● เวลามาเยือนเมืองอุดรธานี อาหารโลคัลยอดฮิตที่ต้องมาลิ้มรส ก็คงจะไม่พ้น 'แหนมเนือง' ซึ่งในตัวเมืองอุดรฯ นั้นมีร้านแหนมเนืองอยู่หลายแห่ง พบเจ้าได้ตั้งแต่ร้านสตรีทฟู้ดรถเข็น ที่คนยืนต่อคิวยาวเหยียด ไปจนถึงในห้องติดแอร์เย็นฉ่ำฟีลภัตตาคาร เรียกได้ว่ามีให้เลือกตามใจต้องการได้เลยว่าอยากได้ฟีลแบบไหน แต่ร้านรถเข็นจะเป็นแบบเทคโฮมเท่านั้น
● ถ้าหากยังไม่แน่ใจว่าใจอยากกินร้านไหน มีเจ้าเด็ดอยู่เจ้าดั้งเดิมที่อยากชวนให้ได้มาสัมผัส โดยเป็นร้านอาหารเวียดนามโฮมเมด ที่ซ่อนตัวอยู่ในตึกแถวเล็กๆ ขนาดคูหาเดียว ซึ่งเสิร์ฟความอร่อยมากว่า 3 ทศวรรษ พิถีพิถันในการปรุงรสด้วยสูตรเฉพาะของครอบครัวชาวเวียดนาม จากรุ่นแม่สู่รุ่นลูก เน้นวัตถุดิบที่คัดสรรจากผู้ผลิตในท้องถิ่นที่ได้มาตรฐาน การันตีด้วยดีกรี มิชลิน บิบ กูร์มองด์ 2022 อีกทั้งมีสาขาในกรุงเทพฯ และพัทยา แถมกำลังมุ่งสู่การเป็น Zero Food Waste


       'อรุณี แหนมเนือง' คือที่ที่กำลังจะบอกต่อ 
         ตัวร้านตั้งอยู่ระแวกเดียวกับแลนด์มาร์กสำคัญของเมืองอุดรธานี ฝั่งตรงข้ามเป็นทุ่งศรีเมือง ลานกิจกรรมซึ่งจัดงานประจำปีของจังหวัด และใกล้กับโรงหนังวิสต้า ที่เป็นสถาปัตย์ระดับไอคอนนิกของที่นี่ ซึ่งรุ่งเรืองสุดขีดในยุคทหาร จี.ไอ. (เคยถูกโปรโมตในแคมเปญของ Netflix มาแล้ว) เรียกว่ามาที่เดียวได้ฟินทั้งกินของอร่อย ทั้งแชะภาพเช็กอิน ครบจบในแอเรียเดียว
          สำหรับการเข้ามายัง อรุณี แหนมเนือง สังเกตไม่ยาก จะเห็นป้ายสีแดงเด่นสง่าตรงหน้าร้าน
         ภายในร้านจะสัมผัสได้ถึงการตกแต่งอันแสนจะเรียบง่าย โทนสีขาวตัดกับน้ำตาลอ่อนของโต๊ะไม้ ที่วางตัวเรียงกันสองฝั่งร้านกว่าสิบโต๊ะ ทำให้บรรยากาศร้านมีความอบอุ่น เป็นกันเอง และสบายตา ที่น่าชื่นชมคือร้านสะอาดสะอ้านมาก
        ขณะที่รออาหารมาเสิร์ฟ ยังจะเพลิดเพลินกับคำศัพท์เวียดนามแบบเบื้องต้น ที่ติดอยู่ตรงผนัง ตลอดจนมีสถานที่สำคัญของเมืองอุดรฯ ให้ได้ตามไปปักหมุดเที่ยวกันได้อีกด้วย

          มีเรื่องน่าฮักอยู่เรื่องหนึ่ง ที่มาของคำว่า อรุณี ไม่ได้มาจากชื่อของเจ้าของร้านแต่อย่างใด คือถ้าเทียบกันกับร้านในอุดรฯ ยุคนั้นก็มักจะใช้ชื่อเจ้าของร้าน แต่มาจากเพราะเป็นชื่อที่เอ่ยแล้วสละสลวย ใครได้ยินก็ไพเราะ เหมาะเจาะกับเอามาตั้งชื่อร้าน แถมการเกิดขึ้นของอรุณี แหนมเนือง ก็เปี่ยมไปด้วยความฮัก
         ย้อนกลับไปยังจุดเริ่มต้นมา อรุณี แหนมเนือง เกิดจากคุณแม่ฉัฐญา โพธิชำนาญ ซึ่งเดิมทีมีอาชีพขายผ้า แต่เพราะต้องการหารายได้มาจุนเจือครอบครัว จึงมองว่าอาชีพขายอาหารนั้นสามารถทำเงินได้ทุกวัน เพราะของกินก็เป็นปัจจัยสี่ที่มนุษย์จะขาดไม่ได้ ส่วนการขายผ้านั้นกว่าจะได้เงินก็รอเป็นงวดๆ ไป เลยผันตัวมาทำเมี่ยงทอดและแหนมเนืองขาย เพราะพื้นเพครอบครัวเป็นชาวเวียดนาม ตำรับอาหารก็มาจากก้นครัว ผสานกับมีฝีมือปลายจวัก แถมยังได้สูตรเมี่ยงทอดมาจากคนที่ขายหมูให้อีกด้วย กลายเป็นว่ารสชาติเป็นที่ถูกอกถูกใจคนท้องถิ่น มาตั้งแต่ปี 2531 ที่เปิดขาย นับแล้วก็ผ่านระยะเวลามาร่วมๆ 35 ปี

          ปัจจุบันทายาทรุ่นสอง คือ พญ.น้ำฝน ทวีอัสนี, คุณนิชาดา โพธิชำนาญ และคุณสุรัตน์ โพธิชำนาญ ได้สืบทอดตำนานความอร่อยต่อ อีกทั้งยังยกระดับการทำร้านยุคใหม่ ด้วยแนวคิดการทำธุรกิจที่ยั่งยืน ESG (Environment Social Governance) โดยพิถีพิถันและใส่ใจในการเลือกใช้วัตถุดิบจากท้องถิ่น และชุมชน ที่ได้รับมาตรฐานเป็นหลัก เป็นต้นว่า ถั่วงอกที่ใช้ในหลายเมนู คัดสรรจากฟาร์มงอกงอย อ.เมือง จ.อุดรธานี ที่ไม่ใช้สารฟอกขาว ซึ่งปลอดภัยต่อคนกิน ใบเมี่ยงและแผ่นแป้งก็นำมาจากชุมชนใน อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย
         อีกทั้งยังมีระบบจัดการที่นำของเหลือทิ้ง อย่างเศษผัก เศษอาหาร ซึ่งแทนที่จะทิ้งกลายเป็นขยะ สร้างภาระในการกำจัด ก็เอามาหมุนเวียนเปลี่ยนเป็นปุ๋ยอินทรีย์ ซึ่งนำกลับมาในแปลงผักของร้าน แถมส่วนหนึ่งยังแจกให้กับลูกค้า ให้เอาไปใส่ต้นไม้ที่บ้านอีกด้วย ซึ่งเป้าหมายก็เพื่อมุ่งหน้าสู่ Zero Food Waste

         มาว่าถึงเมนูอร่อยกัน สำหรับจานเด่นที่ทุกโต๊ะต้องสั่งคือ เมี่ยงทอด ซึ่งถือเป็นที่สร้างชื่อและอยู่คู่ตั้งแต่เปิดร้าน โดดเด่นด้วยการใช้ใบเมี่ยง ไม่ใช่แผ่นปอเปี๊ยะหรือแผ่นแป้ง โดยไส้ข้างในเป็นหมูสับที่นำไปปรุงรสให้กลมกล่อม แล้วคลุกเคล้ากับหอมหัวใหญ่และถั่วงอก ห่อด้วยใบเมี่ยง นำไปทอดจนเหลืองกรอบ เวลากินจะพันด้วยผัก (ในอีสานสื่อถึงการห่อ) ราดน้ำจิ้มเปรี้ยวหวาน สนนราคาชุด 3 แท่ง 85 บาท / ชุด 5 แท่ง 130 บาท
        เคล็ดลับความอร่อยของเมี่ยงทอดในแบบฉบับ อรุณี แหนมเนือง อยู่ที่การทอดแบบจานต่อจานเท่านั้น ไม่มีการทอดรอเด็ดขาด ซึ่งรุ่นแม่ทำอย่างไร รุ่นลูกก็ยังคงทำอย่างนั้น ซึ่งเมื่อก่อนได้ชื่อว่ารอนานมาก จนกลายเป็นคาแรกเตอร์ของร้าน จานหนึ่งใช้เวลาทอดประมาณ 15 นาที แต่มันก็คุ้มค่ากับการรอ เพราะถ้าทอดทิ้งไว้นานรสชาติจะชืด และเหนียวขึ้นนั่นเอง

          มาร้านอาหารเวียดนามทั้งที จะขาด แหนมเนือง ไปไม่ได้ สูตรของที่นี่ยังคงปั้นหมูด้วยมือ จะเตรียมวัตถุดิบกันตั้งแต่ตอนหัวค่ำ เพื่อทำขายไปตลอดทั้งวัน โดยเลือกส่วนที่เป็นหัวไหล่หมู เพราะมีความเหนียวเด้งเหมาะกับทำหมูปั้น ซึ่งจะนำไปย่างจนสุกมีสีเหลืองทองน่ากิน ในส่วนของน้ำจิ้ม ปกติจะแตกต่างตามสูตรแต่ละร้าน อรุณี แหนมเนือง โดดเด่นตรงที่ใช้มันสำปะหลังที่หาได้ง่ายในพื้นที่เป็นส่วนผสมหลัก ปรุงให้มีรสหวานนำ เสิร์ฟพร้อมเครื่องเคียง ผักสด และแผ่นแป้งที่เหนียวหนึบ ราคาชุด 3 ไม้ 150 บาท / ชุด 5 ไม้ 230 บาท

          พิซซ่าเวียดนาม ก็ถือเป็นหนึ่งเมนูขึ้นหิ้งของร้าน เพราะมาจากคุณแม่คิดรูปแบบการจัดจาน ให้มีหน้าตาคล้ายกับพิซซ่า แตกต่างจากพิซซ่าเวียดนามทั่วไป ซึ่งก็มีกรรมวิธีการทำที่สลับซับซ้อนขึ้น ด้วยการเรียงทีละชั้น ชั้นล่างสุดรองด้วยข้าวเกรียบผสมงาดำ แล้วโรยหมูสับ ต้นหอมซอย หมูยอ และหอมเจียว ด้านบนสุดจะทับด้วยไข่ เมื่อทานเข้าไปจะให้รสสัมผัสที่กรุบกรอบผสานกับนุ่มละมุนในคำเดียว เมนูนี้ต้องทำแบบจานต่อจานเช่นกัน เพราะหากทำทิ้งเอาไว้นาน เมื่อข้าวเกรียบโดนความร้อนแล้วจะยุ่ยไม่น่ากิน

          นอกจากนี้ ขนมเบื้องญวน ถือเป็นของทานเล่นเรียกน้ำย่อยที่เป็นต้องสั่งทุกโต๊ะเช่นกัน แป้งสีเหลืองบางกรอบ ห่อไส้หมูสับ เห็ดหอม แครอท กุ้งแห้ง และถั่วงอก แบบแน่นๆ กินกับน้ำจิ้มเปรี้ยวหวานโรยแตงกวา ส่วน ขนมปากหม้อ จานนี้ก็ต้องมีติดโต๊ะ ซึ่งที่นี่จะขึ้นแป้งเอง ด้วยส่วนผสมที่เป็นสูตรเฉพาะของร้าน จากนั้นก็นำมาละเลงลงบนผ้าบางจนสุกด้วยไอน้ำร้อน โรยไส้หมูผัดกับต้นหอมแล้วม้วนเป็นแท่ง แป้งจะใสขุ่นเหนียวนุ่ม เสิร์ฟคู่กับหมูยอ เวลากินราดด้วยน้ำจิ้มเปรี้ยวหวาน แค่นี้ก็อร่อยอยู่หมัด
          ปิดท้ายด้วย แหนมคลุก เมนูกินเล่นก็ดี เน้นอิ่มอยู่ท้องก็ได้ เพราะเป็นข้าวปั้น คลุกกับหมูสับและหนังหมู รสของที่นี่จะเปรี้ยวนำ หอมกลิ่นมะนาวสดๆ เวลากินให้ลองพันกับใบชะพลู ผักกาดแก้ว พร้อมกับใส่พริกทอดกรอบเพิ่มความจัดจ้าน รับรองว่าจะเพิ่มอรรถรสให้มากขึ้น


info.
เปิด: ทุกวัน 09.30 - 18.00 น. (หยุดทุกวันพุธ-พฤหัสบดี สุดท้ายของเดือน)
ที่อยู่:
36/8 ถ.พานพร้าว อ.เมืองอุดรธานี จ.อุดรธานี (https://www.google.com/maps/pl...)
โทร:
04 2244 5888 (วันเสาร์-อาทิตย์ วันนักขต ควรสำรองโต๊ะล่วงหน้า)
Facebook: อรุณีแหนมเนือง (https://www.facebook.com/VIETNAMESEFOODUDONTHANI)




bas.paranchai

 วันอังคารที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566 เวลา 11.40 น.

ความคิดเห็น