ทริปนี้เราจะพาทุกคนนั่งรถไฟ  33 บาทไปเที่ยวตลาดน้ำอัมพวา
กับเวลา 2 วัน 1 คืน งบ 1,224 บาท

ถ้าพูดถึงจังหวัดสมุทรสงคราม อาจดูเป็นเมืองธรรมดา แต่เราว่าสถานที่ท่องเที่ยวไม่ธรรมดาเลยแหละ และทริปนี้ เราเลยคัดพิกัดเด็ดๆ มาชวนทุกคนไปเที่ยวสมุทรสงครามแบบจุใจ กับ  ที่เที่ยว ที่กิน ที่พัก ที่สามารถตามรอยไปเช็คอินกันได้แบบสะดวกๆ

คลิปวีดีโอรายละเอียดการนั่งรถไฟ 33 บาท 

โดยมีไฮไลท์เด็ดอยู่ที่ ชุมชนบ้านคลองตาจ่า อ.บางคนที ที่นี่เป็นชุมชมธรรมดา แต่น่าไปเที่ยวมากๆ เพราะเค้ามีกิจกรรมมากมายให้นักท่องเที่ยวได้ลองสัมผัสเรียนรู้ประสบการณ์ใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็นทำขนมกล้วย ทำผามัดย้อม ทำน้ำมันมะพร้าว และชุมชนแพรกหนามแดง กับการล่องแพเปียกที่ไม่คิดว่าจะมีในอัมพวา แถมดีกรีความรักในวิถีชุมชนให้อีกทวีคูณ ด้วยการฟังเรื่องราวภูมิปัญญา เสน่ห์วิถีริมน้ำ ถ้าพร้อมแล้วก็ไปลุยกันเลย “สมุทรสงคราม 2 วัน 1 คืน” ทริปวันหยุดเที่ยวใกล้กรุงฯ

📍 พิกัดสถานที่เที่ยวตามนี้เลยยยย 

- Day 1 -
• สถานีรถไฟวงเวียงใหญ่ – มหาชัย รอบ 07.40 น.
• เดินไปท่าเรือฉลอม นั่งเรือข้ามฟาก
• นั่งรถไฟบ้านแหลม – แม่กลอง (10.10 – 11.10)
• แวะเที่ยวตลาดร่มหุบ
• สถานีแม่กลอง นั่งสองแถวไปอัมพวา
• ตลาดน้ำอัมพวา
• ที่พักเรือนคุณยายเชื้อโฮมสเตย์
• ชุมชนบ้านคลองตาจ่า - ล่องเรือชิมมะพร้าว , ทำขนม , ผ้ามัดย้อม , ลิปบาล์ม
• ไหว้ท้าวเวสสุวรรณ ณ วัดจุฬามณี

- Day 2 -

• ตักบาตรหน้าที่พัก
• ล่องแพ ชุมชนแพรกหนามแดง
• ก๋วยเตี๋ยวเรือแคปลั่น
• สะพานแขวนคลองแควอ้อม 12 นาที
• วัดบางกุ้ง 3 นาที
• นั่งสองแถวไปลงตลาดร่มหุบ
• นั่งรถไฟแม่กลอง - บ้านแหลม
• นั่งรถไฟมหาชัย - วงเวียนใหญ่


1) สถานีรถไฟวงเวียนใหญ่

การเดินทางเริ่มต้นขึ้นที่สถานีรถไฟวงเวียนใหญ่ ตารางเดินรถมีหลายรอบมาก เราไปรอบ 07.40 น. อย่าช้าน้าเพราะ รถไฟออกตรงเวลามากๆ ค่าโดยสาร 10 บาท เท่านั้น ถูกมาก ใช้เวลาประมาณ 50 นาที 

ใช้เวลาประมาณ 50 นาที เราก็มาถึงสถานีมหาชัย


2) สถานีรถไฟมหาชัย

พอถึงสถานีมหาชัย เราก็เดินผ่านตลาดไปยังหอนาฬิกาเพื่อไปต่อเรือข้ามฝาก

จากท่าเรือมหาชัยข้ามไปท่าเรือท่าฉลอม ค่าโดยสาร 3 บาท

ท่าเรือข้ามฟาก สามารถนำรถมอเตอร์ไซค์ข้ามไปด้วยได้น้า 


3) ท่าฉลอม

ใช้เวลาไม่ถึง 5 นาที เราก็ข้ามฟากมายังฝั่งท่าฉลอมเรียบร้อย ซึ่งที่นี่มีสตรีทอาทเยอะมากๆ 

แค่เริ่มต้นก็ได้รูปไปแล้วไม่ต่ำกว่า 10 รูป  ถ้าใครอยากถ่ายรูปสตรีทอาทก็ที่นี่เลย แนะนำให้เหมาสามล้อ 100 บาทในการไปถ่ายรูปน้า เพราะคุณลุงจะพาไปจุดถ่ายรูปเลย

ซิกเนเจอร์ของที่นี่คือฝาท่อที่เค้าออกแบบมาเหมือนฝาท่อที่ญี่ปุ่นเลยอ่ะ

ซึ่งเราก็ไม่พลาดที่จะเก็บรูปบางส่วนมาฝากเพื่อนๆ แหละ

จากตรงท่าเรือ เราเดินมาอีกประมาณ 800 เมตร ก็มาถึงสถานีรถไฟบ้านแหลม

ขนาดบริเวณรั้วกำแพง ยังมีสตรีทอาทให้ได้กดชัตเตอร์ถ่ายรูปกันอีก


4) สถานีรถไฟบ้านแหลม

รถไฟจากสถานีบ้านแหลม ไปยังสถานีแม่กลอง มี 4 รอบเวลา 

เราซื้อตั๋วรอบ 10.10 น. ราคา 10 บาท

ใช้เวลาเกือบชั่วโมง เราก็มาถึงที่สถานีปลายทางแม่กลอง ตลาดร่มหุบ ที่ชาวต่างชาติชอบมาเที่ยว ถือเป็นอันซีนไทยแลนด์ นั่นเอง


5) สถานีรถไฟแม่กลอง / ตลาดร่มหุบ

ยังนะการเดินทางของเรายังไม่จบ!!! เราต้องเดินไปต่อรถสองแถวประจำทาง คิวรถจอดแถวๆ หน้า 7-Eleven ถ้าไม่รู้ว่าอยู่ตรงไหน สามารถสอบถามแม่ค้าได้เลย คนที่นี่ใจดีมากกก นั่งรถไปอัมพวาประมาณ 20 นาที ค่ารถ 10 บาท ส่งถึงตรงหน้าทางเข้าตลาดน้ำเลย


6) ตลาดน้ำอัมพวา

ตลาดน้ำอัมพวา เป็นตลาดน้ำที่มีมาแต่โบราณนับร้อยปี มีจุดท่าเรือสำหรับนักท่องเที่ยวที่อยากนั่งเรือชมบรรยากาศ ร้านอาหาร ค่าเฟ่ ร้านซื้อของฝาก ร้านของเล่น หลากหลายร้านตลอดทั้งสองข้างทางให้เดินกันเพลินๆ รวมไปถึงโซนตลาดอีกฝั่งก็มีร้านค้ามาตั้งแผงขายกันอีกด้วย พ่อค้าแม่ค้าที่นี่เป็นคนในชุมชน ใจดีมากๆ แต่เราไปช่วงวันธรรมดาร้านค้ายังไม่เปิด

มาถึงอัมพวาต้องไม่พลาดร้านกาแฟโบราณลุงคิ้ว ร้านเก่าแก่ขายมาตั้งแต่ปี 2499 จนถึงตอนนี้ ลุงคิ้วอายุ 88 ปีแล้ว ทุกอย่างราคา 10 บาท

เราสั่งเมนูโอเลี้ยง 10 บาท ลุงคิ้วชงมาได้เข้มสะใจมากๆ 


7) ที่พัก เรือนคุณยายเชื้อโฮมสเตย์
ที่พักอยู่สุดตลาดน้ำ ติดริมน้ำแม่กลอง นั่งมองเรือที่แล่นผ่านหน้าบ้าน
เป็นที่พักชิลๆ มีใส่บาตรยามเช้า ราคา คืนละ 800 บาท มีอาหารเช้าให้ด้วย

ที่นอนคือนอนสบายสุดๆ มีสายลมอ่อนๆ พัดเข้ามาเบาๆ ไม่ต้องเปิดแอร์เลย

ห้องของเราอยู่ติดกับระเบียงด้านบน มีโต๊ะเก้าอี้ให้นั่งชิวๆ รับลมเย็นๆ ดีต่อใจสุดๆ เลย

มุมระเบียงห้องเรามองเห็นร้านก๋วยเตี๋ยวฝั่งตรงข้าม และเป็นที่ขึ้นเรือเที่ยวรอบๆ ตลาดน้ำด้วย 

หลังจากเอาของเก็บเข้าที่พักเสร็จเรียบร้อย เราก็นั่งสามล้อไปเอามอเตอร์ไซค์ที่บ้านเบญจทิพย์ ในราคาค่าเช่าวันละ 350 เงินประกัน 3,000 บาท (ได้คืนตอนคืนรถ)


8) ชุมชนบ้านคลองตาจ่า

ทริปนี้เรามาเที่ยววิถีชุมชนธรรมดาๆสุดน่ารักที่เราอยากชวนให้ทุกคนมาเที่ยวกัน ที่นี่เราจะได้สัมผัสวิถีคนในชุมชน ได้ใกล้ชิดธรรมชาติ และทำกิจกรรมสนุกๆหลายอย่างเลย ทั้งล่องเรือชิมมะพร้าว, ทำขนม, ผ้ามัดย้อม และลิปบาล์ม สามารถพาเพื่อนหรือครอบครัวมาทำกิจกรรมดีๆแบบนี้ได้ที่ “ชุมชนบ้านคลองตาจ่า”

ส่วนเรามาถึงบ่ายสองกว่าๆ เหลือเวลาทำกิจกรรมแค่ผ้ามัดย้อมอย่างเดียว 

ที่ชุมชนบ้านคลองตาจ่า รวมตัวกันเป็นกลุ่มผ้ามัดย้อมเกษตรสวนนอก ที่อยู่ในอำเภอบางคนที โดยใช้วัตถุดิบจากต้นมะพร้าวมาใช้ประโยชน์ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวและผลิตภัณฑ์ชุมชน 

เริ่มต้นการทำเวิร์คชอปผ้าเช็ดหน้ามัดย้อมสีธรรมชาติ 100% โดยจะมีจากใบมะม่วงและใบลิ้นจี่ และในวันนี้เราทำผ้ามัดย้อมจากใบลิ้นจี่กัน

เริ่มต้นจากการหัดม้วนผ้าเป็นรูปต่างๆ ก่อน ซึ่งลายที่พี่บุปผาสอนคือลายหัวใจ ลายดอกไม้ ลายดาวกระจาย แค่เริ่มต้นทำลายผ้าก็สนุกแล้ว ทำไป แกะไป ในความเหมือนจะง่ายก็มีความยาก

หลังจากมัดผ้าตามลายที่เราต้องการได้แล้ว พี่บุปผาก็เปิดเตา เตรียมเอาผ้าไปย้อมสีธรรมชาติจากใบลิ้นจี่

ใช้เวลาแช่ไว้ประมาณ 30 นาที - 1 ชั่วโมง หลังจากเอาขึ้นมาก็เอาไปแช่น้ำ 

และซักด้วยน้ำยาซักผ้าของเด็ก เผื่อที่ลายและสีจะได้ติดทนนานๆ 

กิจกรรมทำผ้ามัดย้อม ได้ลองลงมือทำเองเลย ใครเป็นสายครีเอทไม่ควรพลาดเลย เป็นกิจกรรมที่เราชอบมากๆ ได้ผ้ามัดยอมที่ทำออกมาไม่เหมือนใครแน่ๆ ซึ่งสีของผ้าที่จะได้ครั้งนี้เป็นสีชมพูอมน้ำตาล ที่ได้จากใบลิ้นจี่นั่นเอง และนี่ฝีมือการทำผ้าเช็ดหน้ามัดย้อมของเราเอง

นอกจากผ้าเช็ดหน้าแล้วที่ชุมชนยังมีเสื้อ กางเกง แบบชุดจำหน่ายอีกด้วย มีให้เลือกหลายแบบเลย

ทางชุมชนมีทำจำหน่ายหลากหลายรูปแบบเลยนะ หรือติดต่อมาสั่งทำตามแบบที่เราต้องการด้วยก็ได้

หลังจากทำผ้ามัดย้อมเสร็จเรียบร้อย ก็ไปทำกิจกรรม ปั่นจักรยานเล่นชมธรรมชาติด้วย

 เราก็ไปปั่นจักรยานชมสวนมะพร้าวแทนการพายเรือแทน บรรยากาศภายในสวนมะพร้าวร่มรื่นสุดๆ เลย

เราใช้เวลาอยู่ที่ชุมชนประมาณ 2-3 ชั่วโมง บอกเลยว่าได้ความรู้เยอะมากๆ ซึ่งแนะนำให้มาแต่เช้า จะได้ทำกิจกรรมแบบครบๆ และที่นี่ยังมีผลิตภัณฑ์ที่ทำจากธรรมชาติดีๆอีกหลายตัวเลย ลองทำลิปบาล์มด้วย

สอบถามรายละเอียดข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
🌳 : คุณบุปผามีผ้ามัดย้อม
📞 : 081-823-4229 (พี่บุปผา)
📍: https://maps.app.goo.gl/bcCyDE...


9) วัดจุฬามณี


10) ตลาดน้ำอัมพวา

กลับจากวัดจุฬามณีเราก็มาเดินเล่นถ่ายรูปยามค่ำคืนกันที่ตลาดน้ำอัมพวา บรรยากาศดีสุดๆ เลย

มุมถ่ายรูปสุดฮิต ไม่มีใครมาแย่งถ่ายเลยแหละ  กดชัตเตอร์กันรัวๆ เลย

หลังจากเที่ยวมาทั้งวัน เรากลับเข้าที่พักตอนเวลา 21.00 น. อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า เข้านอน ตั้งนาฬิกาปลุกไว้ 06.00 น. เพราะพรุ่งนี้เราจะตื่นมาใส่บาตรกันตอนเช้า หลวงพ่อพายเรือมารับบิณฑบาตรหน้าบ้านเลยแหละ


- Day 2 -

ตื่นเช้ามา 06.00 น. ตามเวลานัดกับคุณป้าว่าจะมีหลวงพ่อมารับใส่บาตรที่ท่าน้ำหน้าบ้าน ล้างหน้าแปรงฟันเสร็เรียบร้อย เราก็ลงมาตั้งกล้องไว้เตรียมถ่ายรูป ถ่ายวีดีโอตอนใส่บาตร

ใส่บาตรเสร็จคุณป้าก็จะมีโจ๊ก ปาท่องโก๋ โอวัลตินให้เราทานกันเป็นมื้อเช้า นั่งชิลๆ ริมน้ำหน้าบ้านเลย 

การนั่งรับลมเย็นๆ มองสายน้ำที่ไหลผ่านไป มันก็ช่วยทำให้ใจเรานิ่งเหมือนกันนะ เป็นการมาพักผ่อนที่เรียบง่ายแต่มีความสุขสุดๆ 

นั่งมองอยู่ดีๆ น้องวรนุช ก็ลอยผ่านมาโชว์กลับตัวให้ดูแล้วก็ผลุบหายเข้าไปใต้พื้นบ้าน 555

ทานโจ๊กกันอิ่มเรียบร้อย เราก็ไปเปลี่ยนชุด เตรียมกล้อง เตรียมเมม เพราะเราจะแว๊นซ์ไปยังชุมชนแพรกหนามแดง เพื่อล่องแพ ไม่น่าเชื่อว่าที่อัมพวาจะมีอะไรแบบนี้ด้วย 

ก่อนออกเดินทางเราก็ไม่พลาดที่จะแวะไปร้านกาแฟลุงคิ้วก่อน เพราะเราติดโอเลี้ยงของแกมากๆ ชงได้เข้มข้นมากๆ สมแล้วที่อยู่คู่กับอัมพวามานาน 5555 เราใช้เวลาแว๊นซ์มอเตอร์ไซค์มาเกือบ 50 นาที ไกลเหมือนกันนะเนี่ย แต่เรื่องเที่ยวเราไม่ท้ออยู่แล้ว เรามายังจุดนัดพล ที่ร้านข้าวใหม่ปลามัน ตั้ง GPS มาได้เลยไม่ต้องกลัวหลง


11) ชุมชนแพรกหนามแดง

ทริปนี้เราให้รางวัลชีวิตกับตัวเอง ด้วยการไปพักผ่อนแบบวิถีชีวิตแบบดั้งเดิม ใช้ชีวิตชิลล์ๆ ในช่วงวันหยุด ที่สมุทรสงคราม สัมผัสธรรมชาติผ่านการล่องแพในคลองผีหลอก ชาวบ้านถ่อแพพาล่อง ระยะทางรวม 3 กิโลเมตร ใช้เวลาล่องแพ ราว 2 ชั่วโมง ไปถึงจุดพักแพ เรียนรู้วิถีชีวิตชาวประมง กับกิจกรรมยกยอ โยนกรงดักปู ทอดแหจับปลา ดักกุ้งและปูทะเล ทานขนมท้องถิ่นพื้นบ้าน กันที่สมุทรสงคราม อยากจะบอกว่าเมืองรองที่มีอะไรดีๆ ที่น่ามาเที่ยวชม กับชุมชนแพรกหนามแดง

และวันนี้เราจะพาทุกคนมาเที่ยว อัมพวา ในมุมที่คุณคิดไม่ถึงกับชุมชนแพรกหนามแดง ที่นี่เป็นตำบลเล็กๆ ในอัมพวา ที่ตั้งอยู่ติดกับชายทะเล เต็มไปด้วยป่าชายเลน

ว่ากันว่า สมัยก่อนลำน้ำนี้อุดมสมบูรณ์เต็มไปด้วยปลา คืนหนึ่งมีเรือได้ผ่านเข้ามาในลำน้ำนี้ ปลาเห็นแสงไฟบนเรือก็ตกใจแตกตื่นและมีปลาบางตัวกระโดดมาตกบนเรือ โดยที่ไม่ต้องลงไปจับปลาเลย พอชาวบ้านแถวนั้นรู้ก็พากันทาท้องเรือสีแดงแล้วน้ำไม้กระดานมาทาสีขาว ส่องไฟใส่ไม้กระดานเพื่อให้สะท้อนแสง แล้วปลาก็จะตกใจกระโดดขึ้นเรือ ก็เลยมีคนมาหากินที่นี่มากขึ้น จนไม่นานคลองนี้ก็ไม่เหลือปลาสักตัว แล้วคนก็เงียบหายกันไปหมดจนถึงปัจจุบัน นี้เค้าเลยเรียกกันว่า”คลองผีหลอก”

คลองผีหลอก พอเห็นก็คิดในใจว่าเราจะล่องแพดีไหม ที่นี่จะมีผีหรือเปล่า ได้แต่คิดแล้วก็สงสัย ว่าคลองนี้มันมีชื่อทำไมแปลกๆอย่างนี้  วันนี้เราเลยมาลอง “ถ่อแพ แลคลอง” ที่คลองผีหลอกนี้ เรียนรู้วิถีชีวิตชาวประมง พร้อมทั้งได้ลองทอดแหจับปลา,ดักปูทะเล คนถ่อแพ นั่งแพ แลคลอง ชุมชนแพรกหนามแดง

ชิลล์ๆ กับการล่องแพไม้ไผ่ ชมธรรมชาติ บรรยากาศ Slow life

คนถ่อแพ สร้างรายได้ให้ชุมชน จากการถ่อแพไม้ไผ่ ล่องแพ ศึกษาธรรมชาติริมคลอง

ข้อควรรู้ก่อนมา
1) ล่องแพเปียกที่อัมพวา ชุมชนแพรกหนามแดง
2) เที่ยววิถีชุมชนล่องแพไปกับคนพื้นที่
3) สิ่งที่ต้องมีคือชุดพร้อมเปียก
4) ล่องแพในคลองผีหลอก (หลอกปลาไม่หลอกคน)
5) ชิลล์ๆ กับการล่องแพไม้ไผ่ ชมธรรมชาติ บรรยากาศ Slow life
6) เตรียมเมม เตรียมกล้องไปถ่ายรูปสวยๆ กับวิวป่าชายเลน
7) ไปเรียนรู้วีชีวิตชาวประมง
8) ทำกิจกรรมยกยก โยนกรงดักปู ทอดแหจับปลา
9) ได้ลองผ่าลูกจาก ทานขนมท้องถิ่นพื้นบ้าน

ได้ลองผ่าลูกจาก ทานขนมท้องถิ่นพื้นบ้าน

มาถึงพี่ๆ ก็เอาลูกจากลอยแก้ว กับน้ำอัญชัญมะนาว มาให้เราทานกัน รสชาติอร่อย เข้ากันมากๆ 

แล้วยังมีของเล่นลูกลานที่หาเก็บได้จากในสวนให้เราเล่นกันอีก เป็นอีกกิจกรรมที่สนุกมากๆ เลยแหละ

จิ๊กซอว์ธรรมชาติ ลูกตะบูน ผ่าครึ่ง เอามาต่อเล่นเป็น jigsaw ได้สนุกเลย

ทำกิจกรรมยกยอกันที่ท่าน้ำหนัาบ้าน พี่เค้าสอนวิธีการดูปลาว่าวิ่งเข้ามาในยอหรือยังด้วย แต่ก็ไม่เข้าใจ 55

ปลาที่ยกยอขึ้นมาได้คือปลากระบอก และปลาตะเพียน แต่ตัวเล็กพี่เค้าก็เลยปล่อยลงน้ำไปเสร็จจากยกยอเราก็ไปทำกิจกรรม โยนกรงดักปู กันต่อ 

วิธีการก็คือโยนกรงดักปู พร้อมเหยื่อคือปลา ลงไปในน้ำ แล้วก็รอเวลา 555 ง่ายมากๆ เลยแล้วพอปูติดเข้ามาในกรง เราก็ดึงขึ้นมาเพื่อเอาตัวปูออกมา ถ้าตัวเล็กก็ปล่อยลงน้ำ ถ้าตัวใหญ่ก็เสร็จเรา

กิจกรรมที่นี่มีให้ทำหลากหลายมากๆ เรียกได้ว่ามาที่นี่ไม่มีเบื่อเลยแหละ เพราะคุณลุงจะอธิบายแต่ละขั้นตอนให้เราฟังอย่างตั้งใจมากๆ เหมือนเป็นการถ่ายทอดความรู้ให้ไปในตัว 

กิจกรรมสุดท้ายจะเป็นการทอดแห เราชอบมากๆ เลย เพราะทอดแหทีนึงได้ทั้งปลา ทั้งกุ้งเลย เรียกง่ายๆ ว่าคุณลุงไม่ต้องออกไปหากับข้าวที่ไหนเลยอ่ะ อยู่ที่บ้านก็มีของกิน

กุ้งตัวใหญ่มากๆ แบบนี้เราไปทำกุ้งราดซอสมะขาม คืออร่อยแน่ๆ พูดแล้วน้ำลายจะไหล 555

เสร็จจากการทอดแห เราก็เตรียมตัวเดินทางกลับ มาเที่ยวที่นี่เราได้ความรู้เยอะมากๆ ได้รู้ในสิ่งที่ไม่เคยรู้ เรียกได้ว่าแต่ละอย่างเป็นภูมิปัญญาของชาวบ้านล้วนๆ ไม่ว่าจะเป็นการล่องแพเปียก การทำเรือหลอกปลา หรือการยกยอ โยนกรงดักปู รวมถึงการทอดแห เป็นเรื่องราวดีๆ ที่ไม่น่าเชื่อว่าที่อัมพวาจะมีอะไรแบบนี้

ระยะทางรวม 3 กิโลเมตร ใช้เวลาล่องแพ ราว 2 ชั่วโมง แพนั่งได้ 15 คน นั่งสบายๆ มีชาวบ้านพาล่อง ชมธรรมชาติสองข้างทาง บรรยากาศ Slow life สุดๆ 

สนใจติดต่อ คนถ่อแพ นั่งแพ แลคลอง ชุมชนแพรกหนามแดง
☎️ 082-254-0848
พิกัด : ลงแพที่ร้านข้าวใหม่ปลามัน


12) ก๋วยเตี๋ยวแคปลั่น

ออกจากชุมชนแพรกหนามแดง ท้องเริ่มประท้วง เราก็เลยมุ่งหน้าไปก๋วยเตี๋ยวแคปลั่น อะไรคือลั่น แล้วมันลั่นยังไง ต้องลอง ก๋วยเตี๋ยวเรือที่แคปใหญ่กว่าหน้า ชามละ 30 บาท ฟรีแคปลั่น 1 ชิ้น

พอได้แล้วรู้สึกเหมือนซื้อแคปหมูแถมก๋วยเตี๋ยว กัดเข้าไป กรอบกร๊วบทุกคำ อร่อยแบบไม่ต้องปรุงเพิ่ม
เอาเป็นว่า ถ้ามาอัมพวาแม่กลองต้องมาลอง #อร่อยบอกต่อ ขอย้ำว่าแคปหมูฟรี 

#ก๋วยเตี๋ยวเรือน้ำขลุกขลิก เสริฟ์คู่กับแคปหมูชิ้นใหญ่กว่าหน้าเราอีก นี่มันแคปหมูหรือที่บังแดด 5555

อ้อ ที่นี่เค้ามีบุฟเฟ่ต์ผลไม้ดอง ตักได้ทุกอย่างเลือกเลยชอบอะไรอัดกันแน่นๆแก้วละ 30 บาท
เค้าหยุดทุกวันอังคารน้า #แคปลั่น #อัมพวา


13) สะพานแขวนคลองแควอ้อม

ออกจากร้านก๋วยเตี๋ยวแคปลั่นมาได้เราก็ตั้งใจมุ่งหน้าไปยังวัดค่ายบางกุ้ง ก่อนที่จะกลับเข้าที่พัก แต่ระหว่างทางที่แว๊นซ์มอเตอร์ไซค์มา เรามองเห็นสะพานแขวนสีเหลือง ไม่รอช้ารีบเลี้ยวรถกลับและตรงไปยังสะพานแขวนสีเหลืองทันที สะพานนี้เค้าไม่ให้รถข้าม ต้องจอดรถไว้บริเวณที่ร่มใต้ต้นไม้ แล้วก็เดินไป

เป็นสะพานแขวนสีเหลืองที่สวยมากๆ สีของสะพานตัดกับสีท้องฟ้า น่าถ่ายรูปสุดๆ ถ้าไม่มานี่เสียดายแย่เลย

🚗 : มีที่จอดรถ

📍: https://maps.app.goo.gl/YpEu5s...


14) วัดค่ายบางกุ้ง

หนึ่งในวัดชื่อดังของจังหวัดสมุทรสงคราม เป็นวัดเก่าแก่ที่มีบทบาทสำคัญในหน้าประวัติศาสตร์สมัยกรุงศรีอยุธยา และกรุงธนบุรี กับภาพสุดมหัศจรรย์ของอุโบสถอายุไม่ตํ่ากว่า 200 ปี ที่ซุกซ่อนอยู่ภายใต้รากไม้ใหญ่ของต้นโพธิ์ ต้นไทร และต้นกร่างที่ยืนต้นขึ้นปกคลุม ช่วยเพิ่มมนตร์ขลังให้แก่สถานที่นี้ขึ้นอีกเป็นเท่าตัว

เก็บรูปภายนอกเสร็จเรียบร้อย เราก็ไปทำบุญดอกไม้ ธูป เทียนทอง เข้าไปเสริมความสิริมงคลกันด้านใน

สักการะหลวงพ่อนิลมณี พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งเดิมเคยมีองค์สีดำสนิทดังชื่อ แต่ปัจจุบันนี้มีองค์สีทองอร่าม จากประชาชนผู้เลื่อมใสศรัทธาที่แวะเวียนเข้ามากราบไหว้บูชา และแปะทองกันอย่างไม่ขาดสาย

 พร้อมกับชมภาพเขียนเก่าแก่บนผนังโบสถ์ ร้อยเรียงเรื่องราวพุทธประวัติไว้โดยรอบ ซึ่งถือเป็น
อีกหนึ่งไฮไลต์ของสถานที่แห่งนี้ เพราะแต่เดิมบริเวณนี้เคยเป็นที่ตั้งของค่ายบางกุ้งของกองทัพเรือในยุคสมัยกรุงศรีอยุธยา

ก่อนจะกลับเราก็ไม่พลาดที่ะกดชัตเตอร์ไว้เป็นเครื่องยืนยันว่าครั้งนึง เราได้มาที่นี่แล้ว จากนั้นก็รีบแว๊นซ์มอเตอร์ไซค์เอารถไปคืนและกลับเข้าไปเก็บของที่พักเรือนคุณยายเชื้อโฮมสเตย์ ก่อนจะเดินทางกลับ


หลังจากเช็คเอาท์จากที่พัก เราก็เดินออกมารอรถตรงจุดลงรถสองแถวเมื่อวานนี้ แล้วนั่งรถไปลงตรงทางข้ามรถไฟสถานีร่มหุบ แล้วเดินทะลุรางรถไฟมาซื้อตั๋วรถไฟเพื่อกลับไปยังสถานีบ้านแหลม รอบ 15.30 น. ราคา 10 บาท ใช้เวลาเดินทาง 1 ชั่วโมงเราก็มาถึงยังสถานีบ้านแหลม

หากใครนึกถึงท่าฉลอม ต้องนึกถึงท่าเรือข้ามฟาก ท่าฉลอม-มหาชัย รถสามล้อถีบโบราณ และถนนถวาย อัตลักษณ์เสน่ห์ของวิถีชุมชนเล็ก ๆ ที่มีเรื่องเล่าร่องรอยในอดีตมากมาย ผ่านวัดวาอาราม บ้านเรือนเก่าแก่ ให้ได้สัมผัส ทั้งตำนาน วิถีชีวิต สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ตลอดเส้นทางสายประวัติศาสตรอันยาวนาน ในสมัย ร.5 ชาวจีนได้เริ่มอพยพมาอยู่และทำมาค้าขายที่บ้านท่าจีน

#วัดแหลมสุวรรณาราม สมเด็จองค์พระปฐม องค์ที่ 5 ของประเทศไทย

ร้านขายอาหารทะเลตากแห้งที่นี่มีหลายร้านเลยน้า มาเลือกซื้อกันได้

มาถึงที่นี่เราใช้เวลาช่วงเย็นก่อนที่ฟ้าจะมืดนั่งสามล้อเที่ยวชมวิถีชีวิตของคนที่ท่าฉลอม และถ่ายรูปกับ Street art มีหลายรูปมากๆ เลย ฝาท่อที่นี่น่ารักมาก เหมือนญี่ปุ่นเลย

เราก็เลือกที่จะนั่งสามล้อนำเที่ยว คุณลุงคิดชั่วโมงละ 100 บาท คุ้มมากๆ เลยนะ เพราะเราไม่ต้องเสียเวลาเดินหาเอง ที่สำคัญคุณลุงแนะนำท่าถ่ายรูปด้วย เราใช้เวลาไปเกือบ 2 ชั่วโมง

ระหว่างที่เรานั่งสามล้อ คุณลุงก็เล่าเรืองราวประวัติความเป็นมาของท่าฉลอม และสถานที่ท่องเที่ยวที่นี่ให้เราฟัง จนเรางงว่า ทำไมตัวเองเพิ่งมารู้จักที่นี่

ถ้ามีเวลาครั้งหน้าได้มาเที่ยว เราจะให้คุณลุงพาไหว้ศาลทั้งหมด 5 ศาล ตามความเชื่อ และเพื่อความเป็นสิริมงคลของตัวเอง ส่วนวันนี้ก็คงต้องพอแค่นี้ ให้คุณลุงพาไปส่งยังท่าเรือ

จ่ายเงินค่าเรือข้ามฟาก 3 บาท ไปยังมหาชัย และเดินเท้าต่อไปยังสถานีแม่กลอง เพื่อขึ้นรถไฟรอบสุดท้าย 19.00 น. ไปยังสถานีวงเวียนใหญ่

 เป็นอันจบทริปการเดินทางของเราในครั้งนี้ด้วยงบคนละ 1,224 บาท ค่าใช้จ่ายแล้วแต่ค่ากินของแต่ละคนน้า ส่วนเรามาที่นี่ 2 วัน 1 คืน เรามีความสุขมากๆ โดยเฉพาะการเที่ยวชุมชน ขอแค่เปิดใจเที่ยว.. แล้วจะหลงรักการเที่ยวชุมชนเหมือนเรา


ค่าใช้จ่าย อัมพวา 2 วัน 1 คืน
- ค่ารถไฟ วงเวียงใหญ่ มหาชัย 20
- ค่าเรือข้ามฟาก 6
- ค่ารถไฟบ้านแหลม - แม่กลอง 20
- ค่าสองแถวแม่กลอง -อัมพวา 20
- ค่าโอเลี้ยงลุงคิ้ว 3 ครั้ง 30
- ค่าที่พักเฮือนคุนยายเชื้อ 800
- ค่าสามล้อไปบ้านเบญจทิพย์ 30
- ค่าเช่ามอเตอร์ไซค์ 350
- ค่ากิน 100
- ไหว้ท้าวเวสวัดจุฬามณี 80
- ค่าชุดใส่บาตร 100
- ล่องแพ ชุมชนแพรกหนามแดง 600
- ก๋วยเตี๋ยวแคปลั่น 77
- ไหว้พระวัดบางกุ้ง 40
- ค่าน้ำมัน 60
- ค่าสามล้อไปบ้านเบญจทิพย์ 50
- ค่าโอเลี้ยงลุงคิ้ว 10
- ค่ารถสองแถวกลับแม่กลอง 20
- ค่ารถไฟแม่กลอง - บ้านแหลม 20
- ค่าเรือข้ามฟาก 6
- ค่ารถไฟมหาชัย - วงเวียงใหญ่ 20
2449/2 = 1,224.-


เพราะการเที่ยวเยอะๆ มันช่วยทำให้เราลืมเรื่องไม่สบายใจได้ระยะหนึ่ง ถ้าไม่เชื่อลองไปเที่ยวดู

ช่องทางการติดต่อ :-

อย่าลืมกด Like กด Share และ Subscribe ด้วยครับ
Facebook https://www.facebook.com/EnvyJ... : https://envyjourney.com/
Tiktok : @envyjourney
Instagram : https://instagram.com/king_jou... : เที่ยวให้คนอิจฉา


#นั่งรถไฟ #ตลาดร่มหุบ #สถานีรถไฟวงเวียนใหญ่ #มหาชัย #ท่าฉลอม #ตลาดน้ำอัมพวา #บ้านแหลม #ชุมชนบ้านคลองตาจ่า #วัดค่ายบางกุ้ง #สะพานแขวนคลองแควอ้อม #ชุมชนแพรกหนามแดง #ล่องแพเปียก #เที่ยววิถีชุมชน

เ ที่ ย ว ใ ห้ ค น อิ จ ฉ า

 วันจันทร์ที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566 เวลา 14.50 น.

ความคิดเห็น