ทริปนี้ออกเดินทาง 9-12 กุมภาพันธ์ 2566 ออกเดินทางจากกรุงเทพฯ แต่เช้าตรู่ มาถึงสุราฎร์ธานี 7 โมงเช้า มีเวลาเหลือมากพอเราเลือกที่จะเดินทางต่อไปที่ไชยา นั่งรถออกจากสนามบินมาลงที่ตลาดเกษตร เดินข้ามถนนมาที่ตลาดเกษตร 2 เป็นท่ารถตู้ที่เดินทางไปที่ต่างๆ ใครจะไปไชยาเดินไปสุดทาง เลยต้นไม้ใหญ่ไปนิดเดียว 

แจ้งคนขายตั๋วและคนขับว่าขอลงที่วัดพระบรมธาตุไชยาฯ นั่งรถประมาณ 1 ชั่วโมงก็มาถึงหน้าวัดพอดี 

เรามาถึงพร้อมเด็กๆ ที่มาทัศนศึกษาพอดี น้องๆ มาแบบไม่เสียงดัง เราใช้เวลาที่วัดพระบรมธาตุไชยาราชวรวิหาร พระบรมธาตุไชยาเป็นสถานที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า นับเป็นปูชนียสถานสำคัญคู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดสุราษฎร์ธานี วัดพระบรมธาตุไชยาราชวรวิหาร สะท้อนถึงความเฟื่องฟู แห่งพุทธศาสนาที่เข้ามาเผยแพร่ในภาคใต้ของไทย องค์พระเจดีย์พระบรมธาตุไชยา เป็นสถาปัตยกรรมแบบศรีวิชัยองค์เดียวที่ยังอยู่ในสภาพที่ดีที่สุด โดยสร้างขึ้นตั้งแต่ครั้งสมัยอาณาจักรศรีวิชัยยังครองความรุ่งเรืองสูงสุด บริเวณรอบองค์พระธาตุมีเจดีย์เล็ก 4 ทิศ ล้อมรอบด้วยวิหารคด ซึ่งประดิษฐานพระพุทธรูปเก่าแก่ขนาดต่าง ๆ โดยรอบทั้ง 4 ด้าน 

พิกัด : https://goo.gl/maps/u51TTBhmkFjekmaC8


ข้ามถนนบริเวณวัดมาจะเจอพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติไชยา จัดเป็นพิพิธภัณฑสถานประเภทประวัติศาสตร์ ศิลปะ และโบราณคดี โดยการก่อตั้งพิพิธภัณฑ์ในระยะแรกมีวัตถุประสงค์เพื่อรวบรวมศิลปวัตถุที่พบในพื้นที่อำเภอไชยา โดยพระครูโสภณเจตสิการาม(เอี่ยม) อดีตเจ้าคณะอำเภอไชยา

พิกัด : https://goo.gl/maps/EVPJuhGuCtmFur4J9


การได้มาเดินชมพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติไชยา จึงได้ทราบว่ายังมีวัดรอบๆ ในระยะที่พอเดินไปเองได้ เราเริ่มเดินไปที่วัดแก้ว หรือรัตนารามเป็นวัดเก่าแก่ แม้ไม่ทราบว่าวัดนี้สร้างขึ้นในสมัยใด แต่ก็มีการสันนิษฐานว่าองค์เจดีย์ของวัดแก้วนั้น น่าจะสร้างขึ้นในสมัยเดียวกับเจดีย์วัดพระบรมธาตุไชยา คือระหว่างพุทธศตวรรษที่ 14-15 โดยเจดีย์วัดแก้วแห่งนี้เป็นโบราณสถานสถาปัตยกรรมศรีวิชัย มีลักษณะการก่อสร้างแบบก่ออิฐไม่ถือปูน ฐานล่างเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส มีมุข 4 ด้าน ระหว่างมุขทำเป็นย่อมุมไม้สิบสอง ซุ้มด้านทิศตะวันออก มีทางเดินไปห้องกลางขององค์เจดีย์ ภายในซุ้มมีพระพุทธรูปปางมารวิชัยประดิษฐานอยู่ทุกซุ้ม

พิกัด : https://goo.gl/maps/Epi9G1xTtsEpGSLr6

ก่อนออกจากวัดแก้วได้รับความกรุณาจากท่านเจ้าอาวาสและพระสงฆ์วัดแก้ว เล่าเรื่องราวการบูรณะวัดแก้ว ให้เปิดอ่านเอกสารการบูรณะเจดีย์วัดแก้ว และท่านเจ้าอาวาสแนะนำวัดใกล้ๆ ที่สามารถเดินชมศิลปะในยุคศรีวิชัย เราเดินต่อมาที่เจดีย์วัดหลง (ตอนนี้เป็นวัดร้าง) สันนิษฐานว่าชื่อวัดแห่งนี้น่าจะเพี้ยนมาจากคำว่า “วัดหลวง” บริเวณวัดมีซากอาคารขนาดใหญ่หลังหนึ่งเหลือเพียงส่วนฐาน เนื่องจากอิฐส่วนบนถูกรื้อไปทำกำแพงแก้วในคราวบูรณะพระบรมธาตุไชยา

พิกัด : https://goo.gl/maps/DwS7GV2KEgY56BLY7

เที่ยงนิดๆ เราแวะร้านอาหารตามสั่งตรงข้ามโรงเรียนไชยาวิทยา สั่งหมูกรอบผัดเครื่องแกง คำแรกที่เข้าปาก ตาโตเลย อร่อยถึงเครื่องแกงมาก จัดจ้าน เป็นมื้อแรกในการมาถึงสุราษฎร์ธานีที่ถูกใจมากๆ 

ออกจากร้านข้าวมาเจอร้านกาแฟบ้านหทัย ถูกใจเมนูกาแฟน้ำมะพร้าว อร่อยมาก ความหวานจากน้ำมะพร้าวตัดกับความเข้มของกาแฟได้ลงตัวดี




เดินต่อมาที่วัดเวียง เป็นวัดที่สร้างในยุคเดียวกับวัดพระบรมธาตุไชยา วัดแก้ว วัดหลง ปัจจุบันตัวโบราณสถานวัดเวียงนั้น มีการก่อสร้างวิหารของวัดทับจนไม่เห็นตัวโบราณสถานเดิม ท่านเจ้าอาวาสวัดแก้วเล่าว่าศาลาไม้นั้นเป็นศิลปะสมัยอยุธยา

พิกัด : https://goo.gl/maps/59RiAQ8EVFrynJJ48

ออกจากวัดเวียงยังมีเวลาอีกพอสมควรก่อนจะกลับเข้าตัวเมืองสุราฎร์ธานี ยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะไปไหน เราเลยเลือกเดินไปสถานีรถไฟ เพราะ จำได้ว่าหลังสถานีรถไฟเป็นตลาด ระหว่างทางก็เจอกล้วยทอดอร่อยและถูกมาก

เดินมาถึงสถานีรถไฟไชยา ช่วงที่ไปไม่มีรถไฟผ่านก็จะเงียบสงบมาก

พิกัด : https://goo.gl/maps/PJ14wW3YyG6MhfZJ6

นั่งกดดูแผนที่และตัดสินใจอยากไปแหลมโพธิ์ ออกมาถามพี่วินตรงสถานีรถไฟ พี่ๆ ใจดีมาก ไป-กลับ พร้อมรอ 2 ชั่วโมง ให้เราเที่ยวเล่น คิด 200 บาท ซ้อนมอเตอร์ไซค์ไปไม่นาน ท่ามกลางแดดจัดๆ ลมพัดเย็นสบายตลอดทาง แหลมโพธิ์ถือเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจที่ดีอีกจุดของอำเภอไชยา มีร้านอาหาร ร้านเครื่องดื่ม มีทางเดินบริเวณป่าชายเลน เราชอบที่นี่ ลมดีมาก ตัดสินใจถูกที่เลือกมาที่นี่

พิกัด : https://goo.gl/maps/WCRfEwYUfqSPuWpz8

ถึงเวลานัดหมายกับพี่วิน เรานั่งกลับมาที่วินรถตู้กลับเมืองสุราฎร์ธานี มาถึงเราเดินตรงไปที่เรือ overnight ไปเกาะเต่า ระหว่างทางแวะกินข้าวเหนียวมะม่วงอกร่องที่ร้านยกเข่ง

พิกัด : https://goo.gl/maps/MHtjqNqDauYEtsps8

เดินต่อมาเจอร้านครามคาเฟ่ ชอบโซนริมแม่น้ำตาปีมาก บรรยากาศดี โรตีกรอบอร่อย

พิกัด : https://goo.gl/maps/mr3EN3S7Zp94No7m6

ไปซื้อตั๋วเสร็จ ฝากกระเป๋า แล้วเดินมาเที่ยวงานกาชาด ตักไข่ไป 200 บาท ได้น้ำยาซักผ้า และปรับผ้านุ่มไป 10 ถุง 5 ถุงแรกโดนคนดมกาวไถไป อีก 5 ถุงเราให้น้องที่ทำงานบนเรือที่ดูแลกระเป๋าให้


เดินย้อนมาสักการะศาลหลักเมืองสุราษฎร์ธานี เป็นสถาปัตยกรรมศรีวิชัยที่เก่าแก่ มีร่องรอยทางประวัติศาสตร์แห่งอาณาจักรศรีวิชัยมีความเจริญรุ่งเรืองมาแต่โบราณกาลจนถึงปัจจุบัน องค์หลักเมือง ยอดเสาบรรจงแกะสลักจากไม้ราชพฤกษ์ขนาดใหญ่ โดยแกะสลักแบบศิลปะศรีวิชัย บนยอดมีพระพักตร์พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรสี่หน้า หันพระพักตร์ไปทั้งสี่ทิศ และตรงมวยมวยพระเกศาสลักเป็นพระพุทธรูปปางสมาธิ พร้อมกับลงรักปิดทองอย่างวิจิตรสวยงาม

พิกัด : https://goo.gl/maps/McsACht7XzaU28Nt6

ยังมีเวลาก่อนเรือออกก็แวะเดินตลาดศาลเจ้ากันก่อน ร้านเยอะ มีหน้ากินหลายอย่างมาก

พิกัด : https://goo.gl/maps/mVUHuaCMSzbSrWrm9

เดินมาเจอร้านก๋วยเตี๋ยวที่คนพื้นที่กินกันเยอะมาก เราก็เลยกินด้วย อร่อย เครื่องเยอะมาก

พิกัด : https://goo.gl/maps/uNd1rZJZEDKuVaje6

ยังมีเวลาเหลือ ถึงท้องกำลังจะแตกแล้ว แต่ก็ต้องกินขนมหวานร้านป้ายา

พิกัด : https://goo.gl/maps/wAbvw1LJLUCsZWSE7


คืนนั้นเรา Overnight กับเรือแสนดี 111 นอนเป็นตับ ก็สนุกดี ได้หลับไป 1 ตื่น

พิกัด : https://goo.gl/maps/c9EV6osoniBuUzDx9

เช้าวันที่ 2 ของทริป ตื่นเพราะคนอื่นเริ่มเสียงดัง เรือกำลังจะเทียบท่าเกาะเต่าแล้ว ดูเวลา 6:15 น. ได้ขึ้นเกาะเต่าเวลา 6:23 น.

พิกัด : https://goo.gl/maps/poxDqtwJwdwWtTTHA

กดดูแผนที่ของโรงแรม 1.2 กม. เดินได้สบาย ขอเดินสำรวจทางไปเรื่อยๆ ชอบยามเช้าของเกาะเต่ามาก บรรยากาศดี ของกินยังไม่แพง แมวเยอะ หมาเยอะ

เดินมาจนเจอสวนหินจปร.

พิกัด : https://goo.gl/maps/T8yoFsojwVp3wchj7

หาดทรายรียามเช้าดีมาก สวย ฝรั่งเริ่มมาวิ่งออกกำลังกาย ลมดีงามมาก

พิกัด : https://goo.gl/maps/r7RzJZvEXnchG9WF6

เดินมาถึงโรงแรมที่เราจองไว้ (กระทู้นี้ขอไม่กล่าวถึงชื่อโรงแรมเลย) 6:50 ไม่มีใครในบริเวณโรงแรมสักคน ยกเว้นแมว 1 ตัว 7 โมงนิดๆ เห็นน้องผู้ชายมาทำความสะอาดสระว่ายน้ำ เรานั่งรอเฉยๆ เพราะรู้ว่าตัวเองมาก่อนเวลา 8:30 เจ้าหน้าที่ฟร้อนมาแล้ว เราก็นั่งรอเฉยๆ รอให้เขาพร้อมทำงานก่อน เดี๋ยวเขาก็เข้ามาถามเอง จน 9 โมงก็มีพนักงานมาสอบถาม เราถึงได้แจ้งรายละเอียดการจอง สักพักเราได้เห็นเอกสารการจอง เห็นเลขห้องที่เราจะได้ เซ็นต์ทุกอย่างเรียบร้อย ในแพคเกจเรามีมอเตอร์ไซค์ฟรี 24 ชั่วโมง เรานั่งรอจน 11 โมง น้องคนไทย 2 คนที่จองแพคเกจเหมือนเรามาถึง พนักงานก็ให้ลงทะเบียนและให้มอเตอร์ไซค์ไปขี่เลย เราเห็นว่าเขาได้ เราก็เลยขอบ้าง (นี่คือการไปร้องขอครั้งแรกตั้งแต่มานั่งรอ) ได้รถมาขี่เติมน้ำมันเสร็จไปไหนแทบไม่ได้เลย ทางโหดมาก สูงชัน เราขี่มอเตอร์ไซค์ไม่เก่ง ได้แค่จุดชมวิวเดียวเท่านั้น

พิกัด : https://goo.gl/maps/rnV2VLW5HmjVXhuPA

พอลงมาจุดชมวิวเราเอารถไปจอดแล้วเดินมาที่ร้าน Blue water Cafe เราชอบบรรยากาศร้าน น้องๆ พนักงานดีมาก แนะนำที่นั่งดีๆ ให้ เราสั่งเค้กกับกาแฟ นั่งทิ้งเวลาจนถึงบ่าย 2

พิกัด : https://goo.gl/maps/nGTuGn7MgCkHQXr98

ออกจากร้านตรงไปที่โรงแรมก็ 14:30 แล้วห้องมีปัญหาอีก Over booking ขอถ่ายรูปใบยืนยันที่ทางโรงแรมส่งให้อีกครั้ง และมาขอให้เรานอนห้องธรรมดาแบบห้องแถว ไม่ให้เราดูห้องก่อน ชดเชยเราแค่ให้มอเตอร์ไซค์อีก 24 ชั่วโมง (เราจอดตั้งแต่ขี่ไปได้แค่ชั่วโมงแรกแล้ว) เราเข้าห้องพักมาบอกเลยช็อคมาก นี่ให้เราพักเกรดนี้จริงๆ หรอ เราจ่ายค่าแพคเกจพร้อมบวกค่าพักเดี่ยวเพิ่มด้วยนะ เราจองตั้งแต่ 28 พฤศจิกายน 2565 จองก่อนเข้าพัก 3 เดือน ถ้าห้องเต็มควรแจ้งเราตั้งแต่ตอนจอง แจ้งได้ตลอดเพราะเราจองตั๋วเครื่องบินก่อนเดินทางแค่ 3 วัน แต่นี่ไม่แจ้งอะไรเลย มาถึงก็มีปัญหามากมาย แล้วมาจับเรามานอนห้องแถวติดห้องอาหาร กลิ่นอาหารมาเต็มๆ ห้องเหมือนไม่ได้ทำความสะอาดมาหลายเดือน พอถอดรองเท้าเดินสัมผัสได้ถึงฝุ่นหนามาก เอานิ้วปาดโต๊ะหน้าทีวีฝุ่นหนามาก เวลาอาบน้ำฝักบัวพุ่งทะยานไปทางหน้าประตูห้องน้ำ ไม่ลงมาปกติ ห้องมียุงเยอะมาก แม่บ้านจะฉีด DDT ตอนนี้จะบ่าย 3 แล้วเราอยากพัก ถ้าฉีดกว่าเราจะได้เข้าห้องอีกทีคงดึกเลย น้ำดื่มได้แค่วันเดียวและมาแอบวางไว้หน้าห้องตอน 3 ทุ่ม เราเป็นพวกกลัวยุงอยู่แล้ว ก่อนนอนพ่นสเปรย์กันยุงใส่เสื้อแขนยาว และกางเกงขายาว ตื่นเช้ามามีรอยโดนกัดเต็มขา เราให้โอกาสแม่บ้านทำความสะอาดห้อง แต่พอกลับจากดำน้ำห้องสภาพเหมือนเดิม ซากยุงที่ตบตายวางเรียงที่อ่างล้างหน้ายังอยู่ครบ ถังขยะที่อยู่หน้าห้องยังมีขยะครบถ้วน ที่หายไปคือขวดน้ำดื่มและไม่มีมาให้อีกเลย ห้องพักเราโดน Down grad ไม่พอคูปองอาหารเช้าก็โดน down grad ด้วย ได้แค่อาหารเช้า 1 จาน น้ำส้ม 1 แก้ว และกาแฟ 1 แก้ว ไม่ตรงปกที่บอกไว้ (ดูจากโต๊ะอื่นๆ ที่เขามีสลัด ข้าวต้ม ฟรุ๊ตโยเกิร์ต) คืนที่ 2 ตื่นมารู้สึกโดนตัวอะไรกัดแล้วเดินกัดแล้วเดินเรื่อยๆ เช้ามาสภาพตุ่มแดงเต็มไปหมดทั้งในและนอกร่มผ้า ไปร้านยาก่อนลงเรือเภสัชบอกไม่ใส่ยุงแล้ว เป็น bed bug กัด ดีที่เราแพ้ไม่มาก กลับถึงบ้านเราไปหาหมอเพราะกลัวแพ้แล้วจะหนัก (เคยแพ้แมลงในทุ่งนาจนเข้าโรงพยาบาลมาแล้ว) คุยกับน้องคนไทยที่จองแพคเกจเดียวกันเปิดรูปให้น้องดูน้องยังร้องเลยว่าห้องแย่มาก ไม่ใช่ว่าเราจะไม่เคยนอนห้องที่แย่กว่านี้ เคยนอนแต่เรารู้ก่อนแล้วว่าเราจ่ายมานอนห้องแบบนั้น แต่นี่เราจ่ายเพื่อนอนห้องอีกแบบ แต่ได้นอนแบบนี้ รูปที่ลงขอลงเฉพาะที่ลงได้ไม่ล่อแหลมและสื่อถึงชื่อโรงแรมนะครับ

เราพักโรงแรมนั้นตั้งแต่ 10-12 กุมภาพันธ์ 2566 จนถึงตอนนี้เรายังไม่ได้คำขอโทษจากทางโรงแรมเลย เราส่งที่เราเจอทั้งหมด พร้อมรูปถ่าย คลิปวิดีโอไปให้แล้ว ก็เข้าใจนะ พนักงานที่ฟร้อนวันนั้นก็พูดว่าฝรั่งล้นเกาะ จะสนใจคนไทยทำไม เราไม่ว่าน้องที่ทำความสะอาดห้องพักเลยนะ เพราะน้องทำตามที่สั่ง เราโทษหัวหน้าแม่บ้านที่สามารถเรียกฟร้อนที่เป็นคนประเทศเดียวกันไปต่อว่าในห้องหลังฟร้อนได้ และฟร้อนคนไทยที่เดินไปตรวจห้องก่อนส่งให้เราพัก นี่เป็นห้องพักที่แย่ที่สุดตั้งแต่เดินทางคนเดียวมา 20 ปี เราก็พักโรงแรมมาทุกเกรดเกือบทั่วไทย ไปประเทศของแม่บ้านของโรงแรมนั้นก็ไม่เคยเจอห้องแย่ขนาดนี้ และนี่ก็เป็นเหตุผลที่เราอาจจะไม่ไปเกะเต่าอีกแล้ว

เช้าวันที่ 3 ของทริป ออกทัวร์ที่แถมมาในแพคเกจ ไปเกาะนางยวน คนไทยเสียค่าขึ้นเกาะเพิ่ม 50 บาท ให้เวลาที่เกาะนางยวน 2 ชั่วโมง เราชอบเกาะนางยวนมาก ทะเลสวย น้ำใส ธรรมชาติยังคงอุดมสมบูรณ์มาก

พิกัด : https://goo.gl/maps/9g2DReYfP8jtjAN99

การต่อคิวขึ้นจุดชมวิวนั้นฝรั่งเขาก็จัดการความรุงรังกันเอง ไม่มีใครได้แซงคิว และทุกคนที่อยู่ใกล้ๆ เราถ่ายกันแค่ 3 ท่า จบ เราได้เลยตามนั้น 3 ท่า โดยคนถ่ายให้เป็นไกด์ฝรั่ง

พอขึ้นเรือมาก็กินมื้อเที่ยง อาหารทุกอย่างรสชาติสำหรับต่างชาติ แต่ให้เยอะมาก

ไปดำน้ำอีก 4 จุด ทุกอย่างดี พนักงานบนเรือเกือบทั้งหมดเป็นเพื่อนบ้าน สื่อสารไทยได้ดี อังกฤาดีมาก รูปตอนดำน้ำมีปัญหาทั้งหมด ถือว่าเป็นทริปที่ไม่ลงตัวจนตอนแรกว่าจะไม่มาตั้งกระทู้แล้ว

ขากลับจากทัวร์เราเดินกลับเองเลยได้มีโอกาสถ่ายอาทิตย์ตก

กลับถึงที่พักเราเอามอเตอร์ไซค์ที่เขายัดเพิ่มมาให้อีก 24 ชั่วโมงให้น้องคนไทยไปใช้ต่อ น้องจะได้ไม่ต้องเช่าเพิ่ม เราก็เดินหาของกินง่ายๆ แถวนั้นของกินเยอะมาก

ไปรอดูควงกระบองไปที่บริเวณหาดทรายรี

กลับเข้าที่พักก็อาบน้ำอีกรอบ แล้วฉีดสเปรย์กันยุง ใส่เสื้อแขนยาว กางเกงขายาวนอน

เช้าวันที่ 4 ของทริป เตรียมไปรอข้ามไปเที่ยวพะงัน คนรอข้ามเรือเยอะมาก ก่อนกลับเราเลยต้องมาถ่ายรูปเต่าบริเวณท่าเรือด้วย

ถึงเวลาเรือออกจากเกาะเต่า ไปเกาะพะงัน เรือคนเยอะมาก เข้าใจแล้วว่าทำไมตั๋วกลับฝั่งสุราษฎร์ธานีถึงเต็ม แต่การได้มาเกาะพะงันแล้วมีเวลา 3 ชั่วโมงมันดีมาก ทะเลบริเวณไม่ไกลจากท่าเรือนั้นใสมากจนอดใจไม่ไหวต้องลงเล่นน้ำอีก

พิกัด : https://goo.gl/maps/jBfTuck1SXXRYCKLA

เหลือเวลาอีก 40 นาที เราก็เลยแวะมากินข้าวที่ร้านหน้าทางเข้าท่าเรือ เป็นหมึกผัดเครื่องแกงที่จัดจ้านมาก อร่อยตาวาวเลย

เราใช้บริการราชาเฟอรี่เรือจากเกาะพะงัน - ดอนสัก - สนามบินสุราษฎร์ธานี ถือว่าสะดวกดี เรือไม่แน่นมีที่นั่งให้เลือกทั้งโซนแอร์และไม่แอร์ เราเลือกนั่งแบบไม่แอร์ เพราะ เราเริ่มหนาวจนไอ เราคิดว่าน่าจะแพ้จากการโดน bed bug กัด เพราะคนเคยโดนกัดบอกจะมีไข้ หนาวสั่นช่วงเย็น

รถที่จะไปสนามบินนั้นมีคนที่ลงตัวเมืองขึ้นมาด้วยเลยทำให้หลายคนเกือบตกเครื่อง จากท่าเรือ 17:00 ไปถึงสนามบินเกือบ 2 ทุ่ม พอรถจอดทุกคนวิ่งกันหมดเลย เราก็วิ่ง แต่วิ่งเข้าห้องน้ำ ในสนามบินก็เปิดแอร์เย็นฉ่ำมาก ปกติเราชอบมาก แต่วันนั้นเราหนาวจนต้องกินบะหมี่ถ้วย

ได้กลับบ้านแล้ว ปิดฉากทริปที่ไม่ประทับใจแล้ว

ขอให้ทุกคนที่จะไปพักที่เดียวกับเราปลอดภัยจาก bed bug และการถูก down grad ห้องพักนะ ขอให้เที่ยวเกาะเต่าให้สนุก 

ตะลุยเดี่ยวแบกเป้เที่ยว

 วันศุกร์ที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2566 เวลา 01.03 น.

ความคิดเห็น