:: วันแรกที่ดูสบาย ๆ นักหนา อาการล้าเริ่มมาออกวันที่สองที่ปวดก้นมากขึ้น ระยะทางไกลขึ้นจากเมื่อวาน ไหล่ที่แบกกล้องมาวันนี้ปวดแบบรู้สึกได้ วันนี้ตั้งใจจะออกไวกว่าวันแรกกลายเป็นช้ากว่าที่ตั้งใจไว้ครึ่งชั่วโมง ขนาดไม่ได้สัมผัสน้ำตอนเช้า เก้านาฬิกาล้อหมุนออกจากอุทยานตากสินมหาราช ระหว่างทางแวะถ่ายรูปแบบนับครั้งได้(ประมาณสองครั้ง) เพราะรีบทำเวลาแต่ด้วยระยะทางขึ้นสลับลงเขาและโค้งอีกนับไม่ถ้วนจึงทำให้วันนี้ทำความเร็วได้แค่ 40-50 กม./ชม.
:: แต่เส้นแม่สอดยังถือว่าทำความเร็วได้ 60-70 กม./ชม. แต่ความเย็นทำให้ผมต้องแวะซื้อถุงมือกับสายรัดที่อันเก่าใกล้จะขาดเต็มทีหลังจากใช้งานไปแค่วันเดียว จนได้มาเจอกับพี่เจมส์และเบลล์ ที่ชวนพูดคุยก่อนที่เราจะแลก contact กัน รวมถึงเบอร์โทรและนัดกันไว้ว่าสงกรานต์เบลล์จะพาเที่ยวฝั่งบ้านเขา (ฝั่งพม่า) ที่ไม่ค่อยมีคนไป
:: ผมออกเดินทางต่อโดยที่อาการเมื่อยและปวดก้นอยู่เป็นเพื่อนทุกวินาที ระหว่างทางก็มีแวะตามจุดพักบ้าง จนมาถึงปั้ม ปตท.สุดท้ายก็ขับเลยมาแบบขี้เกียจแวะเติมน้ำมันเพราะยังมีอยู่ครึ่งถัง พอขับมาได้สักระยะสองข้างทางเริ่มเป็นป่า นาน ๆ จะเจอหมู่บ้าน ผมขับมาเรื่อย ๆ จนเกน้ำมันเริ่มวิ่งเข้าหาขีดแดง ผมตัดสินใจจอดจุดตรวจสอบถาม คุณน้า ตชด.ว่าข้างหน้าจะพอมีปั้มหลอดให้ผมเติมน้ำมันไหม คุณน้าก็บอกว่าอีก 8 กม.มีเป็นหมู่บ้าน
:: ขับมาตามทางที่น้า ตชด.บอกจนมาเจอหมู่บ้านผู้อพยพจากประเทศเพื่อนบ้าน โดยพี่ อส.บอกว่าห้ามถ่ายรูปและห้ามขับรถเข้าไป แต่เดินไปซื้อน้ำมันได้ ผมไม่รีรอจอดรถแล้วเดินไปซื้อโซฮอลล์95 มาเติมที่ราคาขวดละ 65 บาท/ลิตร แต่ก็ไม่ได้ซื้อใส่ถังไว้ เพราะยังมีปั้มอยู่ข้างหน้าอีกราวสามสิบกิโลเมตร ผมขับต่อไปจนน้ำมันเหลือครึ่งถังจึงแวะปั้มที่ไม่มีชื่อ เติมเต็มถังพร้อมใส่ถังที่ผมเตรียมไว้อีกร้อยบาทถือว่าเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องเพราะหลังจากนั้นผมก็ไม่เจอปั้ม
:: ขับมาได้ราว 80 กม. เริ่มหน้ามืดหันข้อมือดูนาฬิกาบ่ายโมงครึ่ง เลยเวลามื้อเที่ยงมาพอควร ผมแวะร้านอาหารจัดกระเพราะหมูกรอบตอบแทนท้องที่อดทนมานานพร้อมไข่ดาว ระหว่างทานพลางหันไปหาน้าคนนึงที่กำลังบ่นลูกน้องที่ขอเบิกเงินไปซื้อบุหรี่ทำให้นึกถึงตอนทำงานกรรมกรในตอนมัธยมสามชีวิตต้องทำงานไม่ต่างจากผู้ใหญ่ตื่นเจ็ดโมงไปโรงย้อมไหมพร้อมเครื่องดื่มชูกำลังจุดบุหรี่มวลก่อนเริ่มงาน หลังเลิกงานกับเบียร์เย็น ๆ ให้ชื่นใจสักขวด ครั้นจะได้เก็บเงินก็ต้องรอเศษเหรียญที่เหลือของวัน ไทม์แมชชีนหยุดเวลาแค่นั้น ผมยิ้มให้น้า ก่อนที่น้าจะบ่นต่อว่า “ลูกน้องมาใหม่คนเก่าลา” ผมยิ้มรับก่อนทานข้าวต่อ และเดินทางต่อ ก่อนถึงที่พักอีกราว 30 กม. ผมเจอฝรั่งคนนึงมองล้อหน้าของจักรยานแล้วก็เข็นอย่างช้าๆ ผมขับเลยมา 100 เมตรก่อนจอดรอ แล้วพยายามมองเขาว่าต้องการความช่วยเหลือไหม “you ok” ด้วยภาษาระดับอนุบาลจึงพูดได้แค่นี้ ก่อนที่ฝรั่งคนนั้นจะทำสัญลักษณ์มือว่าโอเค ไปเลย “กูแค่เมื่อย” “อ้อOKไปต่อไม่รอแล้วนะ”
:: กว่าจะมาถึงที่พักที่บ้านสวนวิลเทจก็ปาไปเกือบห้าโมงเย็นนั่นเท่ากับวันนี้ผมใช้เวลาขับรถไปเจ็ดชั่วโมงครึ่ง แต่ทันทีที่ล้อหยุดที่หน้าบ้านพักผมก็หายเหนื่อยแล้วตะบันรัวกล้องในมืออย่างไม่ยั้ง โชคดีที่วันนี้มีน้องคนนึงมากางเต้นท์หน้าที่พักเลยไม่ต้องรบกวนคุณลุงที่ดูแลที่พักให้มานอนเป็นเพื่อน แต่พอหันไปเห็นขื่อใต้หลังคากับบรรยากาศที่เงียบสนิทและมีแต่ความมืดผมน่าจะบอกลุงให้นอนเป็นเพื่อนจริงๆ นอกจากที่นี่จะไม่มีไฟฟ้าให้คุณชาจแบตต่าง ๆ แต่ยามเช้าของที่นี่มีความสุขตรงหน้าให้คุณได้ลืมความวุ่นวาย นอกจากนั้นยังทำให้คุณเป็นเศรษฐีอารมณ์ของช่วงเวลานั้นด้วยกับที่พักที่นี่
“ ผมยืนอยู่เงียบ ๆ กับความงามตรงหน้าอีกซักครู่ ”
ระหว่างชาจอุปกรณ์กล้องและมือถือตรงซุ้มร้านกาแฟของพี่เจ้าของที่มีมอเตอร์สำหรับชาจไฟเพียงแห่งเดียว ก็เลยได้มีโอกาสได้คุยกับน้องที่มากางเต้นท์ซึ่งมาจากจังหวัดตากและขับรถแม่บ้านมาเที่ยวคนเดียว ระหว่างนี้น้องตกงานกำลังหางานอยู่เลยมาเที่ยวชาจพลังชีวิต ด้วยแววตามุ่งมั่นของน้องขอให้น้องโชคดีกับงานใหม่ที่กำลังจะได้ทำนะครับ
.
ทำให้นึกถึงชีวิตที่ผ่านมาของตัวเอง และท่อนหนึ่งจากหนังสือ 1 ปี อเมริกา season 2
“ เราคงไม่โตหากชีวิตไม่เคยผ่านความยากอะไร ”
ค่าใช้จ่ายทั้งหมด
ค่าที่พัก 390
กาแฟ 45
ข้าวเช้า 68
น้ำมัน 165
สายรัด+แมส 80
ข้าวเที่ยงกับเย็น 140
รวม 888 บาท
ROAD MOVIE
วันอาทิตย์ที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2566 เวลา 18.48 น.