ทริป : เชียงคาน3วัน2คืน ในเดือน กรกฎาคม

>> ก่อนอื่น ฝากกดไลค์เพจ "ไปChillไปChim" ด้วยนะคะ https://www.facebook.com/OPWStory

เชียงคาน เมืองโบราณเก่าแก่ เงียบสงบ เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของที่นี่ บ้านไม้เก่าๆ ร้านกาแฟชิคๆ ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำโขงในจังหวัดเลย เป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วประเทศ ทั้งวัยรุ่นหนุ่มสาว วัยทำงานที่มากันเป็นครอบครัว นักปั่นจักรยาน รวมไปถึงนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติก็มีประปราย ผู้คนที่เชียงคานอัธยาศัยดี ยิ้มแย้มแจ่มใส "เชียงคาน" เป็นที่รู้จักมากขึ้นในช่วงหลังๆนี้ ทำให้ในช่วงวันหยุดเทศกาลจะมีนักท่องเที่ยวแห่แหนกันมามากมาย


เริ่มต้นออกเดินทาง

เราเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวใช้เวลาเดินทางประมาณ8ชั่วโมง เริ่มออกเดินทางจากบางนา มุ่งหน้าไปสระบุรี ผ่านถนนหมายเลข21 ผ่านจังหวัดเพชรบูรณ์ และไปยังถนนหมายเลข2399 เส้นทางจะเป็นหุบเขาสูงชัน และเป็นทางคดเคี้ยว(ผู้ขับควรเดินทางด้วยความระมัดระวัง)ไปออกถนนหมายเลข201 เดินทางต่ออีกประมาณ15นาทีก็ถึงจุดหมาย


ในวันแรกเราพักที่ "จันทรา วาริน" ซอย13 ซึ่งที่พักนี้ซื้อจากงานท่องเที่ยวที่ซีคอนสแควร์ ในราคา 999.- (ห้องพักStandard + ชุดใส่บาตรเช้า2ชุด + จักรยาน2คัน + กาแฟ/โอวัลติน + อาหารเช้าสำหรับ2คน)

ที่นี่โดยรวมถือว่าโอเคเลย ห้องพัก+ห้องน้ำสะอาดดี คนดูแลบ้านก็อัธยาศัยดีมากๆ จอดรถได้ที่บริเวณหน้าที่พัก(จอดได้3คัน)

ออกเดินทางตี5จากบางนา มาถึงที่พักประมาณเที่ยงกว่าๆ

ข้างในห้องพักใช้สีสบายตา ห้องสะอาด แอร์เย็นฉ่ำ

ห้องน้ำสะอาดดีมาก มีเครื่องทำน้ำอุ่น ครีมอาบน้ำ และยาสระผมไว้ให้ด้วย


หลังจากย้ายของเข้าห้องพักเสร็จเรียบร้อย อาบน้ำให้สดชื่น แล้วปั่นจักรยานของที่พักออกไปหาอะไรทาน ตอนกลางวันที่นี่เงียบมาก และแดดก็ร้อนมากเช่นกัน ปั่นไปทุกซอย ร้านปิดหมดเลย

แต่มาเจอร้านนี้.. "จุ่มนัวยายพัด" เข้าไปลองสักหน่อย

>>กว่า70ปี ตำนานอาหารต้นตำหรับ คุณยายอ้วน ที่ชื่อว่า "ลงสรง" ถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่น จนกลายมาเป็น "จุ่มนัว"ยายพัด ความอร่อยที่คู่คนเชียงคาน<<

เข้าร้านมามองป้ายเมนู ก็เก๊กังๆ สั่งไม่เป็นไม่เคยทานซะด้วย ไอ้จุ่มนัวเนี่ย มันเป็นยังไง

ตัดสินใจ สั่งมาลอง2อย่าง "จุ่มนัววุ้นเส้น" กับ "ขนมจีน" (แนะนำให้มาลอง)


จุ่มนัว มีผักกาดขาว ผักบุ้งจีน เนื้อหมู ส่วนประกอบเหมือนสุกี้บ้านเรานี่แหล่ะ แต่ที่แตกต่างคือ มีถั่วงอกดิบใส่มาด้วย และรสชาติน้ำราดสีแดงๆ จะออกหวานแบบหมี่กะทิ คลุกเคล้าให้เข้ากัน ซดน้ำร้อนๆ หมูนุ่ม ทานกับถั่วงอกดิบเข้าเข้ากันดีรสชาติกลมกล่อม


ขนมจีน เป็นขนมจีนน้ำพริกแบบภาคกลางบ้านเรานี่แหละ ใส่หมูสับ ออกรสหวานเผ็ดปลายลิ้นนิดๆ ทานกับผักบุ้งจีน หัวปลี กะหล่ำปลีซอยลวก


คลุกเคล้า ได้แบบนี้..


หลังจากอิ่มจากร้านจุ่มนัวยายพัดแล้ว ก็ไม่รู้จะไปไหนกันต่อดี ร้านอะไรก็ยังไม่เปิด เลยตกลงกันว่าไปปั่นจักรยานย่อยอาหารกันที่ริมแม่น้ำโขง ถ่ายรูปเล็กๆน้อยๆแล้วค่อยกลับไปนอนพักที่ห้อง


หลังจากนอนพักเราเอาแรง บ่าย4โมงเย็น ร้านต่างๆริมถนนชายโขงทยอยตั้งร้านกันแล้ว เราแบบเห่อมาก ออกมาเดินตั้งแต่แดดยังไม่ร่ม



ชิม "กุ้งน้ำโขง" เค็มๆมันๆ เป็นซิกเนเจอร์ของที่นี่เลยนะ ใครมาแล้วไม่ได้ชิม เหมือนมาไม่ถึงเชียงคาน


"ข้าวลืมผัว" ข้าวลืมผัวมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว มีกลิ่นหอม รสชาติเค็มๆมันๆทานกับมะพร้าวขูด (แนะนำให้มาลอง)



"ปาท่องโก๋ยัดไส้ ลุงมุข" ทอดใหม่ๆร้อนๆ สั่งไส้หมูสับผักรวมมาชิม ทานกับน้ำจิ้มหวานใส่ถั่ว อร่อยสมคำร่ำลือ.. (แนะนำให้มาลอง)


ไปชิมกันต่อ..

"หมูสะเต๊ะ ร้านเฮือนหลวงพระบาง" น่าทานดีค่ะ แต่คนรอคิวเยอะมาก ขอผ่านไปก่อน


"หมูยอเห็ดหอม"นึ่ง ทานกับน้ำจิ้มรสแซบ ส่วนตัวคิดว่ายังไม่โดน น่าจะหอมพริกไทยอีกสักนิด แต่น้ำจิ้มแซบดีค่ะ



"กล้วยอบ มะพร้าวอ่อน" ไม่ได้ชิมค่ะ แต่เห็นแปลกดี เลยถ่ายรูปมาฝากกัน


"เล้าเข้ายายอวน ยุ้งข้าว100ปี"


บรรยากาศถนนคนเดินช่วงประมาณ5โมงเย็น ยังไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวออกมาเดินเท่าไหร่



ของฝาก/ของที่ระลึกมีให้เลือกหลากหลาย ส่วนใหญ่จะเป็นเสื้อสกรีน และผ้าทอพื้นเมืองของที่นี่



ไปชิมกันต่อ ที่ร้าน "อิ่มอร่อย สมใจ" สั่งมา2อย่าง เพื่อลองชิม


"ข้าวเปียกเส้น" เส้นเหนียวนุ่ม น้ำซุปกลมกล่อม เลือดไม่คาว ซดร้อนๆคล่องคอดี


"ยำหมูยอ" หมูยอร้านนี้ โอเคเลย หอมพริกไทย รสชาติกลมกล่อม น่าเสียดายที่ไม่มีหมูยอเปล่าๆขาย ไม่งั้นจะซื้อกลับมาฝากที่บ้านสักหน่อย (แนะนำให้มาลอง)


มืดแล้ว.. ก็ยังคงกินไม่หยุด

ไปต่อที่ "ทอดมันหัวปลี โบราณ" เป็นร้านยอดนิยมอีกร้าน ขายดีจนทอดไม่ทัน แม่ค้าก็ใจดีมากๆด้วย

ทอดมัน ผสมหัวปลี ทอดร้อนๆกลิ่นหอมมาก ทานคู่กับน้ำจิ้มหวานและแตงกวา ตัวทอดมันเผ็ดนำ เค็มตาม ถ้าได้ข้าวสวยร้อนๆสักจาน แจ่มเลย (แนะนำให้มาลอง)

ระหว่างรอย่อยอาหาร เพิ่อชิมร้านต่อไป เดินเล่นกันสักหน่อย

ว่าจะเดินเล่นเฉยๆแล้วนะ อดไม่ได้ ขอชิมกุ้งอีกสักไม้เถอะ

ร้านนี้อร่อยกว่าร้านที่ซื้อเมื่อตอนบ่าย มีรสชาติหวานๆด้วย เหมือนทาด้วยน้ำปรุงอะไรสักอย่าง

เดินชิม เดินชิล กันมาพอประมาณถึงเกือบ3ทุ่ม ขอจบการชิมร้านสุดท้ายสำหรับวันนี้ที่...

ร้าน "ซุป จักรพรรดิ เชียงคาน" มาร้านนี้ต้องชิม ซุปจักรพรรดิ

เสริฟร้อนๆในโถ มีเห็ดรวม กระดูกหมู น้ำซุปเข้มข้น หอมเครื่องยาจีน (แนะนำให้มาลอง)

ติ่มซำเหลือเท่านี้ เพราะไปดึกร้านจะปิดอยู่แล้ว สำหรับติ่มซำก็โอเค รสชาติถึงเครื่อง เข่งละ29.-


สำหรับวันแรก รีบเข้าที่พัก พรุ่งนี้ต้องตื่นตี5ครึ่งเพื่อใส่บาตร และไปดูหมอกที่ภูทอก


เช้าวันที่2 ตื่นตั้งแต่ตี5ครึ่ง ใส่บาตร แล้วรีบไปภูทอกเพื่อไปดูทะเลหมอก

ของใส่บาตรที่พักจัดไว้ให้ มีข้าวเหนียว นม อาหารแห้ง ที่นี่ใส่บาตรไม่ต้องมีกับข้าว แปลกดีเหมือนกัน

ใส่บาตรเสร็จเรียบร้อย รีบไปภูทอกด่วนๆสายมากแล้ว

ไปภูทอก ให้ขับรถไปเส้นทางถนนหมายเลข211 เลยแก่งคุดคู้ไปประมาณ2กม. จะเห็นป้ายบอกทางไปภูทอก เลี้ยวขวาเข้าไปจนสุดทางจะเห็นที่จอดรถอยู่ทางซ้าย เสียค่าที่จอดรถ20บาท และขึ้นรถ2แถวขึ้นไปบนภู ไป-กลับคนละ25บาท


วันนี้หมอกไม่หนามากนัก แต่ก็ไม่ผิดหวัง อากาศไม่เย็น ออกจะร้อนด้วยซ้ำ

สำหรับคนที่ไม่ได้มารถยนต์ส่วนตัว ก็ติดต่อเช่ารถสามล้อจากแถวๆที่พักมาได้ และจะจอดรอรับกลับอยู่ด้านล่าง


หลังจากกลับมาจากภูทอกแล้ว ก็มาทานกาแฟ/โอวัลตินที่ที่พักจัดไว้ให้ และนำคูปองอาหารออกไปทานอาหารเช้าที่ "ร้านแม่งาม" ซอย15


ใช้คูปองอาหารของที่พัก จะสั่งได้คนละ1อย่าง จาก3เมนู โจ๊ก,ข้าวเปียก,ไข่กระทะ

ไปกัน2คน สั่งโจ๊ก และไข่กระทะ

โจ๊กของที่นี่ ไม่มีเครื่องใน ใส่แค่หมูปั้นก้อน และไข่ลวก โรยด้วยกระเทียมเจียวใหม่ๆหอมๆ ติดใจหมูโจ๊กเขานี่แหล่ะ เด็ดจริง (แนะนำให้มาลอง)


ไข่กะทะ เสริฟร้อนๆหอมเนย โรยด้วยหมูสับรวน หมูยอซอย และกุนเชียง (แนะนำให้มาลอง)


เสร็จจากอาหารเช้า ปั่นจักรยานไปวัดศรีคุณเมือง วัดเก่าแก่ที่มีประวัติความเป็นมาอันยาวนาน วัดศรีคุณเมืองสร้างขึ้นเมื่อปี2199 ชาวบ้านเรียกว่าวัดใหญ่ เป็นแหล่งรวมงานศิลปะทั้งแบบล้านลา และล้านช้าง


หลังจากไหว้พระเพื่อความศิริมงคลเรียบร้อยแล้ว ไปต่อกันที่ร้าน "แหนมคลุกแม่แห่ว" ถ้าใครมาเที่ยวเชียงคาน ถ้าไม่ได้มาทานร้านนี้ เหมือนมาไม่ถึง!!! (แนะนำให้มาลอง)

จากการสอบถาม ป้าแกขายมา50ปีแล้ว ปัจจุบันย้ายร้านมาอยู่ซอย7 เปิดประมาณ8.30น. ขายจนเกือบๆบ่ายโมงก็หมดแล้ว เราไปนั่งรอแกจัดร้าน-เตรียมของ ตั้งแต่8โมง ก็ชวนแกคุยไปเรื่อย แกก็เล่านู้น เล่านี่ให้ฟัง..

ทีเด็ดแหนมคลุกแม่แห่ว อยู่ที่ข้าวทอดซึ่งมีสูตรลับเฉพาะ และไข่แพที่ทอดฟูๆ โรยบนยำข้าวทอด

ข้าวทอดบี้พอแหลก ใส่แหนม ปรุงรสด้วยมะนาว พริกแห้งทอดเป็นเม็ดๆ ผักโรย และขิงอ่อนซอย

ทานคู่กับใบพลู ผักกาดหอม


11โมง อาบน้ำเตรียมตัวไปทานมื้อเที่ยงกันที่แก่งคุดคู้ ไปชิม "ปลาคัง แม่น้ำโขง"กัน..

แก่งคุดคู้ ในตอนเที่ยง แดดร้อนดีจริงๆ

ที่ไปวันนี้เป็นช่วงน้ำสูง มองไม่เห็นแก่ง ถ้าใครอยากเห็นแก่ง ให้ไปช่วงเดือนมีนาคม น้ำจะน้อย

ที่นี่มี "เขียงไม้ซ้อ" ที่เขาว่าไม่เป็นขุย ไม่ขึ้นรา เป็นไม้ที่ไว้นำไปทำเรือหางยาว รูปทรงแปลกตาดี


และที่ขาดไม่ได้เลย ถ้ามาแก่งคุดคู้แห่งนี้ "มะพร้าวแก้ว เกรดA"

มะพร้าวแก้ว เกรดAนี้ จะทำจากเนื้อมะพร้าวอ่อนนุ่ม รสชาติหวานพอดี แต่จะเก็บไว้ได้ไม่กี่วัน

เมื่อมะพร้าวแห้งได้ที่ ก็จะใส่ตะกร้า ร่อนเอาน้ำตาลบางส่วนออก


มื้อเที่ยงวันนี้เราไปฝากท้องที่ร้าน กลุ่มสตรีอาหารพื้นเมือง ร้านตั้งอยู่ริมแม่น้ำโขง บริเวณแก่งคุดคู้

เลือกที่นั่งแบบแคร่ ให้เข้ากับบรรยากาศ ถึงแดดจะแรงพอสมควร แต่มีลมพัดเย็นสบายๆ

สั่งมา3เมนู สำหรับทาน2คน

"ต้มยำปลาคังน้ำโขง" รสชาติจัดจ้าน เผ็ดกำลังดี ที่สำคัญเนื้อปลาสด และหวานมาก แนะนำเลยเมนูนี้ถ้ามาที่นี่ ราคาหม้อละ 150.- (แนะนำให้มาลอง)


"กุ้งทอด" กุ้งน้ำโขง ทอดกรอบเป็นแพ ทานกับน้ำจิ้มหวาน ใส่แตงกวา กรอบจริง กรอบนาน(แนะนำให้มาลอง)


"ส้มตำ" เฉยๆ ไม่มีอะไรโดดเด่น


สำหรับที่พักคืนที่2 เราเปลี่ยนไปพักอีกที่ ซึ่งไม่ประทับใจ จึงขอไม่รีวิวในส่วนนั้น

แอร์เสียงดัง ห้องแคบมากเหมือนอยู่ในกล่อง ห้องน้ำสกปรก และไม่มีแชมพู ครีมอาบน้ำให้ เทียบกับราคาถือว่าแพงพอสมควร

เช้าวันสุดท้าย ไปชิมร้านเด็ดร้านดัง "ข้าวเปียกซอย10"

หมูยอลวกจิ้ม ของร้านนี้ต่างจากร้านอื่น ตรงที่ใช้หมูยอสด มาลวกเป็นก้อน ทานคู่กับน้ำจิ้มซีฟู้ดแบบข้นๆ

น้ำจิ้มรสเด็ด กับหมูยอสดรสชาติดี เป็นเมนูที่ทุกโต๊ะต้องสั่ง (แนะนำให้มาลอง)

ข้าวเปียกเส้น ยังรู้สึกว่าของร้านสมใจเส้นเหนียวนุ่มมากกว่า แต่น้ำซุปของร้านนี้ก็เด็ดไม่แพ้กัน (แนะนำให้มาลอง)


ขนมปังปิ้ง (ในเมนูเขาเขียนว่าอย่างนั้น) เป็นขนมปังเนื้อแข็งๆ แต่ก็ยังไม่แข็งเท่าขนมปังบาเกต ทาด้วยเนย ใส่หมูยอ และกุนเชียงแบบเส้นยาวๆ

อุ่นให้ร้อนแล้วนำมาเสริฟ เมนูนี้ก็รู้สึกเฉยๆไม่ได้โดดเด่นอะไร เหมาะสำหรับทานกับกาแฟน่าจะคล่องคอมากกว่า

สำหรับทริปนี้ ก็เป็นอีกทริปที่มีความประทับใจหลายๆอย่าง ผู้คนที่เชียงคานเป็นมิตร มีน้ำใจ อาหารการกินก็อร่อยตรงนี้ประทับใจมาก ก็สายกินนิเนอะ ถ้ามีโอกาสคงได้ไปที่นี่อีกครั้งอย่างแน่นอน

สรุปค่าใช้จ่าย

  • ค่าเดินทาง 1,500
  • ที่พัก 1,800
  • ค่่าอาหาร 2,250
  • รวม 5,550

OPW's Story

 วันพฤหัสที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2559 เวลา 10.56 น.

ความคิดเห็น