"ม่านหมอกเมืองใต้" ... ส่วนหนึ่งของคำขวัญเมืองกะปง อำเภอหนึ่งของจังหวัดพังงา ที่บ่งบอกถึงธรรมชาติที่ล้อมรอบเมืองนี้ไว้ภายใต้อากาศที่สดชื่นไร้มลพิษและเย็นสบายตลอดปี ทั้งยังมีแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติที่หลากหลายพร้อมให้คนที่มีใจรักสายน้ำและผืนป่าได้มาสัมผัส การเดินทางไปเที่ยวเมืองกะปงให้คุ้มนั้น กุญแจที่สำคัญที่สุดคือ " เวลาช่วงเช้า " ดังนั้นทริปรอบนี้เราจึงเริ่มด้วยการเดินทางไปพักที่โรงแรมในตัวเมืองกะปง ซึ่งมีเพียงแห่งเดียวคือ " โรงแรมกะปง การ์เด้นท์ รีสอร์ท "

โรงแรมแห่งนี้มีดีตรงบรรยากาศของห้องพักที่มีระเบียงยื่นออกไปใน " นาบัว " แต่รอบนี้ผมโชคร้ายไปหน่อยเพราะ โรงแรมเพิ่งลงดอกบัวใหม่ เลยไม่มีโอกาศดอกบัวตอนเช้าๆ เหมือนรอบก่อนที่เคยมาพัก

รอบก่อนที่เคยมาพัก

ส่วนรอบนี้ ( -_- )

ก็เสียดายอยู่บ้าง แต่เพราะจุดประสงค์ของรอบนี้เป็นแหล่งท่องเที่ยวอื่นที่หมายตาไว้ ไม่ใช่ที่นี่ แต่ถึงไม่มีดอกบัว แต่ก็มีนกปากถ่างตัวใหญ่ ฝูงใหญ่มาเดินเล่นหาหอยในนาบัวให้ชมเล่น เพลินกันไป

บรรยากาศภายในห้องนอน ก็ให้ความรู้สึกว่าเราอยู่บ้านไม้หลังหนึ่ง มีหน้าต่างรอบเพื่อให้สัมผัสกับบรรยากาศได้เต็มที่ มีทั้งแอร์และพัดลมให้เลือกเปิดแล้วแต่ชอบ


สิ่งที่ได้ทดแทนมาจากดอกบัวที่หายไปในคืนนี้ คือ ท้องฟ้าเปิด ดาวเต็มท้องฟ้าเลยครับ
( ถ้าเป็นตากล้องที่ถ่ายรูปเก่งๆ ล่ะก็ ถ่ายติดทางช้างเผือกแน่นอน เพราะ เช็คกับ App Planets แล้ว ทางช้างเผือกอยู่บนหลังคาห้องเลยทีเดียว)

[ความสามารถถ่ายติดมาได้เท่านี้ Y_Y ]

เที่ยวเมืองกะปงต้องรีบตื่นเช้า เพราะ เวลานี่คือ เวลาที่ดีที่สุด

ผมตื่น 6.00 น.

บรรยากาศตอนเช้าของรีสอร์ท มีหมอกลงเล็กน้อยและอากาศหนาวววววว

กลื่นสดชื่นมากๆ และ ผมไม่ยอมเสียโอกาสที่จะสูดมันเข้าปอดไปให้มากที่สุด เท่าที่จะมากได้


หลังจากสูดอากาศจนเต็มที่ ท้องเริ่มร้องแล้ว ผมรู้มาว่า เฉพาะเช้าวันอาทิตย์เมืองกะปงจะมีตลาดใหญ่ ให้คนซื้อของ
มีคงเก๋ไม่น้อยถ้าเราจะไปเดินที่ตลาดตอนอากาศหนาวๆ มีหมอกลงจางๆ เหมือนวันนี้

ตลาดนัดขนาดกลางๆ ถูกตั้งบนพื้นที่ที่เป็นลานโล่งๆ ท่ามกลางอากาศเย็นสบายๆ พ่อค้าแม่ค้าคับคั่งไปด้วยผู้คนเมืองนี้ที่ส่วนใหญ่ตื่นเช้า อาหารต่างๆ และ ขนมโบราณถูกวางปะปนให้เลือก พร้อมผัก ผลไม้ ดอกไม้ จากสวนสดๆ แค่มองก็เห็นว่าต่างจากตลาดในเมืองโดยสิ้นเชิง ผมไม่รอช้ารีบซื้อขนมต่างๆ เพื่อเตรียมไปรับประทานอาหารเช้าในจุดหมายต่อไปของเรา

จุดหมายต่อไปของเราคือ น้ำพุร้อนปากพู่
แหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติแห่งหนึ่งของเมืองกะปงที่ถูกทอดทิ้งจนคนลืมไปจากพังงา หลงเหลือภาพให้เห็นจากเพื่อนๆ ที่ชื่นชอบธรรมชาติแบบไร้การปรุงแต่งมาบ้าง แต่ที่นี่แหละที่จะทำให้เวลาของการ "หยุดพักผ่อน" ในทริปนี้ของเรามีค่ามากขึ้น

จุดเช็คอินไม่ได้มีใน Google Map ดังนั้นการเดินทางให้ค้นหา "โรงเรียนบ้านปากพู่" ก่อน แล้วขับตรงไปตามทาง ถนนเพชรเกษมเส้น 5014 แต่ถ้าไม่แน่ใจสามารถสอบถามเส้นทางที่ อบต.ท่านา โทร. 0-7649-9131

เมื่อขับจนสุดทาง อย่าเพิ่งตกใจกับเส้นทางป่าลูกรัง ขับไปอีกไม่กี่สิบเมตรก็จะพบลานกว้างๆ พอให้จอดรถ และ พบธารน้ำใส

เดินข้ามลำธารที่บางช่วงเย็นและบางช่วงอุ่น ไปอีกสักเล็กน้อยก็จะพบบ่อน้ำพุร้อนควันพวยพุ่ง ซึ่งมีความร้อน 75 องศา โดยประมาณ (สามารถต้มไข่ให้สุกได้เลยครับ) ดังนั้น หากพาเด็กๆ ไปด้วย ต้องระวัง !!!!!

ณ จุดๆ นี้ต้องพูดเลยว่า บรรยากาศฟินเฟ่อร์


ขนมโบราณ อาหารเช้าจากตลาดเมืองหมอก สามารถเอามาจัดเรียงให้เข้ากับบรรยากาศได้อรรถรสในการรับประทานพร้อมดื่มด่ำไปกับเสียงลำธารเบาๆ ของคลองพู่ที่ใครใคร่จะสัมผัสความเย็นสดชื่นจากสายน้ำ หรือ ต้องการความผ่อนคลายจากน้ำพุร้อนจากบ่อที่ผสมมากับธารน้ำจนอุ่นพอดี เป็นมื้อเช้าที่ไร้การปรุงแต่งและมีความสุขที่ยากจะหาจากที่ใดได้อีก


[ เวลาที่ดีที่สุด ณ จุดนี้ คือ 7.00-8.30 น. ในช่วงเช้า ]

หลังจากนั้น อากาศจะเริ่มร้อนขึ้น ความเย็นและหมอกจะหายไป
"หมอกก็เหมือนมายา หากคุณไปผิดเวลา ไหนเลยจะพบความสวยงาม"



ยังความฟินนั้นยังไม่จบเพียงเท่านี้ !!
เมื่ออากาศเริ่มร้อนขึ้น ความสวยงามเริ่มจะจากหายไป และเราแช่ร้อนร้อนจนสาแก่ใจแล้ว
จุดหมายถัดไป คือ น้ำตกสวยๆ ของ เมืองกะปง

" น้ำตกหินลาด "
ตั้งอยู่ หมู่ 1 ตำบลกะปง เป็นน้ำตกขนาดเล็กที่มีธารน้ำใสสะอาด ไหลลดเลี้ยวตามโขดหินน้อยใหญ่สลับไปมา สองข้างทางของเส้นทางน้ำร่มรื่นไปด้วยต้นไม้และสวนผลไม้ของชาวบ้าน จุดเล่นน้ำมีหลายจุด ทั้งจุดที่เป็นน้ำตกและจุดที่เป็นธารน้ำ

ส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวจะเล่นน้ำอยู้่ปลายน้ำ เพราะไม่แน่ใจเรื่องเส่นทางขรุขระว่าจะเดินทางได้หรือไม่
ทำให้น้อยคนที่จะมายังธารน้ำใสๆ แห่งนี้ และแน่นอนว่าโชคดีของเรา ^_^


ธารน้ำใสๆ ที่ไหลเซาะไปตามก้อนหินน้อยใหญ่ ตลอดเส้นทาง น่าจะเป็นที่มาของชื่อ น้ำตกหินลาด
หินที่ถูกสายน้ำเซาะผ่านถูกขัดเกลาจนกลมมนเล็กใหญ่ หลากสีสวยงาม

จุดหมายของเราคือ น้ำตกด้านบน ลำธาร ซึ่งต้องขับรถขึ้นไปอีกระยะหนึ่งจนถึงตัวเขื่อนใหญ่
ที่ทางหน่วยงานราชการได้สร้างไว้กับเก็บน้ำ

เดินผ่านเส้นทางร่มรื่นไปสัก 500 เมตร ก็จะได้สิ้นเสียงน้ำตกมาแว่วๆ

สีเขียวของต้นไม้ และ สบายน้ำ รับรู้ได้ถึงความสดชื่นระดับเซลล์ผิวเลยทีเดียว

นึกถึงภาพแหล่งท่องเที่ยวของญี่ปุ่น ที่มีศาลาริมน้ำสวยๆ คือ นี่มันวิวความสวยระดับเดียวกัน เพียงแต่เราไม่มีศาลาสวยๆ เหมือนเค้าแค่นั้นเอง

ปล่อยให่ร่างกายรับเอาอ๊อกซิเจนเข้าไปให้มากที่สุด
หายใจเอาอากาศเสียๆ ของเมืองกรุงออกมาให้มากที่สุด
" แค่หยุดอยู่ที่นี่ 1 ชั่วโมง ก็เหมือนราวกับชีวิตจะยืนยาวไปได้อีก 10 ปี "

การออกทริปรอบนี้

แม้จะต้องตื่นเช้า

แม้จะไม่ได้ความสะดวกสบาย

แต่สิ่งที่ได้กลับไป

คือ ร่างกายถูกรีเซตใหม่ ... ด้วย " ธ ร ร ม ช า ติ "

ก่อนกลับ ไม่พลาดที่จะขอพรจาก "หลวงพ่อเซ่ง" วัดปากถัก ที่ชาวเมืองกะปง เคารพนับถือ

เหมือนหลวงพ่อจะอวยพรเรา .... ท้องฟ้าครึ้มฝน กลับ สดใสซะเหลือเกิน
หลวงพ่อท่านคงจะอยากให้เราได้รูปวัดท่านสวยๆ ^_^


g

เมื่อใดร่างกายและจิตใจอ่อนแอจากเมืองกรุง....จะไม่ลืมมาปรุงร่างกายและจิตใจที่นี่อีกแน่นอน

ติดตามเรื่องพังง๊า พังงา ได้ที่
www.facebook.com/hellophangnga

ความคิดเห็น