ทริปนี้อารมณ์อยากไปคนเดียวล้วนๆ
เราเลยเลือกที่จะไปใช้ชีวิตช้าๆ บนเกาะสักที่
ได้ทิ้งตัวลงนอนฟังเสียงคลื่นทะเลกระทบฝั่งกันเบา ๆ
ได้ใช้จังหวะชีวิตในแบบที่ไม่ต้องเร่งรีบ
เราจะไปที่นี่ครับ "บ้านโจรสลัด กรีนบานาน่า"


เราออกเดินทางกันค่ำๆ ที่สถานีขนส่งสายใต้ใหม่

พร้อมกับเป้ใบเก่งของเรา

จุดหมายปลายทางอยู่ที่สถานีขนส่งบขส.ระนองครับ


เรามาถึงฟ้าฝนไม่ค่อยเป็นใจสักเท่าไหร่

ฝนตกลงมาหนักหน่วงเลยทีเดียวครับ

เราเลยรอฝนซาแล้วค่อยเดินทางกันต่อ


จากสถานีขนส่งบขส.ระนอง จะมีรถสองแถวจอดรับส่งอยู่

เราต้องต่อรถเพื่อที่จะไปยังท่าเรือเกาะพยามครับ




ระหว่างนั่งรถสองแถว เราก็เจอกับเด็กผู้หญิงหน้าตาคมเข้มคนนี้เข้า

พอเราเห็นความเป็นเด็กแบบนี้เข้าไป อะไรหลายๆ อย่างบนรถก็ดูอ่อนโยนไปหมด

เป็นความสุขเล็ก ๆ ที่เกิดขึ้นระหว่างทางครับ


มาถึงที่ขายตั๋วเราก็บอกคนขายตั๋วเลยครับ

พี่ ๆ ผมจะไปบ้านโจรสลัด ได้เลยน้องเดี๋ยวเรือจะไปจอดแถวอ่าวเล็กนะ

น้องลงตรงนั้นแหละ โทรหาพี่เคเจ้าของบ้านโจรสลัดให้เรียบร้อย

เดี๋ยวจะมีเรือมารับกลางทะเลแถวอ่าวเล็กนะน้อง


ท่าเรือนี้เป็นของเรือสปีดโบ๊ท มีให้บริการออกทุกชั่วโมงครับ


เราต้องนั่งรถกระบะไปขึ้นอีกท่า เค้าจะพาเราไปส่งเองไม่ต้องเสียเงินเพิ่มครับ


เรานั่งเรือไต๋แขกไปครับ

เป็นเรือเมล์ธรรมดา ลำใหญ่จุได้หลายคนครับ


ประมาณ 10 โมง เรือก็ออกแล้วครับ


บนเรือยังมี wifi ฟรีให้ใช้ด้วย ทันสมัยจริงๆ ครับเรือสมัยนี้



นั่งกันไปประมาณหนึ่งชั่วโมงกว่าๆ ก็ถึงแล้วครับอ่าวเล็ก


นั่นๆๆๆ มีเรือจากบ้านโจรสลัดมารับแล้วครับ

โอ้โหพี่ที่มารับอย่างโหด คนในเรือมองกันทั้งลำเลย

สงสัยนึกว่าเรือโดนปล้น ฮ่าๆๆๆ


ระหว่างเปลี่ยนเรือ

เราก็เจอกับน้องผู้หญิงที่มาคนเดียวเหมือนกันครับ


ฝนกำลังมาเลยครับ ต้องรีบกันหน่อยแล้ว


นั่งเรือกันไปไม่ถึง 20 นาทีก็ถึงแล้วครับ

แค่มองจากบนเรือก็รู้เลยว่า เกาะนี้ต้องเงียบสงบมากแน่ ๆ


มาถึงยังไม่ทันได้วางเป้เข้าห้องพัก

รู้สึกทุกอย่างดูโล่งสบายไปหมด จนอยากจะนอนมันซะหน้าหาดเลยครับ


น้องๆ กลุ่มนั้นมาถึงก่อนเรา ถ่ายรูปเล่นกันสนุกเลยครับ

บรรยากาศบนเกาะนี้ไม่วุ่นวาย เหมาะแก่การมาพักผ่อนมากครับ


ที่พักของเราครับอยู่ติดหาด

เป็นกระท่อมไม้ไผ่หลังเล็กๆ เป็นที่พักราคาแค่หลักร้อยแต่วิวนี่หลักล้านเลยครับ



บรรยากาศรอบ ๆ บ้านโจรสลัดครับ


ห้องน้ำของที่นี่ เป็นห้องน้ำแยกจากตัวที่พักครับ


ส่วนบ้านพักที่อยู่บนเขาก็จะมีห้องน้ำในตัว

เพื่อความสะดวกสบาย ไม่ต้องมาเดินขึ้นๆ ลงๆ กันให้เหนื่อยครับ


ส่วนห้องพักที่นี่จะมีแค่ 10 ห้อง หรือถ้าอยากได้อารมณ์ดิบหน่อย

จะเอาเปลมานอนเอง หรือกางเต้นท์ได้หมด อยู่ที่ความชอบของเราเลยครับ


ฝนที่ตกลงมาเบาๆ ทำให้เมฆหมอกลอยอบอวลทั่วภูเขา

อากาศที่นี่เลยเย็นลงขึ้นเยอะเลยครับ


นั่งเล่นชมบรรยากาศไปสักพัก พี่ๆ อีกกลุ่มก็เดินทางมาถึง

บรรยากาศที่นี่คงจะคึกคักขึ้นอีกเยอะเลยครับ


ช่วงบ่าย ๆ พี่เคเจ้าของบ้านโจรสลัด

ก็ชวนพวกเราทั้งหมดไปเก็บหอยกัน เพื่อที่จะได้เอามากินกันตอนเย็นครับ



ระหว่างทางเดินก็เต็มไปด้วยต้นไม้สีเขียวขจี

เห็นแล้วก็สบายตาเป็นที่สุด เป็นเกาะที่มีป่าสมบูรณ์ที่สุดเกาะหนึ่งเลยครับ



ระหว่างเดินไปพี่เคบอกกับเราว่าพี่ไม่ต้องการถนน ไม่ต้องการเซเว่น ไม่ต้องการความสะดวกสบาย

บางครั้งความเจริญมันไม่ได้สำคัญกับชีวิตเรา เราได้ใช้ชีวิตแบบพอเพียง แค่นี้มันก็สุขใจแล้ว

พูดซะเราอยากมาใช้ชีวิตบนเกาะนี้เลยครับ


ถึงแล้วครับที่ที่เราจะมาเก็บหอยกัน

ก่อนจะเข้าไปเก็บ ก็ต้องถอดรองเท้ากันไว้ตรงนี้ก่อนครับ

จะได้เดินเก็บกันได้สะดวกหน่อย


มาถึงแล้วก็ลุยกันเลย

พี่เคหัวหน้าทีมส่งสัญญาณครับ


แต่ละคนตั้งหน้าตั้งตา เก็บหอยกันจริงจังมาก

มื้อเย็นนี้คงได้กินหอยกันเพียบล่ะครับทีนี้


หอยที่เราเก็บกัน เรียกว่า หอยกลม ครับ


เก็บกันได้กี่ตัว ก็เอามาโชว์กันแบบนี้

แหม่น้องจ๋าฝีมือการเก็บหอยไม่เบาเลยนะเนี่ย

ได้มาเยอะเลยพี่ขอกินด้วยคนแล้วกันนะ ฮ่าๆๆๆ


เก็บเสร็จก็เอาหอยไปล้างกันแบบนี้

พี่เครับประกันเลยว่าหวานอร่อยแน่นอนครับ


เก็บหอยกันเสร็จก็มานั่งพักชิว ๆ กินบรรยากาศกันต่อครับ


พวกน้อง ๆ กลุ่มนี้แรงยังดีอยู่

ก็หาอุปกรณ์ง่ายๆ บนเกาะ มาตกปลากันแบบนี้แหละครับ


แรงเหลือขนาดไหนดูกันเอาเองครับ
เห็นแล้วก็อยากจะเข้าไปแจมซะด้วยจริงจิ๊งงง ฮ่าๆๆๆ


พวกน้อง ๆ กลุ่มนี้ ทำให้สีสันที่บ้านโจรสลัด
สดใสขึ้นมาเยอะเลยครับ


เอ๊ะเดี๋ยวนะ น้องคนนี้ตาไม่ธรรมดาเลยนะ
ตาเป็นสัปปะรดเลยครับท่านผู้ช๊ม ฮ่าๆๆๆ


น้องคู่นี้เดินมากันหวานเชียวครับ

แล้วประโยคนี้ก็แล่นเข้ามาในหัวเรา รักทะเลเวลามีเธอด้วย

เอ้า ฮิ้วววววว


ว่าแต่น้องคนนี้ มานั่งเล่นชิงช้าคนเดียว

เล่นเอาซะพี่เหงาตามไปด้วยเลย


คุณแม่พี่เคครับ ออกมาเก็บหอยตามโขดหิน

ที่นี่อยู่ได้ด้วยตัวเอง ทรัพยากรทางอาหารเหลือเฟือครับ



ส่วนเราขอนั่งชิว ๆ มาฟังเสียงกีต้าร์นุ่ม ๆ

จากพี่โจรสลัดดีกว่าครับ พริ้วอย่างแรงนิ



พวกน้องๆ เกิดคันไม้คันมือขึ้นมา เลยหยิบกีตาร์มาเล่นมั่ง

เราเลยได้ฟังดนตรีสด ริมทะเลกันยาวๆ เลยครับ



พื้นทรายนุ่ม ๆ อากาศดีกำลังเย็นสบาย

จนน้องหมายังต้องเคลิ้มหลับครับ


หมาที่นี่เต็มไปหมด เห็นแล้วก็อิจฉามันเหมือนกัน

ที่ได้อยู่กับบรรยากาศดี ๆ แบบนี้ทุกวันๆ พวกมันคงมีความสุขน่าดูครับ



ปูที่นี่โผล่ขึ้นมาทักทายเราครับ


แมวประจำบ้านโจรสลัดครับ กล้ามขึ้นเป็นมัดๆ



ส่วนน้องคนนี้นอนเปล ทอดอารมณ์กันเต็มที่

จะชิวอะไรเบอร์น้านนนนน


พระอาทิตย์เริ่มจะลับขอบฟ้า ลาไปกับบรรยากาศดี ๆ

ที่ชวนให้เราปล่อยความคิด ปล่อยความรู้สึกไปกับเสียงคลื่นทะเลครับ



พอฟ้าเริ่มมืดบรรยากาศก็เริ่มเปลี่ยน

คืนนี้คงจะมีเรื่องให้แลกเปลี่ยนพูดคุยกันอีกเยอะ

สำหรับไฟที่นี่ใช้เครื่องปั่นไฟทำงาน จะเปิดช่วงหกโมงเย็นถึงประมาณห้าทุ่มครับ



อาหารทะเลสด ๆ บนเกาะ จะสดแค่ไหนไปชิมกันครับ


หอยกลมที่เราเก็บกันมาเมื่อเย็น หวานอร่อยอย่างที่พี่เคบอกเลยครับ


น้องคนนี้แทะปูจนเพลินครับ

หน้าจะเหม่อไปไหน แซวเล่นนะน้องนะ ฮ่าๆๆ



นอกจากห้องพักจะวิวหลักล้านแล้ว

บรรยากาศยามค่ำคืนของที่นี่ ยังหรูยิ่งกว่ารีสอร์ทห้าดาวอีกครับ



น้อง ๆ กลุ่มนี้เรียนอยู่ที่ ม.เชียงใหม่

แต่ละคนความคิดความอ่านนี่ไม่ธรรมดา

ดีใจจริง ๆ ที่ได้มาเจอมาพูดคุยรู้จักกับน้องกลุ่มนี้ครับ


นี่ก็เป็นพี่ๆ อีกกลุ่ม ที่อยากมาใช้ชีวิตติดเกาะ

เหมือนกับเราครับ มาครั้งนี้ได้เพื่อนกลับไปอีกเพียบเลยครับ



พอเริ่มดึกพี่ๆ โจรสลัดก็เริ้มงัดของออกมาโชว์ อย่าเพิ่งคิดกันไปไกลครับ

พี่ ๆ เค้ากำลังจะควงกระบองไฟโชว์ โชว์ดีๆ จากบ้านโจรสลัดครับ



แล้วจู่ ๆ ก็มีปูเสฉวน โผล่มาทักทายเราก่อนเข้านอน

เกิดมาเพิ่งจะเคยเห็นนี่แหละครับ เป็นสิ่งที่ยืนยันได้ดีเลยว่าเกาะนี้ยังสมบูรณ์มากครับ



แล้วคืนนี้เราก็นอนหลับไปอย่างสบายใจ

ด้วยเสียงเพราะๆ จากธรรมชาติ อย่างเสียงคลื่นทะเลนี่แหละครับ



อากาศดี ๆ ยามเช้าครับ
น้องหมามานั่งฟังเสียงคลื่นทะเลแต่เช้า


ได้เวลากินอาหารเช้ากันแล้วครับ จัดหนักกันก่อนกลับ


ตบท้ายด้วยของหวาน แป้งหนาหนุ่มจานโตกับแพนเค้ก

แล้วราดน้ำผึ้งตามเบาๆ ฟินสุดๆ ครับ


นี่เป็นคุณแม่พี่เคครับ คนที่คอยทำอาหารอร่อยๆ

ให้เรากินกันทุกมื้อครับ ใครได้มาชิมฝีมือการันตีได้เลยว่า

ต้องติดใจจนอยากกลับมาอีกแน่ ๆ


ที่นี่ยังมีกิจกรรมดำน้ำดูปลาการ์ตูน ให้เราได้ผ่อนคลายกันด้วยครับ

แต่เรามาหน้ามรสุมพี่เค้าเลยไม่แนะนำ ให้เอาเรือออกไปครับ



สำหรับใครที่ต้องการจะมาพักที่นี่ เกาะจะเปิดในช่วงมกราคมถึงพฤษภาคม

และจะปิดในเดือนมิถุนายน แล้วก็มาเปิดอีกทีในช่วงตุลาคมเลยครับ

เพื่อความปลอดภัยก็โทรมาถามกันที่บ้านโจรสลัดก่อนมาจะดีที่สุดครับ


ถ้าจะไปออกทริปยังเกาะอื่น ๆ ที่นี่ก็มีให้บริการเหมือนกันครับ

แต่อาจจะต้องอยู่กันยาวๆ หน่อย ถึงจะไปเก็บกันได้หมดครับ



มุมของฝากครับ มีทั้งเป้ เสื้อยืดลายเท่ ๆ

ให้เราเลือกซื้อกลับไป เป็นของที่ระลึกกันครับ



ส่วนใหญ่ชาวต่างชาติจะมาพักที่นี่กันค่อนข้างเยอะ ก่อนกลับไปก็จะมีเสื้อพวกนี้แขวนไว้

พร้อมเขียนถ้อยคำบรรยายความรู้สึก เก็บไว้ให้ดูยามคิดถึงกันครับ



แล้ววันนี้ก็เป็นวันที่เราต้องร่ำลากับพวกน้อง ๆ กันแล้ว

น้องกลุ่มนี้กลับกันไปก่อนเป็นกลุ่มแรกครับ


เดินทางกลับปลอดภัย แล้วโอกาสหน้าไว้เจอกันใหม่นะน้อง

พอน้อง ๆ เดินจากไปก็รู้สึกใจหายเหมือนกัน มิตรภาพดี ๆ ที่เกิดขึ้นบนเกาะนี้ครับ



ทีนี้ก็ถึงเวลาของเราที่จะต้องกลับบ้างแล้ว

ขอบคุณพี่เสือ พี่เค พี่เอ็กซ์ ที่ดูแลต้อนรับเราเป็นอย่างดีครับ



ก่อนกลับพี่ ๆ กลุ่มนี้ก็ชวนเรากลับกรุงเทพไปด้วยกันครับ

รถตู้พี่มีแค่ 5 คน ที่ยังเหลือเยอะ กลับด้วยกันนั่นแหละน้องจะได้ถึงกรุงเทพเร็วๆ

เราเลยยอมทิ้งตั๋วรถทัวร์ไปกับพวกพี่ๆ เค้า ระหว่างทางกลับคงมีอะไรให้คุยกันอีกเยอะเลยครับ


ที่นี่อยู่กินกันง่ายๆ ใช้ชีวิตติดเกาะกันแบบดิบ ๆ

ไม่มีไฟที่ใช้ได้ทั้งวัน ไม่มีความสะดวกสบายให้ถามหา

แต่ทุกอย่างคือความลงตัวที่พอดี มาแบบไม่ต้องคาดหวังอะไร

แค่คิดว่ามาพักผ่อน แล้วเราจะได้ความสุขกลับไปจากที่นี่ครับ


แล้วมิตรภาพใหม่ ๆ ก็พาเรามาที่ร้านกาแฟที่ชุมพรครับ

ร้านนี้เจ้าของใจดี ชงอร่อย มาแล้วไม่ผิดหวังในฝีมือการชงแน่นอน

เพราะเจ้าของร้านนี้ใช้ใจชงทุกแก้วครับ


หลังจากนั้นพวกเราก็นั่งรถกันยาวๆ เข้ากรุงเทพ

พร้อมด้วยเสียงหัวเราะไปตลอดทาง ทำให้ระยะทางในการกลับดูสั้นลง

เป็นทริปที่จบลงด้วยรอยยิ้มและอบอุ่นไปด้วยมิตรภาพที่เกิดขึ้นครับ




" ...การเดินทาง...
ไม่เพียงแต่พาเราออกไปจากกรอบเดิม ๆ
มันพาความคิดเราออกไปเจอมุมมองใหม่ ๆ ด้วย
และมันมักกลับมาพร้อมกับประสบการณ์
ที่หาไม่ได้จากชีวิตในเมือง "




รายละเอียดค่าใช้จ่าย

ค่ารถทัวร์ ขาไป นิวมิตรทัวร์ 627 บาท

ขากลับ สมบัติทัวร์ 470 บาท

ค่าเรือ เที่ยวละ 200 บาท

ค่ารถสองแถว จากบขส.ระนอง - ท่าเรือเกาะพยาม 20 บาท

ค่าที่พัก บ้านโจรสลัด กรีนบานาน่า คืนละ 200 บาท นอนสองคืน 400 บาท

ค่าอาหารและเครื่องดื่ม 1,500 บาท

รวมค่าใช้จ่ายทั้งหมด 3,217 บาท


FB : Bean Skullflied

Bean Skullflied

 วันจันทร์ที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2560 เวลา 07.35 น.

ความคิดเห็น