภาพยนต์ ที่ปัจจุบันเปิดเป็นพิพิธภัณฑ์ที่รวบรวมโปสเตอร์หนังเก่าๆ และเครื่องฉายหนังสมัยก่อนให้เราได้ชมได้ถ่ายรูปเก็บไว้ดู

เดินเล่นหาของกินกันจนจุกๆ เราก็กลับไปพักผ่อนกันที่ หม่อลาวโฮมสเตย์ ชาร์จพลังให้เต็มร้อยพร้อมเที่ยวกันต่ออีกในวันพรุ่งนี้ บรรยากาศริมระเบียงห้องพักคือดีมากๆ 


Day 2
(เชียงคาน)

วันนี้ผมตื่นแต่เช้ามืดอีกเช่นเคยเพราะยังเหลืออีกหนึ่งจุดเช็คอินที่จะพลาดไม่ได้เลยเมื่อมาถึงเชียงคานนั่นก็คือการขึ้นไปดูทะเลหมอกและพระอาทิตย์ขึ้นที่ ภูทอก 

9) ภูทอก

อยากเห็นวิวสวยๆ และทะเลหมอก ก็ต้องมาปักหมุดไว้ที่ “ภูทอก” เป็นหนึ่งในแลนด์มาร์คชื่อดังของเชียงคาน ที่บอกเลยว่าวิวอลังการ ควรค่าแก่การมาเที่ยวเป็นอย่างมาก หากใครพักบริเวณเมืองเชียงคาน การมาเที่ยวที่ภูทอกก็ไม่ลำบากมากนัก เพราะห่างจากตัวเมืองประมาณ 8 กิโลเมตรแต่เพียงเท่านั้น สามารถแว๊นซ์มอเตอร์ไซค์มาแบบเราได้สบาย ๆ คนอื่นไปกันแต่ตี 5 เรากว่าจะออกก็ 6 โมงแล้ว แว๊นซ์มอเตอร์ไซค์ชิวๆ 

เมื่อมาถึงภูทอกแล้วจะมีจุดซื้อตั๋วเข้าชมอยู่ที่ด้านหน้า ราคาใบละ 40 บาท/คน รวมค่ารถขึ้น-ลงแล้ว เมื่อซื้อตั๋วเสร็จแล้วจะต้องมาขึ้นรถกระบะที่จอดให้บริการ จุดนี้ไม่สามารถนำรถส่วนตัวขึ้นไปเองได้และใช้เวลาเดินทางขึ้นไปยังจุดชมวิวทะเลหมอกภูทอกประมาน 10 นาที

เราขึ้นมาถึงจุดชมวิวภูทอกตั้งแต่พระอาทิตย์ยังไม่ขึ้น เพื่อมารอชมแสงแรกของวัน

และแล้วผมก็ได้เห็นพระอาทิตย์ขึ้นซึ่งจะค่อยๆ เคลื่อนตัวขึ้นมาจากหลังเขาเป็นภาพที่ประทับใจสุดๆ ถึงแม้ว่าวันนี้จะไม่มีทะเลหมอกให้ชมแต่ก็รู้สึกคุ้มค่ากับการตื่นเช้ามาดูพระอาทิตย์ขึ้นที่ภูทอกและยังมีมุมสวยๆ ให้ถ่ายรูปอีกด้วยนะ

กลับมาถึงที่พักตอนสายๆ ก็ฟินกันต่อกับอาหารเช้าของ หม่อลาว โฮมสเตย์ 

ที่พักจัดมื้อเช้าเป็นข้าวต้มหมูร้อนๆ แถมยังมีขนมปังปิ้ง กาแฟและโอวัลตินน้ำส้มให้ตักทานกันเอง เอาขึ้นไปทานบนระเบียงหน้าห้องชิลล์สุดๆ 

สามารถนั่งกินไปพร้อมชมวิวแม่น้ำโขงได้แบบชิลล์ๆ และก็ถึงเวลาที่ผมจะต้องเช็คเอ้าท์ออกจากที่พักเตรียมเปลี่ยนที่นอนคืนที่สองกันแล้ว 


10) ภักดี โฮมสเตย์

เพราะที่นี่เป็นบ้านไม้เก่าอายุนับ 100 ปี ตามแบบฉบับดั้งเดิมของชาวเชียงคานเลย ส่วนโลเคชั่นของที่พักนั้นเป็นอะไรที่ดีงามมาก.......ด้านหน้าอยู่ติดกับถนนคนเดินเชียงคาน ส่วนด้านหลังที่พักจะอยู่ชิดติดริมโขงทำให้บรรยากาศภายในค่อนข้างดี เงียบสงบสุดๆ เดินเข้ามาด้านในจะพบกับเคาน์เตอร์ต้อนรับ และมุมนั่งเล่นที่เปิดโล่งมองเห็นสายน้ำและมีสายลมคอยพัดมาเอื่อยๆ ให้เรารู้สึกผ่อนคลายได้เป็นอย่างดี  

ห้องที่เรา จองมาคือ ห้องล่าง 2  ห้องเรียบง่าย มีสิ่งอำนวยความสะดวกให้ครบ ดูสบายตา มาพร้อมเฟอร์นิเจอร์ไม้เก่าที่สื่อถึงความเก่าคลาสสิคได้เป็นอย่างดี ราคาคืนละ 800 บาท 

ภายในห้องมีห้องน้ำในตัวด้วยนะคะ ดูสะอาดสะอ้าน แถมยังแบ่งแยกส่วนแห้งและเปียกให้เรียบร้อยแล้ว .... 

เก็บกระเป๋าเรียบร้อย นอนพักไปหนึ่งงีบ ก็ได้เวลาตื่นไปหาอะไรอร่อยๆ ทานกันแล้ว เราไปกันที่ 


11) HOME Café & Bistro

ร้านอาหารอีสานและคาเฟ่มินิมอลเมืองเชียงคาน ตกแต่งโทนสีขาวผสมน้ำตาล มีมุมถ่ายรูปเยอะ แค่หน้าร้านก็กดชัตเตอร์รัวๆๆ แล้วแกรร๊

เมนูเครื่องดื่มชา กาแฟ มีให้เลือก เบเกอรี่โฮมเมดที่ทางร้านทำเอง อาหารมีให้เลือกหลายแนว ทั้งยุโรป ฟิวชั่น เเละอาหารไทย มาม่าเกาหลีมากันเป็นหม้อไฟเลย นั่งทานกันเพลินๆ พูดคุยกับเพื่อนๆ ฟังเพลงสบายๆเหมือนอยู่บ้าน เรียกได้ว่ามาที่เดียวได้กินครบ อิ่มเลย

🏠 ถนนศรีเชียงคาน ซอย 13 บน (ติดถนนใหญ่)
⏱️ เปิดทุกวัน 08 .00 - 19.00น.
📱 097-981-7633
📍 https://goo.gl/maps/nFRhDuvsdJ...


12) วัดศรีคุณเมือง

ออกจากคาเฟ่เราก็ไปต่อที่ วัดศรีคุณเมือง วัดเก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองเชียงคานมาอย่างยาวนานซึ่งเป็นวัดที่ถูกขนานนามว่าเป็นแหล่งรวมศิลปะทั้งแบบล้านนาและล้านช้างเอาไว้ได้เป็นอย่างดี สังเกตได้จากโบสถ์ที่มีหลังคาลดหลั่นกันลงมาตามแบบศิลปะล้านนา

ผมเลยเข้าไปกราบขอพรภายในโบสถ์ ซึ่งประดิษฐานพระพุทธปฎิมาประทับขัดสมาธิราบนาคปรกอายุกว่า 300 ปีเอาไว้ แล้วยังมีความเชื่อว่าใครมาขอพรที่วัดแห่งนี้จะสมปรารถนาตามสิ่งที่ขอพรไว้

หลังจากไหว้พระเสร็จแล้ว เราก็ขี่รถมุ่งหน้าไปที่ร้านริมคลองหมูกะทะเป็นร้านเดียวที่เปิดตอนกลางวัน 

13) ริมคลองหมูกะทะ

สั่งมาเป็นชุด เสริฟ์พร้อมน้ำจิ้มหลากหลาย คืออร่อยมากๆ แนะนำเลยน้า ถ้ามาเชียงคานต้องลอง

14)  แก่งคุดคู้

เรามุ่งหน้าตรงไปยัง แก่งคุดคู้ ซึ่งการเดินทางสามารถเหมารถสกายแล็บไป – กลับ คนละ 100 บาท สามารถเที่ยวได้ 1 – 2 ชั่วโมง ส่วนเราแว๊นซ์มอเตอร์ไซค์เหมือนเดิม แก่งคุดคู้อยู่ห่างจากตัวอำเภอเชียงคานประมาน 3 – 4 กิโลเมตร

แก่งคุดคู้ เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่ใครที่มาเชียงคานแล้วก็ต้องไม่พลาดแวะมาเช็คอินชมความสวยงามของที่นี่ ซึ่งไฮไลท์ของแก่งคุดคู้คือแนวหินขนาดใหญ่ที่ทอดตัวยาวขวางลำน้ำโขงเอาไว้ตั้งแต่ฝั่งไทยจนถึงฝั่งลาวทำให้เกิดกระแสน้ำไหลเชี่ยวและแรง ซึ่งจะมีหาดทรายกว้างที่สามารถเดินลงไปเที่ยวชมและถ่ายรูปได้อีกด้วย

นอกจากความงดงามตามธรรมชาติแล้วยังมีเรื่องเล่าที่เป็นตำนานความเชื่อของแก่งคุดคู้คือ มีนายพรานจมูกแดงคนนึงได้พบควายตัวใหญ่มีอุจจาระเป็นสีเงินทำให้นายพราณเกิดความโลภ ไล่ล่าฆ่าควายตัวนั้นแต่ก็ไม่สามารถฆ่าได้สำเร็จเพราะเกิดจากเรือที่ล่องผ่านลำน้ำโขงได้ก่อกวนให้ควายวิ่งหนีไป นายพรานโมโหมากจึงแบกก้อนหินมาขวางแม่น้ำเอาไว้เพื่อจะกั้นเรือไม่ให้ผ่านไปได้จนเกือบสำเร็จ ต่อมามีเณรองค์หนึ่งเห็นท่าไม่ดีจึงใช้กลอุบายหลอกให้นายพรานเหลาไม้ไผ่ให้คมดังมีดแล้วแบกก้อนหินซึ่งมีน้ำหนักมาก เมื่อนายพรานแบกจึงทำให้ไม้ไผ่บาดจนคอขาดทำให้สิ้นใจก่อนที่จะแบกก้อนหินขวางทางน้ำเสร็จ จึงเหลือทางน้ำไหลอยู่ที่ฝั่งไทยนั้นเอง

ที่ด้านหน้า แก่งคุดคู้ ยังมีพิพิธภัณฑ์ที่บอกเล่าเรื่องราววิถีชีวิตริมแม่น้ำโขง ซึ่งบอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับวัฒนธรรมของชาวไทดำได้เป็นอย่างดี

พอพระอาทิตย์ตกดิน แดดเริ่มคล้อยหายไป และความมืดเริ่มมาเยือน เราแว๊นซ์มอเตอร์ไซค์กลับมายัง ตัวเมืองเชียงคาน เข้าที่พักไปเอาจักรยานออกมาปั่นเที่ยวริมโขง บรรยากาศตอนเย็นทำให้เชียงคานกลับมาชีวิตชีวาอีกครั้งด้วยแสงไฟ รวมถึงถนนคนเดินที่คึกคัก นักท่องเที่ยวทั้งหลายเมื่อมาเที่ยวเชียงคาน ต่างก็ออกมาเดินเล่น กินข้าวเย็น และช้อปปิ้งของที่ระลึกบริเวณถนนคนเดินนี้ จึงอยากแนะนำสำหรับคนที่ไม่อยากเดินทางนาน หรืออยากพักใกล้ๆ กับแหล่งที่เที่ยว รวมถึงอยากจะออกมาเดินเล่นที่บริเวณถนนคนเดิน แนะนำว่าพักที่บริเวณนี้ก็เหมาะเลยทีเดียว

ที่พักมีจักรยานให้ยืมปั่นด้วยน้า แต่กฏคือ เอาไปจากตรงไหนเอามาคืนตรงนั้น 555  ปั่นจักรยานชมวิวริมโขงดูพระอาทิตย์ตกดินจนพอใจแล้ว เราก็ปั่นจักรยานกลับที่พักระหว่างทานผ่านร้าน ครัวศรีพรรณ จอดจักรยานแวะหาอะไรทานกันก่อนเลย

                                                                      15) ครัวศรีพรรณ

อิ่มท้องแล้วเราก็ไปเดินเล่นกันต่อที่ ถนนคนเดินเชียงคาน จุดหมายปลายทางยอดฮิตของใครหลายๆ คน เสน่ห์ของที่นี่ก็คือบ้านเรือนไม้เก่าที่คนท้องถิ่นยังคงอนุรักษ์กันไว้ หาซื้อขนมทานกันอย่างไม่หยุดหย่อน 

ทานเสร็จเราก็กลับเข้าห้องพัก ชาร์จพลังให้เต็มร้อยพร้อมตื่นมาใส่บาตรหน้าที่พักกันพรุ่งนี้ ชุดใส่บาตร

 Day 3
(เชียงคาน - กรุงเทพ)

วันนี้ตื่นตั้งแต่เช้ามืดมา ตักบาตรข้าวเหนียว ซึ่งเป็นอีกหนึ่งวิถีชีวิตของชาวเชียงคานที่ยังคงรักษาวัฒนธรรมแบบนี้ไว้จนถึงปัจจุบัน และที่ ภักดีเชียงคาน มีบริการจัดชุดตักบาตรชุดละ 100 บาท ให้อีกด้วย ซึ่งสามารถสั่งชุดตักบาตรได้ที่เคาน์เตอร์ได้ตั้งแต่เช็คอิน

ทำบุญจนอิ่มใจแล้ว เราก็ไปทานอาหารเช้า ที่ภักดีเชียงคานจะมีคูปองให้เราเลือกว่าจะทานร้านไหนระหว่างร้านแม่งามอิ่มอร่อย และร้านจำเลยรัก  เราเลือกร้านแม่งามเพราะอยากทานเมนูข้าวเปียกเส้น 

16) ร้านแม่งามอิ่มอร่อย

อีกหนึ่งร้านอาหารเช้าในตำนานของเชียงคานที่ใครๆ ที่มาเที่ยวเชียงคานก็ต้องไม่พลาดมาลิ้มรสความอร่อยกันที่นี่ร้านจะอยู่ใกล้กับที่พัก บรรยากาศคึกคักตั้งแต่เช้า

เราเลือกสั่งเป็น ข้าวเปียกเส้นและไข่กระทะ นอกจากนี้ยังมีเมนูอื่นสำหรับมื้อเช้าอย่างโจ๊ก กาแฟ โอวัลตินร้อนๆ ให้มานั่งจิบอีกด้วย บรรยากาศร้านอยู่ติดริมแม่น้ำโขงเลย นั่งชิวๆ ชมวิวไป ทานอาหารเช้าไป รู้สึกดีชะมัดเลย 

ทานอาหารเสร็จ เราก็เข้าไปเปลี่ยนชุดรอเวลาที่จะเดินทางกลับ แต่อีกหนึ่งกิจกรรมที่ถ้าหากมาเที่ยวเชียงคานแล้วจะพลาดไม่ได้เลยก็คือ การปั่นจักรยานเลียบริมโขง ตอนเช้า ซึ่งทางที่พักภักดีเชียงคานก็มีจักรยานไว้ให้ยืมปั่นเล่นแบบฟรีๆ

ปั่นจักรยานมานั่งชมหมอกที่ล่องลอยเหนือแม่น้ำโขง เป็นช่วงเวลาที่สโลว์ไลฟ์และรู้สึกได้ปลดปล่อยความเหนื่อยล้าและรู้สึกคิดไม่ผิดที่เลือกมาพักผ่อนครั้งนี้ที่เชียงคาน

มุมถ่ายรูปริมโขงสวยเหมือนอยู่ต่างประเทศเลยแกรร๊ จะถ่ายมุมไหนยังไงก็สวยก่อนกลับเราแวะที่ร้านจำเลยรัก เพราะอยากลองกินเมนูเฉาก๊วยมาตั้งแต่เมื่อวานตอนเย็นแล้ว ก่อนกลับจัดสักหน่อยก่อน


17)  จำเลยรัก คาเฟ่

พอเข้ามานั่งในร้านแล้ว เมนูน่ากินหลายเมนูเลยแกรร๊ เราก็อดใจไม่อยู่ต้องจัดมาสักหน่อย ชามะนาวอร่อยรสชาติดีมากๆ 

แนะนำเลยน้า ถ้ามาเชียงคาน จำเลยรัก เป็นอีกร้านที่แนะนำให้มา มุมถ่ายรูปภายในร้านมีหลายมุมเลยแหละ ที่สำคัญร้านนี้เปิดเช้า - ปิดดึกน้า

สำหรับการเดินทางกลับ เราเดินทางกลับด้วยเครื่องบิน จากตัวเมืองเชียงคาน ต้องนั่งรถทัวร์นครชัยขนส่ง ไปลงหน้าสนามบิน ค่ารถคนละ 72 บาท เรานัดคุณลุงเช่ารถให้มารับรถคืนที่ท่ารถนครชัยขนส่ง ประหยัดค่ารถสกายแล๊ปไปในตัว 5555 

สำหรับใครที่กำลังวางแผนอยากมาเที่ยวเชียงคานด้วยรถสาธารณะ  ขอบอกเลยว่าการเดินทางมาเที่ยวเชียงคานไม่ยากอย่างที่คิดและที่สำคัญสามารถเดินทางมาเที่ยว ได้แบบสบายๆ รับรองเลยว่าการเดินทางมาเที่ยวเมืองสุดสโลว์ไลฟ์ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยวัฒนธรรมแห่งนี้จะทำให้เพื่อนๆ ได้รีชาร์จร่างกายจากความเหนื่อยล้า จนต้องพูดว่า หลงรัก…เลย


เพราะการเที่ยวเยอะๆ มันช่วยทำให้เราลืมเรื่องไม่สบายใจได้ระยะหนึ่ง ถ้าไม่เชื่อลองไปเที่ยวดู

ช่องทางการติดต่อ :-
อย่าลืมกด Like กด Share และ Subscribe ด้วยครับ

Facebook https://www.facebook.com/EnvyJ...
Website : https://envyjourney.com/
Tiktok : @envyjourney
Instagram : https://instagram.com/king_journeys
YouTube : เที่ยวให้คนอิจฉา

เ ที่ ย ว ใ ห้ ค น อิ จ ฉ า

 วันอังคารที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2566 เวลา 17.00 น.

ความคิดเห็น